ความคิดเห็นที่ 1 น้ำมันดิบ จากคุณ : ~หูว เสี่ยวผิง~ เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:19:27

ความคิดเห็นที่ 2 ชาวมุสลิม ดุสงญอ ต่อสู้ โจรคอมิวนิสต์ กลับกลายเป็นกบฎ ไปได้อย่างไร ? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคราที่แล้ว ผมกล่าวถึง ข้อเรียกร้อง 7 ประการ ของหะยี สุหลง โตะมีนา กับ รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของพลเรือตรีหลวง ธารงค์ นาวาศวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของไทย ที่จะนำพาซึ่งความเข้าใจอันดี ระหว่างคนไทยเชื้อสายมาลายู กับรัฐไทย และมีการประ ณีประณอมกัน เกือบที่จะบรรลุข้อตกลง ก็มีอันต้องหยุดชะงัก ไปจากการเข้ายึดอำนาจรัฐ โดย รัฐทหาร พออนุมานได้ว่า การทำสัญยาสันติภาพ นั้นเป้นส่วนนึง ในปัจจัยเหตุการยึดอำนาจในครั้งนั้น กลุ่มอำนาจทหารในขณะนั้นไม่พอใจ การทำสัญญาดั่งกล่าว จะทำให้พื้นที่นั้นสงบ การแสวงหาผลประโยชน์ จากการใช้อาวุธ นั้นก็ต้องลดตามไปด้วย และการแสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์ใน ธุรกรรมอำนาจมืดในขณะนั้น ทำไปได้โดยยากยิ่งขึ้น จึงมีเหตุทำให้เกิดการรัฐประหาร และการจับกุม หะยีสุหลง โตะมีนา และหาเหตุจากสถานการณ์ "กบฎดุงสงญอ" เพื่อฉีก ร่างกฏหมาย ที่ให้สัญญาไว้กับคนไทยเชื้อสายมาลายู โดยมีเหตุการณืดั่งนี้คือ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ จอมพล ป พิบูลสงครามกลับมาดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย อีกครั้งในปี 2491 โดยบอกว่าให้ความสำคัญทางด้านนโยบาย 4 จังหวัดภาคใต้ โดยการออกนโยบายเฉพาะ 4จังหวัดภาคใต้ ดั่งนี้คือ -รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเรียกว่า "คระกรรมการพิจรณาปรับปรุงปกครอง 4จังหวัดภาคใต้ -รัฐบาลจะพยายามจัดรูปแบบการปกครองให้เข้ากับธรรมเนียมปฏิบัติของชาวไทยอิสลาม เท่าที่จะสามารถกระทำได้ และกำลังจัดตั้งจุฬาราชมนตรี เพื่อประสานงานกับฝ่ายปกครอง -รัฐบาลจะจัดการปรับปรุงระเบียบการศึกษาใน 4จังหวัดชายแดนภาคใต้ โยจะมีสอนภาษามาลายูในชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนรัฐบาล -รัฐบาลจะได้พยายามอุดหนุนส่งเสริมกิจการทางศาสนาอิสลาม โดยจะจัดงบประมาณช่วยเหลือในการสร้าง "สุเหร่าประจำจังหวัด" หลังจากประกาศนโยบาย ได้ เพียง 17 วัน โดยยังไม่ทันได้ปฏิบัตติตามนโยบาย ข้างต้น ก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างตำรวจกับชาวไทยเชื้อสายมาลายูที่จังหวัดนราธิวาส เสียก่อน @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ จากนโยบาย ทั้ง 4 ข้อ ถ้าอ่านโดยละเอียด จะทำให้ทราบว่าตามข้อความ นั้นคือการทำสัญญา ที่ไม่อาจเป้นไปได้เลย จะใช้คำว่าพยายาและตามความสามารถตลอด นั่นหมายถึงความไม่จริงจัง และจริงใจต่อสัญญา และเหมือนการซื้อลุกกวาดขนมอม ไว้ล่อเด็กเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 10:31:33 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:28:31

ความคิดเห็นที่ 3 ท่าน ~หูว เสี่ยวผิง~ น้ำมันเถื่อน ด้วยครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:30:21

ความคิดเห็นที่ 4 ขอย้อนไปนิดนึงเรื่อง ปฐมเหตุการก่อตัว ความไม่พอใจรัฐบาลไทยของชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูเริ่มขึ้นจากการยกเลิกระบบสุลต่านหรือเจ้าผู้ครองนครมาเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาลในสมัยรัชกาลที่ 5 และทวีความรุนแรงขึ้นในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมที่ จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งความอดอยากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ราษฎรที่นับถือศาสนาอิสลามเห็นว่าพวกตนไม่ได้รับการดูแลเท่าเทียมกับราษฎรที่นับถือศาสนาพุทธ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากภายนอก โดยอังกฤษสนับสนุน ตนกู มะไฮยิดดิน อับดุลกาเดร์ บุตรของรายาปัตตานีองค์สุดท้ายให้แยกตัวออกจากไทย เพื่อแก้แค้นที่ไทยหันไปร่วมมือกับญี่ปุ่น แกนนำในการต่อต้านรัฐบาลยุคนั้นคือ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ซึ่งมีบทบาทในการคัดค้านการตั้งดะโต๊ะยุติธรรม เรียกร้องให้แยกศาลศาสนา และเสนอ คำขอ 7 ข้อต่อรัฐบาล หะยีสุหลงถูกจับด้วยข้อหากบฏเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2491 ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรอย่างกว้างขวาง เหตุการณ์ในพื้นที่ การรวมกลุ่มของชาวไทยเชื้อสายมลายูในยุคนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 สาเหตุ -อย่างแรกคือ ไม่พอใจนโยบายรัฐบาลที่รู้สึกว่าเป็นการกดขี่พวกเขา -อย่างที่สองคือ รวมตัวกันต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาที่มักข้ามแดนมารังควานชาวไทยกลุ่มนี้เป็นประจำ ซึ่งพวกเขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีความระแวงกันอยู่เป็นทุนเดิม ความระแวงซึ่งกันและกันนี้เป็นให้เกิดความรุนแรงขึ้นในที่สุด ทั้งโดยความเข้าใจผิดและถูกยุยงจากผู้ไม่หวังดี ข้อมูลจากชาวบ้านดุซงญอที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งขึ้นไปรวมตัวบนเขาเพื่อประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ให้อยู่ยงคงกระพัน เพื่อต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์ ในกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นคนหนุ่มที่หนีการเกณฑ์ทหาร เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นทหารเกณฑ์แล้วต้องถูกบังคับให้ไหว้พระพุทธรูป เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตามตัวชาวบ้านบนเขาให้ลงมา แต่ชาวบ้านไม่ยอม ขับไล่ตำรวจลงมา ตำรวจจึงรวมกลุ่มกันขึ้นไปยิงชาวบ้านบนเขา ชาวบ้านจึงหนีลงมารวมตัวกันที่สุเหร่าและบ้านของโต๊ะเปรัก ก่อนจะถูกตำรวจยกพลเข้ามาปราบ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ โดยมีรายละเอียดดั่งต่อไปนี้ ใน คห ต่อไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 10:57:46

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีค่ะคุณจิม     เดี้ยวจะหาเวลามาอ่านค่ะ     แล้วคุณอาแมทท์   หายไปไหนค่ะ    ไม่มาร่วมแจมด้วยเหรอค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 11:14:20

ความคิดเห็นที่ 6 15 สิงหาคม 2488 ญี่ปุ่นได้ยอมยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 กับพันธมิตรโดยไม่มีเงื่อนใข อังกฤษก็เข้าปกครองแหลมมาลายูเช่นเดิม ในขณะเดียวกันชาวจีนในแหลมมาลายูซึ่งได้จัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมาลายา (Communist Party of Malaya) ซึ่งได้ร่วมรบกับอังกฤษต่อต้านญี่ปุ่นตลอดระยะเวลาสงคราม เมื่อสงครามยุติลง อังกฤษมีความประสงค์ที่จะให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน มอบอาวุธให้แก้อังกฤษแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ สมาชิกพรรคอมมิวนิสต์ไม่ยอมวางอาวุธ อังกฤษจึงได้ปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยการปิดล้อมหมู่บ้านที่เป็นแหล่งพักพิงและเสบียงอาหาร ทำให้สมาชิกพรรคคอม ฯ ต้องเดินทางขึ้นทิศเหนือเข้ามายังเขตแดนไทย จังหวัดนราธิวาส ยะลา และสงขลา เพื่อหนีการปราบปรามของอังกฤษ ในพื้นที่ นราธิวาศทหารของพรรคคอมฯ ได้เข้าไปเคลื่อนไหวและหาเสบียงอาหารอยู่ในพื้นที่ อำเภอแว้ง อำเภอสุไหงปาดี และระแงะ ซึ่งมีเขตติดต่อกับชายแดนมาลายูของอังกฤษ  จนลึกเข้าไปในในพื้นที่ตำบล ดุงซงญอ อำเภอระแงะการเข้าไปเคลื่อนไหวหาสมาชิกและเสบียงอาหารในครั้งนั้น ได้กระทบกระทั่งกับชาวบ้านมาลายูท้องถิ่นเป็นประจำจนเป้นเหตุรุนแรงขึ้นที่ "บ้านกัวลือมู" กรณีที่ชาวบ้านไม่ยอมร่วมมือส่งเสบียงอาหารให้   ทหารพรรคอมฯ ก็ได้เผาบ้านเรือนประชาชนเสียหายหลายหลัง ทำให้ชาวบ้านเกิดความกลัวและหวาดระแวง เมื่อความทราบถึง กำนัน กาลี เจะเต็ะ กำนัน ดุซงญอ จึงได้ไปแจ้งให้อำเภอระแงะทราบ แต่ทางอำเภอยังมิได้ดำเนินการใดๆ จนกระทั่งต่อมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 เดือน ทหารพรรคคอมมิวนิสต์ได้เข้ามาปิดล้อมบ้านกำนัน แล้วปล้นเอาทรัพย์สินต่างๆจากบ้านกำนัน พร้อมกับยิงปืนเข้าใส่บ้านกำนันเสียหาย แล้วล่าถอยออกไป พร้อมเกณฑ์ชาวบ้านแบกเสบียงอาหารและสิ่งของต่างๆที่ปล้นมาได้ให้ไปส่งยังเขา ไอตือแก เมื่อถึงบริเวณนั้น ชาวบ้านพากันทิ้งสิ่งของหลบหนี ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ข้อสังเกตุ  ตรงที่ตีเส้นทึบ ตัวหนา ทำไมนายอำเภอ ไม่ยอมแก้ใขสถานการณ์ -หลิ่วตา หรือเปล่า -ขี้เกียจไม่ใช่ปัญหา แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 11:38:39 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 11:35:42

ความคิดเห็นที่ 7 ชาวบ้าน ดุซงญอ รวมกลุ่มกันต่อต้าน โจรจีนคอมมิวนิสต์ กลับกลายเป็นกบฎ ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย แจ้งทางอำเภอก็ไม่ได่ช่วยแก้ใขแต่ประการใด ชาวบ้านจึงไปปรึกษา โต็ะเปรัก ซึ่งเป็นครูสอนศาสนา หรือ อุซตาส ที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถือ ก็ได้รับการแนะนำให้จัดตั้งกองกำลังเพื่อต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา โดยทางโต็ะเปรัก จะทำพิธีทางศาสนา ชาวบ้านจึงไปรวมตัวกันที่บ้านกัวลืมู ทำพิธีทางศาสนาขึ้นบนภุเขาบ้านกัวลือมู เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนั้นโต้เปรัก ยังทำพิธีต้มน้ำมันเพื่อเป็นน้ำมนต์ให้ชาวบ้านได้ใช้ประพรมร่างกายทาตัวเป้นน้ำมนต์ให้เกิดศิริมงคลด้วย ก่อนเกิดเหตุการณ์ 2วัน โดยประมาณ มีชาวจีนจากระแงะชื่อนาย บุนกี๋ เจ็ะมะ นำสินค้าไปขายในตลาดดุซงญอ ได้ถูกนายสะแปอิง ชาวบ้านดุซงญอใช้มีดฟันบาดเจ็บ ทางอำเภอจึงได้ส่งปลัดอำเภอท่านึงชื่อ นายมนูญ  พร้อมด้วยเสมียน อำเภออีกคนหนึ่ง และตำรวจอีกนายหนึ่งออกไปสืบสวนข้อเท็จจริง ที่บ้านดุซงญอ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ไปแอบดูการทำพิธีที่บนภูเขากูลือมัว ของชาวบ้าน พบกับชาวบ้านซึ่งกำลังทำพิธีกันอยู่ ชาวบ้านก็พากันขับไล่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ที่หลบหนีก้ได้นำความมาบอกนายอำเภอ และบอกว่า "เชื่อว่าเป็นการเตรียมการเพื่อก่อการกบฎ " ซึ่งก่อนหน้านั้นการจับตัว หะยีสุหลง โตะมีนา ที่จังหวัดปัตตานี ทางราชการไทยจึงเชื่อได้ว่า การชุมนุมของชาวบ้านดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อการร้ายและต่อต้านรัฐบาล ทางราชการจึงได้เรียกเหตุการณ์นี้ว่า                                "กบฎดุซงญอ" ด้วยการตั้งธง ว่าเป็นกบฎ เรื่องราวเลยลุกลามใหญ่โต สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้น เหตุการณ์ได้ถุกรายงานไปยังจังหวัด ทางจังหวัดได้รายงานต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผลที่สุดรัฐบาลได้ส่งกำลังตำรวจจากสงขลา ยะลา และนราธิวาส สบทบกัน เข้าไปเพื่อทำการปราบปราม "กบฎดุซงญอ" ให้เด็ดขาด โดยมี พ.ต.ท บุญเลิศ เลิศปรีชา เป้นหัวหน้าคณะ และ ร.ต.ต พิงพันธ์ เนตรรังสี ร.ต.ต กรี ไม่ทราบนามสกุล เป็นทีมงานปราบปราม @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ข้อสังเกตุ ชาวบ้านแจ้งว่า โจรจีน มาปล้นสดมภ์ ทางการไม่สนใจ แต่เรื่องไม่เป้นเรื่องกลับสนใจทำให้เป้นประเด็น -หลิ่วตา หรือเปล่า -เลือกปฏิบัติ -โรงละคร โรงใหญ่ เข้าทางนโยบายแห้งรัฐแบ่งแยกเพื่อปกครอง แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 12:21:13 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 12:18:44

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับท่านมะลิร้อยมาลัย ขอเวลาทานข้าว วันนี้งานยุ่งมากเลยช้าในการนำเสนอ แต่ละหัวข้อนะครับ ดูวีดีโอไปพลางๆก่อนนะครับ เห็นแต่ภาพรุนแรงมามาก  หันมาเห้นภาพแบบนี้มั่งนะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 12:26:35

ความคิดเห็นที่ 9 .... จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 12:43:12

ความคิดเห็นที่ 10 อืมๆ มากเก็บข้อมูลฮะ  ไปหามาจากไหนเนี่ย  เยอะดีจัง เอ เพื่อนผมที่นามสกุล กาเดย์ นี่ เป็นญาติห่างๆกับ ตนกู มะไฮยิดดิน อับดุลกาเกย์หรือเปล่านี่  เห็นมีกาเดย์เหมือนกัน เห็นมันชอบบอกว่าตัวเองเป็นเชื้อเจ้าประจำเลย  ช่วงแรกนี่มันจะโม้ให้ฟังทุกครั้งที่เจอหน้า  แต่ผมว่าหน้ามันก็ให้นะ จากคุณ : mage_mann เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 13:27:38

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วงนี้ คุรพี่จิมจัดเต็มเลยนะคะ เฉาก๊วยผสมชาเย็นสักถ้วยค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 13:42:06

ความคิดเห็นที่ 12 ยุทธการดุซงญอ มีสองสายรายงาน ผมขอรายงานในสายแรกก่อน ใน คห นี้ ประยูร ซันสุพัฒน์ ให้ข่าวว่า เหตุการณ์ในวันที่ 26เมษยน 2491 ตอนเช้าตำรวจมาถึงศาสลาพักร้อน ซึ่งห่างจากตลาดดุวงญอ ราวครึ่งกิโลเมตร ผกก บุญเลิศ เลิศปรีชา พร้อมด้วยกำลังพล 28 นาย สั่งแยกเป้น สองหน่วย การต่อสู้ในวันนั้นเกิดการตะลุมบอล กันขึ้นโดยชาวบ้าน มีอยู่ ประมาณ 300 คน ด้วยอาวุธ มีด ดาบ จอบเสียม แต่งกาย ชุดขาว คาดเอวด้วยผ้าสีแดง ตำรวจใช้กองล่อ 4 นาย เข้าไปล่อให้ชาวบ้านออกมา โดยการยิงปืนเข้าใส่ ยิงไปถอยไป จนกระสุนหมด ชาวบ้านกลับหาได้เกรงกลัวไม่ กลับตีกลองร้องโห่ ด้วยคำว่า "ยา ซัลญาลาลิ วัลอิกรอม" พร้อมกระโจนดาหน้าหน้าเข้าหาห่ากระสุนที่ยิงสวนมา จนกระสุนของตำรวจกองล่อ หมด ก็ทุบตีกันด้วยปืน ตะลุมบอนหมุู่ขึ้นมา เกิดการแย่งปืนกันขึ้น   ผกก บุญเลิศ เลิศปรีชา  จึงสังระดมยิง พร้อมกันทั้งสองหน่วย ใส่ชาวบ้าน 300คน แต่ชาวบ้านหาได้เกรงกลัวไม่ คงวิ่งผ่าห่ากระสุน เข้าไป วันนั้นตำรวจไทยเป็นฝ่ายล่าถอย ตำรวจ เสียชีวิต 4 นายคือพลล่อนั้แหละ ส่วนฝ่ายชาวบ้านที่เสียชีวิตไม่มีใครทราบได้ เพราะเป้นฝ่ายถอย บางรายงาน ว่า 10 คน วันดียวกันช่าวงค่ำของคืน 26 เมษายน 2491 มีการระดมตำรวจพื้นที่ใกล้เคียง มาสมทบมีตำรวจจากปัตตานี 30นาย ตำรวจจากยะลา 20 นาย ตำรวจทั้งสามสายถอยมารวมตั้งหลักกันที่ตันหยงมัส เพื่อรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเบื้องบน เช้าวันที่ 27 เมษายน 2491 มีตำรวจจากกองกำลัง สงขลามาสมทบเพิ่มเติมอีก 20 กว่านาย มารวมพลที่บ้าน กลีซา หลังอาหารเช้าก็ได้จัดการแยกหน่วยเดินเท้าไปตามป่าจนถึงเวลา 13.00 น. เกิดการปะทะกันอีก ครานี้ฝ่ายชาวบ้านมียุทธวิธีที่ดีกว่าวันวาน แทนที่จะดาหน้าเข้ามากลับตีปีกกาเข้ามาหา เป็นการซุ่มยิงจากในป่า การต่อสู้ดำเนินไป 3 ชม เศษ ทางผู้ใหญ่เกรงว่าจะค่ำจึงมีคำสั่งล่าถอย ไปที่บ้าน กลีซา วันนี้มี พลตำรวจเสียชีวิต 1นาย กลับมาตั้งหลัก 2 วัน จึงได้ยกกำลังบุกยึดดุซงญอ แต่ครานี้ยึดได้โดยง่ายเหตุกาณ์ปกติ เพราะเหล่านักรบได้หลบหนีเข้าป่าไปแล้ว ตำรวจรายงานว่า "ที่ว่าชาวบ้านไม่มีอาวุธ ทำไมมีปลอกกระสุน และปืนคาร์บินส์ตกอยู่มากมาย พวกมันมีทั้งดาบและปืน ดูได้จากพล ตำรวจที่ถูกยิงใส่หัว" รวมการประทะสองครั้ง ตำรวจเสียชีวิต 5นาย ชาวมาลายูตาย 30กว่าคน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ข้อสังเกตุ  รายงานของ ประยูร ซันสุพัฒน์ จะใช้คำว่ามัน  พวกมาลายู และพวกจราจล แต่ผมเองได้เปลี่ยนคำให้ดูซอร์ฟลง เป็นชาวบ้าน อนึ่ง ตรงที่ผมเน้นข้อความเอาไว้ตอนท้าย เป็นเหตุการณ์ที่คุ้นเมื่อเร็วๆนี้ตอนปี 2553 กลาง กทม ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 13:57:52

ความคิดเห็นที่ 13 ท่าน mage_mann เดี่ยวท่อนกลางผมจะเปิดเผยข้อมูลว่าได้จากตรงไหน แต่รับรองว่าของจริง ครับ ผมบอกใบ้ให้ว่า คนที่รู้เรื่องภาคใต้ และเรื่องกลไกของรัฐดีในนี้ ผมกล้าประกันแหล่งข้อมูลครับ มีอีกมากมีสนุกอีกเยอะ เดี่ยวผมจะขมวดปมตอนท้ายให้ไปคิดเอาเอง แล้วก็ อ๋อออ  ใครกัน ที่ผมเขียนตรงนี้ผมให้หลายท่านตาสว่างและจะได้ไม่มีใครเข้าใจผิด และเลิกเล่นประเด้นนี้สักที ผมเหนื่อยอธิบาย อธิบายมา 40 ปีแล้วเรื่องใต้ ส่วน อีก 60 ปีก่อนหน้าผมบรรพบุรุษ ผมอธิบายมากมาแล้วจนลงกุโบร์ไปหลายคน ขอบคุณครับ นามสกุล เชื้อเจ้า ปัตตานี มี เจ็ะ นิ วัน กาเดร์ ครับ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 14:07:21 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 14:06:43 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 14:03:42

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วน บันทึกเหตุกาณ์กบฎสุดงญอ ของวรมัย กบิลสิงห์ ว่า 25 เมษายน 2491 ได้มีชาวไทยมุสลิมรวมกันราว 1000 คนเข้าจู่โจมกองกำลังตำรวจไทยใกล้ชายแดนรัฐกลันตัน การปะทะเดินขึ้นอย่างรวดเร็วและแตกหัก ชาวไทยมุสลิมในหมู่บ้านดุซงญอ ที่เป้นจุดประทะบอกว่า ตำรวจเป็นฝ่ายยิงก่อน ด้วยความระแวงว่า เพราะไทยมุสลิมกลุ่มนั้นเพิ่งกลับจากมาเลเซีย แท้ที่จริงพวกเขากลับมาจากดุซงญอ เพราะเกรงตำรวจไทยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม) อาจไม่ปลอดภัย แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรการเผชิญหน้าก้ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การประทะกันเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2491 มีคนตาย 30-100 คนเศษ วันที่ 26 เมษายน 2491 หน่วยรบพิเศษส่วนกลางได้รับกำลังสนับสนุนจากเรือรบและเครื่องบินโจมตีอีก 3 ลำ ก็ยกพลขึ้นบกพร้อมอาวุธครบมือ เข้ากวาดล้างชาวบ้านดุซงญอ จำนวนมากกว่า 100คนและถูกประทะตรึงไว้ด้วยคนที่นั่นนับ 100 คนและฝ่ายตำรวจก็ถอนกำลังออกไปอีกครั้ง และกลับมาด้วยแผนเผด็จศึกในตอนก่อนรุ่งอรุณ วันที่ 28 เมษายน 2491 ระหว่างที่ชาวไทยมุสลิมกำลังปฏิบัติศาสนกิจ ทำการละหมาดก่อนตะวันขึ้น (ซุบฮฺ) ในมัสยิดตือกอ เสียงแห่งอำนาจรัฐ เสียงปืนก็ดังขึ้น กึกก้องดังไปทั่ว ดุซงญอ และเนิ่นนาน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จอมพลป.พิบูลยสงครามนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงและสรุปว่า "โศกนาฎกรรมดุซงญอนั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแทรกแซงศาสนกิจอิสลาม" อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาเหตุการณ์ดุซงญอ ก็ถุกปกปิดหวังให้กาลเวลากลบกลืนไป นายอับดุลซามัค อิบราฮิม หรือนายสมรรถ เอี่ยมวิโรจน สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรนราธิวาสได้ตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎรโดยกล่าวว่า "ทางการตำรวจไทยได้ออกติดตามไล่ล่าประชาชนมุสลิมไม่น้อยกว่า6000 คนต้องอพยพหลบหนีไปยังดินแดนมาลายู(มาเลเซีย) รวมทั้งโตะครูฮายีฮับดุลเราะหืมาน หรือ ดต็ะ เปรัค ด้วย  ถ้าพบประชาชนคนใดเดินทางกลับก็จะถูกจับกุมโดยกล่าวหาว่าร่วมก่อกรกบฎเพื่อต่อต้านรัฐบาล" จริงอยู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายยนั้นเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ จากสื่อในมาลายูและจาก ตวนกูมะห์มุด มะไฮยิดดีน ว่า "นโยบายดังกล่าวเป็นเพียงเศษกระดาษเท่านั้นหาได้มีการปฏิบัติจริงไม่" หนังสือพิมพ์หลายฉบับในสิงคโปร์วิจารณ์ ในลักษณะที่ไม่เชื่อมั่นในนโยบายของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เนื่องจากท่านเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้มีอคติ และต่อต้านชาวมาลายู ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ข้อสังเกตุ คนที่เป้นแพะอีกคนคือตำรวจ คนที่ลอยตัวคือทหาร ด้วยข้อเท็จจริงเป็นทีทราบกันว่า จอมพล ป. พิบูลสงคราม มิได้อคติชาวมาลายู แต่อคติต่ออิสลาม ต่างหาก จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 14:44:17

ความคิดเห็นที่ 15 บทสรุปในกระทู้ ดุซงญอนี้ผมต้องการสื่อถึงว่า ชาวบ้านดุซงญอ คือหนึ่งแพะ หรือหนึ่งเหยื่อ ของการแสวงหาความชอบธรรมของรัฐ เลือกปฏิบัติโดยตั้งใจหรือไม่ การเพิกเฉย ต่อปัญหาเล้กน้อย นั้นสร้างปัญหาใหญ่ตามมาอีกมากมาย จวบจนถึงทุกวันนี้ ความอคตินิยม ต่อเพื่อนร่วมชาติต่างศาสนานั้น รังแต่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย การผลักใส การไม่ยอมรับเพื่อนร่วมชาติ นั้นนอกจากไม่มีประโยชน์อันใด ยังสร้างรอยร้าวในจิตใจเกินกว่าที่จะประสานให้ได้ในเร้ววัน กระผมขอปิดกระทู้ เรื่องดุซงญอไว้แต่เพียงเท่านี้ ตอนต่อไป เราจะมากล่าวว่า ตั้งแต่ สุดงญอ เงียบเป้นแดนสนธยา  แล้วอะไรเกิดขึ้นตามมา จนมาถึงช่วงปี 2515 จึงประทุขึ้นมาใหม่ ใครเป้นผู้ประสานรอยร้าวและทำอย่างไร เพื่อนๆท่านใดมีข้อกังขาเชิญถามมาได้ นี่คือตัวอย่างอันเล็กน้อยของการสร้างอคตินิยม แบ่งแยกเพื่อปกครอง นั้นไม่มีการทำอะไรให้ดีขึ้นมามีแต่เลวร้ายขึ้นทุกวัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 14:56:16

ความคิดเห็นที่ 16 ผมพูดมานานมากแล้วว่า ขบวนการโจรก่อการร้าย ในชายแดนใต้ที่ชอบพุดกันว่าเป้นโจรก่อการร้ายมุสลิม นั้น ผมบอกเสมอมาตลอดว่า มีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้น ถ้าท่านใดอ่านกระทู้สองกระทู้นี้อย่าละเอียด จะสามารถตังจข้อสังเกตุได้มากมายว่าใครกันแน่ที่เป้นตัวละครที่หายไป ใครกันแน่ที่ถอดสลักระเบิดแล้วทิ้งให้ระเบิดตามมาภายหลัง และใครกันแน่ที่ได้รับการหลิ่วตาตามลม เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ลองติ้กต้อก ดูนะครับ ก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนในบทต่อไป ถึงตัวละครที่หายไป ว่าหายไปไหน หายไปอยู่ที่ใด แล้วแฝงตัวตรงไหนบ้าง ไม่ใช่มุสลิม ยึดครองประเทศไทย แต่เป้นคนอื่นเล่าที่ยึดครองไปเป้นที่เรียบร้อยไปแล้ว จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 15:19:10

ความคิดเห็นที่ 17 ลันตา พี่จิม ชอบเฉาก๋วยมาก แต่ผสมนมสดด้วยนะ เอาตราคารืเนชั่นอาห่อยเหาะเลยละ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 15:21:04

ความคิดเห็นที่ 18 เล่าต่อค่ะคุณพี่จิม คิดว่า คงจะมีคนตามอ่านอยู่ไม่น้อยค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 18:02:02

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ ทำให้เข้าใจอะไรผิดพลาดไปเยอะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 19:21:19

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ต้องเล่าเรื่องเก่าก็ได้ เอาเรื่องใหม่ ๆ ว่าำทำไมถึงมีการฆ่าพระ ฆ่าครู ฆ่าไทยพุทธ และฆ่าไทยมุสลิม?? พระเีกี่ยวอะไรกับเรื่องดุสงญอ เรื่องหะยีสุหลง บิน อับดุลกาเด ถึงต้องโดนปาดคอ โดนยิง โดนวางระเบิดขณะบิณฑบาต ครูเกี่ยวอะไรกับเรื่องดุสงยอ เรื่องหะยีสุหลง ฯลฯ  ถึงต้องโดนยิงโดนฆ่า ? ครูจูหลิงเกี่ยวอะไรกับดุสงญอ กับหะยีสุหลง ฯลฯ ถึงโดนฆ่า ? ไทยพุทธไปกรีดยางอยู่ดี ๆ  เกี่ยวอะไรกับดุสงญอ หะยีสุหลง ฯลฯ ถึงโดนฆ่า? นาวิกโยธิน ๒ คน ที่เข้ากับชาวบ้านได้ดี ทำไมถึงถูกรุมกระทืบ ถูกรุมทำร้าย ทำไมโจรก่อการร้ายภาคใต้ จะก่อการอะไร เพราะเหตุึหะยีสุหลง เหตุดุสงญอ ฯลฯ  ทำไมไม่ไปเล่นงานรัฐบาล ทำไมไ่ม่ลากปืนไปยิงส.ส.ถึงในสภา   ทำไมมาฆ่าคนบริสุทธิ์ ????? แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 20:33:47 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 20:32:19 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 20:30:54 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 20:29:53 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 20:29:38 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 20:27:07

ความคิดเห็นที่ 21 คุณพี่จิมจัดไปตามคำสงสัยคุณ : chohokun  เลยค่ะ ดิฉันก็อยากรู้ คุณ พี่จิม อย่าลืมอธิบายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ตามคลิป มันเกิดจากอะไร http://www.oknation.net/blog/sigree/2009/01/16/entry-2 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 20:51:16

ความคิดเห็นที่ 22 ท่านchohokunใจเย็นๆครับ ถ้าไม่รู้ว่าต้นตอคืออะไร เราจะจับผู้บงการได้เช่นไร กรณีตอนหลัง ก็เหมือนกับตอนนี้แหละครับ ว่าโดนฆ่า โดยผู้จ้างวานฆ่านั้นคือใคร คนที่ฆ่า หรือ Killer ก้ต้องโดนโทษทัณฑ์ไปแต่ผมกำลังบอกว่าแล้วผู้จ้างวานฆ่าละไปไหน แล้วไอ้ Killer มันคือใครทำไม  ไม่จับมาตัดหัวเสียให้หมด ผม และเพื่อนมุสลิม ในนี้นะทราบแต่คนที่ยังไม่ทราบเช่นท่าน ผมต้องค่อยๆเล่าค่อยบอก มุมกล้องก็คือมุมกล้อง ที่ออกมาเป็นภาพ เท่านั้น ปล  ผมไม่ปกป้องคนเลวอยู่แล้ว ไม่ว่าอยู่ในศาสนาไหน  แต่ถ้าเพื่อนๆทราบว่า เป้นโจรก่อการร้ายที่อยู่ในศาสนาท่านหรืออื่นใด ก้ขออย่าได้ปกป้องเช่นเดียวกัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 20:54:17

ความคิดเห็นที่ 23 มุสลิมบริสุทธ์ที่ตาย ที่ติดคุกฟรี ที่ถุกซ้อม ที่ถุกอุ้มหายถูกตัดหัว ถูกประจานศพ เช่นเดียวกัน มาตลอดระยะเวลา 70 ปี นั้นคือมุสลิม ไม่มีเพื่อนต่างศาสนาตายแม้แต่คนเดียว ตามที่ผมนำเสนอมา แล้ว เพื่อนๆละจะว่าเช่นไร กับโจรก่อการร้าย พวกนี้ จะให้เรียกว่าโจรก่อการร้าย มีคำพ่วงว่าศาสนาหรือไม่ ผมขอความเป้นธรรมแค่นี้แหละ จะให้ผมพูดแต่ปัจจุบัน คงไม่เป้นธรรมสักเท่าไหร่ ในเมื่อคนก่อการร้ายที่ไม่ใช่มุสลิมไปชกเค้าก่อน ชกมายาวนานมาก  พอมุสลิมเค้าชกคืน จะมาบอกว่าตอนที่ฉันชกแก มาตลอดข้างเดียวจะเอามาพูดทำไม มันไม่แฟร์ครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:00:04

ความคิดเห็นที่ 24 เหตุการณ์ฆ่าพี่น้องมุสลิมที่กำลังละหมาดอยู่ในมัสยิดอัลฟุรกอน ที่ไอปาแย นราธิวาส ตายไป สิบกว่าศพ ล่าสุดเดือนที่แล้ว ทหารฆ่าชาวบ้านตายฟรี  4 ศพ ที่ปัตตานี ที่กำลังเดินทางไปละหมาด ทำไม มันเกิดจากอะไร จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:00:26

ความคิดเห็นที่ 25 เอามาให้อ่านครับ สดๆ ร้อนๆ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000029796 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 21:04:43 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 21:04:03 จากคุณ : DEEC เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:02:53

ความคิดเห็นที่ 26 สาวมุสลิมหนีตามทหารอีสานเป็นพัน กอ.รมน. รับแก้ หวั่นบานปลาย กอ.รมน.ภาค 4 เผยกลางเวทีสมัชชาปฏิรูป ชี้ความไม่เป็นธรรมเพียบ สามีต้องขึ้นไปสู้คดีไฟใต้ที่ขอนแก่น เหตุทหารไม่ยอมมาขึ้นศาลปัตตานี สุดท้ายยกฟ้อง เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 4 มกราคม 2554 มีการอภิปราย หัวข้อ มุมมองข้อคิดเห็นต่อข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและการใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเวทีสมัชชาปฏิรูปชายแดนใต้ ครั้งที่ 1 “ชายแดนใต้ไม่ทอดทิ้งกัน” ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน เวทีอภิปรายมีนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี และพ.อ.ฐกร เนียมรินทร์ ผู้อำนวยการกองงานมวลชนและกิจการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ร่วมอภิปราย โดยมีนายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะกรรมการจัดงานสมัชชาปฏิรูปเฉพาะประเด็นชายแดนใต้ สำนักงานปฏิรูป (สปร.) ดำเนินรายการ พ.อ.ฐกร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังจำเป็นต้องใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) อยู่ แต่โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการการใช้กฎหมายพิเศษฉบับนี้ หากส่งผลกระทบกับคนจำนวนมาก แม้ว่าเป็นกฎหมายที่จะมาใช้กับคนจำนวนน้อย คือกลุ่มก่อความไม่สงบก็ตาม และเห็นด้วยที่จะให้ทยอยยกเลิกทีละอำเภอ โดยจะมีการใช้มาตรา 21 ของพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ให้ผู้ต้องหาอบรมแทนการถูกจำขังขึ้นมาแทน สตรีผู้เข้าร่วมรายหนึ่งกล่าวในการแสดงความเห็นว่า การนำทหารจากนอกพื้นที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมาก ส่งผลให้สาววัยรุ่นมุสลิมในพื้นที่เสียคนจำนวนมาก เพราะทหารทำให้สาวมุสลิมท้อง จึงขอให้ถอนทหารออกนอกพื้นที่ พ.อ.ฐกร กล่าวตอบเรื่องนี้ว่า ทหารได้ออกกฎระเบียบสำหรับทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า แค่การมองสาวในเชิงชู้สาวก็ผิดวินัยแล้ว เพราะเรื่องเป็นมีปัญหามาก เมื่อปีที่แล้วมีหญิงสาวจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หนีตามทหารที่มาจากภาคอีสานถึงหนึ่งพันคน แต่ตามไปแล้วก็ต้องกลับมา เพราะทหารพวกนั้นมีลูกมีเมียแล้ว เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะสาวๆ ชอบทหารเพราะแต่งตัวหล่อ “เรื่องนี้เป็นปัญหาของทหารเอง ผมรับที่จะไปแก้ไขเพราะผมดูแลเรื่องนี้อยู่ จะไม่ให้มีการละเมิดและมีการดูถูกดูหมิ่นคนในพื้นที่” พ.อ.ฐกร กล่าว นางคำนึง ชำนาญกิจ ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตนเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากสามีถูกควบคุมตัวจากนั้นถูกดำเนินคดีความมั่นคง แต่ปัจจุบันศาลยกฟ้อง แต่ขณะคดีขึ้นศาล พยานที่เป็นทหารได้กลับไปอยู่ที่ภาคอีสานแล้ว ไม่ยอมมาขึ้นศาลที่ปัตตานี แต่โอนไปพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น และนครศรีธรรมราชทำให้ต้องสามีเดินทางไปขึ้นศาลที่นั่น ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการสู้คดีสูงมากจนต้องขายบ้าน ถามว่ายุติธรรมหรือไม่ นางมุมตัส ฮีมมินะ จากกลุ่มด้วยใจ ได้นำสตรีมุสลิมคนหนึ่งมาแสดงพร้อมกับกล่าวว่า สามีเธอถูกศาลตัดสินประหารชีวิตจากคดีอุบัติเหตุรถยนต์ทหารพลิกคว่ำ มีทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หักพวงมาลัยเพื่อหลบหนี ระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ซึ่งทหารเป็นคนขับ โดยขณะนั้นสามีเธอถูกควบคุมตัวตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยสามีเธอยืนยันว่า ขณะเกิดอุบัติเหตุกำลังหลับอยู่ ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุเพราะทหารขับรถเร็วและประมาท ไม่ได้หักพวงมาลัยตามที่ถูกกล่าวหา คำถามคือพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยไม่มีนำหนักพอรับฟังเท่ากับพยานของโจทก์หรือ ส่วนผู้เข้าร่วมอื่นๆ มีข้อเสนอเช่น ให้มีการทำประชามติในการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงไว้ในสถานที่เดียวกัน เป็นต้น http://prachatai.com/journal/2012/01/38620 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:06:41

ความคิดเห็นที่ 27 ทหารที่ถุกชาวบ้านยิง ก็กรณีนี้ด้วย ผมสัมผัสกับตนเอง ที่ถนนตัดใหม่ สายบ่อทอง ทหารเมาพูดจาลวนลามสาวๆและด่าศาสนาอิสลาม เวลาเมาได้ที่ก้ยิงปืน ขู่ชาวบ้าน โดนยิงเดี้ยง ใกล้ ไซท์งานของผม มีหลายศพแบบนี้ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:08:44

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าจะให้พผมอธิบายถึงกรณีการตาย ของเพื่อนพุทธ เพื่อความยุตธรรมเพื่อนพุทธ ก้ต้องอธิบายถึงการตายของ มุสลิม ด้วย นั่นถึงเรียกว่า การอธิบายอย่างเป็นธรรมวางตัวเป็นกลางและช่วยกันประนาม คนที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ว่าไอ้โจรก่อการร้ายอะไร แต่ถ้าไม่ก้ต่อแต่นี้ก้ต้องเรียกว่า  โจรก่อการร้าย โดยไม่มีคำพ่วงท้าย และห้ามนำประเด้นนี้มาเล่น มาเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามอีกต่อไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:12:23

ความคิดเห็นที่ 30 เริ่มก็บิดเบือนด้วยฝีมือราชการ แล้วที่เหลือจะไม่บิดเบือนได้อย่างไร หลังจาก จอมพล ป. หมดอำนาจในยุคแรก นายปรีดี พนมยงค์ ได้ก้าวขึ้นมาแทน...แผนการดับไฟใต้โดยรัฐบาลพลเรือนได้เกิดขึ้น อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่งตั้ง นายแช่ม พรหมยงค์ เป็นจุฬาราชมนตรี พร้อมมอบหมายให้ ไปเจรจาแก้ปัญหาภาคใต้ โดยการรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของผู้นำ ศาสนาอิสลาม บังเอิญช่วงนั้น หะยีสุหลง บิดาของ นายเด่น โต๊ะมีนา ส.ว.ปัตตานีใน ปัจจุบันนี้เป็นนักการศาสนามีความรู้สูงที่สุด เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน และผู้นำศาสนาคนอื่นในภาคใต้ หะยีสุหลง จึงกลายเป็นคนที่มีบทบาทในการร่างบันทึกข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลมากที่สุด แต่แผนการดับไฟใต้ของ ท่านปรีดี ไม่อาจดำเนินการได้สำเร็จ เพราะ จอมพล ป. ได้ปฏิวัติยึดอำนาจ   ท่านปรีดีและนายแช่ม จุฬาราชมนตรี ต้องอพยพหลีกลี้หนีภัยการเมือง ไปต่างแดน หะยีสุหลง ก็พลอยได้รับมรสุมภัยการเมืองไทยด้วย เพราะรัฐบาลทหารมองข้อเรียกร้องที่เสนอไปนั้น เป็นแผนการแบ่งแยกดินแดนที่ทำขึ้นมาตามแผนของลูกชายอดีตเจ้าเมืองปัตตานีที่สูญเสียอำนาจทั้งที่ข้อเรียกร้องนั้นเกิดจากความต้องการของทางการเอง ข้อเรียกร้องที่เสนอไปมี 7 ข้อ 1) ขอปกครอง 4 จังหวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งประเทศไทย โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูงให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลาม มีอำนาจแต่งตั้งและปลดข้าราชการออกได้ ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4 จังหวัด 2) การศึกษาในชั้นประถม (ขณะนั้นชั้นประถมมีเรียนแค่ชั้น ป.4) ให้มี การศึกษาภาษามลายูควบคู่ไปกับภาษาไทย 3) ภาษีที่เก็บได้ให้ใช้ภายใน 4 จังหวัดเท่านั้น 4) ในจำนวนข้าราชการทั้งหมด ขอให้มีข้าราชการชาวมลายู ร้อยละ 85 (คิดตามสัดส่วนประชากรในพื้นที่ มีผู้นับถือศาสนาอิสลาม 85% พุทธ 15%) 5) ขอให้ใช้ภาษามลายูควบคู่กับภาษาไทย เป็นภาษาราชการ 6) ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิรูปศาสนาอิสลาม โดยความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด 7) ให้ศาลรับพิจารณาตามกฎหมายอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีโต๊ะกอฎี หรือดาโต๊ะยุติธรรมตามสมควรและมีเสรีภาพในการพิจารณาคดี ข้อเรียกร้องที่ หะยีสุหลง รวบรวมนำเสนอรัฐบาล...ต่างกับข้อเรียกร้อง ที่บันทึกอยู่ในแฟ้มตีตรา "ลับมาก" ของหน่วยงานความมั่นคง 3 ข้อ จุดต่างแรก ข้อ 1) แฟ้มลับของทางการ...ให้รัฐบาลตั้งคนที่เป็นอิสลามที่เกิดใน 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นข้าหลวงใน 4 จังหวัดภาคใต้ และให้อยู่ในตำแหน่งตลอดชีวิต จุดต่างสอง ข้อ 4)...ข้าราชการ 4 จังหวัดภาคใต้ ต้องเป็นคนนับถืออิสลาม จุดต่างสาม ข้อ 6)...มอบอำนาจให้คณะกรรมการอิสลามออกกฎหมาย ใช้เองใน 4 จังหวัดภาคใต้ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:48:45

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ข้อเรียกร้องที่สรุปในแฟ้มลับของทางการนั้น เรียกร้องหนักข้อมากกว่า ข้อเรียกร้องที่อ้างว่า หะยีสุหลงได้ทำขึ้นข้อเรียกร้องจะมีการบิดเบือนในภายหลังหรือไม่...ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ข้อเรียกร้องนี้เป็นเพียงแค่ข้อเรียกร้องเบื้องต้น... ที่จะต้องนำไปสู่การเจรจาต่อรองต่อไป สิ่งที่เรียกร้องไป จะได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับที่ประชุมของตัวแทนรัฐบาลกับ ผู้นำศาสนาอิสลามที่จะเกิดตามมา...ที่จะต้องร่วมคิดร่วมทำให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ แต่เพราะข้อเรียกร้องนี้ ท่านปรีดี พนมยงค์ ไม่มีอำนาจที่จะสานงาน ดับไฟใต้ได้ต่อ จอมพลป.ปฏิวัติยึดอำนาจรัฐ หะยีสุหลง เลยถูกมองเป็นกบฏ เป็นผู้นำแบ่งแยกดินแดน ถูกจับดำเนินคดี 2 ข้อหาสำคัญ เป็นกบฏและหมิ่นประมาทรัฐบาลที่กล่าวหากดขี่ประชาชน แต่ความจริงก็คือความจริง ในที่สุดศาลได้ตัดสิน...หะยีสุหลง พ้นมลทินข้อหากบฏ แต่มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทรัฐบาล ศาลสั่งจำคุก 3 ปี หลังพ้นโทษ วันที่ 13 ส.ค. 2497 หะยีสุหลง พร้อมเพื่อน 2 คน และ นายอาหมัด โต๊ะมีนา บุตรชาย เดินทางจากเรือนจำนครศรีธรรมราชกลับบ้านที่ปัตตานี แต่เดินทางกลับมาไม่ถึงบ้าน...หายสาบสูญไปนับแต่นั้น ร่ำลือกัน ว่าเขาถูกอุ้มไปฆ่าถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ตรงที่ผมใส่ตัวหนาเอาไว้ ตลกไหมครับ คนถุกกดขี่ ผลสุดท้ายกลายเป้นคนกดขี่ นี่หรือประเทศไทย เหมือน คดีหลายคดี และข้อหาโจรก่อการรายทุกวันนี้เลย โจรก่อการร้ายตัวจริงลอยนวล จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 21:55:20

ความคิดเห็นที่ 32 การรือฟื้นคดีหะยีสุหลง หายตัว การรื้อฟื้นคดีภายหลัง สมัยรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คณะกรรมการสะสางคดีสรุป หะยีสุหลง และพวก ถูกนายตำรวจอัศวินของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ในยุครัฐบาล จอมพล ป. อุ้มฆ่าถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา ในวันที่ออกจากคุกนั่นเอง การสอบสวนถึงจะมีการระบุชื่อนายตำรวจผู้อุ้มฆ่า แต่ก็ไม่มีการจับคนลงมืออุ้มฆ่ามาดำเนินคดีแต่อย่างใด มืออุ้มยังคงฉุยฉายลอยนวลอยู่ในสังคม...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ก็จับตาคดีอุ้ม นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความที่ปรึกษาชมรมนักกฎหมายมุสลิม ให้ดีว่าผลสุดท้ายจะลงเอยแบบไหน จะเหมือนอย่างคดี หะยีสุหลง หรือไม่ เพราะในอดีต ผู้นำศาสนาที่ชาวบ้านให้ความรัก ให้ความเคารพ ถูกจับดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม ถูกรังแกแค่เพราะทำตามนโยบายของรัฐบาลนายปรีดี แต่รัฐบาลใหม่ใช้อำนาจความไม่พอใจส่วนตัวที่มีต่อท่านปรีดีบิดเบือนว่าเป็นกบฏ จะสร้างความโกรธแค้นชิงชังให้กับชาวมุสลิมมากเพียงใด ถูกลงโทษ พ้นโทษออกมาแล้ว ยังมีการตามมาอุ้มฆ่าอีก... ดีกรีความไม่พอใจรัฐบาลเพิ่มทวีมากเพียงใด...จะผลักไสให้ชาวมุสลิมเห็นดี เห็นงามกับการแบ่งแยกดินแดนแค่ไหน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 22:02:44

ความคิดเห็นที่ 33 ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเชื้อสายเจ้าเมืองเก่า ได้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ขบวนการ คือ B.N.P.P. และ B.R.N. -เดิม B.N.P.P. หรือ แนวร่วมปลดแอกแห่งชาติปัตตานี ตั้งขึ้นมาก่อน โดยอดีตลูกชายเจ้าเมืองปัตตานี ที่ได้ชักชวนทายาทเจ้าเมืองต่างๆ หนองจิก ยะหริ่ง ยะลา รามัน ระแงะ และสายบุรี เข้าร่วมขบวนการ แต่แนวคิดแบ่งแยกดินแดนของ B.N.P.P. ตั้งขึ้นก็เพื่อชูทายาทเจ้าเมืองปัตตานี ให้กลับมาเป็นใหญ่เหนือเจ้าเมืองคนอื่นๆ...ความแตกแยกจึงเกิดขึ้น หลังลูกชายเจ้าเมืองปัตตานีเสียชีวิตในปี 2496 มีการแต่งตั้ง ตวนกูยะลา นาเซร์ ลูกชายอดีตเจ้าเมืองสายบุรี ขึ้นรับหน้าที่หัวหน้าขบวนการแทน แต่เนื่องจากอำนาจทุกอย่างยังอยู่ในมือของลูกชายผู้นำคนเก่า คือ พ.ต.ตวนกูสุไลมาน หลานอดีตเจ้าเมืองปัตตานี ผู้นำคนใหม่รู้ตัวดีว่าเป็นหุ่นเชิดของทายาทเจ้าเมืองปัตตานี .-ปี 2503 จึงแยกตัวไปตั้งขบวนการใหม่ B.R.N ขบวนการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้พวกตัวเองได้เป็นใหญ่...ชาวบ้านไม่ได้เลื่อมใส เพราะชนชั้นปกครองใครจะไปจะมา ชาวบ้านไม่เดือดร้อน วิถีชีวิตยังคงเดิม ได้กินข้าวกินปลาอิ่ม อดเหมือนเดิม แต่ถ้าผู้ปกครองที่มาใหม่ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถูกรังแก ถูกอุ้มฆ่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาวบ้านไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เป็นคนเผ่าพันธุ์ใดก็ ตามเจอเรื่องอย่างนี้... ความรู้สึกต่อต้านย่อมจูงใจให้หันไปแปรพักตร์กับผู้ปกครองเจ้าใหม่ได้ และบังเอิญอีกเหลือเกิน ขณะที่สถานการณ์วุ่นวายในภาคใต้กำลังสุกงอม ได้เกิด ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 22:13:29

ความคิดเห็นที่ 34 แยก..ดินแดนใต้  ....กลืนเผ่าพันธุ์ *******เหตุการณ์...ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก****** ความหะยีสุหลงยังไม่ทันจบ...รัฐบาลสุมไฟใต้อีก สุมไฟกันแบบไหน ไฟใต้จึงลุกโชติช่วง จุดเริ่มต้นของขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ มาจากผลประโยชน์ของเจ้าเมืองที่สูญเสียอำนาจ... ชนชั้นชาวบ้านไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียผลประโยชน์ ตรงนั้นไม่คิดอยากจะแบ่งแยกดินแดน ผู้ปกครองเปลี่ยนไป การดำรงชีวิต การทำมาหากินของชาวบ้านยังคง เหมือนเดิม จะคิดแบ่งแยกดินแดนไปทำไมกัน แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองแล้วมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เป็นเรื่องธรรมชาติไม่ว่าคนเผ่าพันธุ์ไหน จะนับถือศาสนาใดก็ตาม...ความรู้สึกต่อต้านย่อมเกิดขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งถูกกดดันมาก ถูกกดขี่ข่มเหงมาก...ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ ย่อมมีสูง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 22:19:06

ความคิดเห็นที่ 35 นโยบายของรัฐนิยมในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม จุดไฟใต้ ลุกโชนเป็นครั้งแรก รัฐบาล นายปรีดี พนมยงค์ เข้ามารับช่วงดับไฟ รวมรวบความต้องการผู้นำศาสนา เปิดทางให้ชาวไทยมุสลิมมีส่วนร่วมในการปกครอง นี่คือกุศโลบายหยุดผลักไสชาวบ้านไปเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนของเจ้าเมืองในอดีต... ดึงผู้นำศาสนามาเป็นแนวร่วมรัฐบาลแต่นโยบายดับไฟใต้ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการเมืองระดับประเทศของไทยมีความขัดแย้งกันเองระหว่างนักการเมืองฝ่ายพลเรือนกับฝ่ายทหาร จอมพล ป. พิบูลสงคราม ปฏิวัติยึดอำนาจ ผลที่ตามมา...ผู้นำศาสนาอย่าง หะยีสุหลง ที่สนองนโยบายของรัฐบาลพลเรือน ถูกรัฐบาลใหม่มองว่า คิดแบ่งแยกดินแดน ถูกจับดำเนินคดีไม่พอ หลุดออกจากเรือนจำ...ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐอุ้มฆ่าถ่วงทะเลสาบสงขลา คดีหะยีสุหลงยังไม่มีการชำระให้ชาวบ้านได้มั่นใจในความยุติธรรม... ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ไม่รู้จะเป็นเพราะรัฐบาลเผด็จการในยุคนั้น จะมั่นใจในเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาลมากเกินไปหรือไม่   จึงดำเนินนโยบายไม่แคร์ความรู้สึกของคนมีศักดิ์ มีสี คนเคยมีอำนาจ แต่ถูกทอนอำนาจ ปัญหาภาคใต้เลยเกิดจากคนหลายพวก หลายกลุ่ม ทั้งที่ถูกหักหน้า สูญอำนาจ เสียประโยชน์...ปฏิบัติการร่วมด้วยช่วยถล่มรัฐบาลสูญคะแนนนิยม แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 22:37:45 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 22:27:22

ความคิดเห็นที่ 36 รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ในยุคนั้น สุมไฟภาคใต้ให้ลุกโชนมาอีกครั้ง ครม.มีมติเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2504 ให้กรมประชาสงเคราะห์ จัดตั้งนิคมสร้างตนเองพัฒนา จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่ออพยพชาวไทยจากภาคอื่นเข้าไปทำกินในนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ในจังหวัดสตูล ยะลา และนราธิวาส... พล.ท.ประภาส จารุเสถียร รมว.มหาดไทย ผู้ดูแลกรมประชาสงเคราะห์ มีมติ ครม.ให้มีการตั้งนิคมสร้างตนเอง 5 แห่ง...ยะลาและสตูล จังหวัดละ 1 แห่ง...นราธิวาส 3 แห่ง แผ้วถางที่ดินให้ในรูปนิคมสร้างตนเองแล้ว ก็อพยพชาวอีสานประมาณ 60,000 ครอบครัว หรือประมาณ 3 แสนคน เข้าไปอยู่ในนิคมสร้างตนเอง (ครอบครัวละ 5 คน) “ชาวมุสลิมภาคใต้ที่เริ่มรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากกรณี หะยีสุหลง” นายไพศาล พนมยงค์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าว “เมื่อรัฐบาลขนคนอีสานมาอยู่ ชาวมุสลิมก็มองว่ากำลังถูกกลืนชาติ กลืนชาวมุสลิม ความรู้สึกไม่พอใจรัฐบาลก็เลยเพิ่มมากขึ้น” แค่นั้นไม่พอ ปี 2509 ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล มีนโยบายสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้นที่ จ.นราธิวาส พระพุทธรูปนั้น ก็คือ     “พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล” ชาวบ้านเรียกกันในวันนี้ว่า “หลวงพ่อเขากง”                            สร้างเสร็จในปลายปี 2512 สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่กลางดินแดนมุสลิมในสถานการณ์ปกติก็คงไม่มีปัญหา แต่นี่คิดสร้างท่ามกลางความระอุของปัญหาที่รัฐบาลได้สร้างเงื่อนไขเอาไว้ชาวมุสลิมจะรู้สึกถูกย่ำยีจิตใจแค่ไหน...คงไม่ต้องพูดถึง แผ่นดินสี่จังหวัดใต้ เป็นแผ่นดินไทย การอพยพคนอีสานไปอยู่นิคมสร้างตนเอง การสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในประเทศที่มีพลเมืองส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา เป็นเหตุผลที่พอฟังได้ แต่สำหรับชาวมุสลิมใต้มองว่าผู้ยิ่งใหญ่ทำไปเพราะความแค้นส่วนตัวข้อความ ระหว่างหลวงพ่อเขากงกำลังก่อสร้าง ชาวมุสลิมใต้ร่ำลือกันว่าพ่อของผู้ยิ่งใหญ่ถูกชาวมุสลิมพระประแดงแทงจนเสียชีวิต เพราะไม่พอใจการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ดินของชาวมุสลิมผู้นั้น...  สมัยผู้ยิ่งใหญ่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ไม่ว่าเหตุผลในนโยบายเหล่านี้จะมีมาอย่างไร สำหรับชาวมุสลิม นี่คือการราดน้ำมัน ลงบนกองไฟ...ช่องว่างระหว่างรัฐบาลไทยกับชาวมุสลิมห่างออกจากกันมากยิ่งขึ้นไป และผลักให้ชาวบ้านอยู่ใกล้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนของทายาทเจ้าเมืองเดิมที่สูญเสียอำนาจซึ่งตั้งขึ้นแล้ว 2 ขบวนการ B.N.P.P. เมื่อปี 2488 และ B.R.N. ปี 2503 และเพราะสถานการณ์ที่พี่น้องมุสลิมถูกกดขี่รังแกดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ดังไปถึงโลกมุสลิมในตะวันออกกลาง แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 23:11:58 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 23:09:42

ความคิดเห็นที่ 37 ยุคนั้นเป็นยุคขุดทองของขบวนการแบ่งแยกดินแดน...ทายาทเจ้าเมืองเลิกควักเงินส่วน ตัว หันมาหารายได้สนับสนุนจากต่างประเทศ แต่เมื่อเงินไหลเข้ามามาก แทนที่จะร่วมงานกันดีขึ้น แกนนำขบวนการ B.R.N.เลยมีรายการดังแล้วแยกวง ตั้งขบวนการใหม่ในปี 2511 นั่นคือ “พูโล” เงินยิ่งหลั่งไหลเข้า อุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนก็เริ่มเปลี่ยนไป...เป๋ไปตามแรงกระแสเงิน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 23:23:05

ความคิดเห็นที่ 38 ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ตั้งขึ้นมาและพัฒนาเติบใหญ่ได้เพราะอะไร พิเคราะห์ดูจากเหตุปัจจัย ไม่ต่างกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเลย...อำนาจรัฐบีบคั้นประชาชน ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ รัฐบาลไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ใครคิดไม่เหมือน ป้ายสีเป็นคอมมิวนิสต์ไปหมด  ความเชื่อเช่นนี้...ผลักประชาชน ผลักคนที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาล ให้ไปเป็นแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ไปโดยปริยาย รัฐบาลยิ่งปราบ คอมมิวนิสต์ยิ่งโต...เพราะมีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ถูกอุ้ม ถูกยิงทิ้ง ทั้งที่ชาวบ้านไม่มีความผิด ญาติพี่น้องไปร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็แก้เกี้ยว รายงานป้ายสีเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด... มันเป็นคอมมิวนิสต์ สมควรต้องใช้วิธีเช่นนี้ในการปราบปราม ไม่อย่างนั้นเอาชนะคอมมิวนิสต์ไม่ได้  ชาวบ้านอยู่บ้านไม่ได้ กลัวถูกอุ้มฆ่า ก็ต้องหนีเข้าป่าไปเป็นแนวร่วมคอมมิวนิสต์ เรื่องแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ร่างนโยบาย 66/23 น่าจะรู้ปัญหานี้ดีที่สุด ปัญหาภาคใต้ก็เช่นกัน...ถ้านโยบายของรัฐ การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ ไม่ไปสร้างเงื่อนไขให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัว ไม่ได้รับความเป็นธรรม เงินทุนจากต่างประเทศก็คงไม่มีทางไหลเข้าขบวนการแบ่งแยกดินแดน ปัญหาภาคใต้...ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งบานไม่หุบ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 23:30:52 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 23:30:19

ความคิดเห็นที่ 39 ยุคอุ้มฆ่า.........เพื่อผลงาน การแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ที่ดำเนินมาถึงยุคอำนาจรัฐสร้าง เงื่อนไขผลักให้ชาวบ้านเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนมาอย่างต่อเนื่อง นับแต่รัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ใช้นโยบายรัฐนิยม บังคับชาวมุสลิมแต่งกายแบบตะวันตก อุ้มฆ่าผู้นำศาสนา อย่าง หะยีสุหลง ตามต่อด้วยรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งมี จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สุมไฟใต้ต่อด้วยนโยบายกลืนชาติพันธุ์ เกณฑ์คนอีสานไปอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ยิ่งผลักดันให้ชาวบ้านเอาใจออกห่างจากรัฐบาลไทยมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เดิมมีอยู่แค่ 2 ขบวนการ B.N.P.P. และ B.R.N. ได้ก่อตัวเพิ่มมาอีก 1 ขบวนการ นั่นคือ...พูโล ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเกิดเพิ่มขึ้น ข่าวชาวมุสลิมในภาคใต้ถูกรัฐบาลไทยกดขี่รังแกดังไปทั่วโลก...เงินสนับสนุนเพื่อแบ่งแยกดินแดนจากตะวันออกกลางเริ่มทยอยหลั่งไหลเข้าสู่ขบวนการ เพราะมีคนเอาเงื่อนไขรัฐบีบคั้นชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือหากิน ถ้ากระบวนการสุมไฟใต้หยุดเพียงนี้...รัฐบาลกล้ายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ปัญหาก็น่าจะแก้ไม่ยาก แต่ผู้นำไม่กล้ายอมรับความผิดพลาด ซ้ำยังเติมปัญหาขึ้นมาอีก...ก่อนหน้านี้ หะยีสุหลง ผู้นำศาสนาถูกจับดำเนินคดี และถูกอุ้มฆ่าถ่วงทะเลสาบสงขลาไปแล้ว ขณะภาคใต้กำลังถูกสุมไฟอยู่นั้น เปาะสู วาแมดีซา ครูใหญ่ ร.ร.บ้านจารังตาดง อ.รามัน จ.ยะลา เริ่มมีชื่อเสียง เป็นคนที่ชาวบ้านเคารพรัก เพราะมีเลือดนักสู้ รักความยุติธรรม ต่อต้านความอยุติธรรม แต่การรักความยุติธรรมของครูเปาะสู บังเอิญไปต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ อันไม่ชอบธรรม และไม่ชอบกฎหมายของเจ้าหน้าที่ งานกินเหนียว หรืองานมาแกปูโละ บ้านครูเปาะสู กล่าวกันว่ามีพี่น้องมุสลิม 5 จังหวัดใต้ บ่าไหลกันมาติดต่อกัน 7 วัน 7 คืน ชื่อครูเปาะสู ที่ถูกจับตาอยู่แล้ว กลายเป็นชื่อผู้มีอิทธิพลที่ทางการไม่ไว้วางใจ กลายเป็นหนึ่งชื่อในบัญชีดำ ในไม่ช้า ครูเปาะสูก็เจอข้อหากบฏคิดแบ่งแยกดินแดน...ถูกจับดำเนินคดี ติดคุกฟรี 5 ปี ศาลพิจารณาแล้วไม่มีความผิด ปล่อยตัวกลับบ้านอยู่ได้ไม่นาน มีเหตุการณ์ชัดเจนว่าอยู่ต่อไปก็เป็นเป้าถูกอุ้มฆ่าในที่สุด ครูเปาะสูก็ต้องเตลิดหนีเข้าป่า โดยมีชาวบ้านติดตามเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยจำนวนมาก ยุคครูเปาะสู 3 จังหวัดภาคใต้ ถือเป็นยุคทองนายตำรวจมือปราบปืนโหด...ที่มี จอมพล ประภาส เป็นทั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาการตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ในสมัยรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร ตำรวจคนไหนมีผลงานการปราบปรามยอดเยี่ยม จะได้ความดีความชอบมากเป็นพิเศษ ตำรวจคนไหนปะทะกับโจรแบ่งแยกดินแดนแล้วบาดเจ็บ จะได้ความดีความชอบ 2 ขั้น ต่อ 1 ครั้ง...ปะทะ 2 ครั้งได้ 4 ขั้น มีนายตำรวจบางนายสร้างสถิติถึง 12 ขั้น...แต่ระเบียบของกรมตำรวจให้ได้แค่ปีละ 5 ขั้น เลยต้องใช้วิธีจ่ายดาวน์ความดีความชอบให้ก่อน 5 ขั้น...เหลืออีก 7 ขั้น กรมตำรวจจะผ่อนใช้ในปีถัดไป ตำรวจต่างแข่งกันทำแต้มความดีความชอบกันอย่างขนานใหญ่ ว่ากันว่า...บางคนปะทะแล้วไม่บาดเจ็บ กลัวไม่ได้ขั้นทัดเทียมเพื่อน ใช้วิธีดึงหนังท้องแขน หรือไม่ก็หนังใต้น่องขา แล้วยิงตัวเองให้บาดเจ็บ ยิ่งถ้าใครสามารถฆ่าโจรแบ่งแยกดินแดนได้ ยิ่งฆ่าได้โหดสุดสยอง ฆ่าแล้วตัดคอเสียบประจาน แบกศพมาประจานได้ ยิ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นพิเศษ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 55 23:50:26 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 23:47:52

ความคิดเห็นที่ 40 ดึกแล้วพี่จิม ขอตัวไปนอนละครับเด๊่ยวมาว่ากันต่อในยุค ครูเปาะสู วาแมดิซา ครูเปาะสู วาแมดิซา ผมได้สัมผัส กับตัวผมเอง จนทราบได้ว่า นโยบายรัฐทหารไทย มั่วได้ใจ จริง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 23:52:50

ความคิดเห็นที่ 41 ความอคตินิยม ...ต่อศาสนาอิสลาม......คือผู้ก่อการร้ายภาคใต้ตัวจริง จากคุณ : Jimbovy เขียนเมื่อ : วันมาฆบูชา 55 08:34:17