ผมเข้ามาโหวต ว่าต้องการอิสระ ซึ่งคิดว่า น่าจะได้คะแนนเต็มจาก ผู้ออกข้อสอบ คือ คุณซามูไรหมูฯ แน่ ๆ
และภาพที่คุณซามูไร นำมาแสดงเปรียเทียบนั้น ช่างเป็นภาพที่ทำให้อารมณ์ แห่งความเป็นพ่อของลูก อย่างผมต้องสะเทือนได้เช่นกัน...เพราะหวนคิดถึงว่า หากเราเป็นคนผิวดำคนนั้น ที่ถูกจองจำด้วยขื่อคา เอาไปทรมาน เพื่อให้ยอมจำนน เป็นทาส โดยที่ลูกเล็ก ๆ ก็เกาะแข้งเกาะขาอยู่นั้น ทำให้รู้สึกว่า ......แม้อนาคตของลูก ๆ เราเล่า ก็คงจะเติบโตขึ้นมาในสังคม ที่โหดร้ายตลอดชีวิตของเขาอย่างแน่นอน...ช่างน่าอนาถใจยิ่งนัก
แต่คุณซามูไรหมูฯ ครับ หากคุณซามูไร มีความประสงค์ จะสื่อถึง เรื่องลัทธิ ความเชื่อ ปรัชญา ศาสนา แล้วล่ะก็ ผมกลับมีความเห็นต่าง ดังต่อไปนี้ คือ...
หากเราคิดดูดี ๆ นะครับ ก็จะรู้ได้ทันทีว่า แม้ในพุทธศาสนาเอง เราก็ มีลักษณะแห่งความเป็นทาสอยู่เช่นกัน แต่เราเป็นทาส ที่ยอมจำนนโดยสมัครใจ ดูอย่างคำสวดมนต์ทำวัตร ของเราชาวพุทธ ที่สวดว่า....
...พุทธสฺสาหสฺมิ ทาโสว พุทฺโธ เม สามิกิสฺโร....
ข้าพเจ้า เป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า
ดังนั้น ในความเชื่ออื่น หรือในศาสนาอื่น ผมก็คิดว่า น่าจะไม่แปลกเลย ที่คนเหล่านั้น (จำนวนมาก) ที่ยอมจำนนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สูงสุดของเขา ด้วยความสมัครใจเอง หาใช่เพราะ การบังคับขู่เข็ญแต่ประการใดไม่
ผมจึงมองว่า......หากมนุษย์ใดก็ตาม ที่ "ยอมจำนน" ด้วยเหตุผล ที่ตนเองพิจารณาได้ด้วยตนเองแล้ว ...การยอมจำนน นั้น ๆ ถือว่า เป็นการจำนนโดยบริสุทธิ์ใจ และไม่น่าจะถือว่า เนื่องมาจาก การกดขี่แต่ประการใด
ผมขอยกตัวอย่างนะครับ...
1. การยอมจำนนเพราะรัก-เคารพ
1.1. ชาย-หญิง ยอมจำนนเป็นทาสรับใช้ (โดยพฤตินัย) ของหญิง-ชาย ที่ตนรักได้ เพราะขณะนั้น ความรักมามีอิทธิพลมาก ๆ ต่อจิตใจของเขา ดังจะเห็นได้ แม้ในวรรณกรรม ในบทกวี ในนิยายรัก และแม้แต่ในความเป็นจริง ก้มีให้เห็นได้
1.2. พ่อแม่ ยอมเป็นทาสลูก ๆ (โดยพฤตินัย ) ก็เพราะความรัก ยอมทำให้ทุกอย่าง ยอมได้แม้แต่ชีวิตก็สละให้ได้ ในทางตรงกันข้าม ลูก ๆ ที่กตัญญู กตเวที ก็สามรถเป็นทาสโดยพฤตินัย แก่พ่อแม่ได้เช่นกัน
1.3. ประชาชน ยอมสวามิภักดิ์ เป็นทาสรับใช้ (โดยพฤตินัย) ต่อพระมหากษัตริย์ ที่ตนรักเคารพ สักการระ ยอมตายแทนพระองค์ได้
เหล่านี้ คือสิ่งที่เราเห็นได้ฃัด ๆ เลยครับว่า...การยอมทำทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ แท้จริงนั้น ก็คือพฤติกรรมของทาส นั่นเอง...และเป็นทาสชั้นดีที่สุดด้วยซ้ำ เพราะว่า ทำด้วยความรัก ทั้ง ๆ ที่บางที เจ้านายของตน หาได้รักตนแต่ประการใดไม่ (เช่นกรณี ระหว่างพระราชา/ผู้นำเผด็จการ และประชาชน ในหลาย ๆ ประเทศ)
และทาสที่สูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้น คือทาสที่ยอมจำนน ทั้งกาย ทั้งใจ นั่นคือ ผู้ที่ยอมตนเป็นทาส ในรูปแบบของความเชื่อ เช่น ในลัทธิ ศาสนา ฯลฯ นั่นเอง
เรื่องศาสนา เป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก ไม่ว่าศาสนาใด ๆ แม้จะอ้างว่าเป็นศาสนาที่ให้เสรีภาพ เช่นศาสนาพุทธ ก็ตาม ..... แต่ในที่สุด เราเองผู้เป็น ศาสนิกชน เราก็ ก้มศีรษะน้อมลงไปยอมจำนน ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือพระรัตนตรัย อยู่ดีนั่นเอง
ในศาสนาอื่น ๆ ก็เช่นกัน ผมเชื่อว่า คำว่า" ยอมจำนน" ของศาสนิกเหล่านั้น ในปัจจุบัน อาจจะไม่ได้หมายความว่า มีคนคอยเอาดาบ ปืน หรืออาวุธใด ๆ มาคอยข่มขู่บังคับให้ยอมจำนนไม่ แต่ เขาเหล่านั้น เป็น "ผู้ยอมจำนน" ด้วยตนเอง
ก็คงไม่ต่างจากพุทธศาสนิกชนเรา ที่ ก้มกราบพระพุทธองค์ แล้ว กล่าวว่า .....
...พุทฺธสฺสาหัสฺมิ ทาโสว พุทฺโธ เม สามิกิสฺสโร......
ข้าพเจ้าขอเป็นทาสพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระ เหนือข้าพเจ้า.............นั่นเอง
ปล. จะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้า ไม่ได้ประสงค์จะให้ชาวพุทธเป็นทาสเลย แต่ชาวพุทธ มีจิตใจที่ เคารพศรัทธา และยอมจำนนด้วยสมัครใจ เพราะเห็นว่าพระพุทธเจ้า อยู่เหนือตนโดยประการทั้งปวง......เช่นเดียวกัน การยอมจำนนของ ศาสนิกอื่น ๆ ผมเชื่อว่า เขาเหล่านั้น ย่อมที่จะเห็นประจักษ์แล้วว่า ไม่มีอะไรอื่น ที่ยิ่งใหญ่เหนือไปกว่าผู้สร้า้งที่ยิ่งใหญ่พระองค์นั้น ซึ่งเป็นทั้งผู้ทรงสร้า้ง ทรงอภิบาล และทรงมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งมวลในสรรพสิ่ง...เมื่อเขาประจักษ์เช่นนั้นแล้ว เขาเกิดศรัทธา และความยำเกรง ถึงขนาดว่า "..ขอยอมจำนน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น" นั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 12:46:58
แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 12:45:38