Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ช้างปาริเลยยกะ...... ติดต่อทีมงาน

เมื่อคืนนี้ในช่วงที่นอนอยู่ ได้นึกถึง เรื่องพระพุทธรูปปางต่างๆ
และก็ได้นึกถึง ช้างปาริเลยยกะ ขึ้นมา
เลยอยากนำเรื่องนี้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ

-------------------------------------------------------------

หลายๆท่านคงจะเคยเห็น พระพุทธรูปปางหนึ่ง ที่มีช้างและลิงทำการบูชาพระพุทธองค์อยู่

พระพุทธรูปปางนี้ก็มาจากเหตุการณ์หนึ่งนั้นเอง ที่ครั้งพระพุทธองค์

ทรงหลีกเร้นเสด็จจำพรรษาอยู่ที่ควงไม้สาละใหญ่ในราวป่ารักขิตวัน
อยู่ใกล้บ้านปาริเลยยกะ  (ซึ่งป่านี้บางทีภิกษุก็เรียกว่า ป่าปาริเลยยกะบ้าง)

ในบริเวณใกล้นั้นเอง ก็ได้มีช้างฝูงหนึ่ง และพญาช้างปาริเลยยกะ ก็ได้หลีก
หนีจากฝูงช้างมาแต่ผู้เดียวเพื่อหาความสงบผาสุก และมาได้เจอกับพระพุทธเจ้าพอดี 

พญาช้างปาริเลยยกะ จึงได้ทำการอุปัฏฐานพระพุทธองค์ 

ในเรื่องนี้ จะขอยกคำบรรยาย จากอรรถกถามาให้ดูโดยตรงดังนี้นะครับ

-------------------------------------------------------------------

 ครั้งนั้นแล พระยาช้างนั้นหลีกออกจากโขลง เข้าไป ณ บ้านปาริเลยยกะ ราวป่ารักขิตวัน ควงไม้สาละใหญ่ (และ) ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จอยู่แล้ว; ก็แลครั้นเข้าไปแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แลดูอยู่ไม่เห็นวัตถุอะไรๆ อื่น จึงกระทืบควงไม้สาละใหญ่ด้วยเท้า ถาก (ให้เรียบ) ถือกิ่งไม้ด้วยงวงกวาด. ตั้งแต่นั้นมา พระยาช้างนั้นจับหม้อด้วยงวง ตักน้ำฉันน้ำใช้มาตั้งไว้, เมื่อทรงพระประสงค์ด้วยน้ำร้อน, ก็จัดน้ำร้อนถวาย. 

               พระยาช้างนั้นจัดน้ำร้อนได้อย่างไร? 

               พระยาช้างนั้นสีไม้แห้งด้วยงวงให้ไฟเกิด, ใส่ฟืนให้ไฟลุกขึ้น เผาศิลาในกองไฟนั้นแล้ว กลิ้งก้อนศิลาเหล่านั้นไปด้วยท่อนไม้ ทิ้งลงในสะพังน้อยที่ตัวกำหนดหมายไว้, ลำดับนั้น หย่อนงวงลงไป รู้ว่าน้ำร้อนแล้ว, จึงไปถวายบังคมพระศาสดา 

  พระศาสดาตรัสว่า “ปาริเลยยกะ น้ำเจ้าต้มแล้วหรือ?” ดังนี้แล้ว เสด็จไปสรงในที่นั้น. ในกาลนั้น พระยาช้างนั้นนำผลไม้ต่างอย่างมาถวายแด่พระศาสดา. ก็เมื่อพระศาสดาจะเสด็จเข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต พระยาช้างนั้นถือบาตรจีวรวางไว้บนตระพอง ตามเสด็จพระศาสดาไป. พระศาสดาเสด็จถึงแดนบ้านแล้วรับสั่งว่า “ปาริเลยยกะ ตั้งแต่ที่นี้ เจ้าไม่อาจไปได้, เจ้าจงเอาบาตรจีวรของเรามา” ดังนี้แล้ว ให้พระยาช้างนั้นเอาบาตรจีวรมาถวายแล้ว เสด็จเข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต. 

               ส่วนพระยาช้างนั้นยืนอยู่ที่นั้นเอง จนกว่าพระศาสดาจะเสด็จออกมา ในเวลาพระศาสดาเสด็จมา ทำการต้อนรับแล้ว ถือบาตรจีวรโดยนัยก่อน (นำไป) ปลงลง ณ ที่ประทับอยู่แล้ว ถวายงานพัดด้วยกิ่งไม้ แสดงวัตรอยู่. ในราตรี พระยาช้างนั้นถือท่อนไม้ใหญ่ด้วยงวง เที่ยวไปในระหว่างๆ แห่งราวป่ากว่าอรุณจะขึ้น เพื่อกันอันตรายอันจะมีแต่เนื้อร้ายด้วยตั้งใจว่า “จักรักษาพระศาสดา” 

               ได้ยินว่า ราวป่านั้นชื่อว่ารักขิตวันสัณฑะ จำเดิมแต่กาลนั้นมา. ครั้นอรุณขึ้นแล้ว, พระยาช้างนั้นทำวัตรทั้งปวงโดยอุบายนั้นนั่นแล ตั้งต้นแต่การถวายน้ำสรงพระพักตร์.


-----------------------------------------------------------------


ในเวลาต่อมานั้น อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายได้ขอร้องพระอานนท์ให้เชิญพระศาสดาเสด็จกลับออกจากป่า

ในเวลาที่พระพุทธองค์เสด็จกลับออกมานั้น พญาช้าง ได้มีความอาลัยอาวรณ์มาก ดังความในอรรถกถาคือ

------------------------------------------------------------------


.....พระอานนทเถระกราบทูลสาสน์ที่ตระกูลใหญ่ๆ มีท่านเศรษฐีอนาถบิณฑิกะเป็นต้นส่งมาแล้ว กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวก ๕ โกฏิ มีท่านเศรษฐีอนาถบิณฑิกะเป็นหัวหน้า หวังความเสด็จมาของพระองค์อยู่.” 

               พระศาสดาตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอจงรับบาตรจีวร” ดังนี้แล้ว ให้พระเถระรับบาตรจีวรแล้ว เสด็จออกไป. พระยาช้างได้ไปยืนขวางทางไว้. ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระยาช้างทำอะไร?” 

               พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ช้างหวังจะถวายภิกขาแก่เธอทั้งหลาย, ก็แลช้างนี้ได้ทำอุปการะแก่เราตลอดราตรีนาน, การยังจิตของช้างนี้ให้ขัดเคืองไม่ควร, ภิกษุทั้งหลาย ขอเธอทั้งหลายกลับเถิด.” พระศาสดาทรงพาภิกษุทั้งหลายเสด็จกลับแล้ว. 

               ฝ่ายช้างเข้าไปสู่ราวป่าแล้ว รวบรวมผลไม้ต่างๆ มีผลขนุนและกล้วยเป็นต้นมาทำให้เป็นกองไว้, ในวันรุ่งขึ้น ได้ถวายแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุ ๕๐๐ รูปไม่อาจฉันผลไม้ทั้งหลายให้หมดสิ้น. ในกาลเสร็จภัตกิจ พระศาสดาทรงถือบาตรจีวรเสด็จออกไปแล้ว. พระยาช้างไปตามระหว่างๆ แห่งภิกษุทั้งหลาย ยืนขวางพระพักตร์พระศาสดาไว้. ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ช้างนี้ทำอะไร? ” 

               ศ. ภิกษุทั้งหลาย ช้างนี้จะส่งพวกเธอไปแล้ว ชวนให้เรากลับ. 

               ภ. อย่างนั้นหรือ? พระองค์ผู้เจริญ. 

               ศ. อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย.

.......         
               ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะช้างนั้นว่า “ปาริเลยยกะ นี้ความไปไม่กลับของเรา, ฌานก็ดี วิปัสสนาก็ดี มรรคและผลก็ดี ย่อมไม่มีแก่เจ้าด้วยอัตภาพนี้, เจ้าหยุดอยู่เถิด.” 

               พระยาช้างได้ฟังรับสั่งดังนั้นแล้ว ได้สอดงวงเข้าปากร้องไห้ เดินตามไปข้างหลังๆ. ก็พระยาช้างนั้น เมื่อเชิญพระศาสดาให้กลับได้ พึงปฏิบัติโดยอาการนั้นแลจนตลอดชีวิต. 

               ฝ่ายพระศาสดาเสด็จถึงแดนบ้านนั้นแล้ว ตรัสว่า “ปาริเลยยกะ จำเดิมแต่นี้ไป มิใช่ที่ของเจ้า, เป็นที่อยู่ของหมู่มนุษย์. มีอันตรายเบียดเบียนอยู่รอบข้าง, เจ้าจงหยุดอยู่เถิด” 

               ช้างนั้นยืนร้องไห้อยู่ในที่นั้น, ครั้นเมื่อพระศาสดาทรงละคลองจักษุไป, มีหัวใจแตก, ทำกาละแล้ว เกิดในท่ามกลางนางเทพอัปสรพันหนึ่ง ในวิมานทองสูง ๓๐ โยชน์ ในภพดาวดึงส์ เพราะความเลื่อมใสในพระศาสดา ชื่อของเทพบุตรนั้นว่า “ปาริเลยยกเทพบุตร” ฝ่ายพระศาสดาได้เสด็จถึงพระเชตวันแล้วโดยลำดับ.


---------------------------------------------------------------------


อนึ่ง ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ได้แสดงว่า พญาช้างปาลิไลยกะนี้
จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ถัดไปในอนาคตกาล
มีพระนามว่า "พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้า"



---------------------------------------------------------------------



จากกระทู้นี้ เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า พระพุทธรูปปางต่างๆ 
ที่มีมาแต่โบราณนั้น แต่ละปางจะสื่อถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในสมัยพุทธกาลนั้นเอง

และกระทู้นี้ก็ได้นำเรื่องเกี่ยวกับพญาช้าง ปาลิเลยกะ มาฝากเพื่อนๆไว้เป็นเกร็ดความรู้ครับ

 
 

จากคุณ : ชาวมหาวิหาร
เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 16:19:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com