ความคิดเห็นที่ 1 4. อัตตวาทุปาทาน ในข้อนี้ผมมีความเห็นว่า..หมายถึง..การยึดมั่นถือมั่น..ในความเป็นอัตตา...โดยวาทะ(เพียงแค่คำพูด)...เช่น..อัตตาไม่มี...โดยที่ยังไม่เคยลดละอัตตา(อัตตา ๓)..ในจิตให้มันไม่มีจริงๆ บุคคลผู้ละอุปาทานได้หมดไม่เกิดอีก....จะเป็นพระอรหันต์ครับ แต่จะมีอีกคำหนึ่งที่มีความหมายคล้ายๆกันคือ...สมาทาน..ซึ่งหมายถึง..ตั้งจิตปักมั่น(ใช้คำนี้ให้แตกต่าง..ซึ่งหมายถึง..ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่มีอัตตา(อัตตา ๓)ในจิตตน)..ซึ่งอาการในจิตจะต่างกันอย่างมากครับ ผู้ที่ปฎิบัติธรรมหากไม่สามารถ..มีญาณกำหนดรู้นามรูป..เข้าไปแยกแยะสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในจิตเมื่อผัสสะกระทบสัมผัส(อุปาทานที่เกิดจาก..ตา..หู..จมูก..ลิ้น..กาย..ใจ)..ได้ว่า..ณ. เวลาใดที่จิตเราประกอบด้วยอุปาทานหรือไม่อย่างไร...และดับอุปาทานนั้นๆเสีย...จะไม่มีทางเข้าใจอุปาทาน...และ..ลดละอุปาทานได้ครับ จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:49:47

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเข้าใจเรื่องอุปาทาน 4 ผมคิดว่าเราจะเปิดใจกว้างขึ้นนะครับ เราจะรับฟังความเห็นของทุกๆคนได้ แล้วปล่อยวาง ไม่ต้องมาเถียงกันแบบเอาชนะ อย่างที่เป็นอยู่นี้ เพราะไม่ว่าใครที่ยังไม่บรรลุ ก็ยังตกอยู่ใน อุปทาน 4 นี้ ทั้งสิ้น จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 09:00:02

ความคิดเห็นที่ 3 อุปาทาน ก็มีแค่ในอุปาทานขันธ์ 5 ซึ่งเป็นตัวทุกข์ ถ้าละอุปาทานขันธ์ 5 ได้ อุปาทาน 4 ก็จักคงไม่มี จากคุณ : NotUndo เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 09:04:29

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าหมายถึงผม ความเห็นที่ 37 กระทู้ Y11763739 ผมใช้ศัพท์แทนคำในจิตวิทยาของฝรั่งครับ ผมไม่ทราบว่า ของไทยใช้คำว่าอะไร http://th.wikipedia.org/wiki/อุปาทานหมู่ เห็นรายการทีวี เน้นคนทรง เชิญวิญญาณ พกกล้องกันไป ถ่ายทำบ้านร้าง สถานที่ล่ำลือ สร้างกระแส ผี และเทวดา ในรูปแบบต่างๆ บ่อยๆ ออกสื่อสารมวลชน(mass) ทางพุทธ คนจะเห็นได้ ไม่ใช่เรื่อง "แว่บๆ แป๊บๆ วูบวาบ เงาดำๆ แสงนิดเสียงหน่อย" หลายท่านอาจชอบแนว "แว่บๆ แป๊บๆ วูบวาบ เงาดำๆ แสงนิดเสียงหน่อย" รบกวนเจ้าของกระทู้ ค้นพระไตรปิฎกให้ผมหน่อย  ว่า บทไหนท่านเน้น เรื่อง "แว่บๆ แป๊บๆ วูบวาบ เงาดำๆ แสงนิดเสียงหน่อย" กลิ่นด้วยก็ได้นะครับ ถ้าท่านเจ้าของกระทู้มั่นใจว่า ในพระไตรปิฎก หรือ คำสอนเกจิอาจารย์ท่านไหน กำกับเรื่องประเภทนี้ว่า "ใช่ พุทธะ" (คงเจอซักอาจารย์ครับ ผมให้ทางออกคุณเจ้าของกระทู้ค้นคำสอนเกจิด้วยดีกว่า) จะได้แชร์กัน สำหรับ 4 บรรทัดสุดท้ายของกระทู้ ------------- ต้องขอบคุณ ความหมายคำว่า อุปาทาน 4 ด้วยครับ ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ในคัมภีร์ มีความหมายด้วย ^ ^ ลองอ่าน คห.ที่ 2 ท่านนิยมวัตถุ หลายๆรอบ ก็ดีนะครับ คุณเจ้าของกระทู้  แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 02:20:24 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 09:28:03

ความคิดเห็นที่ 5 คำที่บุคคลต่าง  ๆ ใช้กล่าวเตือนว่า "นั่นเป็นอุปาทาน นี่เป็นอุปาทาน" ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกตายตัว และก็ไม่ใช่ว่าจะผิดตายตัวหรอก ถ้าเอามาใช้เตือนแบบเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวตน ให้ปล่อยวางให้หมด มันว่างอยู่แล้ว....ความเข้าใจแบบนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเป็นการไปเอาผลก่อนโดยที่เหตุไม่มีจริง เป็นแต่เพียงความคิด แต่ถ้าเอามาใช้เตือนแบบเข้าใจว่าให้หัดละอารมณ์ต่าง ๆ หัดปล่อยวางอารมณ์บ่อย  ๆ เข้า เพื่อให้จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ....ความเข้าใจแบบนี้เป็นความเข้าใจที่ถูก เพราะเป็นการใช้ปัญญาอบรมจิตใจลงไปให้เกิดสมาธิ เป็นการสร้างเหตุที่ถูกตามหลักคำสอน เพื่อที่จะได้ออกใช้ปัญญาที่เป็นการขจัดกิเลสได้ในขั้นต่อไปนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 11:59:13 จากคุณ : ชีพชาวพุทธ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 11:55:35

ความคิดเห็นที่ 6 จุดมุ่งหมายของผมนั้นคือ ในฐานะที่ศึกษาในพระศาสนานั้น การที่เราจะใช้คำพูดอะไร ควรจะพิจาณานิดหนึ่ง ว่าเรารู้อะไรเท่าที่จะกล่าวได้หรือไม่ เช่น การแนะนำบุคคลอื่นว่าเป็นอุปาทานหรือไม่ ควรจะเข้าใจคำว่าอุปาทานให้ชัดเจน และเข้าใจการปฏิบัติหรือสิ่งนั้นๆอย่างชัดเจน เช่น ไอ้แว้บๆ เรารู้หรือว่า แว้บๆคืออะไร มันสำคัญที่เรา ไม่ใช่เขา ผมบอกได้เลยว่าไม่รู้ ไม่รู้ก็เฉย หรือจะมาถามผมว่า ฌาน๔ เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย ผมตอบไม่ได้... เพราะผมยังไม่ได้ฌาน๔ ก็หยิบตำราให้เขาดูว่ามันเป็นอย่างนี้ แล้วก็คุยกันว่าถ้าผมได้แล้วจะมาแชร์ ผมว่ารบกวนคุณ Zim-MorLuth- ไปหาคำว่าอุปาทานที่คุณใช้ก่อนดีกว่าครับ ว่าอยู่ตรงไหนในพระไตรปิฏก หรือไม่ก็ลองพิจารณาดูแล้วกันว่า อาการกิริยาที่คุณใช้คำว่าอุปาทานนั้น ตัวคุณเองเป็นอุปาทานในข้อไหน "คิดไปเอง" จะบอกใครก็ต้องรู้ให้ชัดก่อนว่าเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนตัวผมนั้น มีอุปาทานในขันธ์อยู่เยอะครับ อิอิอุอุ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 14:05:22

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อ 1 ผมใช้ศัพท์จากภาษาอังกฤษ (ให้ link คห.ที่4ไปแล้ว) ข้อ 2 ไม่ได้ใช้จากพระไตรปิฎก  ข้อ 3 อุปาทานในมุมพระไตรปิฎก ท่านนิยามวัตถุ กล่าวถึงแล้ว ข้อ 4 รบกวนอ่านข้อ 1 อีกครั้ง ข้อ 5 รบกวนอ่านข้อ 1 อีกครั้ง http://www.clipmass.com/story/11244 เพิ่มเติม link ใ้ห้ 10 อุปทานหมู่ที่น่าเหลือเชื่อ !!! คุณเองรึเปล่า ?? กำลังยึดติด ผูกขาดคำว่า "อุปาทาน" ให้ต้องใช้ความหมายเดียว ต้องได้ ต้องแปล แค่ในพระไตรปิฎก ที่ตัวเองรู้จักเท่านั้น?! ย้อนเรื่องอุปาทานอีกนิด (เดี๋ยวจะว่าเนื้อหาฝรั่งแรงไป เกี่ยวอะไรกับแสงแว่บๆเบาๆ) สำหรับคนไทย อุปาทานที่ดังๆ ครั้งนึงคือเรื่อง "อัศจรรย์ตะวันแก้ว" มองขึ้นฟ้า เห็นพระอาทิตย์ในรูปแบบที่จิตสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ลงความจริง เรื่อง อัศจรรย์จริง/ไม่จริง พักไว้ ไม่เอามาเถียงกัน แต่นักจิตวิทยาหลายท่า่น ณ ตอนนั้นใช้คำว่า "อุปาทานหมู่" มาอธิบายปรากฏการณ์ครั้งนั้น สะท้อนอำนาจทางจิตอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าให้ผมหาอุปาทานในพระไตรปิฎก ก็ตามความเห็นที่ 2 ท่านนิยมวัตถุครับ มันก็เด้งกลับมาเรื่อง "ความกว้าง-แคบ ในการแสดงทัศนคติ" ซึ่งถ้าคนนึงบอกว่าตีความ จากศัพท์ภายนอก แต่อีกคนต้องใช้เฉพาะพระไตรปิฎกตีความเท่านั้น ไม่แคล้วจะลงเรื่อง "ผี" "มิจฉาิทิฐฐิ" ตำราว่ามี ฝั่งนึงตีความเพื่อสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์ อีกฝั่งห้าม สื่อสาร เพราะตำราว่าอีกอย่าง "กลไกแบบนี้เป็น 1 ในอุปาทาน เรื่องยึดมั่นยึดติดหรือไม่??"    พี่ท่านอื่นเขาไม่ทักไ่ม่ท้วง เพราะเขาทราบรึเปล่าว่ามีศัพท์นอกพระไตรปิฎกด้วย?? เจตนาเรื่อง "คิดไปเอง" ผมพิมพ์เพิ่มเติมใน คห. 43 Y11763739 บางครั้งเวลาทักท้วงอะไร ในเมื่อมีหลายท่านคล้อยตามเยอะแล้ว มิตรที่ดี ควรสวนทาง เพื่อกระตุกเตือนสติกัน ไม่ให้ถล้ำไปด้านใด ด้านหนึ่ง เกินไป ไม่เคยเจอคนแบบนี้หรือครับ ในชีวิตจริง? แค่คำว่า "อุปาทาน" คำเดียว ขึ้นกระทู้โหวต?! คนกดโหวตนี้ เหลือเกินจริงๆ -*- ------------------ แก้ไข เอาคห.นอกกระูทู้ ออก แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 17:58:07 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 17:48:36

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 43    ^ อธิบายเพิ่มเติม ก่อนจะไปกันไกล เดี๋ยวกู่ไม่กลับอีก ไม่อยากขึ้นสังเวียนแบบพี่ท่านอื่น ผมไม่ได้ว่า ท่านคำเภาบ้านะครับ แต่แซวให้ระบบ "สติ" "โยนิโสมนสิการ" ทำงาน คนฝึกในห้องนี้ คงหลายท่าน ที่เห็นพ้องกันว่า "กุศลจิต" ท่านคำเภาเป็นของดี  เมื่อจิตถึงระัดับที่สามารถ"จูนติด" แล้ว ระบบ "โยนิโสมนสิการ" ไม่ทำงาน รอบหน้า สิ่งที่แย่กว่า ใช่่ว่า เกิดไม่ได้  เช่น ระหว่างขับรถ เหลือบมองกระจกมองหลัง เห็นเจ้ากรรมนายเวร นั่งเลือดท่วมแสยะยิ้ม ตกใจ หักพวงมาลัยชน เสาไฟฟ้า ... เพราะแค่เห็นแสง ยังดีใจ"ตื่นเต้น"เสียจนเพื่อนๆ ทุกท่านรับรู้ได้ถึงแรงปิติของท่านคำเภา ใช่ก็ นิ่ง ไม่ใช่ก็ นิ่ง ณ เวลาที่เกิดนะครับ  ผมไม่ได้หมายถึงตอนเช้า หรืออีกอาทิตย์ถัดมา ถ้าคำแซวเล่นผม รวบรัดเจตนาให้คิดว่า ผมมองว่า บ้า ก็ขอโทษด้วยครับ ไม่มีเจตนาเช่นนั้น จริงจริ๊ง (ทำเสียงสูงให้ดูน่าสงสัย อิอิ) แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 09:57:16 จากคุณ : Zim-MorLuth-  เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 09:53:02  ถูกใจ : Persimon (ชอบจริงๆ ดึงคนอื่นให้ซวยไปด้วยเนี้ย ท่าน Persimon ฮ่า ฮ่า ฮ่า) ---------------------------- จากความเห็นด้านบน "อุปาทาน" ตามตัวหนังสือ ในคัมภีร์ไม่มีซักข้อครับ (รู้ว่า อยากฟังคำนี้ ผมพิมพ์ให้เลย) แต่ใช้คำเพื่อเรียก กลไก การทำงานระบบ "โยนิโสมนสิการ" ให้ขยับ 1http://www.oknation.net/blog/Duplex/2008/03/05/entry-1 1. โยนิโสมนสิการประเภทพัฒนาปัญญาโดยตรง มุ่งให้เกิดความรู้เข้าใจตามเป็นจริงตรงตามสภาวะแท้ๆ เน้นที่การ ขจัดอวิชชา เป็นเครื่องนำไปสู่โลกุตรสัมมาทิฏฐิ อาจเรียกว่า โยนิโสมนสิการระดับสัจธรรม เมื่อไม่รู้ (อย่าง คห.6 บรรทัดที่ 10 บอกเอง) ก็ไม่ควรไปเชื่อว่า เป็นเทวดา สร้างความหลงให้จิตเปล่าๆ เมื่อไม่รู้กัน(แทบจะหมดเว็บบอร์ด) กลับลงความเห็น ยินดีกับแสบแว่บๆ กันถ้วนหน้า - -" มันจะต่างอะไรกับ "อุปาทานหมู่" ในเมื่อ หมู่คณะยินดี ชื่นชมกับมัน รอเพียงคนอื่นเห็นแสงตาม แล้วผงกหัวตอบให้ตรงกัน ไม่ถูกหรือ??? ที่พิมพ์มา แทบจะเรียกผิวๆสะเก็ดศาสนาด้วยซ้ำ เป็นแค่วิทยาศาสตร์แขนงนึง  ไม่อยากเพิ่มเติม link เพราะแต่ไหนแต่ไร คุณเจ้าของกระทู้ก็ไม่อ่านอะไรเพิ่มเติมอยู่แล้ว - -" ------------------------------ เพิ่มจาก wiki ให้นิดนึง (เผื่อเด็กๆอ่าน) โยนิโสมนสิการ หมายถึง การทำในใจให้แยบคาย กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาท หรือ "อัปมาท"   http://th.wikipedia.org/wiki/โยนิโสมนสิการ กาลามสูตร 10 ข้อ โยนิโสมนสิการ อีก 10 ข้อ เจอ "แว่บๆ แป๊บๆ วูบวาบ เงาดำๆ แสงนิดเสียงหน่อย" กัน ไม่กี่วินาที ทิ้งหมดตำรงตำรา เชื่อตามคำบอกเล่าทันที ง่ายดี?? อ่านคำว่า "อุปาทาน" คำเดียว รู้ความหมายมุมเดียว ถลาเข้ามาเลย ระบบตรรกะอื่นในพุทธศาสนาไปไหนครับ -------------------------- แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:12:06 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 20:08:57 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 18:30:43 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 18:18:42

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ Zim-MorLuth- ครับ ตอนที่คุณใช้คำว่า อุปาทาน คุณใช้กับอะไรละครับ เอาจริงๆนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณเป็นชาวพุทธหรือเปล่า ปฏิบัติธรรมบ้างหรือเปล่า เพราะการให้ความเห็นเรื่องการปฏิบัติสมถะ แล้วแนะให้คิดว่าเป็นอุปาทาน ผมว่ามันแปลกดี เพราะดูเหมือนคุณจะเข้าใจการปฏิบัติสมถะมาก จึงแนะนำอย่างนั้นได้ (จริงๆแล้วผู้ที่จะแนะนำอย่างนั้นได้ คือต้องจบกิจสมถะนะครับ) แต่เมื่อใช้คำว่าอุปาทาน คุณกลับไปใช้ในความหมายอื่นแทน เพราะสมถะภาวนานั้น กับอุปาทานนั้น มันเชื่อมต่อกันด้วยความหมายทางพุทธศาสนา เหมือนคำว่า สังขาร เมื่อเรากล่าวกันถึงขันธ์ ๕ และสังขาร เราก็จะระบุได้เลยว่า สังขารนี้คืออะไร แต่การที่คุณใช้คำว่าอุปาทานนั้น จริงๆแล้วผมอยากจะบอกกล่าวกับหลายๆคนมากกว่าเฉพาะตัวคุณ ว่าอุปาทานทางพุทธศาสนานั้นคืออะไร เพราะใช้กันเยอะมาก เจอไอ้นั่นก็อุปาทาน เห็นไอ้นี่ก็อุปาทาน รู้สึกอย่างนั้นก็อุปาทาน คำถามก็คือ คนที่กล่าวว่าเป็นอุปาทานนั้น รู้ขนาดไหนว่าเป็นอุปาทาน แล้วถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่อุปาทาน ผู้ที่กล่าวรับผิดชอบอะไรหรือไม่ และทางพุทธศาสนานั้น ท่านใช้คำว่าปรามาสนะครับ ผมถึงตั้งกระทู้เตือน เจตนาของผมก็คือ อยากให้ชัดเจนกัน จะได้รู้ว่าจะใช้กันยังไง ส่วนเรื่องอุปาทานหมู่.. หว้ากอครับ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 09:48:19

ความคิดเห็นที่ 10 เอาจริงนี่ล่ะครับ ผมใช้เพราะปรากฏการณ์เชิงจิตวิทยาฝรั่ง ซึ่งแปลศัพท์ไทยได้คำว่า "อุปาทานหมู่" ต้นเหตุ-ปรากฏการณ์ แสง แว่บ ภาพ ผุดขึ้นมา ต่างประเทศเขาก็ศึกษาวิจัยกันแล้ว ว่าบางปรากฏการณ์มีผล ตรงต่อสภาพร่างกาย ความเจ็บปวดเบา ถึงหนักได้เลย ซึ่งคำเหล่านี้ แปลภาษาไทย เขาใช้คำว่า "อุปาทานหมู่" ผู้ใช้คำเหล่านี้ "ไม่จำเป็น"ต้องทราบความหมายของคำว่า "อุปาทานขันธ์ 5" หรอกครับ "ไม่ต้องรู้จักพุทธศาสนา" เพียงอ่านข่าว บทความ ศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถใช้คำว่า "อุปาทาน"ได้ครับ -http://th.wikipedia.org/wiki/อุปาทานหมู่ < กดดูบ้าง ว่าโลกมีคำนี้อยู่จริง -หรือในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ [อุปาทาน, อุบปาทาน] ความหมายที่ 2 "การนึกเอาเอง"แล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ   -พจนานุกรม ไทย-อังกฤษ NECTEC's Lexitron ความหมายที่ 2 [n.] imagination -จินตนาการ [syn.] อุปทาน -ความนึกคิดและเห็นไปเอง เอาทีละเรื่องครับ เอาความหมายอุปาทานให้จบก่อน ตกลงคุณจขกท.ทราบแล้วนะครับว่า โลกภายนอกมีคำนี้ใช้กัน?? ให้จบไป ทีละประเด็น ตอบตรงนี้ก่อน   เห็นสนใจคำว่า อุปาทานผมมาตั้งคราว มาเฟีย ในกระทู้ Y11700177#32 แล้ว    ----------------------------- แล้วผมจะใหุ้คุณใช้สิทธิ์ไถล ออกไปเรื่องสมถะกับอุปาทาน *** รอบก่อน Y11700177#32 "อุปาทาน" ผมไม่เกี่ยวกับสมถะ ก็เห็นคุณตั้งท่าจะโชว์ "อุปาทานขันธ์5" ที่ตัวเองอ่านมา ทีนึงล่ะ ------------------------------ แก้ไขเลขที่กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11700177/Y11700177.html แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 13:14:05 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 12:20:43 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:11:40

ความคิดเห็นที่ 11 คห.9 บรรทัดสุดท้าย เห็นเป็นพุทธด้วยกันนะครับ ผมจะไม่ใช้คำเพื่อไล่ ตอบคืน ^ ^ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:14:39

ความคิดเห็นที่ 12 บุคคลผู้ละอุปาทานได้หมดจะใช่พระอรหันต์หรือไม่หนอ ใช่งับ แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งงับ และบุคคลผู้ฟังอะไรๆมา แล้วก็สรุปว่าเป็นอุปาทานบุคคลนั้นอุปาทานยิ่งกว่าหรือไม่หนอ ง่ะ ถ้าแค่ฟังๆมาก็ได้แค่ฟัง แค่คิดแหล่ะคับ ผู้ยังไม่หลุดพ้นล้วนเป็นผู้ยึดมั่น ผู้ยังไม่หลุดพ้นล้วนเป็นผู้ยังมีอุปปาทาน คำบาลีพอเห็นคำแปลเป็นอังกฤษยิ่งทำให้เข้าใจความหมายจัดเจนยิ่งขึ้นคับ คาระวะหลงตาปยุตอีกที คิดถึงจัง จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 02:52:40

ความคิดเห็นที่ 13 อุปาทานหมู่ ผมรู้จักครับ ผมรู้จักคำว่าอุปาทานตั้งแต่เด็กแล้วครับ ว่าแต่โลกภายนอกคือที่ไหนครับ อุปาทานที่ผมยกมาก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าผมหมายถึงอุปาทานไหน และมีเจตนาอย่างไร แต่ยิ่งอ่านความเห็นของคุณZim-MorLuth- ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่า คุณZim-MorLuth-เข้าใจเจตนาของผมหรือไม่ และเข้าใจคำว่าอุปาทานดีขึ้นหรือไม่ และอยากจะละอุปาทานหรือไม่ คำว่าอุปาทาน ใช้บ่อยๆ ต้องใช้ให้เป็นรู้ให้จริง ยิ่งถ้าใช้กับการปฏิบัติธรรม ต้องระวัง จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 08:24:28

ความคิดเห็นที่ 14 รอบก่อน Y11700177#32 "อุปาทาน" ผมไม่เกี่ยวกับสมถะ ก็เห็นคุณตั้งท่าจะโชว์ "อุปาทานขันธ์5" ที่ตัวเองอ่านมา ทีนึงล่ะ ------------------------------ แก้ไขเลขที่กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11700177/Y11700177.html ความคิดเห็นที่ 32    ูู^ ^ ถ้าคุณศึกษามาดี ปฏิบัติมาดี ไม่บิดเบือนศาสนาตัวเอง ศาสนาผู้อื่น 10 แก๊งส์มาเฟีย คุณก็ต้องพร้อมชนครับ แต่ถ้าคุณทำตรงกันข้าม แถมจิตอ่อน ใจเสาะ ไม่จวนตัว ล่ะปากเก่ง โอ้อวดไปเรื่อย เด็กถือไอติม คุณก็อุปทานเป็นแก๊งมาเฟีย ได้นะครับ  เพื่อหนีปัญหา คนเรามีข้ออ้างได้หมดล่ะ (ไม่แปลกใจเท่าไร แนวคิดเรื่องมาเฟีย)  (แปลกใจคนเชื่อว่า แนวคิดนี้มีจริง มากกว่า) ............. จากคุณ : Zim-MorLuth-  เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 13:22:33  ถูกใจ : หอมทวนลม, ongchai_maewmong, RoseTiara, คอแก้ง, nan97, ตรัยพล, 13th friday เออ... ว่าแต่คำว่าอุปาทานนี่ น่าสนใจนะครับ จริงๆแล้วมาถกกันเรื่องอุปาทานนี่สำคัญและดีเอามากๆ เพราะอุปาทานขันธ์ 5 เป็นตัวทุกข์ ปล.ว่าแต่ใครเป็นเด็กถือไอติมละครับ ปล.2 ท้าทายกันในเวบบอร์ดผมว่าเป็นเรื่องปกติ ปล.3 ตกลงมาเฟียเป็นยังไง จากคุณ : kiarati  เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 13:56:26  -เจตนา คือ อยากให้คนบนโลกใช้คำว่า "อุปาทาน" ให้ตรงกับที่คุณต้องการ?????=โลกต้องหมุนรอบคุณงั้นสิ????? -เจตนา คือ อยากถก เพราะตัวเองอ่านมา แล้วคนอื่นใช้ไม่ถูกใจตน????? -เจตนา คือ ระบบปัญญาท่านอื่น สามารถเรียนรู้ศัพท์ 2 ความหมาย 2 สถานการณ์ได้ โดยไม่ทักท้วง ขัดข้อง????? ยกตัวอย่าง... คำว่า "จักร" เย็บผ้าก็ได้ อาวุธก็ได้ วันนึงมีคนตะโกนมาว่า ห้ามใช้คำนี้เป็น อาวุธ ให้ใช้ได้ความหมายเดียวคือ เย็บผ้า!!  เจริญล่ะ วันนึงคงห้ามโลกหมุนรอบตัวเองล่ะครับ คงให้มาหมุนรอบคุณคนเดียว --------------------- ไม่ต้องเอาการปฏิบัติธรรมมาอ้างหรอก รอบก่อน ก็ไม่ได้ใช้เกี่ยวกับปฏิบัติธรรมคุณก็ตั้งท่า จะโชว์ความหมายที่ค้นจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ที่เดียวอยู่แล้ว อยู่ในพุทธ ทำจิตให้ "กว้าง" ไว้ครับ  เรื่องทำจิตให้ "ลึก" ลงในความหมาย อุปาทาน ขันธ์ ผมไม่อยากถกกับคุณหรอก เพราะถ้าแค่ ท่านนิยมวัตถุเสนอมา คุณยังไม่เฉลียวใจ ผมก็พอเห็นแววแล้วล่ะ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 17:05:27