เคี้ยวแล้วคาย VS อมแล้วบ้วน (เพื่อสังคมออนไลน์คุณภาพฯ)
|
|
เคี้ยวแล้วคาย หมายถึง ?
พิจารณา นี่เหตุ นั่น ผล
(๑) ---- เหตุ ---- (ทรงเคี้ยว) คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงทดลองศึกษา ทั้ง "อรูปฌานที่ ๓ และ ๔" แล้ว ทรง เบื่อหน่าย "ตามพุทธประวัติจากพระโอษฐ์"
แล้ว ยัง ทรงทดลองศึกษา "ทุกรกิริยา" ที่สุดๆ ฯ แล้ว ทรง เบื่อหน่าย "ตามพุทธประวัติจากพระโอษฐ์"
แล้ว จึง หันมา บำเพ็ยเพียร ทางใจ (จิต ที่ตรัสว่า เป็นธรรมชาติ เป็นประภัสสรฯ) "ตามพุทธประวัติจากพระโอษฐ์"
แล้ว จึง "ปริวิตก ว่า ทุกข์คือ ชรามรณะ มี เพราะมี อะไรหนอ (ไม่ได้ ปริวิตก แบบ ที่ว่าว่า --- นั่น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ----
นั่นคือ ทรง ปริวิตก "ปฎิจจสมุปบาท" สายเกิด (สมุทโย -- ไม่ใช่ เกิดจาก ท้องมารดาฯ) + ปริวิตก ปกิจจสมุปบาท สายดับ (นิโรโธ -- ไม่ใช่ ตายเข้าโลง)
แล้ว จึง รู้พร้อมเฉพาะ (ตรัสรู้) ใน ธรรมทั้งหลาย คือ ปฏิจจฯ ทั้งสองสาย ชนิด ไม่ ได้ฟังจากใครมาก่อน
นี้คือ ความหมาย ของคำว่า เคี้ยว"
(๒) --- ผล ---- (ทรงคาย)
ตรัสรู้แล้ว 49 วัน ทรง "ตั้งระบบแห่ง วิทยา หรือ วิชชา คือ ศาสตร์" เพื่อ สั่งสอน "สัตว์ที่มีธุลีในดวงตาแต่น้อย มีอยู่"
สัตว์แรกสุด คือ ท่านสองดาบส อาจารย์สอนวิชา อรูปเานที่ ๓ ๔ แต่ ทราบว่า "ตายแล้ว"
จึง ระลึก ถึง พระปัญจวัคคีย์ จึงเสด้จไป โปรด ฯ นั่นคือ "ทรง สาธิต" ธรรมที่ตรัสรู้ ด้วย "วิชชา ของ จอมศาสดา" และ "ตั้ง ระบบแห่งวิชชา คือ พุทธศา่สตร์" ขึ้น แสดง เป็นกัณฑ์แรกสุด ----คือ ธัมมจักกัปปวัฒตนสูตร + อนัตตลักขณะสูตร (ธรรมทั้งปวง อนัตตา)
ข้างบน คือ ความหมายของคำว่า "เคี้ยว แล้ว คาย" ของ พระบรมศาสดา
สาวกละ ดู คาถาพระอัสสชิ ที่ทำให้ อุปติสสะ ได้ดวงตาเห็นธรรม
ประเด็น พระอัสสชิ ท่าน เคี้ยว แล้วคาย (ฐานะอนุสาวก) หรือ อม แล้ว บ้วน ? (อมแล้วบ้วน ง่ายๆ ก็แบบ นกแก้วนกขุนทอง ตัวที่ พูดแก่งๆๆๆๆ นั่น)
จากคุณ |
:
F=9b
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.พ. 55 11:12:45
|
|
|
|