ถามแบบนี้แสดงว่าไม่รู้อะไรเลย สมาธิวัดผลเป็น ฌานครับ คือ สมาธิก่อนได้ฌาน กับสมาธิที่เริ่มต้นที่ฌาน1 หรือปฐมฌาน และไล่ไปจนถึงฌาน4 หรือตติยฌาน ฌานนี่มีอารมณ์เริ่มต้นที่ 5 อย่าง คือ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกคตารมณ์ จากนั้นอารมณ์ก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนเหลือแต่ อุเบกขาและเอกคตารมณ์ อยากรู้รายละเอียด ให้เสิร์ชคำว่า "ฌาน สมาบัติ"
สมาธิที่เข้าถึงฌานเรียกว่า อัปปนาสมาธิ ส่วนสมาธิที่ยังไม่ถึงฌานดี หรือเฉียดถึงฌาน เรียกว่าอุปจารสมาธิ ส่วนสมาธิเตาะแตะๆเรียกว่า ขนิกสมาธิ
ส่วนการจะเจริญสมาธิจนได้อนาคตังสญาน หรือ มองเห็นอนาคตนั้น ต้องฝึกโดยตรง คือเจริญสมาธิด้วยกสิณ 3 อย่าง คือ กสิณแสงสว่าง กสิณไฟ กสิณสีขาว วิธีการฝึก... ไปเสิร์ชคำว่ากสิณก็จะได้ข้อมูลเยอะแยะ แนะนำคร่าวๆ ก็คือ มองที่แสงสว่าง (กสิณแสงสว่าง) แล้วก็จำ จำแล้วก็นึกถึงสิ่งที่จำ จนภาพแสงสว่างเลือนไป ก็มองใหม่ อย่างนี้เรียกว่าเพ่งแสงสว่าง มองแล้วก็จำ จำแล้วก็นึก นึกให้เห็นภาพ คำบริกรรมก็ อาโลกสิณังๆๆ เมื่อฝึกได้จนถึงอุปจารสมาธิ ก็สามารถพัฒนาเพื่อใช้เป็นญาณที่เรียกว่า ทิพยจักขุญาณ ซึ่งเป็นญาณที่แตกแขนงออกไปเป็นญาณหลายอย่าง โดยมาอนาคตังสญาณหรือการเห็นภาพอนาคตเป็นหนึ่งในญาณนั้น
แต่ผมว่าคุณมาถามผิดที่แล้วละ คุณไปบอร์ดพลังจิตดีกว่า ที่นั่นเขาสายอภิญญาโดยตรง ส่วนแถวนี้.. ถามเกี่ยวกับตำรับตำราพระไตรปิฏกดีกว่าครับ
การเห็นอนาคตก็มีทั้งดีและโทษ ถ้าวิปัสสนาญาณไม่ดี ก็เตลิดเปิดเปิงอุปาทานกินได้ง่าย ต้องฝึกสายตรงควบคุมกำลังใจให้ดี ถึงจะพอไหวทำมาหากินได้ กำลังใจและวิปัสสนาญาณนี่ต้องเอาให้อยู่ จะฝึกหรือไม่ฝึกก็ต้องมี ฝึกแล้วเอาไม่อยู่ก็มีอุปาทาน ไม่ฝึกก็มีอุปาทาน 555 รวมความว่ามีอุปาทานรับประทานอร่อยๆสบายๆ
จากคุณ |
:
kiarati
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.พ. 55 22:26:07
|
|
|
|