ความคิดเห็นที่ 1 จารวากกลับชาติมาเกิด ได้ฝึกฝนอะไรเป็นจริงจังบ้างแล้วในชีิวิต หรือแค่ใช้สมองกากๆ ในกะลาครอบมานึกทึกทักเอาเอง จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 19:41:57

ความคิดเห็นที่ 2 1. นิพพานมีปัจจัยปรุงแต่งไหมครับ 2."แต่นรกสวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่นั้น มีใครอธิบายเหตุและปัจจัยที่ละเอียด และเข้าใจได้บ้าง ?... ไม่เลย มีแต่คำบอกเล่าจากตำราหรือจนคนอื่นเท่านั้น" หลวงพี่เคยเห็นอะตอมไหมครับ เห็นแค่รูป หลวงพี่รู้ได้ไงว่าเขาไม่หลอกครับ 3.และ จากการพิสูจน์ ซึ่งก็ต้องทดลองพิสูจน์ตามที่ตำราบอก หรือจากครูอาจารย์ที่ดังๆก็ตาม ซึ่งก็ไม่พ้นให้ฝึกสมาธิอย่างหนัก แล้วจะมีตาทิพย์หรือกายทิพย์ไปดูหรือไปเที่ยวนรกสวรรค์ได้ เพื่อพิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริง ตามหลักกาลามสูตร หลวงพี่ทดลองหรือยังครับ นั่งสมาธิหรือยังครับ หรือยังไม่นั่งก็บอกว่าไม่จริง ตามหลักกาลมสูตร 4.ซึ่งเมื่อขาดทั้งเหตุผลมารองรับและมีการพิสูจน์อย่างหนัก ก็ไม่พบว่าจะมีตาทิพย์หรือถอดกายทิพย์ได้จริง มีแต่มโนภาพตามที่เคยดูจากรูปภาพเท่านั้นที่เกิดขึ้นมาหลอกจิตขณะที่จิตมีสมาธิ  ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่า เรื่องนรกสวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีอยู่จริง พิสูจน์อย่างหนัก "หลวงพี่พิสูจน์อย่างหนักอย่างไร ตอนไหนครับ" ขาดเหตุผลรองรับอย่างไรครับ ถ้าจะบอกว่า หลวงพี่ไม่เห็น ถือเป็นเหตุผล "ตลก"มากครับ หลวงพี่ไม่เคยนั่งสมาธิ "หลวงพี่รู้ได้อย่างไรว่ามโนภาพตามทีเ่ห็นในรูป?" "หลวงพี่ฟังคนอื่นแล้วคิดเอา ผิดหลักกาลมสูตรนะครับ ไม่ได้เห็นเอง" 5. แต่สวรรค์ในอก นรกในใจนี้เป็นเรื่องที่มีทั้งเหตุผลและของจริงมายืนยัน จึงเชื่อถือได้ตามหลักกาลามสูตร หลวงพี่รู้ได้อย่างไรว่า ผู้ร้ายฆ่าคนแล้วเกิดนรกในใจครับ หลวงพี่รู้ได้ไงว่า คนตบยุงแล้วเกิดนรกในใจครับ นี่คิดเองใช่ไหมครับ "ผิดหลักกาลามสูตร" นะครับ ไม่ได้เป็นตัวเขา หลวงพี่รู้ได้ไง จากคุณ : ad (Ant-san) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 19:48:46

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11825350/Y11825350.html ผมไม่มี ข้อ 4. ให้ท่านWhat am I? ข้อ 4. ไม่เชื่อนรก สวรรค์ ภพชาติ เทวดา ผีสางเลยจริงๆ ไม่เชื่อแบบจริงๆนะครับ ไม่เชื่อแบบ คริสต์มองเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของพุทธ "ไ้ร้สาระ" เพราะลึกๆในความคิดผม คิดว่าท่านWhat am I? น่าจะสุดโต่งเพื่อเบี่ยงเบนสังคมมากกว่า หรือไม่ครับ? หรือท่าน ข้อ 4. จริงๆ?? จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 19:48:59

ความคิดเห็นที่ 4 อกุศลกรรมเมื่อทำแล้ว แม้จะสบายใจอย่างไร  ก็ถูกบันทึกไว้ พร้อมจะสะท้อนกลับเสมอ ถ้ามีการฆ่าเกิดขึ้นจากน้ำมือผู้หนึ่ง  แม้จะสบายใจ  แต่รับรองได้เลย ว่าต้องได้รับกรรมสนองแน่นอน ตามหลักกฎแห่งกรรม ทำอย่างไรได้อย่างนั้น  ข้อนี้ พิสูจน์ได้อย่างแน่นอน  พระพุทธองค์ไม่ โป้ปดแน่  เพราะผมลองให้ทานรักษาศีลแล้ว มาเป็นปี จึงบอกได้ว่า  นรก สวรรค์หลังความตายจะมีหรือไม่นั้น ก็จะไม่เลิกรักษาศีล และให้ทาน ทำสมาธิ วิปัสสนาอย่างแน่นอน  สุขจากการละตัวตนนั้น หาอื่นใดมาเสมอมิได้เลย  นี่คือ  คำตอบสุดท้ายของชีวิตจริงๆ จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:11:44

ความคิดเห็นที่ 5 หลวงพี่มีแฟนคลับมากจัง จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:30:10

ความคิดเห็นที่ 6 ...             ดูกรกาลามชนทั้งหลาย เราได้กล่าวคำใดไว้ว่า ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินว่าอย่างนี้ อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตน อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรม เหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้นท่าน ทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่ เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น เรา จึงได้กล่าวไว้ดังนี้ ดูกรกาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้น ปราศจากความ โลภ ปราศจากความพยาบาท ไม่หลงแล้วอย่างนี้ มีสัมปชัญญะ มีสติ มั่นคง มีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอด โลก ทั่วสัตว์ทุกข์เหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยเมตตาอัน ไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน อยู่ มีใจประกอบด้วยกรุณา ... มีใจประกอบด้วยมุทิตา ... มีใจประกอบด้วย อุเบกขาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลกทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประโยชน์มิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ ดูกรกาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่ เศร้าหมองอย่างนี้มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้ ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการใน ปัจจุบันว่าก็ถ้าปรโลกมีจริง ผลวิบากของกรรมทำดีทำชั่วมีจริง เหตุนี้เป็นเครื่อง ให้เราเมื่อแตกกายตายไป จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ ความอุ่นใจ ข้อที่ ๑ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว ก็ถ้าปรโลกไม่มี ผลวิบากของกรรมทำดี ทำชั่วไม่มี เราไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีทุกข์เป็นสุข บริหารตนอยู่ ในปัจจุบันนี้ ดังนี้ ความอุ่นใจข้อที่ ๒ นี้ พระอริยสาวกนั้นได้แล้ว ก็ถ้าเมื่อ บุคคลทำอยู่ ชื่อว่าทำบาป เราไม่ได้คิดความชั่วให้แก่ใครๆ ไหนเลยทุกข์ จักมาถูกต้องเราผู้ไม่ได้ทำบาปกรรมเล่า ดังนี้ ความอุ่นใจข้อที่ ๓ นี้ พระอริย สาวกนั้นได้แล้ว ก็ถ้าเมื่อบุคคลทำอยู่ ไม่ชื่อว่าทำบาป เราก็ได้พิจารณาเห็น ตนว่าเป็นคนบริสุทธิ์แล้วทั้งสองส่วน ดังนี้ ความอุ่นใจข้อที่ ๔ นี้ พระอริย สาวกนั้นได้แล้ว ดูกรกาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้นมีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่มีเศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้ว อย่างนี้ ย่อมได้รับความอุ่นใจ ๔ ประการนี้แลในปัจจุบัน ฯ             กา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต ข้อนี้เป็น อย่างนั้น ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระอริยสาวกนั้น มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้ มีจิต ไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้ มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้ ท่านย่อมได้ความอุ่นใจ ๔ ประการในปัจจุบัน ... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของ พระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอพระองค์โปรดทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  บรรทัดที่ ๕๐๑๔ - ๕๐๙๒.  หน้าที่  ๒๑๕ - ๒๑๘. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5014&Z=5092&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=505 จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:37:24

ความคิดเห็นที่ 7 ถามหลวงพี่ จขกท. ว่า 1 ท่านมีความเชื่อว่า ไม่มีนรก สวรรค์ ที่เป็นดินแดน เป็นภพภมิ เป็นสถานที่ ... แต่เชื่อว่า มีนรก สวรรค์ แบบที่เป็นลักษณะ สวรรค์ในอก นรกในใจ เช่นนี้แล้ว ถูกใช่ไหมครับ? 2 ความเชื่อ ข้อ 1 ที่ผมถามนั้น หลวงพี่ จขกท. นั้น มีประสบการณ์ตรงเช่นไรครับ? ที่ในทำนองเดียวกัน หากหลวงพี่จะบอกว่า ไม่เชื่อ ก็ต้องมีสิ่งที่หักล้างได้ มากกว่า การบอกว่า ไม่เคยเห็น จึงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ผมเห็นว่า สิ่งที่หลวงพี่นำเสนอนั้น ยังไม่ได้เข้าไปแตะคำว่า "กาลามสูตร" เลยนะครับ เป็นเพียงการคิดแบบอาศัยเหตุและผลเท่านั้น คิดอนุมานเอาเท่านั้น แม้จะ "เชื่อ" ว่าในพระไตรปิฎก ตีความได้เช่นนั้นเช่นนี้ เรื่องหลายเรื่องในกาลามสูตรนั้น บางทีเราก็ไม่จำต้อง ใช้หลักกาลามสูตร เข้าไปจับก็ได้ครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราปฏิเสธไม่เชื่อ หรือสิ่งๆ นั้น มีหรือไม่มี แต่หากรู้ได้จริงๆ ว่า เรื่องเช่นนั้น มันเป็นอกุศล (ที่เด็ก ป.4 ก็รู้) ก็แค่ ดีดมันออกไปเลยครับ ไม่ต้องสนใน ใส่ใจ หรือพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ประเด็นนำคือ ผมเองก็ไม่เชื่อ ในสิ่งที่ท่านนำเสนอครับ เพราะอยู่ภายใต้ระบบของ "การคิดเอง" เท่านั้น และการใช้ตรรกะว่า * แต่สวรรค์ในอก นรกในใจนี้เป็นเรื่องที่มีทั้งเหตุผลและของจริงมายืนยัน จึงเชื่อถือได้ตามหลักกาลามสูตร  * จึงฟังดูอ่อนในตรรกะมากซะจริง หากพูดกันแบบตรงๆ เลยว่า ไม่เชื่อ เพราะไม่มีประสบการณ์ตรง แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำได้เฉพาะหน้า เช่น การเจริญภาวนา  อะไรก็ว่าไป เช่นนี้ ยังดูเป็นท่าทีของคนสมัยใหม่กว่านะครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:40:03

ความคิดเห็นที่ 8 "...เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรม เหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้นท่าน ทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่ เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น เรา จึงได้กล่าวไว้ดังนี้..." จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:44:17

ความคิดเห็นที่ 9 ท่านจขกท. เผยแพร่ ไม่ใช่เผยแผ่ ธรรม หรือ อธรรม พึงสังวรเอาไว้ให้จงดี ขอรับ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 20:47:27 จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:47:10

ความคิดเห็นที่ 12 ๑๗๐. ธมฺมปีติ สุขํ เสติ. ผู้มีปีติในธรรม อยู่เป็นสุข. ขุ. ธ. ๒๕/๒๕. ๑๗๑. ธมฺมจารี สุขํ เสติ. ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข. ขุ. ธ. ๒๕/๓๗, ๓๘. ขุ. อุ. ๒๕/๓๖๖. ๑๗๒. ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺจารึ. ธรรมแล ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม. ขุ. ชา. ทสกฺ ๒๗/๒๙๐. ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๔. ๑๗๓. น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี. ผู้ประพฤติธรรม ไม่ไปสู่ทุคติ. ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๙๐. ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๔. ๑๗๔. ธมฺเม ฐิตํ น วิชหาติ กิตฺติ. เกียรติ ย่อมไม่ละผู้ตั้งอยู่ในธรรม. องฺ. ปญฺจก. ๒๓/๕๑. ๑๗๕. ธมฺเม ฐิตา เย น กโรนฺติ ปาปกํ. ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่ทำบาป. องฺ. จตุตกฺก. ๒๑/๒๕. ๑๗๖. สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย. สภาวธรรมทั้งปวง ไม่ควรถือมั่น. ม. ม. ๑๒/๔๖๔. ๑๗๗. โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ. พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย. ม. อุปฺ ๑๔/๔๗๑. สํ. ส. ๑๕/๗๘. องฺ. สตฺตก. ๒๓/๓. ๑๗๘. ธมฺมํ จเร สุจิตํ น ตํ ทุจฺจริตํ จเร. พึงประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่ควรประพฤติให้ทุจริต. ขุ. ธ. ๒๕/๓๘. ขุ. อุ. ๒๕/๓๖๖. ๑๗๙. สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ. ควรเคารพสัทธรรม. องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๒๗. ๑๘๐. กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย. บัณฑิตควรละธรรมดำเสีย. สํ. มหา. ๑๙/๒๙. ขุ. ธ. ๒๕/๒๖. ๑๘๑. สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต. บัณฑิตควรเจริญธรรมขาว. สํ. มหา. ๑๙/๒๙. ขุ. ธ. ๒๕/๒๖. ใช้หลักกาลามสูตรพิจารณาดูนะครับท่าน โทษทั้งหลายมีมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างยิ่ง  "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักข้อหนึ่งที่มีโทษมากเหมือนมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) นี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษทั้งหลาย มีมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) เป็นอย่างยิ่ง." เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๔๔ จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 22:08:12

ความคิดเห็นที่ 13 นี่แหละคือโทษของการให้ปัญญาเป็นผู้นำ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 22:18:15

ความคิดเห็นที่ 14 "การไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ใช้หลักกาลามสูตรแล้ว จึงไม่เชื่อ ใช่หรือเปล่า ?" ไม่ใช่ครับ ถ้าใช้หลักกาลามสูตรแล้ว ต้องพิสูจน์แล้วจึงเชื่อครับ พิสูจน์แล้วจึงเชื่อว่า "มีนรก-สวรรค์" พิสูจน์แล้วจึงเชื่อว่า "ไม่มีนรก-สวรรค์" พิสูจน์โดยการเจริญมรรค 8 ทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกขฺ์ เมื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้วจึงจะเห็น จึงจะรู้ครับว่านรก-สวรรค์ มีจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่สวรรค์ในอก-นรกในใจอย่างที่พระวิปลาสบางรูปพูด จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 22:20:33

ความคิดเห็นที่ 15 ลองโพสอีกที ชาติก่อนชาติหน้า กฏแห่งกรรม นรก  สวรรค์ ภพภูมิ มีจริง ผมเข้าใจ นรก สวรรค์ เทวดา เป็นสภาวะ ไม่ใช่เป็นตัวตนอย่างที่เข้าใจกันโดยทั่วไปทุกวันนี้            สัด  น ก   เป็นสภาวของจิต ที่เป็นทุกข์ เร่าร้อนจากความโกรธ, โลภ, หลงหรือฯลฯ            เปตร         เป็นสภาวของจิต ที่ทุรนทุรายจากความอยากกิน, อยากได้, อยากมี, อยากเป็น,                          อยากเสพกามคุณ(รูป เสียง กลิ่น.. ฯล)            อสุรกาย   เป็นสภาวของจิต ที่กลัวไำม่กล้าทำความดี            เดรฉาน    เป็นสภาวของจิต(ของคน) ที่ไม่รู้ดีชั่ว ไม่สามารถแยกดีชั่วได้                         หรือพอรู้ แต่ไม่สามารถควบคุมกาย วาจา ใจให้พ้นจากชั่ว ทำดีได้                         ส่วนเทวดา เป็นสภาวของจิตที่ประเสริฐมีความละอาย, เกรงกลัวต่อบาป ความชั่ว ไม่กล้าทำชั่วทั้งต่อหน้า ลับหลัง ซึ่งเราทุกคนก็เคยเกิดดับผ่านภพภูมิเหล่านี้มาบ้างไม่มากก็น้อย คงจะระลึก(ชาติ)ได้ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วไม่เชื่อว่ามีวิญญานหลังความตายหรือ?  ก็เชื่อนะแต่คงจะต่างจากหลายๆท่าน  ผมเชื่อว่าวิญญาณ           อนิทัสสนัง   ไม่อาจมองเห็นได้  (แต่รู้ได้)           อนันตัง       ไม่มีขอบเขต  (อยู่ทั่วไป ยิ่งกว่าความร้อน แสง  ความโน้มถ่วง)           สัพพโต ปภัง   แจ่มใสโดยประการทั้งปวง           ทูรังคมัง      ไปได้ไกล            เอกจรัง       ไปแต่เพียงผู้เดียว  ผู้เดียวจริงๆไม่ได้พบเจอใครๆเลย            อสรีรัง        ไม่มีรูปร่าง หน้าตา หรือรูปทรง  (ไม่ต้องการสถาน ที่อยู่)            คูหาสยัง      อาศัยกายเป็นคูหา เมื่อร่างกาย(รูป)แตกดับตายไป ก็ไม่มีหูให้ได้ยิน ไม่มีตาให้มองเห็น ไม่สามารถรับสัมผัสไดๆได้อีก แต่ยังมีเวทนา ความรู้สึกสุข(สวรรค์) ทุกข์(นรก) จากสัญญา+ผลกรรมที่สั่งสมมาจากตอนเป็นๆ ทั้งจากชาตินั้นและชาติก่อนๆ สังขาร ร่วมกับกิเลสที่มีอยู่  เกิดเป็นเรื่องราวให้ จิตวิญญาณ ได้รับรู้ ดังนั้น นรก สวรรค์ของแต่ละคน จึงต่างกันไปตามสัญญากับกิเลส(ตันหา,อุปปาทาน)ที่ยึดไว้ ผู้ที่ทำกรรมบาปไว้มากก็ทุกข์ร้อนมากแสนสาหัส และนานมากจนกว่ากรรมจะเบาบางลง จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 23:05:32

ความคิดเห็นที่ 16 2 ความเชื่อ ข้อ 1 ที่ผมถามนั้น หลวงพี่ จขกท. นั้น มีประสบการณ์ตรงเช่นไรครับ? ที่ในทำนองเดียวกัน หากหลวงพี่จะบอกว่า ไม่เชื่อ ก็ต้องมีสิ่งที่หักล้างได้ มากกว่า การบอกว่า ไม่เคยเห็น จึงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ตลกดี คนไม่เชื่อว่ามีแต่จะให้มาพิสูจน์ มาหักล้างว่าไม่มี ก็บอกแล้วว่ามันไม่มีนี่นา มันเป็นหน้าที่ของคนที่เชื่อว่ามีออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่ามี ไม่ถูกต้องและง่ายกว่าหรือครับ? ถ้าของที่มีก็ต้องเอาออกมาโชว์ได้ซิครับ ที่เชื่อว่ามี มีอยู่ที่ไหน? สภาพเป็นยังไง? เคยเห็นยัง? มีถ่ายรูปถ่ายวิดิโอออกมาให้ดูหน่อยได้มั้ย ถ้าแค่ฟังมาจากคนอื่นว่ามี แค่อ่านตำรามาว่ามี แล้วก็เชื่อเลย อย่างนี้อย่ามาเรียกร้องข้อพิสูจน์เลยดีกว่า ถ้าคนที่โง่หลงผิดคิดไปว่า นรก สวรรค์ไม่มีทั้งๆที่มีจริง ก็เป็นหน้าที่ของพวกคุณที่เชื่อว่ามีต้องมาพาไปดูหน่อย อย่าบอกว่าให้หาทางไปดูเองนะ มัน Nonsense เกินไป จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 17 คนที่เชื่อว่ามี มีหลักฐานมากมายครับ ทั้งพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ เช่น หลวงปู่ รวมถึงคำพูดของพระอรหันต์ทั้งหลาย พยานเอกสาร ก็คือพระไตรปิฎก "ส่วนคนที่เชื่อว่าไม่มี" มีพยานมายืนยันไหมครับ พยานเอกสาร พยานบุคคล คนที่คิดว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระไตรปิฎก พูดผิด คือคนที่มีภาระการพิสูจน์ครับ จากคุณ : ad (Ant-san) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 00:07:36

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงคุณ คห.ที่ 16 จากความเห็นของผม ใน คห.ที่ 7 นั้น ผมตั้งใจสื่อสารกับ หลวงพี่ จขกท. ดังนี้แล้ว ผมเกรงว่า คุณจะเข้าใจ ในประเด็นที่ผมถามได้แค่ไหน (ขอบคุณและยินดี ที่ร่วมไดอล็อกกันครับ) ย้ำว่าที่ผมถาม จขกท. นั้นคือ หาก จขกท. ไม่เชื่อในเรื่องของ นรก-สวรรค์แล้ว จขกท. นำหลัก กาลามสูตรมาจับกับความเชื่อของท่านเอง ได้เช่นไร? ประเด็นคือ จขกท. แน่ใจได้อย่างไรว่า "ความจริงเชิงประจักษ์" ที่ว่าไม่เชื่อใน นรก-สวรรค์ นั้น ผ่านหลักกาลามสูตรแล้ว ไม่มีประเด็นว่า ผมท้าให้ จขกท. ต้องพิสูจน์แต่อย่างใดครับ ปล. กาลามสูตร เป็นเรื่องของการ "เชื่อ" ไม่ว่า สิ่งนั้นๆ คุณจะเชื่อว่ามัน "มี"  หรือ  "ไม่มี"  ก็ตาม จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 00:23:09

ความคิดเห็นที่ 19 #16 อ้าวแล้วเหตุผลที่เชื่อว่าไม่มีล่ะครับ หรือบอกว่าก็มองไม่เห็นไม่มีใครเอามาให้ดู อย่างนี้เด็กประถมก็ตอบได้ วันนี้มีดารามาแถวบ้านนะ คนเป็นร้อยยืนยัน เด็กประถมถามไหนล่ะหลักฐาน นี่ไงลายเซ็นต์เป็นสิบ อ้าวมันอาจปลอมขึ้นมาได้ ต้องเรียกดารามา ถึงจะยอมเชื่อ ฉลาดแบบนี้เด็กปนะถมก็ทำได้ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 00:51:36

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 17 MsgStatus(Msv[17], 17); คนที่เชื่อว่ามี มีหลักฐานมากมายครับ ทั้งพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือ เช่น หลวงปู่ รวมถึงคำพูดของพระอรหันต์ทั้งหลาย พยานเอกสาร ก็คือพระไตรปิฎก "ส่วนคนที่เชื่อว่าไม่มี" มีพยานมายืนยันไหมครับ พยานเอกสาร พยานบุคคล คนที่คิดว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระไตรปิฎก พูดผิด คือคนที่มีภาระการพิสูจน์ครับ ก็ในเมื่อไม่เชื่อว่ามี ก็ไม่เห็นต้องเสียเวลาไปพิสูจน์เลย  และที่คุณบอกว่ามี ก็อ่านมาจากตำราอีกที โดยถือเอาว่าตำรานั้นน่าเชื่อถือ ฟังมาจากคนอื่นอีกที โดยคิดว่าคนพูดนั้นน่าเชื่อถือ หรือเพราะเป็นอาจารย์เรา แล้วก็เชื่อ ตัวคุณเองก็ยังไม่เคยเห็นด้วยตัวเองถูกมั้ยครับ  ความจริงประเด็นไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีหรือไม่มี แต่อยู่ที่ว่ามันจำเป็นสำหรับเราหรือป่าวเท่านั้นเอง เหมือนคนแก่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ไม่ต้องนั่งรถเข็นกันทุกคน ใครร่างกายไม่แข็งแรงก็อาจต้องใช้ช่วยพยุง ใครร่างกายแข็งแรงก็ไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าจะพูดถึง ใบไม้นอกกำมือหรือครับ ความคิดเห็นที่ 19 MsgStatus(Msv[19], 19); #16 อ้าวแล้วเหตุผลที่เชื่อว่าไม่มีล่ะครับ หรือบอกว่าก็มองไม่เห็นไม่มีใครเอามาให้ดู อย่างนี้เด็กประถมก็ตอบได้ วันนี้มีดารามาแถวบ้านนะ คนเป็นร้อยยืนยัน เด็กประถมถามไหนล่ะหลักฐาน นี่ไงลายเซ็นต์เป็นสิบ อ้าวมันอาจปลอมขึ้นมาได้ ต้องเรียกดารามา ถึงจะยอมเชื่อ ฉลาดแบบนี้เด็กปนะถมก็ทำได้ เห็นตรรกะนี้แล้ว เด็กประถมเห็นยังหัวเราะเลยครับ เป็นตรรกะที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย ก็ในเมื่อดารามีตัวตนจริง มีลายเซ็นต์ให้เห็นจริง มีคนเห็นตัวจริง ก็เชื่อได้ซิครับ เพราะมีคนเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆนี่ครับ เหมือนกระทู้ก่อนหน้านี้ที่มีคนยกตรรกะแปลก บอกว่า เหมือนคนไม่เคยไปดูไบ ก็เลยไม่เชื่อว่าดูไบมีอยู่จริง เพราะตัวเองไม่เคยเห็น ก็ในเมื่อดูไบมันมีอยู่จริง มีคนเคยไปจริง มีรูป มีสารคดีออกมาให้เห็น ถึงไม่เคยไปเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เชื่อได้ว่ามีจริง ยังมีตรรกะแปลกๆอีกมาก ไว้มีเวลาจะรวบรวมมาให้อ่านขำๆกัน แต่อะไรที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ แค่มีเขียนอยู่ในตำรา แค่เป็นเรื่องที่ฟังต่อๆกันมา จะให้เชื่อกันง่ายๆก็ไม่ถูกนะครับ จะลองยกตรรกะให้ฟังบ้าง สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจริง = สิ่งที่มองไม่เห็น ก็แน่นอนว่าย่อมจะไม่มีจริง แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 02:32:26 จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 02:29:13

ความคิดเห็นที่ 21 #20 ดารามีอยู่จริง แต่ที่จริงเข้าอาจจะไม่ได้มาก็ได้ ลายเซ็นต์ก็คือลายเซ็นต์ไม่ใช่ตัวจริง อาจปลอมแปลงขึ้นมาก็ได้ มีคนเห็นตัวจริง - แน่ใจได้อย่างไร ว่าไม่ได้อุปาทานไปเอง เห็นจริงแต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่จริง แต่ก็ไม่เห็นมีใครพาดารามาให้ดูตรงหน้า จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 02:38:10

ความคิดเห็นที่ 22 จากข้อ #21 คุณก็คงหาเหตุผลมาอธิบายได้สินะครับ นี่เป็น 1 ตัวอย่าง ของความรู้ ที่ไม่จำเป็นต้องเห็นดาราจริงๆ ก็เชื่อได้ว่ามาจริง คือถ้าคนมีปัญญาน้อยหน่อย ก็ต้องเห็นตัวจริงๆเป็นๆ ถึงจะเชื่อว่าดารามาจริง ถ้ามีปัญญามากหน่อย ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นตัวจริงๆ นรกสวรรค์ วิญญาณก็เหมือนกัน ถ้าปัญญาน้อยหน่อย ก็จะเรียกร้องให้คนเอาออกมาให้ดู จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 02:40:31

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 18 MsgStatus(Msv[18], 18); ถึงคุณ คห.ที่ 16 จากความเห็นของผม ใน คห.ที่ 7 นั้น ผมตั้งใจสื่อสารกับ หลวงพี่ จขกท. ดังนี้แล้ว ผมเกรงว่า คุณจะเข้าใจ ในประเด็นที่ผมถามได้แค่ไหน (ขอบคุณและยินดี ที่ร่วมไดอล็อกกันครับ) ย้ำว่าที่ผมถาม จขกท. นั้นคือ หาก จขกท. ไม่เชื่อในเรื่องของ นรก-สวรรค์แล้ว จขกท. นำหลัก กาลามสูตรมาจับกับความเชื่อของท่านเอง ได้เช่นไร? ประเด็นคือ จขกท. แน่ใจได้อย่างไรว่า "ความจริงเชิงประจักษ์" ที่ว่าไม่เชื่อใน นรก-สวรรค์ นั้น ผ่านหลักกาลามสูตรแล้ว ไม่มีประเด็นว่า ผมท้าให้ จขกท. ต้องพิสูจน์แต่อย่างใดครับ ปล. กาลามสูตร เป็นเรื่องของการ "เชื่อ" ไม่ว่า สิ่งนั้นๆ คุณจะเชื่อว่ามัน "มี"  หรือ  "ไม่มี"  ก็ตาม ผมว่าผมเข้าใจประเด็นนะครับ เพียงแต่ว่าถ้าจะตอบจริงๆตามความเข้าใจ มันจะยาวมาก เพราะมันต้องมีที่มาที่ไป เอาเป็นว่าผมขอติดไว้ก่อน จะไปเรียบเรียงความคิดทั้งหมดแล้วจะส่งไปให้อ่านนะครับ ว่ามีหลักการใช้กาลามสูตรกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะพอตอบสั้นๆ คนอ่านอาจไม่เข้าใจได้ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 02:41:45

ความคิดเห็นที่ 24 และ จากการพิสูจน์ ซึ่งก็ต้องทดลองพิสูจน์ตามที่ตำราบอก หรือจากครูอาจารย์ที่ดังๆก็ตาม ซึ่งก็ไม่พ้นให้ฝึกสมาธิอย่างหนัก แล้วจะมีตาทิพย์หรือกายทิพย์ไปดูหรือไปเที่ยวนรกสวรรค์ได้ เพื่อพิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริง ตามหลักกาลามสูตร ซึ่งเมื่อขาดทั้งเหตุผลมารองรับและมีการพิสูจน์อย่างหนัก ก็ไม่พบว่าจะมีตาทิพย์หรือถอดกายทิพย์ได้จริง มีแต่มโนภาพตามที่เคยดูจากรูปภาพเท่านั้นที่เกิดขึ้นมาหลอกจิตขณะที่จิตมีสมาธิ  ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่า เรื่องนรกสวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีอยู่จริง - ผมถามสั้นๆนะครับ หลวงพี่เคยปฏิบัติสมาธิหรือเปล่าครับ มันไม่ยาก มันไม่หนักอะไร ยิ่งเป็นพระยิ่งสบาย มีเวลามาก สัปปายะอีกต่างหาก ถ้าหลวงพี่ไม่เคยปฏิบัติ หลวงพี่ทราบได้อย่างไรว่ามีภาพที่เกิดขึ้นมาหลอก และทำให้เป็นเหตุเป็นผลว่า นรกสวรรค์ไม่มีอยู่จริง หลวงพี่อ่านจากหนังสือมาใช่มั้ยครับ... กาลามสูตรหายไปไหนแล้วละ หลวงพี่รู้มั้ยครับว่าทำไมไม่มีใครยอมรับความเห็นของหลวงพี่เลย เพราะหลวงพี่ไม่เคยแสดงอะไรให้เขาเห็นเลยว่าหลวงพี่มีดี มีดีมากกว่า ถ่ายทอดเรื่องราวจากหนังสือให้คนอื่นๆ แต่แย่กว่าเครื่องถ่ายเอกสาร เพราะเครื่องถ่ายเอกสารยังตรงไปตรงมา แต่ของหลวงพี่... เต็มไปด้วยจับแพะชนแกะ อ้างเรื่องเหตุผล ว่าทุกอย่างต้องมีเหตุผล ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้หนังสือคู่มือมนุษย์นะครับ ว่าเหตุผลนั้นเป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ายังเรียกเหตุผล มันก็ยังไม่เที่ยง ท่านเีขียนไว้เลยนะครับว่า... ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ด้วยความเข้าใจ แต่พ้นทุกข์ได้ด้วยความเห็นแจ้ง พระคุณเจ้าทราบมั้ยครับว่าสองคำนี้ต่างกันยังไง จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 06:36:02

ความคิดเห็นที่ 25 . จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 07:19:41

ความคิดเห็นที่ 26 แต่นรกสวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่นั้น มีใครอธิบายเหตุและปัจจัยที่ละเอียด และเข้าใจได้บ้าง ?... ไม่เลย มีแต่คำบอกเล่าจากตำราหรือจนคนอื่นเท่านั้น                       --------- กำหนด  นรก สวรรค์ ตามภาพนี้ ไหม?------- จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 10:18:23

ความคิดเห็นที่ 27 พระพุทธภาษิต  ๓-๔ พระสูตรนี้ (เป็นต้น)  ศึกษา แล้วยัง                 (เนื่องกับ  นีก สวรรค์ หลังจากตายแล้ว  มี  แบบไหน?  แน่) (๑) อัสสุตวตาสูตร   กายนี้ ประกอบด้วยมหาภูติ (ธาตุ) สี่  อัน ตถาคตเรียกว่า "จิต" บ้าง     (ว่า) "มโน" บ้าง  (ว่า) วิญญาณบ้าง (๒) วาเสฏฐสูตร ฯลฯ ชื่อว่าเป็นผู้เห็นซึ่งปฏิจจสมุปบาท (เหตุ ตามด้วยผล คือ) เป็นผู้ฉลาด  (ด้วยจิตประภัสสร ที่พ้นวิเศษจาก อุปกิเลสฯ) ใน วิบากแห่งกรรม (๓) พระสูตรที่รัสว่า อานิสงส์ ๗ อย่าง  ของ อานาปานสติ  (บรรลุอรหันต์ทันที (ทิฏฐธรรม)  หรือไม่เช่นนั้น บรรลุอรหันต์ในกาลมรณะ หรือไม่เช่นนั้น  ก็ คือ โอปปาติกะอนาคามี ๕ ชื่อ  ตามที่ตรัส  (ที่ เนื่องกับ -- หรือไม่เช่นนั้น บรรลุอรหันต์ในกาลมรณะ ) (๔) พระสตรที่ตรัส --- วิญญาณฐิติ ๔ (๕) พระสูตรที่ตรัส  วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒  ( ที่เนื่องกับ ---- อายตนะ  ตาม  จูฬสุญญตสูตร)                                                              สรุป                                 --- ศึกษา พระพุทธวจนะแปลไทย  เพียงพอ  -- ก็ จะหมดปัญหา เรื่อง มี นรก มีสวรรค์ หลังจากตายแล้ว   แบบ (หรือ ตามความหมายของคำบาลี ต่อไปนี้) --- สัสสตทิฏฐิ --- อุจเฉททิฏฐิ --- อกิริยาทิฏฐิ --- อเหตุกทิฏฐิ --- นัตถิกทิฏฐิ --- อัตถิตา --- นัตถิตา หมายเหตุ ที่มีปัญหา "คาใจ"  ไม่ใช่เพราะ "สิ่งนี้ หรือ ?"  ตามภาพ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 10:29:20

ความคิดเห็นที่ 28 ต้องอ่านหนังสือ คำสอนเดียรถีย์ ที่พระอนันต์ เสนาขันธ์ เขียนเมื่อ 2522 วิจารณ์ท่านพุทธทาสอย่างไม่มีใครกล้า แต่ยังไม่เด่นชัดเท่าที่สมเด็จโตพูดไว้ในหนังสือของสำนักปู่สวรรค์ว่า มีคนเขียนหนังสือ ถ้าคอมมิวนิสต์ พุทธศาสนายังอยู่ได้ นั่นคือ คอมมิวนิสต์ยาสั่ง เมื่อ 40 กว่าปีมาแล้ว  ท่านไม่บอกชื่อคนเขียน แต่ภายหลังเราไปเจอในร้านหนังสือเก่าที่สวนจตุจักรว่า เป็นท่านพุทธทาสเขียน จึงถึงบางอ้อ จบวิชาสงสัยท่านพุทธทาส........ขอเชิญใครๆสงสัยกันต่อไป...5555555  มัน ลับ ลวง พราง  จริงๆ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 10:55:37

ความคิดเห็นที่ 29 "ก็ในเมื่อไม่เชื่อว่ามี ก็ไม่เห็นต้องเสียเวลาไปพิสูจน์เลย  และที่คุณบอกว่ามี ก็อ่านมาจากตำราอีกที โดยถือเอาว่าตำรานั้นน่าเชื่อถือ ฟังมาจากคนอื่นอีกที โดยคิดว่าคนพูดนั้นน่าเชื่อถือ หรือเพราะเป็นอาจารย์เรา แล้วก็เชื่อ ตัวคุณเองก็ยังไม่เคยเห็นด้วยตัวเองถูกมั้ยครับ ความจริงประเด็นไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีหรือไม่มี แต่อยู่ที่ว่ามันจำเป็นสำหรับเราหรือป่าวเท่านั้นเอง เหมือนคนแก่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ไม่ต้องนั่งรถเข็นกันทุกคน ใครร่างกายไม่แข็งแรงก็อาจต้องใช้ช่วยพยุง ใครร่างกายแข็งแรงก็ไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่งั้นพระพุทธเจ้าจะพูดถึง ใบไม้นอกกำมือหรือครับ" อ้าว ไม่อยากเสียเวลาพิสูจน์เอง แล้วทำไมมาว่าคนอื่นว่างมงายล่ะครับ อ่อ พระไตรปิฎกไม่น่าเชื่อถือ แล้ว ตำราไหนน่าเชื่อถือครับ ขอระดับความน่าเชื่อถือพอ ๆ กับพระไตรปิฎกหรือมากกว่านะครับ คนพูดนี่พระพุทธเจ้า กับหลวงปู่นะครับ ส่วนคุณฟังใครมา คนนั้นน่าเชื่อถือกว่าที่ผมยกมาอ้างหรือครับ "กล้าบอกไหมครับ" ว่า "คิดเอง" หรือ"ฟังใครมา" กาลามสูตร นี่ ไม่ได้แปลว่า "เชื่อแต่ตูคนเดียว" นะครับ จำเป็นหรือเปล่า นรกสวรรค์ จำเป็นอยู่แล้วครับ เพราะถ้าคุณไม่เชื่อนรกสวรรค์ คุณก็ไม่กล้วโลกหน้า ถ้าไม่กล้วโลกหน้า ก็กล้าทำบาปทำกรรมมากขึ้่น ถ้าคุณไม่เชื่อนรกสวรรค์ คุณก็ไม่เชื่อสมาธิ ก็ไม่ฝึก โทษมีเยอะครับ แต่ประโยชน์ที่ไม่เชื่อมีตรงไหนเหรอครับ ลองถกมาบ้าง จากคุณ : ฟก (Ant-san) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 13:45:58

ความคิดเห็นที่ 30 นักวิทยาศาสตร์บอกว่าต้องพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์ชัดเจนไม่ได้ ก็ให้ถือว่าเป็นทฤษฎีไปก่อน พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ว่าให้หลับหูหลับตาเชื่อ ถ้ายัง "พิสูจน์" ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งเชื่อ แต่รับรู้เอาไว้เฉย ๆ ก่อน ว่าแต่พิสูจน์แล้วยังอ่ะ ? เคยมีเพื่อนบางคนมาด่าพระไตรปิฎก ด่าอภิธรรม ด่าหนังสือวิสุทธิมรรค ผมก็ถามไปว่าพิสุจน์อะไรหรือยัง มันก็ว่า ยัง ผมถามไปว่าได้อ่านหรือยัง มันก็ว่า ยัง ผมก็ว่าเอางี้ดีกว่า เอ็งเคยเห็นหน้าปกหนังสือวิสุทธิมรรค พระไตรปิฎกหรือยังวะ มันก็ว่า  ยั งงงง จ๊ากกกสสสส จากคุณ : hollowpig เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 15:09:10

ความคิดเห็นที่ 31 การพิสูจน์นั้น มันเลยหลักกาลามสูตรแล้ว ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ ปฏิบัติเองเห็นเองเข้าใจเอง ทำเอง พิสูจน์เอง จึงชอบ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 20:17:27

ความคิดเห็นที่ 32 อยากเห็นเปรต เห็นผีที่ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อน ไม่ยาก ให้ตั้งจิตอธิษฐานเอา ผมเจอมาพอสมควรยืนยันได้ แต่พูดอย่างนี้คุณๆจะเชื่อผมหรือ เฮอะๆๆๆ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 20:24:16

ความคิดเห็นที่ 33 นรก สวรรค์ จะเป็นดินแดน สถานที่ หรือดวงดาวหรือเปล่าอย่างไรไม่รู้ ไม่สำคัญ แต่ สวรรค์ และ นรก ในฐานะที่เป็นภพที่หมายต่อไปของจิต ที่ยังมีเชื้อมีอาสวะอยู่ หลังจากร่างกายนี้แตกสลายไปนั้น   ย่อมจะนำมาซึ่ง "สุข หรือ ทุกข์" ให้แก่อัตภาพนั้นๆ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นสาระสำคัญมากกว่า และเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจระวังมากกว่าคำถามที่ว่ามันเป็นดินแดนหรือสถานที่กันแน่     ถ้าตีความกันไม่ดีก็อาจพลาดสาระที่สำคัญได้ จากคุณ : subyaey เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 01:27:59

ความคิดเห็นที่ 34 รู้สึกจะมีคนสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย จนอ่านไม่ไหว คนที่คัดค้านก็ค้านโดยมีพื้นฐานว่ามีนรกสวรรค์อย่างที่เป็นสถานที่ ดังนั้นจึงพูดกันอยู่อย่างเดียวคือ ให้ไปพิสูจน์ หรือถามว่า พิสูจน์หรือยัง? มันก็คงพูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะคนที่เชื่อนั้นไม่ยอมรับเหตุผล เอาแต่ความเชื่อจากจิตใต้สำนึกที่แก้ได้ยาก(แก้ได้ แต่ยากมาก) มันเป็นหน้าที่ของคนที่เชื่อ ที่จะต้องพิสูจน์ เพราะความเชื่อนั้นยังเป็นแค่การคาดเดาว่าจะเป็นจริงเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นความจริงที่สัมผัสแล้วด้วยจิตของเราเอง สรุป ความเชื่อ กับ ความจริง มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน จนกว่าคุณจะพิสูจน์ความเชื่อของคุณจนพบว่ามันเป็นความจริง ความเชื่อของคุณจึงจะเป็นความจริงได้  ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปพิสูจน์ เพราะความจริงมันก็แสดงตัวของมันอยู่เองแล้วตลอดเวลาว่าไม่มี หรือมันพิสูจน์ให้เห็นอยู่แล้วตลอดเวลาแล้วว่าไม่มี แต่ถ้าใครเชื่อว่ามีก็ต้องพิสูจน์มาให้เห็นว่ามันมี จึงจะทำลายความเชื่อว่าไม่มีนั้นได้ ใช่หรือไม่? จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 19:35:05

ความคิดเห็นที่ 35 - ผมถามสั้นๆนะครับ หลวงพี่เคยปฏิบัติสมาธิหรือเปล่าครับ มันไม่ยาก มันไม่หนักอะไร ยิ่งเป็นพระยิ่งสบาย มีเวลามาก สัปปายะอีกต่างหาก ถ้าหลวงพี่ไม่เคยปฏิบัติ หลวงพี่ทราบได้อย่างไรว่ามีภาพที่เกิดขึ้นมาหลอก และทำให้เป็นเหตุเป็นผลว่า นรกสวรรค์ไม่มีอยู่จริง .... จากคุณ : kiarati   เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 06:36:02   *************** เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก แต่คนที่ เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็จะโง่ทันที เพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่ตอบ (คือเขาไม่ได้รู้จริงแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อได้อย่างไร? ถ้าลงมติไปข้างใด ก็เท่ากับเป็นการคาดเดาโดยยังไม่รู้จริงทั้งสิ้น) อย่าถามคำถามปัญญาอ่อนอย่างนี้เลย อย่ามาอวดเลยว่าเป็นนักปฏิบัติ และอย่ามาข่มคนอื่นเลยว่าเขาไม่ปฏิบัติ มันเป็นเรื่องเด็กๆไป  เอาเรื่องที่คนมีปัญญาเขามาถามหรือมาสนทนากันจะดีกว่า จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 20:07:57

ความคิดเห็นที่ 36 หลงพี่คับ ภิกษุด่า, บริภาษ คฤหัสที่บำรุงพุทธศาสนา ต้องไปขอโทษคฤหัสนะครับ หลงพี่แสนฉลาดไม่โง่เลย ก็เลิกเอาเรื่องอจินไตยมาพูดซะที พระผู้มีพระภาคก็สั่งห้ามเอาไว้ จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 13:51:55

ความคิดเห็นที่ 37 บอกว่ามีก็มีสิ ห้ามถาม ต้องลองเอาเอา 5555+ ตรรกะเทพ จากคุณ : PolitESolunA เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 10:45:36

ความคิดเห็นที่ 38 รู้สึกจะมีคนสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย จนอ่านไม่ไหว <---- หรือ? "แค่  37  -  38"  คคห  เอง ..... ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////                         ข้อความ -- ใช้หลักกาลามสูตรแล้ว จึงไม่เชื่อ ใช่หรือเปล่า ?"   เมื่อใด  ที่ " บุคคลใดนั้น"  "เป็นอยู่โดยชอบ  ตามที่ตรัส"                             ไม่ใช่ ตาม ที่ " What am I?"  เสนอ"   กล่าวคือ ------ บรรลุ  โสดาบัน "ตาม ที่ตรัส  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา ที่ตรัสไว้ ฯ เมื่อนั้น  ---  ก็ ไม่ต้อง "สังขาร"  ให้ เกิด ข้อความว่า --- ใช้หลักกาลามสูตรแล้ว จึงไม่เชื่อ ใช่หรือเปล่า ?" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 18:59:41