คนเราตายไปแล้ว มันจะสูญได้อย่างไร?
ก็ในเมื่อ....
๑. ร่างกายของคนเรา ประกอบไปด้วย มหาภูตรูป คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ....เมื่อเราเป็น ๆ อยู่ สิ่งเหล่านี้ ก็ยังยึดโยง เกี่ยวเกาะกันอยู่ ร่วมกัน เป็นรูปสังขาร ที่เราเรียกว่า ตัวเรา (แค่สมมติ ว่าตัวเราไปก่อน ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ....งั้นสมมติว่า เป็น ตัวของผมเองแล้วกัน)
๒. เมื่อผมตายแล้ว ....ส่วนที่เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ เป็นดิน มันก็ยังไม่สลายหายไปไหน ในทันทีหรอกนะ....
หากสมมติว่า ผมสั่งไว้ก่อนตายว่า..ห้ามเผา ห้ามฝังนะ....แต่จงเอาศพผมไป วางไว้เป็นมรณานุสติ (คล้าย ๆ กับที่ตำรวจ ชอบเอาซากรถยนต์ ที่ชนกับยับยู่ยี่ มาวางโชว์ ตามสี่แยกน่ะ)
๓. ทีนี้ เมื่อศพของผม ไม่ได้รับการฉีดยากันเน่า ไม่ได้ใส่โลงเย็น เอาไปวางเฉย ๆ กลางสี่แยกบ้านแขกซะงั้น......อะไรจะเกิดขึ้น...ก็ดูข้อต่อไป...
๔. ลมหายใจ ที่หายใจเข้า ๆ ออก ๆ ที่เป็นธาตุลมน่ะ มันหยุดแล้ว แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน ลมที่เคยเป็นลมหายใจ ตั้งแต่เฮือกแรก จนเฮือกสุดท้าย ก่อนจะซี๊แหง๋แก๋ ของร่างกายผมนั้น ก็ได้ไปรวมกับธรรมชาติแล้ว คละเคล้าไปกับ ควันรถยนต์ และลมพายุ ฯลฯ ในธรรมชาติ เรียบร้อยแล้วล่ะ.......
ยังเหลือ แต่ลม ที่พองอืด ๆ อยู่ในท้อง ในลำตัวศพผม ที่กำลังขึ้นอืดอยู่น่ะ แต่พอศพอืดจนได้ที่ มันก็จะแตก ระบายออกมาเอง มันก็จะกลายเป็นแก๊ส ไป ปะปนกับบรรยากาศอีกแล้ว หาได้หายไปไหนไม่
๕. ในส่วนของธาตุไฟ ที่มีในตัวผม คือความร้อน ในร่างกาย...ทันทีที่ผมตาย ตัวก็จะเย็น ธาตุไฟ หรือไฟธาตุ ก็แผ่หายเข้าไปผสมกับบรรยากาศในธรรมชาติแล้ว พอผมตายนานเข้า ๆๆๆๆๆ ตัวก็เย็น ไม่มีไออุ่นเหลือ และในที่สุด เน่า แห้ง จนเหลือแต่กระดูก ธาตุไฟ ที่เป็นธรรมชาติท้ายสุด สุดท้าย ที่ยังคงหมุน ๆ วน ๆ ในอะตอม ของสสาร ที่้เป็นเศษกระดูกของผมนั้น มันก็ยังไม่ได้หายไปไหนนี่นา มันก็กลายเป็นพลังงานในธรรมชาติอยู่นั่นเอง
ดังนั้น ไม่ว่า ธาตุใด ๆ ทั้งสี่ธาตุนั่นแหล่ะ ในที่สุด มันก็ไม่ได้หายไปไหนเลย ต่อให้ผมตาย เน่า แห้ง ไปนานถึง สามล้านปี แล้วก็ตาม....สสารที่เคยเป็นร่างกายของผม มันก็ยังคงเปลี่ยนรูปเป็นสถานะอื่น ๆ อยู่ดี...และในสถานะอื่น ๆ ที่ว่านั้น จะอยู่ในรูป ของเหลว ของแข็ง หรือสถานะเป็นกลาง เป็นที่รองรับ ธาตุอื่น ๆ (อากาสธาตุ) ก็ตาม ก็ยังคงอยู่
ทีนี้ คำว่าคงอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นนิรันดร์ แต่มันคงอยู่ในลักษณะ ของการ "เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ " ต่างหาก
ทีนี้ คงพอเห็นภาพแล้วว่า หลังจาก สองสามล้านปี ไอ้สิ่งที่เคยพูดวกันว่า เป็นตัวผมนั้น มันได้เปลี่ยนสภาพกลับไปสู่สภาพพื้นฐานของมัน คือ..
ที่เคยเป็นธาตุดิน เช่น เนื้อหนัง กระดูก ฟัน ผมเล็บ ฯลฯ มันก็ได้ผุสลาย กลายเป็นฝุ่นผง เป็นรูปของของแข็งคือธาตุดิน ไปเช่นเดิม
ที่เป็นธาตุน้ำ เช่นน้ำมูก น้ำลาย น้ำเหลือง ฯลฯ มันก็แปรสภาพ ถูกธรรมชาติกลั่นให้เป็นธาตุน้ำ ของเหลว กลับคืนสู่ธรรมชาติ ไปผสมกันเป็นมวล ก้อนเดียวกันกับโลกใบนี้
ที่เป็นธาตลม (อากาส) , ที่เป็นธาตุไฟ (ความร้อน หรืออุณหภูมิในร่างกาย) ก็ได้กลับสู่บรรยากาศแห่งธรรมชาติไปหมด เช่นกัน
ดังนั้น สรุปว่า ในส่วนของ มวลสาร ทางกายภาพ ของผม แม้ตายไปเป็นล้านปีแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรสูญหายไปไหนเลย
ทีนี้ เริ่มเข้าเรื่องที่สนุกแล้วล่ะซิ คือ......
"แล้ววิญญาณ ของผมล่ะ...มันสูญหรือไม่สูญ หลังจากที่ผมตาย จนกระทั้ง มีคนเอาศพผมไปจัดนิทรรศการ ที่สี่แยกบ้านแขก นานนับล้าน ๆ ปีน่ะ"
".....ระหว่าง ล้านปีนี้...ผม (วิญญาณ) จะต้อง เวียนว่าย หายแว๊ป หายแว๊ป ไปโผล่ แอบเกิดในท้องใคร ที่ไหนบ้างล่ะ...."
หรือว่า ผมอาจจะมีแว๊ป แอบลงไปจิบไวน์ กับท่านยม ในนรก สักสี่ซ้าห้าร้อยปี..รึยังไง?....เอ..รึว่า ผมจะขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ นั่ง ๆ นอน ให้น้องนางอัปสร 500 นาง ผู้เป็น ปาทจาริกา มาคอยนวดเท้า ให้หายเมื่อยขบ จากการเสวยสุขบนสวรรค์ ซะจนอ่อนล้า ฯลฯ
เอ..รึยังไงกันแน่ ?
ขอท่านสาธุชน ได้โปรด ติดตาม...ต่อไป...เทอญฯ
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 21:35:57
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 20:42:52