Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การภาวนาพุทโธเป็นบ่อบุญถึง 4 ประการ ติดต่อทีมงาน

ธรรมโอวาทของ
พระวิสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


การที่เรามานั่งภาวนา “พุทโธๆ”
โดยการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างเดี๋ยวนี้
จัดว่าเป็นบ่อบุญถึง ๔ บ่อ เหมือนกับเรายิงนกทีเดียวแต่ได้นกตั้งหลายตัว
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การภาวนาเป็นมหากุศลอันเลิศ

ที่ว่าเราได้บุญถึง ๔ บ่อนั้น คืออะไรบ้าง

ประการที่ ๑ เป็น “พุทธานุสติ”

เพราะขณะที่เรากำหนดลมและบริกรรมว่า “พุทโธๆ” นั้น
เราได้น้อมเอา พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
เข้าไปไว้ภายในใจของเราด้วย

พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าสูงกว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อได้น้อมเขาไปในตัวเราแล้วก็เกิดความปีติ อิ่มเต็ม เย็นอกเย็นใจ
ความเบิกบานสว่างไสวก็มีขึ้นในดวงจิตของเรา
นี่นับว่าเป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๒ เป็น “อานาปานสติ”

เพราะลมหายใจที่เรากำหนดอยู่นี้
เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิต และมีสติตื่นอยู่ ไม่ลืม ไม่เผลอ
ไม่ยื่นออกไปข้างหน้า ไม่เหลียวมาข้างหลัง
ไม่คิดไปในสัญญาอารมณ์อื่นนอกจากลมหายใจอย่างเดียว
มีความรู้อยู่แต่ในเรื่องของกองลมทั่วร่างกาย

วิตก ได้แก่ การกำหนดลม
วิจาร ได้แก่ การขยายลม

เมื่อลมเต็มอิ่มและมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา
นิวรณ์ทั้งหลายที่เป็นข้าศึกของใจ
ก็ไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาทำลายคุณความดีของเราได้
จิตก็จะมีความสงบนิ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน กระสับกระส่าย
ไม่ตกไปอยู่ในบาปอกุศลอันใดได้
เป็นจิตที่มีอาการเที่ยงตรง ไม่มีอาการวอกแวกและไหลไปไหลมา
มีแต่ความสุขอยู่ในลมส่วนเดียว
นี้ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๓ เป็น “กายคตาสติ”

เป็น “กาเย กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ด้วย
เพราะลมหายใจเป็นตัวชีวิต เป็นตัวกายใน
เรียกว่า พิจารณากายในกาย (ธาตุ ๔ เป็นตัวกายนอก)
คือเมื่อเราได้กำหนดลมเข้าไปในส่วนต่างๆ ของร่างกายทุกส่วนแล้ว
เราก็จะมีความรู้เท่าทันถึงสภาพอันแท้จริงของร่างกาย
อันประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
ว่าเมื่อเกิดความกระเทือนระหว่างลมภายนอกกับธาตุเหล่านี้
แล้วได้มีอาการและความรู้สึกเป็นอย่างไร

ร่างกายเคลื่อนไหว แปรเปลี่ยน ทรุดโทรม และเกิดดับอย่างไร
เราก็จะวางใจเฉยเป็นปกติ เพราะรู้เท่าทันในสภาพธรรมดาเหล่านี้
ไม่หลงยึดถือในรูปร่างกายว่าเป็นตัวตน
เพราะแท้จริงมันก็เป็นเพียงธาตุแท้ ๔ อย่างที่ผสมกันขึ้น
และเมื่อพิจารณาแล้ว ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งปฏิกูลตลอดทั่วร่างกาย
ตั้งแต่ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ ตลอดทั้งอวัยวะภายในทุกส่วน
เห็นดังนี้แล้ว ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย สลดสังเวชขึ้น
ทำให้หมดความยินดียินร้ายในรูปร่างกาย ใจก็เป็นปกติ
นี่ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๔ เป็น “มรณานุสติ”

ทำให้เรามองเห็นความตายได้อย่างแท้จริง
ด้วยการกำหนดลมหายใจ

เมื่อก่อนนี้เรานึกว่าความตายนั้นจะต้องมีอยู่กับคนไข้อย่างนั้น
โรคอย่างนี้ แต่หาใช่ความตายอันแท้จริงไม่
แท้จริงมันอยู่ที่ปลายจมูกของเรานี่เอง มิได้อยู่ไกลไปจากนี้เลย

ถ้าเลยออกไปจากปลายจมูกแล้วก็ต้องตาย
ทั้งนี้ให้เราสังเกตดุลมที่หายใจเข้าออก ก็จะเห็นได้ว่า
ลมนี้เลยจมูกออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก เราต้องตายแน่
หรือถ้าลมเข้าไปในจมูกแล้วไม่กลับออกมา ก็ต้องตายเหมือนกัน
เมื่อเรามองเห็นความตายมีอยุ่ทุกขณะลมหายใจเข้าออกเช่นนี้
เราก็จะเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัวอยู่เสมอ
ไม่เป็นผู้ลืมตาย หลงตาย เราก็จะตั้งอยู่ในความดีเสมอไป
นี่ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

 

คัดลอกเนื้อหาจาก
พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร. แนวทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๒.
พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : ขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์,
๒๕๕๓. หน้า ๒๐๒-๒๐๔.
www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=39800

 
 

จากคุณ : Mr.Terran
เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 17:32:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com