ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับผมเชื่อข้อ 2 ครับ เหตุผลคงเหมือนการสร้างพระพุทธรูป สร้างวัด จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 19:56:29

ความคิดเห็นที่ 2 ๑. ข้อแรกไม่มีใครรู้อ่ะครับ ถามไปก็ไม่ได้กระจ่างกว่าเก่า แต่ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหม ก็คงต้องตอบว่า พระพุทธเจ้าท่านทำได้ ท่านเหาะ ท่านขยายเท้าได้แน่นอน ๒. ผมเชื่อตาม คหที่ ๑.ครับ เหตุผลในการแกะสลักมีร้อยแปดทั้งศรัทธา ทั้งการเมือง เช่นตอนนั้นอาจไม่มีศีลธรรมขนาดหนักไรงี้ (มั่วนะครับ) จากคุณ : ant (Ant-san) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:20:59

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามองตามความจริง พระพุทธเจ้าทรงเทศนาในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ Golem หรือ Orc รอยเท้ามนุษย์อะไรจะใหญ่ได้ขนาดนั้นล่ะครับ? แถมอยู่ตั้งอินเดีย ในพุทธประวัติก็ไม่เคย เสด็จมาเมืืองไทยซะที่ไหนก็รู้ๆกันอยู่ (ส่วนตัว) ผมเชื่อว่ารอยพระพุทธบาทแต่ละแห่งนั้นอาจเป็นที่รวมของพลังด้านดี หรือเทพเทวดาหรือพระอริยะสงฆ์แสดงให้บังเกิดเป็นปาฏิหารย์มากกว่า (มั้ง) ครับ แต่...ก็็นั่นแหละ มันเป็นความเชื่อนะครับ ต่อให้ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหหลู่ เดี่ยวเจอสหบาทา E_E จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:30:28

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ว่า เป็นไปได้ มีจริง.... ทุกๆอย่างก็เป็นไปได้หมดทั้งนั้น ต้องถามตนเองว่าเชื่อในปาฏิหาริย์ไหมละ ? จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:39:38

ความคิดเห็นที่ 5 รอยพระพุทธบาท(ของพระพุทธเจ้า) วิเคราะห์ คำ รอย  -- เช่น ตามพุทธประวัติตรัสเล่าเอง ในพระไตรปิฎก  เวลาเดินทางไปแคว้นใดนั้น  เดินทางด้วย พระบาทเปล่า  ไม่นั่งยานพาหนะ หรือ อาศัยสัตว์ เท้า ที่ ประทับกับพื้นโลก  ถ้าพื้นนั้นอ่อนฯ ก็จะเกิดรอย หรือ ตอนที่ ถูกพราหมณ์ทำนา ประชดพระพุทธเจ้า ที่เสด็จบิณฑบาต  แล้ว ไม่แถวๆ นาข้าวเขา (คงเฉียดต้นข้าว ฯลฯ)  --- ว่า สมณะหัวโล้น ท่านไม่ทำนาหรือ (เที่ยวขอข้าวเขาอยู่ได้ นั่นแหละ) จากความจำฯ (น่าจะ) แสดงว่า "มีรอยพระพุทธบาท ที่ผืนนา" นั้น ดังนั้น รอยพระพุทธบาท จริงๆ   จะ เหมือน รอยพระพุทธบาท ที่ สระบุรี หรือที่ ศรีลังกา ได้ อย่างไร? ศิลาจารึกหลักที่ ๕ --- ถ้าจำไม่ผิด พญาลิไทย  ทรง สร้าง แลัว ประเดิษฐานรอยพระบาทขึ้น มา (เลียนแบบลังกา) "ครับ" จะอ้าง -- อิทธิปาฏิหาริย์ --อะไร  เมื่อ จารึกสุดขทัย หลักนั้น --พญาลิไทย  ทรง สร้าง รอยพระบาทขึ้น มา "ครับ" ******************************************************** อ้างอิง --คำว่า อิทธิปาฏิหาริย์ ตามตำรา ฯ ทรงกระทำ -- ยมกปาฏิหาริย์ แสดง ให้ เห็นๆ ว่า --น้ำออกจากมือข้างหนึ่ง  ไฟ ออกจากมือข้างหนึ่ง  ชนิดที่ สาวก  ที่ เหาะไปเอา บาต จาก ยอดไม้สูงๆ  ทำไมได้ (ทรงห้ามทำ ปรับอาบัติ บาตนั้น ให้ทำลายเสียเป้นผง ฯ ตรัสตอบว่า พระองค์ ก็ทรงทำนา (ดูเอง) หมายเหตุ "แต่ผมอยากทราบ จากทั้งสองความเห็นครับ " ต้องการ จำนวนเป็น ตัวเลข ที่เกี่ยวกับ 1 2 3  --- เพื่อเอาไปทำอะไรหรือครับ ? (ทำวิทยานิพนะ์ หรือ ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:54:45

ความคิดเห็นที่ 6 ขอร่วมแสดงสติ  และปัญญา  ในกระทู้ที่ประเทืองสมองของผู้คนในพระพุทธศาสนาด้วยคนหนึ่ง......................... รอยพระพุทธบาท.....ของพระพุทธองค์นั้น  ข้าพเจ้าขอคัดลอกความเห็นที่ได้เคยแสดงไว้เร็วๆ  นี้ ใน...........กระทู้ที่.......... Y11731093  ......."อยากทราบประวัติ ความเป็นมาของรอยพระพุทธบาทในประเทศไทย " ข้าพเจ้าได้ให้ความเห็นไว้ว่า....................... "  เท่าที่ทราบมาจากปากของพระอาจารย์ ฯ  ที่น่านับถือรุ่นเก่า ๆ หลายท่าน 1. รอยพระพุทธบาทจริงๆ  ขององค์พระสัมมาพระพุทธเจ้าในแผ่นดินสยาม   ...ไม่มี......เพราะ  จะเป็นไปได้อย่างไร  ? ? ? ? 1.1  มนุษย์อะไรเท้าใหญ่โตอย่างนั้น 1.2  รอยเท้าอะไรกัน  ในแต่ละแห่ง  ๆ  แต่ละสถานที่  ต่างมีขนาดใหญ่โต ไม่เท่ากัน 1.3  รอยเท้าอะไรกัน  การเดิน  หรือพระดำเนิน  ไม่ติดต่อกัน....จะไปทางไหนกันแน่  ดูไม่ออก 2.  เอาเป็นว่า ...... หากเรียกว่า  "  รอยพระพุทธบาทจำลอง   "  ยังจะดูสมจริงสมจังในคำเรียกขาน  และเป็นพุทธานุสติเสียมากกว่า ก็ผู้มีบุญญาบารมีในสมัยก่อน  ( พระเจ้าแผ่นดิน ฯ )  เป็นผู้สร้าง  รอยพระบาทจำลองทั้งหลายขึ้นมา  ในที่ต่างๆ  เพื่อเป็นการเคารพสักการะถึงพระพุทธองค์....และเพื่อเผยแพร่ส่งเสริมพระบารมีของพระพุทธองค์  โดยการเปรียบเทียบเสมือนเป็นพุทธานุสติว่า.....ว่าองค์ศาสดาของชาวพุทธ  ท่านได้เสด็จมาโปรดมนุษย์ถึงในแดนสยาม....แล้ว และทั้งยังเพื่อเป็นการเสริมสร้างพระบารมีของพระเจ้าแผ่นดินเอง  ดังเช่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา  หลายรัชกาลมีการพบ ...... หรือสร้างพระพุทธบาทจำลองขึ้นมา....ขอให้ดูตัวอย่างพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี  .......โดยพรานบุญ  ผู้พบรอยพระพุทธบาทในสมัยพระเจ้าทรงธรรม.....เป็นต้น  ) ดังนี้คือเหตุผลที่ตรง  ลงตัว  ไม่หลอกไม่ลวง  มีเหตุ  มีผลเป็นจริงที่สุดสมกับเป็นศาสนาพุทธแล้ว แต่หากท่านผู้ใดมีความรู้ที่จะแสดงเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอย่างอื่น......ข้าพเจ้า  และอีกหลายท่านยินดีรับฟัง  เพื่อประดับสติปัญญา แต่ขอให้เป็นเหตุ  เป็นผล   ที่สามารถถาม  และตอบได้...มิใช่ด้วยนิทานพื้นบ้าน  หรืออ้างอย่างอื่นๆ  ที่ไกลจากเหตุผลความเป็นจริง ขอขอบคุณล่วงหน้า สุดท้าย  ขอขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่ได้ตั้งกระทู้เพื่อประเทืองสติปัญญาในพระพุทธศาสนามาตลอด แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 21:45:31 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 21:37:21

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าส่วนตัว เชื่อทั้ง 2 อย่าง คะ เหตุผล ส่วนตัว คะ ไร้คำอธิบาย เพราะ อาจนำมาซึ่งวิวาทะ คะ จากคุณ : ผู้สัญจร เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 22:09:03

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเชือในข้อ 2. ครับอาจเพื่อเป็นกุศโลบายบางอย่าง ที่ผู้สั่งการให้ทำขึ้นมา  ด้วยเจตนาดี จากคุณ : เม่า_พอเพียง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 22:17:45

ความคิดเห็นที่ 9 เชื่อเหมือน  คห.6 ครับ คนเราส่วนใหญ่ชอบ  วัตถุที่สัมผัส ได้ด้วย ตาและมือครับ  ดังนั้นจึงเป็นเหตุของสิ่ง ดังกล่าว สำหรับผมแล้ว  หลักคำสอน เรื่องทำความดี ละชั่ว  ทำจิตให้บริสุทธิ์ สำคัญกว่าวัตถุมงคล มากมายหลายร้อยเท่าตัวครับ เพราะจะทำให้เรากลายเป็นบุคคลมงคล แทนครับ จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 23:54:30

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าเรื่องเท้าคนอะไรจะใหญ่ขนาดนี้ ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ เพราะปาฏิหารย์ที่พระพุทธองค์ท่านเคยทรงแสดง ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทำได้เหมือนกัน ถ้าพระพุทธองค์ท่านจะเนรมิตให้พระบาทท่านใหญ่ขึ้น ท่านก็ทำได้ ถ้าเชื่อว่าท่านทำไม่ได้ ก็ต้องไม่เชื่อปาฏิหารย์ทั้งหมดเหมือนกัน ปล. ไม่เกี่ยวกับเรื่องท่านเคยมาที่นี่หรือไม่ ถ้าจะว่าไปแล้ว ทำไมท่านจะเคยมาที่นี่ไม่ได้ เพราะพระอานนท์ท่านก็ไม่สามารถจดทุกรายละเอียดหรืออาจไม่จด ทุกวินาทีที่พระพุทธเจ้าท่านทำอะไรแน่นอน (เว้นไว้แต่ว่า จะเถียงว่าถ้าเป็นเหตุการณ์สำคัญขนาดมานอกอินเดีย น่าจะจำได้ อันนั้นก็ฟังขึ้น) จากคุณ : คิดไงครับ (Ant-san) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 00:13:38

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่จินตนาการว่าได้ยืนอยู่ข้างพระพุทธองค์แล้วรู้สึกปิติ (^^ ) จากคุณ : OII เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 00:42:20

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ อย่างที่ผมกล่าวไว้นี่แหละครับ ผู้คนส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกกับ สิ่งที่เคยด้วยตาและมือสัมผัสได้ ดังนั้น  ความรู้สึกแบบ คห.11 จึงเป็นเช่นนี้  และเป็นแบบที่ หลาย ๆ คน แค่เห็นพระพุทธรูป ก็เกิดจินตนาการว่า พระพุทธองค์ มาอยู่ตรงหน้า  แล้วล่ะ และบางท่านก็อาจจะรู้สึกว่า ถ้ามีพระเครื่อง อยู่ที่คอ  ก็จะไม่พยายามทำผิดศีล ประมาณนี้นั่นแหละ ก็เข้าใจความรู้สึกท่านๆ เหล่านี้นะ หากจะเชื่อว่า เป็นอิทธิฤทธิ์ จริง ท่านมาจริง แล้ว  ทำให้ท่านมีศรัทธาที่จะ ทำความดี ละชั่ว ได้ ก็ขอให้ท่านเชื่อไปเถอะครับ เพราะบางศาสนา ที่เค้าเชื่อว่ามีสิ่งศักิ์สิทธิ บางอย่างอยู่ ก็ทำให้เค้าศรัทธาจนถือปฏิบัติได้ อย่างเข้มแข็งน่ะ  ก็คงไม่ใช่เรื่อง ที่น่าจะ สงสัยกันเท่าไหร่แล้วล่ะ ศรัทธานั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เลยนะ  ผมว่า ดังนั้น การสงสัยในเรื่องนี้แล้ว  ไปกระทบ ศรัทธาที่่เค้าเคยมีอยู่นั้น มันไม่ได้ทำให้อะไร ดีขึ้นเลยครับ  หากศรัทธานั้น ไม่ได้ทำให้ชีวิต เค้ามีปัญหา หรือ แย่ลงน่ะ จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 01:24:07

ความคิดเห็นที่ 13 คนที่ไม่เชื่อในเรื่องอิทธิฤทธิ์ ควรหาประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติมนะครับ แสดงว่าประสบการณ์น้อย อาจจะแค่เรียนๆทำงานๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 02:19:28

ความคิดเห็นที่ 14 จะเอาคำตอบในพันทิปไปทำอะไรละครับ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 08:06:21

ความคิดเห็นที่ 15 รอยพระพุทธบาทในประเทศไทย เป็นรอยเท้าจริง ๆ ของพระพุทธเจ้าหรือ? (๑) วิชาโบราณคดี + วิชาประวัติศาสตร์ + วิชาภาษาศาสตร์ ฯลฯ แบบ ที่ฝรั่ง บัญญัติขึ้นนั้น ไม่ สามารถ  ตอบ คำถาม กระทู้นี้ได้ หรือ อย่างไร? ครับ ชาวพุทธ  ที่เข้ามา กระทู้นี้ (๑) ถ้า ยังเรียนขั้น เตรียมอุดมศึกษา --- ย่อม มีคำตอบอย่างหนึ่ง (๒) ถ้า ยังเรียนขั้น อุดมศึกษา สาขา วิชาโบราณคดี + วิชาประวัติศาสตร์ + วิชาภาษาศาสตร์ ฯล  แล้ว  หาคำตอบ  ต่อคำถาม กระทู้นี้ ไม่ได้ --พิจารณาตัวเอง และ ระบบการศึกษา ไหม? (เสียเงินพ่อแม่ ฯ) (๓) แต่ถ้า "ฉลาด แต่ยังฉลาดไม่พอ"  เพราะ เพลินใน สิ่งที่ตน เพลินอยู่ ด้วย จิตประภัสสร ที่เข้าถึงความเศร้าหมองแล้ว ผู้ที่มีการศึกษา แบบ ไม่ใช่ คำที่ท่านพุทธทาส ใช้คำว่า การศึกษาแบบสุ  นัขหางด้วน) เป็นวิญญูชนชาวพุทธ ใดนั้น (ผมยกไว้) ก็ ควร มี พรหมวิหาร ๔  ที่ ไม่เป็น สัสสตทิฏฐิ  เข้ามาเสนอ เพื่อ  สาสวาสัมมาทิฏฐิ  ตามที่ตรัสไว้ ฯ ********************************************************* สรุป สรุปเองไม่ได้ หรือว่า  รอยนั้น จริงแบบ พระพุทธเจ้า เหาะมา  ที่นั้น  เมื่อ ไม่กี่พันปี ที่แล้ว ในเมื่อ  พระพุทธเจ้า  นั้น  ---- เมื่อ 2555 +45 ปี คือ 2600 ปี ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น วิทยาศาสตร์ สาขา  ธรณีวิทยา + โบราณคดี + วิชาประวัติศาสตร์ + วิชาภาษาศาสตร์ สระบุรี  ยัง ปริ่มๆ ด้วย น้ำ ทะเล  (รายละเอียด  ยกไว้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 10:17:20

ความคิดเห็นที่ 16 สรุป สรุปเองไม่ได้ หรือว่า  รอยนั้น จริงแบบ พระพุทธเจ้า เหาะมา  ที่นั้น  เมื่อ ไม่กี่พันปี ที่แล้ว ในเมื่อ  พระพุทธเจ้า  นั้น  ---- เมื่อ 2555 +45 ปี คือ 2600 ปี ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น วิทยาศาสตร์ สาขา  ธรณีวิทยา + โบราณคดี + วิชาประวัติศาสตร์ + วิชาภาษาศาสตร์  บ่งชี้ไว้ว่า สระบุรี ลพบุรี ----  ยัง ปริ่มๆ ด้วย น้ำ ทะเล  (รายละเอียด  ยกไว้)  ยังไม่ มีพื้นดิน อันเกิดจากตะกอนแม่น้ำ ฯ เช่น เวลานี้ ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 10:18:13

ความคิดเห็นที่ 17 พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา และไม่นิยมใช้ฤทธิ์ไม่ใช่หรือครับ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:06:16

ความคิดเห็นที่ 18 ท่านเซ็น ลืมไปหรือครับว่า มีการค้นพบเหรียญของกรีกโบราณอยู่ที่ภาคใต้บ้านเรา แสดงว่า บ้านเมืองแถบนี้ ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ยิ่งเป็นเมืองชายทะเลด้วย การค้าขายต้องมีแน่ ๆ ถ้าจะดูในพระไตรปิฎก ก็ต้องมาตีความตามที่ท่านเซ็นฯ ถนัดว่า คำว่า "ปัจจันตประเทศ" อยู่ตรงไหน อาณาเขตเท่าไร  สุดแค่บังคลาเทศไหม หรือสุดแค่พม่า หรือสุดแค่สระบุรี ? เพราะถ้ามีการค้นพบ เหรียญของกรีกโบราณทางภาคใต้บ้านเราได้ แสดงว่า ย่อมต้องมีการค้า มีนักเดินเรือมาถึงแถบนี้ เพราะฉะนั้น จะบอกว่าไม่มีพระพุทธศาสนามาแถวนี้เลย ก็อาจสรุปที่ตื้นเกินไปครับ นี่เอาแนววิชาการล้วน ๆ นะครับ ไม่ได้พูดถึงอิทธิปาฏิหารย์ก็ได้ เพราะถ้าพูดแนวนั้น ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:09:26

ความคิดเห็นที่ 19 http://www.oknation.net/blog/print.php?id=489004 แหล่งโบราณคดี "พงตึก" อยู่ที่กาญจนบุรี ครับ  ซึ่งถ้าดูตามภูมิศาสตร์ น่าจะเป็นบริเวณริมชายทะเล ไม่ต่างจากสระบุรี ขอยืมภาพประกอบจากเว็บ oknation ข้างบนนะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:12:39

ความคิดเห็นที่ 20 คคห 17 พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา และไม่นิยมใช้ฤทธิ์ไม่ใช่หรือครับ ครับ  ตาม ที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:33:56

ความคิดเห็นที่ 21 คคห 18 เพราะฉะนั้น จะบอกว่าไม่มีพระพุทธศาสนามาแถวนี้เลย ก็อาจสรุปที่ตื้นเกินไปครับ                        มี นะมี  แต่ มีแบบไหน อะไร มี  ต่างหาก มั๊งครับ (๑) แหล่งโบราณคดี "พงตึก" อยู่ที่กาญจนบุรี ครับ "พงตึก" --- เก่าแก่ เท่า แถวๆ เขื่อนเขาแหลมไหมครับ? (บ้านเก่า มั๊ง) สมัยนั้น สระบุรี เหมือน สมัย พญาลิไท หรือครับ (๒) หลักฐาน กระเบื้องดินเผาที่ อู่ทอง ที่มีรูปลายเขียนในเนื้อดินฯ รูป ภิกษุ (คุณสุจิตต์ ฯ เสนอไว้ใน ศิลปวัฒนธรรมเล่มไหน ลืมแล้ว) (ไม่ใช่ที่ พงตึก ถ้าจำไม่ผิด) -- ก่อน สมัย พญาลิไท จารึกหลัก ๕ มั๊ง  ไหมครับ (๓) ที่นครปฐม หรือ นครชัยศรี  พระพุทธรูปหินแกะ  มี ภาษาเก่า อ่านว่า "เป็นคาถาพระอัสสชิ" ถ้าจำไม่ผิด (หรือ ยังกิญจิ ?) สมัยนั้น  น่าจะยังไม่มี รอยพระพุทะบาท สระบุรี ---- สมัย พญาลิไท จารึก หลักนั้น สรุป ไสยศาสตร์ (ศาสตร์ หรือ ระบบแห่ง วิชชา ของท่านผู้รู้ แล้ว บุคคลนั้นหลับด้วย อวิชชา)  ย่อม เนื่องกับ --- ปาฏิหารย์ พุทธศาสตร์ คือ ระบบแห่ง วิชชา (๔๙ วัน หลังตรัสรู้ นั่น ก่อนปฐมเทศนาฯ สาธิ พุทธศาสตร์  เพราะ วิชชา ที่ตรัสรู้มัน ขั้น จอมศาสดาฯ) ของ ผู้ ไม่หลับ ด้วอวิชชา คือ ไสยศาสตร์  -- ย่อม รู้ั เข้าใจ เข้าถึง ปาฏิหารย์  อีกแบบ ต่างจาก ไสยศาสตร์ ตรัสสรรเสริญ ปาฏิหารย์  อะไร   ตรัสไว้  รู้กันใช่ไหม ? คุรผ้าพับไว้  บอกเพื่อนๆ ไหมครับ ว่า -- ตรัสสรรเสริญ ปาฏิหารย์  อะไร จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 13:40:21

ความคิดเห็นที่ 22 # คุณเซน ๑ . ที่ผมยกตัวอย่างกรณีของพงตึก ผมต้องการสื่อให้เห็นว่า ถึงแม้ไม่ใช่เมืองท่า แต่แหล่งที่มนุษย์ยังอาศัยอยู่ก็มีครับ การเดินทางติดต่อค้าขายกันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนในพื้นถิ่นย่อมรู้ดีว่าใครอยู่ตรงไหนอย่างไร  ก็ถ้านครปฐม / นครชัยศรี ยังเป็นเมืองท่าได้ สระบุรีที่อยู่ติดทะเล(ในสมัยโน้น) จะเป็นเมืองท่าบ้างไม่ได้หรือ ? เช่นกัน เขาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ก็ไม่ต่างจากกรณีพงตึกครับ ๒. หลักฐานของคุณสุจิต นั่นเป็นกรณีสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชครับ ๓. แล้วคุณเซน มั่นใจได้อย่างไรครับ ว่าไม่มีในสมัยนั้น ?  ( คาดเดา ? ) ไม่ต้องดูอะไรไกล เมืองโบราณต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตทะเลทราย ยังหายไปนักต่อนัก หรือแม้แต่ถ้าพันพระพุทธที่ตุนหวาง ถ้าไม่มีฝรั่งไปค้นพบ แล้วเราจะรู้ได้ไงครับว่า มีสถานที่ ที่มีชาวพุทธเคยอาศัยอยู่มาก่อน ? ๔. ถ้าจะว่ากันเรื่องปาฏิหารย์ ก็ยังมีตั้ง ๓ หัวข้อ ทั้ง ๑. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการแสดงฤทธิ์ต่างๆ ๒. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการทายใจคนอื่นได้ ๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือคำสอนที่เป็นจริง สอนให้เห็นจริง และนำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง เอะอะ ก็ว่าจะให้เหลือแค่ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เท่านั้น ผมว่ามันก็เกินไปครับ ปาฏิหารย์ ก็เหมือนรถยนต์ คุณใช้ถูกต้องมันก็พาคนไปส่งสถานที่ได้ แต่ถ้าคุณใช้ผิดมันก็ขับไปชนคนตายได้ ถามว่า รถมันผิด หรือผิดที่คนขับล่ะครับ ? แล้วที่สำคัญ ในบทสรรเสริญพระธรรมคุณ ที่ว่า สันทิฏฐิโก อันผู้ปฏิบัติผู้ได้บรรลุพึงเห็นเอง ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ อันวิญญูคือผู้รู้พึงรู้เฉพาะตน ในเมื่อ สงสัยไม่เชื่อ ทำไมไม่ลองฝึกดูล่ะครับ เอะอะ ก็ว่าเป็นไสยศาสตร์ตลอด ทั้ง ๆ ที่เรื่องของสมาธิ เรื่องของญาณ มันก็เป็นเรื่องปกติ ศาสนาเชน หรือ พราหมณ์ ฤๅษี เขาก็ทำกันได้เป็นเรื่องปกติ ญาณต่าง ๆ จึงเกิด พระพุทธองค์ ทรงไปศึกษากับพระอาจารย์ทั้ง ๒ ก็นานมาก และสำเร็จในระดับสุดยอดเสียด้วย  ถ้าเรื่องของฌาน เรื่องของญาณ มันไม่มีประโยชน์ แล้วพระพุทธองค์จะทรงไปศึกษาทำไมล่ะครับ ? ............. ผมว่า แทนที่จะบอกว่า เอากำลังการกดกิเลสของ ฌาน หรือ เอาความรู้ เอาประโยชน์ของเรื่องของญาณต่าง ๆ  มาลดละเลิกกิเลส กลับกลายเป็นว่า ตั้งหน้าตั้งตาค้านหัวชนฝาทะลุ  สะสมกิเลสแล้วบอกว่า ของต่าง ๆ เหล่านี้เป็นไสยศาสตร์ ไม่มีประโยชน์.. ส่วนตัวคิดว่าเป็นการพิจารณาที่ตื้นไปนิดครับ .......... จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนคุณยังใช้นาม โชติ ตินธร ผมก็ถกกับคุณเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งโน้นแล้วล่ะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:00:36

ความคิดเห็นที่ 23 ลืมบอกไปว่า เรื่องการวินิจฉัย "ปัจจันตประเทศ" ถ้าจะกรุณา ก็บอกผมด้วยนะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:01:43

ความคิดเห็นที่ 24 ที่จริงจากการพิสูจน์  ก็คือคนสร้างขึ้นมานั่นแหละครับ พระพุทธองค์สอนให้เราอย่าเพิ่งเชื่อ เพียงฟังกันตามมา คนเล่ามากับเรื่องจริงก็อย่าง  รอยเท้าเค้าสร้างกันมา เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างนั่นแหละครับ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:56:01

ความคิดเห็นที่ 25 อ่ะ....ตงลง คู่รักข้ามทศวรรษ  ใช่ไหมครับเนี่ย.....มาเจอกันอีกครั้ง ก็มันหยดติ๋ง... จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 16:58:04

ความคิดเห็นที่ 26 # คุณนบนอบ มีเอกสารที่อ้างอิงผลการพิสูจน์ หรือ Link หรือ ข้อมูลอะไรตามที่คุณบอกมาบ้างไหมครับ ผมสนใจครับ ไม่ได้ประชดนะ อยากได้เอกสารหรือ Link เหล่านั้นจริง ๆ เพราะผมก็อยากจะรู้ว่าทางนักวิทยาศาสตร์เขาใช้วิธีการอะไรบ้าง เพื่อพิสูจน์รอยพระพุทธบาทน่ะครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 19:14:25

ความคิดเห็นที่ 27 โดยปกติเวลาพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปไหน จะไม่มีรอยพระพุทธบาทบนดิน เพราะมีไม่ได้ ถ้ามี คนที่มาเดินเหยีบในภายหลังจะมีกรรมในฐานะปรามาสพระรัตนตรัย ดังนั้น การจะมีรอยพระพุทธบาทได้ ท่านต้องเป็นผู้อธิษฐาน ประทานให้ เพราะล่วงรู้ว่า ในภายภาคหน้าสถานที่นั้น ๆ จะมีความสำคัญอย่างไร และเพื่อให้บรรดาพุทธบริษัทที่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้มากราบสักการะ รอยพระพุทธบาท หรือ รอยพระหัตถ์ จะมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก นั้นอยู่ที่ว่าพระพุทธองค์อธิฐานตั้งจิตให้ใหญ่โต หรือ เล็ก ขนาดใดก็ได้ครับ ไม่ว่าเราจะไปตามรอยพระพุทธบาทหรือรอยพระหัตถ์ที่ใด ๆ เราควรเคารพรอยพระบาท ด้วยใจน้อมสักการะอย่างแท้จริง ไม่ควรโยนเงิน หรือเหรียญ หรือ แผ่นทองใช้มือแปะ ถ้าเป็นไปได้ควรให้ปล่อยลอยไปติดเองครับ ส่วนการฉีดน้ำอบน้ำหอม บ้างทีเขาก็ไม่อนุญาต ก็ไม่ควรฝ่าฝืนเช่นกัน ที่ไหนที่มีศรัทธาที่ดีอยู่แล้วจะมีขนาดปกติหรือใหญ่กว่าเล็กน้อยแต่ถ้าที่ไหนที่มีศรัทธายังไม่มั่นคงท่านจะอธิษฐานให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติเพื่อให้เขาเกิดศรัทธานั่นเอง จากคุณ : . (รู้คุณ) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:53:08

ความคิดเห็นที่ 28 หล่อด้วยปูนทั้งนั้นเลย จะมีอันไหนจริงได้ล่ะครับ จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:53:54

ความคิดเห็นที่ 29 /\ /\ ไม่จริงกระมังครับ ? ถ้าจะบอกว่า หล่อด้วยปูน คำถาที่ผมสงสัยก็คือ ๑. พวกรอยที่อยู่ในป่าดงดิบลึก ๆ จะขนปูนเข้าไปได้อย่างไร ? ๒. แล้วปูนที่ว่า เป็นปูนประเภทไหน ปูนของคนโบราณ ที่ใช้น้ำอ้อยเป็นส่วนผสม หรือ ปูนสมัยใหม่พวก พอร์ทแลนด์ ครับ ? ๓. รอยไหนบ้างที่หล่อด้วยปูนครับ จริง ๆ ของอย่างนี้ มันเป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้อยู่แล้ว ถ้าเชื่อว่า หล่อด้วยปูนจริง ก็ต้องหลักฐานมารองรับด้วยนะครับ จึงจะดูน่าเชื่อถือ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:27:27