ความคิดเห็นที่ 1 1.เกิดจากความไม่รู้ ( อวิชชา ) ความไม่รู้ ได้แก่ ความไม่รู้เหตุรู้ผล เริ่มแต่ความไม่รู้เหตุผลทางภูมิศาสตร์ ทางดาราศาสตร์ ไม่รู้ชีววิทยา และไม่รู้จักธรรมชาติอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เมื่อมีความไม่รู้เหตุผลก็เกิดความกลัวในพลังทางธรรมชาติ ต้องการความช่วยเหลือจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งมีอำนาจเหนือตน จึงมีการสร้างขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อบูชาเอาใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพื่อที่จะสามารถช่วยให้มนุษย์มีความอยู่รอดไม่มีภัยต่อๆ ไป จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:31:19

ความคิดเห็นที่ 2 2.เกิดจากความกลัว มนุษย์จะอยู่ในโลกได้ต้องมีหน้าที่ คือ การต่อสู้กับธรรมชาติ และสู้สัตว์ร้ายนานาชนิด และโดยเฉพาะกับมนุษย์ด้วยกันเอง ยามใดที่เราสามารถเอาชนะธรรมชาติหรือคนได้ ความเกรงกลัวธรรมชาติ สัตว์ร้าย หรือมนุษย์ย่อมไม่มี แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ได้ มนุษย์จะเกิดความกลัวต่อสิ่งเหล่านั้น และในยามนั้นเอง ที่มนุษย์ต้องพากันกราบไหว้บูชา และแสดงความจงรักภักดี ทำพิธีสังเวยเซ่นไหว้ต่อธรรมชาติดังกล่าว ด้วยความหวังหรืออ้อนวอนขอให้สำเร็จตามความปรารถนาอันเป็นผลตอบแทนขึ้นมาเป็นความสุข ความปลอดภัย และอยู่ได้ในโลก จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:32:45

ความคิดเห็นที่ 3 3.เกิดจากความจงรักภักดี ความจงรักภักดีเป็นศรัทธาครั้งแรกที่มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยยอมเชื่อว่า เป็นกำลังก่อให้เกิดความสำเร็จได้ทุกเมื่อ ในกลุ่มศาสนาที่นับถือพระเจ้า  มุ่งเอาความภักดีต่อพระเจ้าเป็นหลักใหญ่ในศาสนา ในกลุ่มชาวอารยันมี ศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) มีคำสอนถึงภักติมรรค คือ ทางแห่งความภักดี อันจะยังบุคคลให้ถึงโมกษะ คือหลุดพ้นได้ แม้ในทางพระพุทธศาสนาก็ยอมรับว่าศรัทธา หรือความเชื่อ ความเลื่อมใสเท่านั้นที่จะพาข้ามโอฆสงสารได้ เมื่อเป็นดังนี้แสดงว่ามนุษย์ยอมตนให้อยู่ใต้อำนาจของธรรมชาติเหนือตน อันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเองซึ่งเรียกว่าเทพเจ้า หรือพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ผลที่เกิดตามมาคือมนุษย์ยอมให้เครื่องเ ซ่น สังเวยแก่ธรรมชาตินั้นๆ ด้วย ลักษณะนี้จึงเท่ากับมนุษย์เสียความเป็นใหญ่ในตน ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งที่ตนคิดว่ามีอำนาจเหนือตน จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:34:34

ความคิดเห็นที่ 4 4.เกิดจากความอยากรู้เหตุผล ( ปัญญา ) ศรัทธาอันเกิดจากปัญญาคือมูลเหตุให้เกิดศาสนาอีกทางหนึ่ง แต่ศาสนาประเภทนี้มักเป็นฝ่ายอเทวนิยม คือไม่สอนเรื่องเทพเจ้าสร้างโลก ไม่ถือเทพเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนา หากแต่ถือความรู้ประจักษ์จริงเป็ น สำคัญ เช่น พระพุทธศาสนา ความเน้นหนักของพระพุทธศาสนา คือ ญาณ หรือปัญญาชั้นสูงสุดที่ทำให้รู้แจ้งประจักษ์ความจริง และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 11:37:04 จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:35:31

ความคิดเห็นที่ 5 5.เกิดจากอิทธิพลของคนสำคัญ ศาสนาหรือลัทธิที่เกิดจากความสำคัญของบุคคลเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน ที่มีเรื่องราว หรือความสำคัญของบุคคลที่อยู่ ณ ที่นั้น ความสำคัญของบุคคลที่เป็นเหตุเริ่มต้นของศาสนา หรือลัทธิ โดยมากมักมีเหตุเริ่มต้นโดยความบริสุทธิ์จากจิตใจของมนุษย์ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครวางหลัก อีกทั้งเมื่อใครนับถือความสำคัญของบุคคลผู้ใดก็จะพากันกราบไหว้ และเคารพบูชา จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:36:38

ความคิดเห็นที่ 6 6.เกิดจากลัทธิการเมือง ลัทธิการเมืองอันเป็นมูลเหตุของศาสนาเป็นเรื่องสมัยใหม่ อันสืบเนื่องจากการที่ลัทธิการเมืองเฟื่องฟูขึ้นมา และลัทธิการเมืองนั้นได้เข้าไปมีอิทธิพลต่อคน บางกลุ่ม เป็นต้นว่า กลุ่มคนยากจน ซึ่งคนเหล่านั้นก็ได้ละทิ้งศาสนาเดิมที่ตนเองนับถืออยู่แล้วหันมานับถือลัทธิการเมืองดังกล่าวเป็นศาสนาประจำสังคม หรือชาตินิยมลัทธิการเมือง เป็นต้นว่า ลัทธินาซี ลัทธิฟาสซิสม์ และลัทธิคอมมิวนิสต์ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:38:30

ความคิดเห็นที่ 7 ที่มา http://www.religions.mbu.ac.th/html/part1/p13sm.htm ที่มาของภาพ google search จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:39:07

ความคิดเห็นที่ 8 การฝึกสัตว์ให้เชื่อง ต้องมีการทำโทษให้กลัวเมื่อไม่เชื่อฟัง และการให้รางวัลเมื่อเชื่อฟังผู้ฝึก มนุษย์ก็เช่นเดียวกับสัตว์ ต้องทำให้กลัวจึงจะเชื่อฟัง การทำให้กลัวจะเป็นการทำให้เจ็บปวดทางกาย หรือฝังความกลัวลงในจิตใต้สำนึกว่าจะต้องเจ็บปวดหลังความตาย เช่นขู่ว่าจะต้องตกนรกที่มีไฟนรกเผาผลาญ หอกดาบทิ่มแทง ฯลฯ ถ้ายกเอา คำขู่ และ รางวัล ออกจากความเชื่อในศาสนา ศาสนาก็จะหายไป จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:15:28

ความคิดเห็นที่ 9 คำว่า "สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์"   หมายถึงอะไร? และมีคำจัดความว่าอย่างไร?  ศาสนาแบ่งออกเป็นหลักใหญ่ๆได้สองประการ 1. หลักศรัทธา     เกิดขึ้นจากความเลื่อมใสในคำสอน เนื่องจากสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เกิด  และ  อาจจะเกิดขึ้นได้ ภายหลังจากการศึกษาและเข้าใจด้วยสติปัญญาและเหตุผลของตนเอง ความศรัทธาและความเลื่อมใสต่อหลักศรัทธาทางศาสนาจึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง 2. หลักปฏิบัติ   หลักปฏิบัติหรือศานกิจ นี้สำคัญมาก เป็นขบวนการและกลไกทางศาสนาที่จะช่วยให้ ผู้ศรัทธา วางระดับตัวเองให้สมกับความเป็นมนุษย์ที่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งตามสัญชาตญาณของสัตว์เดรัจฉาน จะมีคุณสมบัติโดยทั่วๆ คือความเห็นแก่ตัว    ซึ่งความเห็นแก่ตัวของสัตว์นี้ จะนำมาด้วยความเลวต่างๆ ซึ่งตัดสินตามบรรทัดฐานของมนุษย์  แต่ธรรมชาติของสังคมสัตว์อาจจะมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ตามสัญชาตญาณของมัน ความเห็นแก่ตัวของสัตว์ตามธรรมชาตินี้  จะนำมาด้วยความเลวต่างๆ    ความโลภ, ความอิจฉาริษยา,  อาฆาตจองเวร, ข่มเหง รังแกผู้อ่อนแอกว่า,ฉวยโอกาสฆ่าเหยื่อโดยไม่รู้ตัว,  ที่สำคัญที่สุด คือสัตว์จะขาดสติปัญญาไตร่ตรองหาเหตุผล ในการเรียนรู้,   สัตว์จะใช้สัญชาตญาณ และความเคยชินต่อเหตุการณ์ เป็นบทเรียนในการแก้ปัญหา สัตว์จะเกรงกลัวการลงโทษที่รุนแรงในการควบคุฒ พฤติกรรม และ ต้องการรางวัลในการตอบแทนเพื่อจะดำรงค์ หรือรักษาการกระทำ(พฤติกรรม)ใหม่ๆ, การมั่วสุมในกามคุณ (แต่สัตว์บางประเภทมีระเบียบและฤดูกาล ทางเพศ เป็นเวร่ำเวลาต่างกับมนุษย์)     ตามบรรทัดฐานของหลักการของทุกๆศาสนาเท่าที่มนุษย์เริ่มรู้จัก ความหมายของ ข้อความที่ว่า, "สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" เน้นอยู่ที่หลักปฏิบัติ  ซึ่งทุกๆศาสนามีหลักปฏิบัติ ทางคุณธรรม และศีลธรรม คล้ายๆกัน   แต่แต่ละศาสนามีเหตุผลสนับสนุุนหลักการปฏิบัติที่ต่างกัน  แต่วัตุถประสงค์ (ขอย้าำ) ในทางปฏิบัติคือ ต้องการ ปรับปรุงคุณภาพของชีวิตและจิตใจของมนุษย์ ให้มี ศีลธรรม จริยาธรรม และคุณธรรมที่ดี เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน  การจะตัดสินว่า ศาสนาแบบไหนที่น่านับถือ และสมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นั้น จึงไม่อาจจะมีคำตอบที่ ปราศจาก ความลำเอียง ของผู้ศรัทธาที่มีความศรัทธาที่แตกต่างกันได้   นอกเสียจากว่า ศาสดาของทุกๆศาสนา จะมานั่งประชุมกัน และ ทำข้อตกลงกันว่า  จะเป็นการสมควรหรือไม่ที่จะ กำหนดหลักศรัทธาและข้อปฏิบัติใน ทุกๆศาสนาให้มนุษย์ ปฏิบัติตามคำสอนเดียวกัน และศรัทธาในสิ่งเดียวร่วมกัน   มนุษย์ก็จะมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ จะประพฤติตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน หรือ จะปฏิบัติตามแนวทางของศาสนาที่วางไว้อย่างครบถ้วน โดยปราศจากความเกรงกลัวและไม่หวังผลรางวัลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ทำด้วยใจศรัทธาอย่างแท้จริง นี่คือความเห็นโดยสังเขปของผม ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องถูกต้องเสมอไป^^ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 13:04:30 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:01:25

ความคิดเห็นที่ 10 ''ศาสนาแบบไหนที่น่านับถือ และสมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ '' ผิดไหม ถ้าแต่ละคนจะเข้าข้างศาสนาของตัวเองกัน คงไม่มีใครตอบว่า ศาสนาของ ฉัน/ผม นี่ เป็น ศาสนาที่ไม่น่านับถือ และไม่สมกับศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์เอาซะเลย --' จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:12:03

ความคิดเห็นที่ 11 การออกความเห็นด้วยการลำเอียงเข้าข้างศาสนาตนเองต่อคำถามชนิดนี้  ไม่ผิดเนื่องจาก ความมั่นคงในศรัทธาของผู้ศรัทธาแตกต่างกัน ย่อมตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ ของแต่ละคน  แต่การตอบโดยการลำเอียงเข้าหาศาสนาที่เรานับถือจะกลายเป็นการเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ถูกตามมารยาทสังคมและ หลักการสนทนาธรรมกับผุ้ต่างศรัทธา ตามหลักการของอิสลาม ซึ่งในห้องนี้ผมยังไม่เห็นความสงบซึ่งเกิดจากการตอบคำถามในทำนองนี้, ของสมาชิกที่ต่างศรัทธา และมักจะลงเอยด้วยการทะเลาะกัน ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะยกความศรัทธา มาเปรียบเทียบกันในทาง Negative,  ซึ่งนอกจากจะไม่ได้เรียนรู้ในความแตกต่างของการเข้าถึงความดีของแต่ละศาสนาแล้ว, ยังเป็นสาเหตุของการทำให้เป็นการแตกแยกความสามัคคีกันด้วย จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:28:50

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยส่วนใหญ่ในความเห็นคุณแมทท์ แต่ไม่เห็นด้วยในบางประเด็น เช่น มนุษย์ เหนือกว่าสัตว์ทั่วไป ที่มีความเห็นเช่นนี้เพราะเราเป็นมนุษย์หรือเปล่า บางอย่างมนุษย์เหนือกว่า บางอย่างสัตวก็เหนือกว่ามนุษย์ก็มี อย่างเช่นที่คุณกล่าวมาแล้วเรื่องการสมสู่ตามฤดูกาล แต่คนไม่เลือก สัตว์บางชนิดมีสัญชาติญาน เรื่องภัยธรรมชาติก่อนมนุษย์ สัตว์บางชนิดออกจากท้องแม่สามารถเดินเองได้ในเวลาเกือบทันที มนุษย์ต้องใช้เวลาเป็นปี ผมยังเห็นว่าถ้ายกเอา โทษ เช่นนรก ความทุกข์ยาก ลำบาก ทรมาน และ สวรรค์ ความสุขสบาย ออกจากคำสอน จะทำให้ศาสนาหายไป โดยไม่ต้องลำบากให้ท่านศาสดาทั้งหลายต้องมาประชุมร่วมกัน ความแตกต่างทางศาสนาก็จะไม่มี มีแต่ความต่างทางความคิดเห็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 13:34:43 จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:29:21

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับ คุณ Faraday ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าคือ.. "ถ้ายกเอา โทษ เช่นนรก ความทุกข์ยาก ลำบาก ทรมาน และ สวรรค์ ความสุขสบาย ออกจากคำสอน จะทำให้ศาสนาหายไป โดยไม่ต้องลำบากให้ท่านศาสดาทั้งหลายต้องมาประชุมร่วมกัน" ถ้าเรากล่าวถึงในปัจจุบันนี้ มันสายไปแล้ว เนื่องจากว่า หลักการของความศรัทธาของศาสนาต่างๆ ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัวเสียแล้ว   ตามที่ผมกล่าวไว้ว่า "ความศรัทธา" ของศาสนา อยู่ที่การตัดสินใจของตัวบุคคลเนื่องจาก ศาสนาเป็นเรื่อง ส่วนตัวของแต่ละคน ถึงแม้หลักการเดียวกันยังเชื่อและปฏิบัติต่างกัน  ผมเชื่อว่าคุณและผมและเพื่อนๆในที่นี้ เกือบ 100 %  ที่เป็นสมาชิกห้องศาสนานี้ คิดเช่นเดียวกับคุณคือ ตั้งหน้าทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยขณะที่ทำนั้นไม่ได้นึกถึงสวรรค์นรกเลย คือไม่ได้หวังผลตอบแทน   เช่น ถ้าเราเห็นเด็กกำลังจมน้ำ เราจะกระโดดไปช่วยโดยไม่คำนึงถึง นรก สวรรค์หรือรางวัลที่จะได้รับในการทำความดีนั้นๆ แม้แต่ไม่นึกถึงชีวิตเราเลย  และในทางตรงกันข้าม ถ้ามีคนร้าย เข้ามาในบ้านเรา  เป็นการข่มขู่ต่อชีวิตเราและครอบครัว  เราจะป้องกันชีวิตเราและครอบครัว โดยการ ยิงผู้ร้ายถึงแก่ความตายโดยไม่เกรงกลัว บาป และนึกถึงไฟนรกเลย   ด้วยเหตุนี้นรกสวรรค์ จึงเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบให้มนุษย์เข้าใจ ถึงความทุกข์และความสุข ที่เราจะได้รับจากการทำความดีและความชั่ว   ซึ่งการเปรียบเทียบนั้นจะต้องนำเอาสิ่งที่มนุษย์ สามารถ ที่จะ experience ได้ มายกตัวอย่างให้เข้าใจ    มิฉนั้นมนุษย์จะไม่เข้าใจได้ เพราะ ความจริงแล้ว  นรกสวรรค์นั้น ถึงแม้ว่าเราเชื่อว่ามีจริง ก็ไม่ได้เป็นสิ่งล่อใจ เราให้ทำความดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ จากหัวใจของเราโดยแท้จริง เช่นการช่วยเหลือเด็กตกน้ำ ตามตัวอย่างในที่นี้    แต่ถ้านรกสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเท็จ ไม่ใช่ เพื่อการ ขู่หรือให้ รางวัลแล้ว, จะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความศรัทธาต่อศาสนาใดๆทั้งสิ้น, ทั้งนี้เพราะว่า เขาเหล่านั้น จะไม่เชื่อ และสามารถที่จะทำสิ่งใดไปตามสัญชาตญาณของมนุษย์ ซึ่งไม่ต่างจากสัตว์ก็ได้ ส่วนผลตอบแทนจะเป็นอย่างไรนั้น เขาจะพบเอง ในปรโลก, หรือบนโลกใบนี้ กฏหมายในสังคมมนุษย์จะถูกนำมาใช้พิจารณาบุญและบาปของเขา คือทุกๆชีวิตจะต้องอยู่ในกรอบของระบบใดระบบหนึ่งตลอดเวลา   .........      ถ้ายกเอา โทษ เช่นนรก ความทุกข์ยาก ลำบาก ทรมานและ สวรรค์ ความสุขสบาย ออกจากคำสอน จะทำให้ศาสนาหายไป...   ศาสนาเป็นเพียง "นาม" ที่ใช้เรียกขบวนการในการปรับปรุงคุณภาพของจิตใจมนุษย์ให้บรรลุถึงความสุขทางจิตวิญญาณของตัวเราเองและความสุขร่วมกันของสังคม  ถ้าเอาศาสนาหายไป ....ระบบที่มาแทนก็จะมีนามอื่นๆอีก ซึ่งจะต้องมี หลักการและขอบเขตุในการปฏิบัติไปในอีกรูปหนึ่งซึ่งอาจจะดีหรือเลวกว่า ระบบที่เราเรียกว่า"ศาสนา" อยู่ในปัจจุบันนี้  .... อีกข้อความหนึ่ง... "ความแตกต่างทางศาสนาก็จะไม่มี มีแต่ความต่างทางความคิดเห็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ.."  คุณจะเห็นว่าความคิดเห็นของมนุษย์ไม่มีขอบเขตจำกัด ที่เราเห็นว่าปกติอยู่ในขณะนี้เนื่องจาก ว่า มี ระบบที่ควบคุมจิตใจหรือจิตวิญญาณ สร้างขอบเขตไว้ และ รวมทั้งระเบียบกฏหมายของสังคมควบคุมความ คิดของมนุษย์อยู่ ตั้งแต่แรกเกิด ถ้าเราเอาทารกไปให้ ลิงเลี้ยงดู เด็กก็จะเติบโตมาโดยมีความนึกคิด ตามธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม อย่างลิง แต่ร่างกายเป็นมนุษย์  ถ้าไม่มีกฏหมายคุ้มครองจริยาธรรมทาง วิทยาศาสตร์การแพทย์ สังคมมนุษย์ จะขาดระเบียบ นักวิทยาศาสตร์ก็จะทำให้เชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างจากที่เราเป็นอยู่ อาจจะไปในทางดีหรือเลวได้   ศาสนาเป็นเพียงคำนามที่ใช้เรียก "ระบอบในการควมคุม คุณธรรมและจริยาธรรมของมนุษย์เ่ท่านั้น",  ส่วนคำสอนไม่ว่าจะมาจากพระเจ้าหรือศาสดา ก็เป็นกลไกในการให้ มนุษย์ปฏิบัติแต่ความดี และมีความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง (ผมออกทะเลไปมากแล้ว ขอให้ผู้อื่นออกความเห็นบ้าง) แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 14:27:42 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 14:18:59

ความคิดเห็นที่ 14 ผมชอบศาสนาที่สอนให้คนรู้สึกลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเอง สู้ด้วยปัญญาตัวเอง สร้างพละกำลังให้ตัวเอง เมื่อกำลังเราดีแล้ว ให้เกื้อกูลช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป ทำไมถึงคิดว่าสมศักดิ์ศรีมนุษย์ ? เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องช่วยเหลือกัน. จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:09:23

ความคิดเห็นที่ 15 ศาสนาที่ให้คำตอบที่แท้จริง มิใช่คิดเอาเอง คิดว่าตราบใดที่มนุษย์ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าตัวเองจะตายตอนอายุเท่าไหร่ หรือห้ามความตาย หรือตายแล้วจะไปไหน แผ่นดินไม่ไหวได้ไหม น้ำไม่ท่วมได้ไหม เกิดมาผิวขาวหรือดำ เป็นคนเอเชียหรือแอฟริกา  จะรวยจะจน มนุษย์ก็ต้องดำเนินไป แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 17:14:57 จากคุณ : เดอะลิง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:57:50

ความคิดเห็นที่ 16 จั่วหัวข้อ ก็ชวนกินมาม่าซะแล้ว.......................เราไม่หลวมตัวนะ เหตุผลตาม คห 11 ยังไม่มีใครเคยไปถึงโลกหลังความตายแล้วกลับมารายงานพร้อมหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าเป็นอย่างไร   นอกจากคำเล่าว่าเคยไปเคยเห็นมาแล้ว  ว่าเห็นอะไรมาบ้างตามความเชื่อของแต่ละท่านก่อนตาย  ย้ำนะว่า  ตามความเชื่อของแต่ละท่านก่อนตาย   ยังไม่เคยปรากฎว่าคนที่ฟื้นจากความตายเคยไปเห็นโลกหลังความตายที่ต่างศาสนาต่างความเชื่อที่ตนเคยเชื่ออยู่   ฉนั้นแต่ละศาสนายังไม่อาจพิศูจน์ให้คนบนโลกวุ่นๆนี้เชื่อว่ารางวัลของการทำดีบนโลกใบนี้มีรออยู่หลังความตายได้ นอกจากศรัทธาและความเชื่อที่ศาสนิกชนแต่ละค่ายหวังไว้เป็นรางวัล  มันเป็นทางเลื่อกของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ประเสริฐอันแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ  มันไม่มีศาสนา     เห็นความแตกต่างใหมครับ ขอจบแต่เพียงนี้ ไม่ตอบโต้กับใคร  เห็นด้วยก็เห็นด้วย  ไม้เห็นด้วยก็ผ่านไปครับ....... จากคุณ : มาอีกแล้ว เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:38:36

ความคิดเห็นที่ 17 ศาสนา ที่เเท้จริง ต้องอยู่ เหนือพระเจ้า เทวดา ผี ใช้ปัญญานำความเชื่อ เชื่ออย่างไร้สติห้ามสงสัยไม่งั่นบาป ก็เหมือน พวกคนป่าไร้การศึกษา ถามย้อนกลับ เเบบ พวกตาลิบัน ที่ทำลายพระพุทธรูป เพราะหวังดีกลัวคน งมงายจึงทำลายให้รู้ว่าเเท้จริงเเล้ว เป้นสิ่ง ลวง ตา ในทางกลับกัน ชาวพุทธส่วนใหญ่ ในประเทศไทยก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่อยากให้พวก นับถือพระเจ้า งมงาย เพราะพระเจ้าที่ว่าไม่มีจริง เเม้ อำนาจ ที่จะปิดกระทู้หมิ่น พระเจ้ายังทำไม่ได้เลย แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 22:52:17 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 21:28:29

ความคิดเห็นที่ 18 mce รักษาเส้นนิดนึงครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 21:48:19

ความคิดเห็นที่ 19 พี่จิม (Jimbovy) พระเจ้าในความเป็นจริง ดูไว้ครับ Zeus's จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:00:44

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้ดิฉันก็พอจะทราบแล้วว่าใครคือ คนป่า ไร้การศึกษาค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:04:44

ความคิดเห็นที่ 21 นี่พระเจ้าในอุดมคติ พระเจ้าJOHN LENNON สร้างสันติด้วยเสียงเพลง ไม่ตกนรก ไม่ต้องร้องขอ  ขึ้นสรรค์ด้วยเสียงเพลง แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 22:18:51 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:11:53

ความคิดเห็นที่ 22 Imagine there's no heaven จินตนาการไปว่าไม่มีสรวงสวรรค์ It's easy if you try มันง่ายนะ หากเธอพยายาม No hell below us เบื้องล่างเรานั้นไม่มีขุมนรก Above us only sky เบื้องบนเราก็มีเพียงท้องฟ้า Imagine all the people จินตนาการไปว่าทุกคน Living for today... อยู่เพื่อวันนี้ Imagine there's no countries จินตนาการไปว่าไม่มีประเทศ It isn't hard to do ซึ่งไม่ยากเลยที่จะทำ Nothing to kill or die for ไม่มีสิ่งใดให้กำจัดหรืออุทิศชีวิตให้ And no religion too และไร้ซึ่งศาสนามากั้นกลาง Imagine all the people จินตนาการไปว่าทุกคน Living life in peace.... อยู่เพื่อสันติสุข You may say I'm a dreamer เธออาจหาว่าฉันเพ้อฝัน But I'm not the only one แต่ฉันไม่ได้เป็นแค่คนเดียวหรอก I hope someday you'll join us ฉันหวังว่าสักวันเธอจะมาร่วมฝันด้วยกัน And the world will live as one แล้วโลกใบนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียว Imagine no possessions จินตนาการไปว่าไร้ซึ่งการครอบครอง I wonder if you can ฉันต้องประหลาดใจว่าเธอทำได้ไหม No need to greed no hunger ไม่จำเป็นต้องมีใจโลภ A brotherhood of man อยู่กันฉันท์พี่น้อง Imagine all the people จินตนาการว่าทุกคน Sharing all the world... ร่วมแบ่งปันโลกใบนี้... เพลงในตำนานเเบบนี้เเม้พระเจ้าufo ก็ไม่อาจสร้างได้ เเต่พระเจ้าJOHN LENNON สร้างได้ จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:18:34

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ mce คะ ศาสนาของท่านก็คือศาสนาของท่านค่ะ และศาสนาของฉันก็คือศาสนาของฉันค่ะ ถ้าเรายังไม่เริ่มสันติที่ตัวเราเอง แล้วเราจะหวังสันติที่ไหนได้คะ ตอบกระทู้ ศาสนาที่เหมาสมกับความเป็นมนุษย์ คือศาสนาที่เราพร้อมจะยอมรับนับถือศาสนานั้นด้วยจิตใจจริง ๆ ค่ะ  ซึ่งจิตใจ ของมนุษย์แต่ละคนก็แตกต่างกัน  ศาสนาที่แต่ละคนเห็นว่าเหมาะสมกับตนจึงแตกต่างกันด้วยคะ จากคุณ : คุณลุงกับรถเก่าๆ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:30:35

ความคิดเห็นที่ 24 คุณลุงกับรถเก่าๆ พระเจ้าของผมคือพระเจ้าJOHN LENNON คุณอย่าคิดว่าพระเจ้าของตัวเองยิ่งใหญ่ กว่าพระเจ้าคนอื่นสิ ผมยังไม่เคยว่าพระเจ้าคุณเลย พระเจ้าของใครก็ของมันสิ ผมพอใจในพระเจ้าJOHN LENNON ของผม จะมาบังคับให้ ผมคิดว่ามีพระเจ้าเหมือนที่คุณคิดได้อย่างไร พระเจ้าในโลกนี้มีหลายพระเจ้านะครับ ถ้าคิดว่าพระเจ้าตัวเองยิ่งใหญ่เเล้ว ใครก็ตามที่พูดขึ้นมาว่าพระเจ้าต้องหมายถึงพระเจ้าของคุณเท่านั้น หรอ? ผมไม่ได้หมายถึงพระเจ้าในศาสนาคุณเลย ผมหมายถึงพระเจ้าในใจผม ไม่ใช่พระเจ้าในใจคุณ เเละพระเจ้าในโลกนี้มีหลายพระเจ้า แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 00:01:40 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 00:00:39

ความคิดเห็นที่ 25 ขออภัยด้วยนะคะคุณ mce ที่อาจจะทำให้คุณเข้าใจผิด ดิฉันบอกว่าศาสนาของท่านก็คือศาสนาของท่านค่ะ และศาสนาของฉันก็คือศาสนาของฉันค่ะ คือเราไม่เกี่ยวข้องกัน พระเจ้าของคุณคือ จอห์น เลนนอน ซึ่งคือสิ่งที่ดีสำหรับคุณ พระเจ้าของฉันคืออัลลอห์ คือสิ่งที่ดีสำหรับฉัน ดังนั้นจึงไม่ถึอว่าดิฉันบังคับคุณนะคะ เพียงแต่อยากบอกให้ทราบว่าไม่ควรที่จะหมิ่นคนอื่นเท่านั้น ขออภัยอีกครั้งที่ทำให้กระทู้ออกทะเล จากคุณ : คุณลุงกับรถเก่าๆ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 00:14:37

ความคิดเห็นที่ 26 Login ไหนที่คุยไม่รู้เรื่อง ไร้สาระ ไห้พร่ำไปคนเดียวอย่าไปสนใจครับ จากคุณ : Sleeping เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 00:40:17

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ เห็นด้วยครับ คห ข้างบน Login ไหนที่คุยไม่รู้เรื่อง ไร้สาระ ไม่ได้เข้ามาตอบประเด็นกระทู้ ไห้พล่ามไปคนเดียวอย่าไปสนใจ จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 02:35:20

ความคิดเห็นที่ 28 เข้าใจแล้ว และผมได้เสียเวลาในรื่องนี้ ขอทุกๆท่านได้ ยึดมั่นในคำสอนของ ตามความศรัทธาของท่าน อย่างมั่นคง แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 10:06:50 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 04:10:50 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 03:57:59

ความคิดเห็นที่ 29 ศาสนาแบบไหนที่น่านับถือ และสมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ก็ทุกศาสนาครับ  ถ้ายึดมั่นแต่พอดี  และทำตามหลักของศาสนานั้น  เพื่อโลกใบนี้อย่างแท้จริง จากคุณ : tripper 95 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:28:46

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 19 พระเจ้าZeus's  ครั้งหนึ่งคนบางทวีป ยกย่องว่ามีจริง เมื่อเวลาเปลื่ยนคนมีความรู้มากขึ้้น พระเจ้าZeus's เหลือเเต่ความทรงจำ มนุษย์เข้าใจพระเจ้าว่ามาช่วยมนุษย์ ดูในคลิป ดีๆครับ ความคิดเห็นที่ 22 ต้องใช้ใจมองอย่างเดียวครับ ปราศจากความเชื่อเก่าๆว่าห้ามสงสัยใครสงสัยบาป แต่ ให้คิดตาม ครับ  พระเจ้าJOHN LENNON    ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และผมเชื่อว่า การหลอกตัวเอง ไปวันๆนั้นไม่ยั่งยืน ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 27 คุณคงคุยกับผมไม่รู้เรื่องเพราะ พระเจ้าของผมกับของคุณต่างกัน แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 09:04:05 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:56:06

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่ศรัทธาว่ามีผู้สร้าง รัก และเคารพ อย่างหมดหัวใจ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่? กับมามองธรรม  หรือ ทีเรียกว่า ธรรมดา ธรรมชาติบ้าง ลูกที่คลอดออกมาจากท้องพ่อ ท้องแม่ รัก และเคารพพ่อและแม่อย่างหมดหัวใจ มีศักดิ์ศรี สมฐานะความเป็นมนุษย์หรือไม่? ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความว่าง มีให้เห็นอยู่ทุกวัน การเคารพว่าเราไม่ได้เกิดมาจากความว่าง มีศักดิ์ศรีควรค่าแก่การเป็นคนหรือไม่? จริงๆแล้วเป็นเรื่องของ ศาสนาไม่มีศักดิ์ศรี หรือเป็นเรื่องของ คน ที่ ปากไม่มีศักดิ์ศรี ยกตัวให้สูง  ไล่ดูถูก เพื่อนต่างศรัทธา หาว่าขาดปัญญา ไม่ยอมเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากความว่าง ตามที่ตนเชื่อกันแน่ ถ้าคิดว่าการเชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากความว่าง เป็นการใช้ปัญญาและสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มากกว่าผู้ที่เชื่อ เรื่องการถูกสร้าางจริง เพื่อสนองความเย่อหยิ่งนี้ ผมขอเสนอให้ ช่วยสร้างอะไรสักอย่างจากความว่างให้ดูหน่อย แต่ถ้าทำไม่ได้ ผู้ที่ไม่มีศักดิ์ศรีคนนี้ จะพาไปดูหมูคลอดลูก จะได้รุ้ว่า หมูมันออกมาจากไหน ว่าสิ่งหนึ่งถูกสร้างจากสิ่งหนึ่งอย่างไร จะได้เลิกดูถูกความศรัทธาและปัญญา แม้แต่ศักดิ์ศรีความมนุษย์ของเพื่อนต่างศรัทธากันเสียที จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 12:46:11

ความคิดเห็นที่ 32 จากเนื้อเพลง ลึกๆแล้ว จอห์น เลน่อน ก็ปรารถนาจะพ้นทุกข์ นั่นคือสิ่งปรารถนาสูงสุด ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่สวรรค์ ไม่ใช่นรก ไม่ต้องมาเจอคนบ้าๆ ทำสงครามแย่งอำนาจ หรืออ้างความศักดิ์สิทธิ์ ลองฟังอีกเวอร์ชั่น ร้องโดย Connie Talbot เพราะดีเหมือนกัน จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 18:22:18

ความคิดเห็นที่ 33 ฝากอีกเพลง ครับ จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 19:05:11

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่รู้สินะ ถ้าเกิดมาไม่มีทุกข์ ก็คงไม่รู้ถึงความสุข หรือไม่มีทั้งความสุข หรือความทุกข์ มันก็เหมือนไม่ค่อยมีความเป็นมนุษย์เท่าไหร่ ต่างอะไรกับก้อนหินกันนะ ทุกข์เพราะเห็นคนอื่นเป็นทุกข์ ก็เป็นความเห็นใจอย่างหนึ่ง ทุกข์เพราะเห็นคนเดือดร้อนจนต้องช่วยเหลือ ก็น่าจะเป็นความทุกข์ที่ดี ถ้าเห็นคน ๆ หนึ่งไม่รู้จักทุกข์อะไร.....มันก็... แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:13:47 จากคุณ : เดอะลิง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:13:06

ความคิดเห็นที่ 35 แต่ไปสวรรค์ก็เหมือนหลุดพ้นจากความทุกข์เหมือนกันนะคะ จากคุณ : เดอะลิง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:30:25

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 30 . . . . .  ความคิดเห็นที่ 27 คุณคงคุยกับผมไม่รู้เรื่องเพราะ พระเจ้าของผมกับของคุณต่างกัน ไม่มีพระเจ้าของผม ไม่มีพระเจ้าของคุณ ไม่มีพระเจ้าของใครๆ เพราะ พระเจ้า ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของได้หรอก หรือว่า มีใคร สามารถเป็นเจ้าของ พระเจ้า ได้ แต่ผม ก็เป็นสาวก บักจ้อน เล่นนอน เหมือนกันนะ จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 21:33:47

ความคิดเห็นที่ 37 คนพูดถึงสวรรค์ คนอยากไปสวรรค์ มีเป็นหลายล้าน แต่จะหาคนรู้จักสวรรค์จริงๆ ยากเต็มที จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 22:43:44

ความคิดเห็นที่ 38 สูเจ้าทั้งหลายจงฟัง ให้เชื่อข้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าจะทำให้วิญญานเจ้าได้มาอยู่กับข้าเพื่อเสวยสุขเมื่อชีวิตเจ้าดับลง ผู้ใด คัดค้านข้า เจ้าจะต้องได้รับทุกทรมานในนรก ข้าได้บอกแก่พวกเจ้าทั้งหลายแล้วนะ จงปฏิบัติตามแต่โดยดี ก่อนที่จะสายเกินไป ฟาราเดย์ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 15:17:56

ความคิดเห็นที่ 39 มนุษย์บางหมู่ แยกตนออกมาในที่สงัด งดจากการสมสู่โดยสิ้นเชิง -ในขณะที่มนุษย์บางหมู่ ผู้ชายกลับดำรงธรรมชาติคล้ายสัตว์เดรัจฉานบางชนิด เป็นจ่าฝูงตัวผู้ตัวเดียวที่มีผสมพันธุ์กับเพศเมียหลายๆ ตัว -มนุษย์บางหมู่ ทำการสอนให้รู้จักอภัยซึ่งกันและกัน และรู้จักละวางความโกรธ แม้จะถูกทำร้่าย -ในขณะที่มนุษย์บางหมู่ กลับดำรงความป่าเถื่อน แก้แค้น ฆ่ากัน ทำสงคราม ระหว่างชนเผ่า ไม่ต่างเท่าไหร่กับยุคที่สมองมนุษย์ยังไม่พัฒนา จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 15:20:10

ความคิดเห็นที่ 40 ความเห็นคุณ  Yaoharee  ชัดเจนดีมาก โดยเฉพาะที่พูดถึง พฤติกรรมของผู้ที่ชอบ ""ดูถูก"" ความเชื่อ ความศรัทธาและศักดิ์ศรีของผู้อื่นที่ไม่เห็นเหมือนตน แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 55 11:17:41 แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 55 11:12:39 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 11:10:27

ความคิดเห็นที่ 41 บางครั้ง "ความจริง" ก็ทำให้เจ็บปวด ทิ่มแทงถึงส่วนที่ลึกสุดของจิตใจ แต่ "ความเจ็บปวด" นี้ ก็คือ "ความจริง" ของชีวิต แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 55 12:33:26 จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 12:33:04

ความคิดเห็นที่ 42 จิตใต้สำนึกของมนุษย์   แทบจะเรียกได้ว่า หยั่งรู้  "ความจริงของชีิวิต" ทั้งหมด เพียงแต่   ตราบใดที่จิตใจยังถูกบีบคั้นใน "ความเชื่อ"  เป็นสิ่งที่บดบังความหยั่งรู้นั้น   จิตใจก็จะเ็จ็บปวดรวดร้าว  เพราะยอมรับ "ความจริง" ไม่ได้ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 12:36:59