เขียนต่อเนื่อง ความเห็นคุณ ทุกวินาที
ทำไมพระ นักบวชบางท่านถึงจะต้องอ้างกาลามาสูตรให้พร่ามัวหรือเพราะว่า เพื่อให้ผู้คนที่ศึกษาพระไตรปิฏก เกิดความสับสน
แล้วหันมาสนใจคำสอน หรือข้อเขียนของพระอื่นๆแทนพระไตรปิฏกอย่างนั้นหรือ
พระรุ่นหลังๆ ต่อมา เมื่อไม่พอใจพระสูตรไหน
ก็บอกว่าตรงนี้ พระสูตรนี้ ปลอมปนอย่างนั้นหรือ
แล้วเอาหลักฐานที่ว่าปลอมปนนั้นมาจากไหน ใครบันทึกไว้ มีไหม
....................
และดังที่มีคำกล่าวว่า ฉีกพระไตรปิฏกทิ้ง จากภาพ ความคิดเห็นที่ 61
เท่านั้นเท่านี้เปอเซนต์ เพื่อให้บุคคลแต่ระระดับศึกษา ตามที่ปรากฏในนั้น
ทำไม ต้องฉีก 30-60 %
แต่ละคน ไม่มีสิทธิที่จะได้เรียนรู้พระธรรมจากพระไตรปิฏกอย่างเท่าเทียมกันหรือ
....................
ตัวอย่าง พุทธพจน์ของพระศาสดา ที่กล่าวว่าให้ปลงใจเชื่อ
นี่ก็แปลว่า ตรงนี้ ไม่ต้องใช้กาลามสูตร และในขณะที่ตรัสพระสูตรนี้กับพุทธสาวก
ท่านก็ไม่ได้ตรัสหลักกาลามสูตรก่อน
พระพุทธเจ้าผิดไหม ที่ไม่ตรัสหลักกาลามสูตรเสียก่อน ?
(หรือว่าจะไม่ปลงใจเชื่อท่านก็ไม่ได้บังคับ)
แต่ในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ท่านตรัสแก่สาวกของท่านให้ปลงใจเชื่อ ดังนี้
เจโตขีลสูตร
[๒๓๑] ตะปูตรึงใจ ๕ ประการ ชื่อว่า อันภิกษุนั้นละได้แล้วเป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในพระศาสดา ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง
ภิกษุไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในพระธรรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จิตของภิกษุผู้ไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในพระธรรมนั้น
ย่อมน้อมไปเพื่อความเพียรเครื่องเผากิเลส เพื่อความประกอบเนืองๆ
เพื่อความทำติดต่อ เพื่อความเพียรที่ตั้งมั่น
ข้อที่จิตของภิกษุน้อมไปเพื่อความเพียรเครื่องเผากิเลส
เพื่อความประกอบเนืองๆ เพื่อความทำติดต่อ เพื่อความเพียรที่ตั้งมั่น
อย่างนี้ ชื่อว่าตะปูตรึงใจประการที่ ๒ ที่ภิกษุนั้นละได้แล้ว.
...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง
ภิกษุไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในพระสงฆ์ ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง
ภิกษุไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในสิกขา ...
.........................
ปลงใจเชื่อ เลื่อมใสในพระธรรม
...................
ในพระไตรปิฏก มีกี่ที่ กี่เล่มหนอ
ที่พระพุทธองค์ ตรัสแก่พุทธสาวก (พุทธบริษัท ๔)
เรื่อง ต้องใช้ กาลามาสูตร
แต่ ทำไม พระบางรูป ที่เขียนหนังสือ ขึ้นมา มากมาย
จึงพยายามให้ใช้กาลามสูตร
..........................................................................................................
อาจจะกลายเป็นนอกประเด็นของกระทู้ที่ตั้งขึ้น
ไม่ลืมที่จะ อนุโมทนาสาธุ กับท่านเจ้าของกระทู้
ที่ได้สนใจใฝ่ศึกษาธรรม
ซึ่งผมก็เคยอ่านเคยศึกษาเล่มนี้มาแล้ว
แต่ท้ายที่สุด ก็มาจบลงที่พระไตรปิฏก
ทำไม
ก็ เพราะว่า เชิงอรรถ ที่มา ของการเรียบเรียงข้อความข้อมูลทั้งหลาย
ที่ท่านพระพุทธทาสอ้างอิงนั้น นำมาจากไหน ?
ผมมันคนช่างสงสัย ก็เลยค้นหาอ่านเพิ่มเติมจากเชิงอรรถที่ท่านอ้างอิงไว้
ซึ่งก็คือ พระไตรปิฏก
ท่านอ้างอิงจาก พระไตรปิฏก บาลี /
ผมลงทุน ศึกษาจากทั้งพระไตรปิฏกแปลไทย และบาลีอักษรไทย
ก็พบว่า
มีหลายสิ่งที่ชุดจากพรโอษฐ์ ที่ท่านพระพุทธทาส รวบรวมไว้
หายไปจากพระไตรปิฏกบาลี
เช่น ตรัสที่ไหน ระหว่างใครกับใคร เป็นต้น
มีบางส่วนงอกขึ้นมา ที่ไม่ใช่ จากพระโอษฐ์ แต่ปะปนอยู่ทั่วไป คือ
คำประเภท บทนำ ของแต่ละพระสูตร แต่ละบท
ความเห็นของท่าน ทีมผู้แปล เป็นตัวอักษรขนาดเล็กเพื่อเชื่อมโยง เรื่องราว
ส่วนใคร ใคร่ศึกษา จากที่ไหนๆ ก็ไม่ว่ากัน
สำหรับผม คงให้ความเชื่อถือ พระไตรปิฏก มากกว่า ชุด จากพระโอษฐ์