ความคิดเห็นที่ 1 นิพพาน แปลว่า เย็น จากคุณ : เพลงพันทาง เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 13:08:20

ความคิดเห็นที่ 2 รู้ว่าตัวเองไม่รุ้ (ทำลายอวิชชา) จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 13:28:04

ความคิดเห็นที่ 3 .. แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 14:10:27 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 13:50:42

ความคิดเห็นที่ 4 6. กัญชา (ผมชอบเลือก ข้อที่ไม่มีในกระทู้โหวต อิอิอิ) จากคุณ : อย่าเตะโผ๊ม ผิดไปแล้ววว (Zim-MorLuth-) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 14:10:51

ความคิดเห็นที่ 5 บอกช้าไป ยันติดข้างฝาไปแล้ว ไม่ว่ากันนะ จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 14:19:46

ความคิดเห็นที่ 6 ร่วมสนทนานะครัีบ   กระทู้คุณ รถเรณู มีเรื่องให้ยิ้มหรือขำๆ ได้เรื่อย ครับ ดังนั้นผมจะดึงเข้าเรื่องนะครับ   นิพพพาน จริงๆ ในพุทธศาสนาเป็นดังนี้ -----------------------------------------------------    นิพพาน คือ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ    หรือกล่าวได้ว่า วิราคะธรรม คืิอ นิพพาน -----------------------------------------------------   ผมยกจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 19 ให้ดู. -----------------------------------------                      ความกำจัดราคะ เป็นชื่อนิพพานธาตุ         [๓๑] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ ดังนี้ คำว่า ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อแห่งอะไรหนอ? พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ คำว่า ความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะ ความกำจัดโมหะ นี้เป็นชื่อ แห่งนิพพานธาตุ เพราะเหตุนั้น จึงเรียกว่าธรรมเป็นที่สิ้นอาสวะ.                      ความสิ้นราคะ ชื่อว่าอมตะ        [๓๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุนั้นได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อมตะๆ ดังนี้ อมตะเป็นไฉน? ทางที่จะให้ถึงอมตะเป็นไฉน?        พ. ดูกรภิกษุ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่าอมตะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้แลเรียกว่าทางที่จะให้ถึง อมตะ.                             จบ สูตรที่ ๗ ---------------------------------------- จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 15:13:45

ความคิดเห็นที่ 7 " " จากคุณ : ลืมชื่อ เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 16:49:44

ความคิดเห็นที่ 8 .....จะเข้าใจนิพพานด้วยการพยายามตีความหมายของนิพพาน  เพื่อสร้างมโนภาพของความเข้าใจนิพพานขึ้นมา .... จะไม่มีทางเป็นไปได้  เพราะใจเราจะสร้างภาพสภาวะของนิพพานขึ้นมา    แล้วเข้าใจไปว่านิพพานเป็นสภาวะแบบนั้นแบบนี้  ตามความหมายของคำพูดหรือตัวอักษรที่ท่านผู้รู้พยายามอธิบายออกมา ที่จริงความหมายต่างๆเหล่านั้นคือ คุณสมบัติ หรือผลจากการทำปฏิกิรยาของนิพพานที่ทำต่อสภาวะธรรมทั้งหลายรอบตัวมัน  แค่นั้น ... ไม่ใช่ตัวนิพพานตัวจริง  ..ตัวนิพพานตัวจริงเป็นอีกตัวหนึ่ง ทำนองเดียวกับหลุมดำในอวกาศ   เราไม่อาจจะรู้หรือมีมโนภาพใดๆในตัวของหลุมดำนั้นได้ว่าจริงๆมันเป็นยังไงกันแน่(เพราะกฏทางฟิสิกส์และธรรมชาติต่างๆที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน พังพินาศไปหมดแล้วในหลุมดำนั้น)  เรารู้ได้แต่สภาวะภายนอกหลุมดำนั้นเท่านั้น ว่ามันกระทำปฏิกิริยากับสสาร พลังงานและกาล-อวกาศรอบตัวมันยังไงบ้างที่สามารถเอามาพูด มาสังเกตให้เห็นกันได้ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 18:17:55

ความคิดเห็นที่ 9 นิพพานแปลว่าอะไร ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนิพพานของใคร เพราะใครๆก็ว่านิพพานของตนเองถูกต้องที่สุด จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 19:01:39

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อจิตไม่มีความทุกข์ ก็สมมติเรียกว่า นิพพาน แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 19:22:07 จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 19:11:48

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อ 5 จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 22:20:19

ความคิดเห็นที่ 12 นิพพานคือ สิ้นราคะ โทสะ โมหะ  คือ สิ้นกิเลส  คือ พ้นจากความเกิด-ความตาย (เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ) จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 12:39:53

ความคิดเห็นที่ 13 ลองมาทำข้อสอบ ชั้นเตรียมนักธรรมตรี กันดูนะครับ ข้อความข้างบน เสนอโดย --- "รถเรณู " แล้ว ชาวพุทธที่แท้  ที่ กตัญญุกตเวที ต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ฯ จะไม่สอบทานกับ "พระพุทธภาษิต  ที่ตรัสไว้  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา"  รักษา พระพุทธวจนะ" "มา" นั้น ----- ปลอดภัยยิ่งกว่า  และ  ชื่อว่า "ไม่ประมาทด้วย"   หรือ ครับ? ---- ท่าน  จขกท ? --- จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 20:04:03

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ามีคำตอบแปลว่าสิ่งนั้นก็ย่อมไม่ใช่นิพพานเสียแล้ว เพราะโดยเนื้อแท้แล้วสิ่งๆ นั้นไม่อาจเข้าถึงด้วยการบอกกล่าวหรืออธิบายได้ด้วยคำพูด เปรียบเสมือนกับว่า ถ้าเราได้ไปพบดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งไม่เคยมีใครในโลกนี้เคยพบหรือเห็นมันมาก่อน ว่าเป็นดอกอะไร แต่กลิ่นของมันหอมมากและเป็นกลิ่นหอมที่เราไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แล้วเราต้องเอาความหอมของดอกไม้ดอกนั้นไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง เราจะทำยังไง เพราะต่อให้เรา อัตถาธิบายรูปพรรณสัญฐานของมันให้มันละเอียดละออสักปานใดก็ตามแต่ ผู้รับฟังก็ไม่อาจจะที่จะ รับรู้ถึงกลิ่นของดอกไม้ดอกนั้นได้เลย แต่ถ้าใครบอกว่ารับรู้ถึงกลิ่นได้ กลิ่นนั้นย่อมไม่ใช่กลิ่นจากดอกไม้ดอกนั้นแน่ มันเป็นแค่กลิ่นในจินตนาการของผู้รับฟังเท่านั้น จากคุณ : vars เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 11:51:11

ความคิดเห็นที่ 15 หากนิพพาน มันรู้ยาก เห็นยากซะขนาดนั้น   แล้วศาสนาพุทธ จะมีประโยชน์อะไรกับมนุษย์บนโลกนี้ล่ะ? ศาสนาพุทธ จะเป็นเอหิปัสสิโก (ท้าให้มาดูมาเห็น) ได้อย่างไรล่ะ? ศาสนาพุทธ จะเป็นโอปนยิโก ปัจจัตัง  (ควรน้อมมาใส่ตน และควรรู้ได้ด้วยตนเอง) ได้อย่างไรล่ะ? แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 55 12:26:38 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 12:26:14

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วใครเล่าให้เราต้องอธิบายถึงสิ่งนั้นให้ยุ่งยาก เรื่องมันมีอยู่แค่ว่า ถ้าเรารู้ว่าดอกไม้นั้นมันขึ้นอยู่ ณ ที่แห่งใด เราก็เพียงแค่นำพาให้เขาไปพบกับดอกไม้ดอกนั้นด้วยตัวของเขาเอง ที่เหลือมันก็เป็นเรื่องของเขาเอง ว่าเขา รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาได้พบได้เห็น  ดังนั้นคำว่า "เอหิปัสสิโก (ท้าให้มาดูมาเห็น) " มันเป็นการที่เข้าไปรู้เห็น ด้วยตัวเอง คือถ้าเราพาเขาไปแล้วเขาจะได้พบดอกไม้ดอกนั้นแน่ๆ เราไม่ได้โกหก วิธีเช่นนี้มิใช่หรือ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงกระทำอยู่ พระองค์เป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทางเท่านั้น แล้วให้คนเหล่านั้นต้องเดินไปถึงซึ่งสิ่งๆ นั้น กันเอง แต่ที่มันดูว่ายากก็เพราะเราเองต่างหากที่พยายามจะนำเอาสิ่งๆ นั้น ไปเปรียบเทียบกับสัญญาเดิมๆ ที่ติดตัวเรามา ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ถ้าสิ่งๆ นั้นมันไม่ได้มีส่วนใดเลยที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เคยพบเคยเห็นหรือเข้าใจมาก่อน เราจะทำยังไง ความรู้ความเข้าใจในการเปรียบเทียบก็ย่อมจะใช้การไม่ได้ไปด้วย หรือถ้าเรายังคิดว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้ ก็เปรียบเสมือนกับเราต้องพยายามอธิบายกลิ่นดอกไม้ให้ออกมาเป็นคำพูดให้จงได้นั้นแหละ แล้วสิ่งนั้นมันจะเป็นของจริง หรือของสมมติกันล่ะ จากคุณ : vars เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 13:55:06

ความคิดเห็นที่ 17 นิพพานแปลว่าเย็นครับ เย็นจากของร้อน ของร้อนคือกิเลสครับ จากคุณ : by iPad (Hydeiest86) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 15:07:52