พี่ Rinta ครับ.... พอดี ช่วงนี้ ผมก็พอมีเวลามากเป็นพิเศษน่ะครับ ที่จริงแม้ไม่ได้ตั้งกระทู้ แต่ผมก็พอมีเวลา อ่านกระทู้เยอะพอสมควรครับ ก็ตอบกระทู้บ้าง อ่านกระทู้ห้องอื่น ๆ บ้าง มาห้องศาสนาบ้าง
ปกติ ก็เป็นคนนอนดึก ๆ อยู่แล้วครับ ยามดึก ก็สงบเงียบดี อ่านบ้าง เขียนบ้าง ดูหนังดูสารคดีบ้าง ฯลฯ วันไหนไม่มีงานเช้า ก็อาจจะตื่นช้า ๆ สาย ๆ หน่อยก็ไม่เป็นไร
ชีวิตผม ไม่ได้มีอะไรให้ต้อง "รีบร้อน" เลยครับพี่รินตา แม้การปฏิบัติธรรม หรือการเรียนรู้ปริยัติธรรม ผมก็ไม่เห็นมีความจำเป็นใด ๆ ต้องรีบร้อน ก็ว่าไปเรื่อย ๆ ตามกำลังน่ะครับ
เป็นเพราะผมไม่มีธุระอะไร ที่จะต้องรีบไปทำ ในนรก หรือบนสวรรค์ นี่ครับ ก็เลยไปเรื่อย ๆ ตามอัตภาพอยู่ในชีวิตนี้ก่อน
ก็อย่างที่รู้กันทั่วทั้ง ๓ โลก ว่า การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ นี้หนา ย่อมประเสริฐนัก และเป็นสุคติภูมิ ของเทวดาเชียวแหล่ะ ขนาดเทวดา เวลาจะจุติ เคลื่อนจากอัตภาพความเป็นเทพนั้น เพื่อน ๆ เทวดายังมาร่วมไว้อาลัย และร่วมกันอวยพร ให้เทวดาตนนั้น จงไปสู่สุคติบนโลกมนุษย์ โลกที่ผมและพี่รินตามาเกิดนี่แหล่ะ...
เห็นไหมครับ ขนาดเทวดา ยังปราถนา มาเกินบนโลกนี้เลย.....แล้วเรื่องอะไร ผมจะรีบละลาโลกนี้ไปโลกอื่นล่ะครับ...
ผมก็ต้องเรื่อย ๆ เดินทอดน่องเป็นพระยาน้อยชมตลาด หาความสุข (โดยชอบธรรม) อยู่บนโลกนี้ให้นานปี ไม่ดีกว่าหรือ.....
เข้าใจว่า พี่รินตา ก็คงไม่คัดค้านความเห็นนี้นะครับ แต่จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมเชื่อมั่นว่า...พี่รินตาเอง ก็คง ไม่รีบร้อนไปไหนนะครับ ต่อให้มีใครสักคนมาบอกพี่ว่า...หากละจากโลกนี้แล้ว พี่ได้เป็นนางฟ้าบนสวรรค์แน่ ๆ ผมก็เชื่อว่า พี่คงจะยังไม่รีบร้อนที่จะไปหรอกน่า...จิงมะ?
ส่วนหน้าที่การงาน พี่ก็รู้ว่า มันก็มี ระบบมัน ของมัน เราจะรีบจะร้อน ในเวลาที่ไม่ควรรีบร้อน ก็คงไม่ได้หรอก.... เมื่อระบบมันทำงาน ผู้ควบคุมระบ ก็ไม่จำเป็นต้องรีบเหมือนตัวระบบหรอก จริงไหมครับ
อันที่จริง ผู้คุมระบบ ควรจะช้า ๆ สุขุม ให้มาก ๆ เสียด้วยซ้ำไป
เช่น เราขับรถยนต์ ด้วยความเร็วสูง รถยนต์ต่างหากที่มันเร่งรีบ แต่คนขับ ไม่จำเป็นต้องลุกลน หากลุกลนเร่งรีบ เช่นลนลาน หักพวงมาลัย อย่างเร็วกระทันหัน ผลเป็นเช่นไร ก็ย่อมทราบ
ดังนั้น ทั้งหมดทั้งสิ้น นี้ ก็เพื่อตอบท่านพี่รินตาว่า.....ช่วงนี้ ผมไม่มีอะไรที่จะต้องเร่งรีบครับ ก็เลยมีเวลามากพอที่จะมานั่งตั้งกระทู้ให้พี่รินตาได้ เห็นบ่อย ๆ นั่นเอง ขอรับ...กระผ๊ม