ก็อย่างที่ หลายความเห็นข้างบนตอบนะครับ และผมจะขอสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ คือ
การอุปสมบท มี ๓ แบบ
๑. แบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะทรงอนุญาตให้บวชด้วยวิธีนี้ได้ ภิกษุรูปอื่น ไม่สามารถอนุญาตได้
การให้อุปสมบท ก็คือ......เพียงแต่ พระพุทธองค์ ตรัสประโยคว่า...."เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์" เพียงเท่านั้น บุรุษนั้น ก็จะกลายเป็นพระภิกษุ ในทันที
วิธีนี้ ไม่มีปรากฎใช้อีก หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพาน
๒. แบบไตรสรณคมนูปสัมปทา คือการบวชโดยการให้เข้าถึงพระรัตนตรัย หรือไตรสรณคมณ์ นั่นเอง ดังปรากฎว่า วิธีนี้ ก็ทรงให้เลิกใช้ไปแล้ว ตั้งแต่ในยุคพุทธกาลเช่นกัน ทรงอนุญาตให้ใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
หลัก ๆ ก็คือ เพียงแค่ให้ปฏิญาณตน เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มีการทรงห้ามใช้ เพื่อการอุปสมบท (การบวชพระ) แต่ยังไม่ทรงห้ามใช้การพรรพชา (การบวชสามเณร) ดังนั้น วิธีนี้ ก็ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อการบรรพชา หรือบวชให้แก่สามเณร เพียงแต่ หลังจากการให้หนุ่มน้อย ได้รับไตรสรณาคมแล้ว ก็เพิ่มข้อวัตรที่จะต้องปฏิบัติตลอดไปอีก นั่นก็คือ ศีล ๑๐ ข้อ ของสามเณรนั่นเอง
สรุปก็คือ วิธีนี้ ก็ถือว่า ไม่มีการใช้อุปสมบทอีกแล้ว ในปัจจุบัน
๓. แบบญัตติจตุตถกรรมวาจา ก็คือการให้บรรพชาอุปสมบท ที่ทำกันในโบสถ์ เพื่อบวชพระในปัจจุบันนั่นเอง หลัก ๆ ก็คือ
- ต้องมีพระอุปัชฌาย์ รูปหนึ่ง ที่มีอาวุโสพรรษา และได้รับการยินยอมโดยหมู่สงฆ์ (ในปัจจุบัน ต้องได้รับการแต่งตั้ง จากคณะสงฆ์ส่วนกลาง) และในโบสถ์นั่นเอง ก็จะมีการประชุมสภาสงฆ์ และก็ต้องได้รับการเห็นชอบด้วย ด้วยการลงมติ โหวตเสียงเงียบ
คำว่าโหวตเสียงเงียบ นั่นก็คือ จะมีพระรูปหนึ่งถามขึ้นมาเสมอ ๆ หากต้องการให้มติในเรื่องใด ๆ ท่านก็จะสวด (ก็คือตั้งญัตติถามขึ้นมานั่นเอง) ว่า "สุณาตุ เม ภณฺเต สงโฆ...ขอพระสงฆ์ จงฟังกระผม " ก็คือ ใช้คำว่า "จงฟัง" ก็คือให้ตั้งใจฟังอย่างดี โดยสงบนั่นเอง เพราะเป็นการทำพิธีจะลงมติเรื่องสำคัญ (ห้ามเอะอะ โวยวาย ห้ามเมาเหล้าในสภา...อุ๊ย...อุ๊บบบบ....)
จากนั้น พระสงฆ์รูปที่เป็นผู้ตั้งญัตติขึ้นมา ก็จะขอมติ ว่า จะรับรองเรื่องนี้ ๆๆๆๆๆ ไหม แล้วก็บอกวิธีโหวต ให้พระอันดับ และพระทุกรูปในที่ประชุมนั้น ว่า..หากท่านเห็นด้วย ก็ขอให้ท่านจง "นั่งเงียบ ๆ " (หรือที่เรียกกันว่า นั่งโดยดุษฎียภาพ......ในภาษาบาลี ท่านใช้คำว่า ตุณฺหิ (สระ-อี) ภาโว)
อาการนั่งเงียบ ๆ นั้น ที่ประชุมจะถือเป็นการโหวตว่า เห็นชอบ
และการโหวต ในที่ประชุมสงฆ์นั้น ท่านถือการโหวต เป็นแบบ "ฉันทามติ" แบบเอกฉันท์ (เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ร่วมกัน) ไม่ใช่การโหวตแบบ เสียงข้างมาก
หากมีเสียงคัดค้านขึ้นมาเพียงเสียงเดียว การลงมติ ในที่ประชุมสงฆ์ ในลักษณะนี้ ก็จะถือว่า "ไม่ผ่านการอนุมัติ"
ผมอธิบายคร่าว ๆ นะครับ เพราะที่จริง ยังมีรายละเอียดอีกมาก ในการตั้งญัตติ ตั้งกระทู้ถาม ในอุโบสถ เพื่อที่จะผ่านร่าง ให้แก่บุรุษนั้น ได้เป็นพระภิกษุ ถือว่า ไม่ง่ายเลยทีเดียว
เช่นมีการตั้งกระทู้ถามกันตรง ๆ (แบบคนที่จะบวช อยากจะลุกขึ้นมาชกพระผู้ตั้งกระทู้ถามก็มีนะ) เช่นถามว่า...
คุณคิดจะบวชพระ แล้วคุณเป็นคนหรือป่าวเนี่ย ? (มนุสฺโสสิ)
คนที่จะบวช ก็ต้องไม่โมโห และต้องตอบ แต่โดยดีว่า
..อาม ภณฺเต...ครับผ๊ม ผมเป็นคนแน่ ๆ ครับ
และยังมีถามอีกหลาย ๆ ข้อครับ เช่น ...
ที่มาบวชเนี่ย พ่อแม่อนุญาตมาป่าว ?
ก็ต้องตอบว่า อาม ภณฺเต ..ได้รับอนุญาตแล้วคร๊าบบ
หรือ มีถามต่ออีกว่า...
เป็นหนี้ใครมาป่าว ? เป็นโจรป่าวเนี่ย หือ? ประมาณนั้น ๆ ครับ
หลังจากที่สัมภาษณ์ (เขาเรียกว่า ถามอันตรายิกธรรม) เสร็จแล้ว ปรากฎว่า หนุ่มคนนั้น เป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว พ่อแม่อนุญาต ไม่เป็นโรคร้าย ต่าง ๆ อีกหลายโรค และไม่ได้เป็นโจรผู้ร้าย ที่ทางการตั้งค่าหัว และค่าตัว ประมาณว่า จับเป็นก็ได้ จับตายก็ดี และไม่เป็น ฯลฯ
จากนั้น ก็นำพาหนุ่มคนนั้น เข้าไปกราบพระอุปัชฌาย์อีกครั้ง เพื่อให้ท่านอบรม และบอกข้อปฎิบัติที่สำคัญ ๆ อีกไม่กี่ข้อก่อน และพระอุปัชฌาย์ ก็จะแนะนำ มอบหมาย ให้มีพระกรรมวาจาจารย์ พระอนุศาวนาจารย์ (เรียกว่า ให้มีพระพี่เลี้ยงพระอาจารย์ คอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยสั่งสอน แนะนำกัน อย่างใกล้ชิด ไม่ห่างไปอีกหลายปี ส่วนพระอุปัชฌาย์เอง ต่อจากนี้ ก็จะไม่เน้นสอน แต่จะเน้น "เพ่งโทษ" คือคอยหาเรื่องที่จะตำหนิ นั่นเอง เพื่อให้พระรูปนี้ เป็นพระที่ดี ไม่มีโทษใด ๆ ต่อสังคม ต่อหมู่สงฆ์ ฯลฯ)
นี่เพียงคร่ว ๆ ของการบวช แบบที่ คุณท้าวสไมลี่ ถามมานะครับ ที่จริง รายละเอียดมีอีกมากมาย แต่ผมขออนุญาต เขียนอธิบาย เป็นภาษาง่าย เพียงเท่านี้ก่อน
หากอยากจะรู้จริง ๆ คุณท้าวสไมลี่ ก็น่าจะลงทุน ซื้อไตรจีวร และบริขาร ถวาย ให้ใครสักคนบวช (ผมอยากสมัคร เป็นคนแรก ..แต่ผมว่า คงไม่ผ่านการขอมติ ในโบสถ์แน่ ๆ เพราะเมื่อพระท่านถามว่า พ่อแม่อนุญาตป่าวเนี่ย.....พ่อแม่น่ะคงไม่ว่าอะไร แต่ ภรรยา คงมีประท้วงแน่ ๆ สรุปว่า ไม่ได้ฉันทามติหรอก..เชื่อเหอะ)
สรุปว่า หากคุณสไมลลี่ จะเป็นเจ้าภาพบวชให้ครสักคน ผมอาจจะผมทำอย่างอื่นให้เป็นประโยชน์ได้น่ะ เช่น สมัครไปร้องเพลงกล่อมขวัญนาค (หาก ชินกร ไกลลาส ต้องเข้าโรงบาลผ่าตัดลูกคอไปแล้ว อ่ะนะ) หรือจะให้ไปอธิบาย ขั้นตอนต่าง ๆ พอเป็นสังเขป ก็ไม่ขัดข้องครับ