ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่ก็เคยศึกษาพระไตรปีฎกครบนะครับ เพียงแต่รู้บ้างเท่านั้น แต่ คหสต.ผมว่าถ้าเจอหนังสือเล่มหนึ่งๆ ที่เห็นว่าควรฉีก ก็ฉีกครับ ส่วนท่านไหนจะฉีกตามหรือไม่ฉีกก็เป็นสิทธิ จากคุณ : ลืมชื่อ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 00:45:50

ความคิดเห็นที่ 2 "ฉีก"เพื่อนำส่วนนั้นมาสอน เฉพาะสายเขาครับ ไม่ได้ทิ้งส่วนที่เหลือ ลงถังขยะ ซึ่งเท่ากับทำลายพระไตรปิฎกทั้งฉบับ แบบที่พวกคุณๆ ฝังจิตฝังใจ หวาดผวา นอนระแวงไปเอง  ด้วยวุฒิภาวะ ระดับการศึกษาท่านพุทธทาส ท่านทราบ แต่ไม่พูดหรอกครับ ว่า สายวิชชา 3 วิชชา 8 ยังต้องใช้ส่วนที่ท่านไม่ฉีกมาสอน เป็นแนวทางปฏิบัติ ตรวจทานสิ่งที่ปริเวธกัน ตำราตั้งอยู่ กองท่วมหัวนั้นล่ะ อยู่ที่เดิม คุณจะสอนลูกศิษย์ คุณจะแบกทั้งกองไปเปิด กลางห้องหรือ? คุณก็ฉีกบางหน้ามา สำหรับเด็กสมัยใหม่ ซึ่งมักเถียงไว้ก่อน ประเภท "บาปกรรมมีจริง ทำชั่วได้ชั่วจริง ทำไมคนเลวเดินลอยชายเต็มบ้านเต็มเมือง??" อธิบายกัน ยาวๆ เด็กมันก็ไม่ฟัง สาธยาย"กรรม"ต่างๆ ใน"เวลา"ต่างๆ เจอเด็กหัวหมอ "ทำชั่ว แล้วรีบทำบุญคั่นมันซะ จบป่ะๆ จานย์" ซึ่งความจริง ระหว่างทำกรรมชั่ว จิตคนเราเปลี่ยนสภาพ ให้เหี้ยมขึ้น หนาขึ้น หยาบขึ้น พร้อมจะทำบาปกรรมที่รุนแรงกว่าเดิม ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่มีหลัก พิจารณาจิตก่อน บุญอื่นมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก แนวท่านพุทธทาสจึง ค่อนข้างเน้น "ปัจจุบัน" "จิต" "ด่าอวิชชา" จนบางที พวกพร้อมจะสุดโต่ง ก็จับใจความลงคูลงคลอง แบบเจ้าของกระทู้น่ะครับ "ฉีก" ยังโยงไป "ฉีกพระศาสดา" ได้ด้วย 2 ย่อหน้าแรกผมนะครับ คำตอบกระทู้ ----------- ผมอาจจะคิดไปเอง กระทู้เก่ากระทู้หนึ่ง ท่านจขกท. บอกให้ท่านพุทธทาสแยกนิกายใหม่ เหมือนท่านไม่เข้าใจคำว่า สายสุกขวิปัสโก คืออะไร รึเปล่าครับ? จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 01:04:11

ความคิดเห็นที่ 3              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑              มหาวิภังค์ ภาค ๑              เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=01&A=0&Z=315#7top                   หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 01:22:47

ความคิดเห็นที่ 4 มันต้องฉีกเพราะท่านพุทธทาสไม่เชื่อว่า วิชชา 3 อภิญญา 6 มีจริง นี่ถ้าท่านพุทธทาสเตลิดไปกว่านี้ คงฉีกหมดเลย จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 05:04:46

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/ ผู้กล่าวตู่พระตถาคต "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้ ย่อมกล่าวตู่ (หาความ) ตถาคต คือบุคคลผู้คิดประทุษร้าย มีโทสะในภายใน ๑ ผู้มีศรัทธา กล่าวตู่ ด้วยถือเอาความหมายผิด (๑๐) ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้แล ย่อมกล่าวตู่ตถาคต." ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๗๖ ------------------------------------------------------ http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/part11.html อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้." พรหมชาลสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=0&Z=1071&pagebreak=0 อรรถกถา http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1 จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 06:17:06

ความคิดเห็นที่ 6 คิดมากไปหรือเปล่าครับ มีใครฉีกได้ครับ เขาอาจใช้ภาษาไม่ถูกครับ สมัยเด็กพระอาจารย์สอนให้ผมอย่าสนใจเรื่องนรกสวรรค์ ท่านบอกว่าเป็นเพียงคติสอนให้คนทำความดี เป็นเรื่องอจิณไตย จากคุณ : pattaral เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 06:25:37

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าท่านใช้คำว่าคัดเลือก หรือคัดแยกเนื้อหามาสอน แทน คำว่าฉีก ปัญหาเกี่ยวกับตัวท่าน ก็คงไม่เกิดน่ะครับ หุอิ จากคุณ : hadesmax เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 07:02:04

ความคิดเห็นที่ 8 ...ถ้าฝึกภาวนาจริงๆจังๆให้ดีๆซะหน่อย  โอกาสจะได้สัมผัสผีสางเทวดาหรือเรื่องแปลกๆต่างๆบ้าง ไม่ใช่เรื่องยากอะไร    คราวนี้จะรู้เองว่าหลักธรรมในตำราจริงเท็จแค่ไหน   ไม่ต้องสงสัย  ไม่ต้องไปถามใครอีก ... ใครสอนผิด สอนถูกก็ดูออกว่าภูมิธรรมของคนสอนนั้นระดับไหน ... ...คนตาบอดแต่กำเนิด    ก็จะรู้แต่สีเพียงสีเดียว คือสีดำ เท่านั้น  ... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 9 หลวงพ่อพุทธทาส ท่านสอนผิดหรือถูกเราไม่รู้ แต่การสอนของท่านมีผลข้างเคียง คือ คนเห็นวิทยาศาสตร์ (ซึ่งมาจากทางตะวันตก) เป็นใหญ่และปฏิเสธเรื่องราว ๆ ต่าง ๆ หลายเรื่องในพระไตรปิฎก ไปจนกระทั่งว่าการวียนว่ายตายเกิดนั้นงมงายไร้สาระ เห็นวัตรปฏิบัติของคนโบราณที่สั่งสอนกันมาเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นของไร้ราคา ของมีราคาคือ นิพพาน จะเอานิพพาน จะเอายอดแต่ลืมราก ลืมที่มาที่ไป อันนั้นอาจจะเป็นความโง่ของศิษย์เอง ไม่ใช่ความผิดของหลวงพ่อพุทธทาสก็ได้ จากคุณ : ช่างต่อเรือฯ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 13:32:38

ความคิดเห็นที่ 10 เซนสอนว่า หากอยากบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าได้พบองค์พระพุทธเจ้าเดินมา ก็ให้ฆ่าท่านซะ คำเหล่านี้เป็นเพียงการใช้คำพูดเพื่อให้ได้คิดต่อเนื่องไปสู่สัจธรมครับ ไม่ใช่เพียงตีความตรงตัวที่คำพูด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เหมาะแก่ทุกคนที่รับฟัง แต่อย่างไรก็ดี ธรรมของท่านพุทธทาส ก็เป็นไปเพื่อสมถะ และมุ่งสู่อนัตตา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่มีอะไรเคลือบแฝงของพุทธศาสนา ซึ่งหากใครจะไม่ชอบคำสอนของท่าน  ผมก็เกรงว่าจะเป็นเพราะ กังวลในต้นทุนที่ตนลงได้ไป จะไม่มีผลตอบแทนกลับมาได้จริง อย่างที่ตนได้คาดหวังไว้ครับ ไม่เคยมีคำว่าขาดทุนในการใช้ชีวิต สิ่งดีที่เข้ามาเป็นการพักผ่อน สิ่งไม่ดีที่เข้ามา ก็ล้วนเป็นการฝึกฝน ขาดสมดุลย์ระหว่างสองสิ่งนี้ไม่ได้ ถ้าท่านกังวลเรื่องขาดทุนล่ะก็ ต้องลองปรับโฟกัสการมองสักเล็กน้อย แล้วจะเห็นได้เองครับ ถ้านับในปัจจุบัน สายของท่านถือว่าเป็นสัจธรรมที่เปลือกบางที่สุด และมีรายละเอียดเพียงพอแล้วต่อการนิพพาน ถ้าไม่ชอบก็เลือกเอาเฉพาะส่วนที่ท่านสอนไว้ดีแล้ว และก็กลับไปเอาเปลือกที่ท่านฝานออกให้แล้วกลับมาเก็บด้วยกัน ก็ไม่ได้มีใครจะตำหนิแต่อย่างใดครับผม เจริญในธรรมครับ จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 13:43:56

ความคิดเห็นที่ 11 #4 ท่าน imanust_261204    "ฉีกเพราะท่านพุทธทาสไม่เชื่อว่า วิชชา 3 อภิญญา 6 มีจริง" ที่มา หอจดหมายเหตุพุทธทาส เนื้อความ "หลังจากพระพุทธองค์ทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณอันสูงสุดตรัสรู้  เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังออกบวชและบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี  แล้วทรงพากเพียรสอนสั่งตลอดพระชนม์ชีพอีก ๔๕ ปี จนดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๘๐ ปี" สัมมาสัมโพธิญาณ = สุกขวิปัสสโก คูณ วิชชา3 คูณ วิชชา 8 คูณ ปฏิสัมภิทาญาณ คูณ ทศพลญาณ ท่านพุทธทาสอ่านพระไตรปิฎกจนหมด จนจำแนกส่วนที่ต้องใช้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายท่านได้ ท่านจะไม่รู้ความหมาย ที่ท่านเขียนเองหรือ คำว่า "สัมมาสัมโพธิญาณ" คืออะไร ?? ----------------------- ส่วนที่ ท่านจำเป็นต้องปัด ผีสาง ไสยศาสตร์ อวิชชาแทบจะหักตำรา สวนกระแสพุทธบริษัทสมัยนั้น กับ ส่วนที่ ท่านเจาะพระไตรปิฎกจริงจังทุกหน้า แล้วฉีกมาเฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ยุคเทคโนโลยี ที่พร้อมจะหันเหออกจากพุทธศาสนา ตามยุคสมัย ตามจุดหักมุมธรรมชาิติ ที่คนรุ่นก่อนงมงายมาก คนรุ่นใหม่เห็นจนชินตา มองว่าไม่เข้าท่า ชอบอะไรที่มันอินดี้กว่า ท่านก็เอาคำสอนมาดักซะ อ่านงานท่านแล้ว สนใจ อ่านเล่มอื่นเพิ่ม  ตามหลักกาลามสูตร อย่าหยุดแค่เล่มเดียว อาจารย์เดียว ศาสนาพุทธก็ไม่เสื่อม   ไอ้ที่เสื่อม เสื่อมเพราะติดอาจารย์ ติดตัวอักษร ติดอคติตัวเอง ล้อมกรอบตัวเอง  หนักเข้า ก็เอากรอบไปวางล้อมตำราครูบาอาจารย์ท่านอื่น  พอติดกรอบการเชื่อมโยงก็ขาดช่วง     อ้างอิง ท่านฐานาฐานะ เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=01&A=0&Z=315#7top  ดูกรสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้น กระดาน ยังไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ลมย่อมกระจาย ขจัด กำจัด ซึ่งดอกไม้เหล่านั้นได้ ข้อนั้น เพราะเหตุอะไร เพราะเขาไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ฉันใด ฯลฯ ไม่คิดจะเชื่อมโยงอะไรเลย? ตีความมันดื้อๆ จากกระดาษไม่กี่หน้า? รวบรัดสรุปมิจฉาฯ กันง่ายๆ? ทำตัวไม่ได้ต่างกับท่าน What am i เลย   เพียงแต่เกาะแน่นอยู่คนละฟากแค่นั้นเอง _/\_ เคารพทุกท่าน ----------------------- แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 16:03:45 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 15:54:26 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 15:49:46 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 15:20:41

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 16:03:45 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 15:54:26 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 15:49:46 จากคุณ : Zim-MorLuth-   เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 15:20:41              อ้างอิง ท่านฐานาฐานะ              เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=01&A=0&Z=315#7top                   ดูกรสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้น กระดาน ยังไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ลมย่อมกระจาย ขจัด กำจัด ซึ่งดอกไม้เหล่านั้นได้ ข้อนั้น เพราะเหตุอะไร เพราะเขาไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ฉันใด ฯลฯ                            ถ้อยคำของคุณที่ว่า                    ไม่คิดจะเชื่อมโยงอะไรเลย?                    ตีความมันดื้อๆ จากกระดาษไม่กี่หน้า?                    รวบรัดสรุปมิจฉาฯ กันง่ายๆ?                    ทำตัวไม่ได้ต่างกับท่าน What am i เลย                      เพียงแต่เกาะแน่นอยู่คนละฟากแค่นั้นเอง              ตอบว่า วิญญูชนเมื่อพิจารณาแล้ว จะเห็นได้ว่า              พระไตรปิฎกนั่นแหละ เป็นที่รวบรวมไว้ซึ่งสุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ สิกขาบทที่ทรงบัญญัติ ปาติโมกข์ที่ทรงแสดง ของพระผู้มีพระภาค อันเปรียบด้วยด้ายร้อยดอกไม้ ไม่ให้กระจายไป.              เมื่อพระไตรปิฎกอันเป็นดังด้ายร้อยดอกไม้ ดำรงอยู่นาน ดังนี้แล้ว ย่อมเป็นเหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ได้นาน.              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑              มหาวิภังค์ ภาค ๑              เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=01&A=0&Z=315#7top                             หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html เพิ่มเติม :-              สิกขาบทที่ทรงบัญญัติ ปาติโมกข์ที่ทรงแสดง แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 20:07:52 จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 16:21:58

ความคิดเห็นที่ 13 ประธาน คือ ดอกไม้ (ผมแทนพุทธบริษัท ในกรณีนี้) กริยา คือ การเชื่อมกันระหว่างดอกไม้ เมื่อพี่ฐานาฐานะจะเอา พระไตรปิฎกเป็นเครื่องเชื่อม พี่ต้องใช้ตัวแปรอิสระ คือ บุคคลที่พิสูจน์พระไตรปิฎก ด้วยอินทรีย์ต่างกัน บารมีต่างกัน ผลตอนนี้ คือ คนเก่งเวอร์ ซึ่งเห็นตามตำรา100% มองคนไม่เก่ง ซึ่งเห็นตามตำรา60%  ว่า คนไม่เก่งเหล่านั้น ผิดตำรา ตู่ศาสดา ฉีกศาสดา มิจฉาเยี่ยงพราหมณ์ ผลที่ได้ คือ ความแตกแยก ตีกันเอง เกิดลัทธิถีบหัวส่ง คนที่คิดต่าง ออกไปนอกศาสนา ใช้เครื่องเชื่อม ไม่ถูกจุดประสงค์ที่จะ"เชื่อม" หรือเปล่าครับ? ด้านบน เครื่องเชื่อมที่ควรใช้ ไม่ควรเป็นพระไตรปิฎก เพราะกำลังในการพิสูจน์แต่ละคนต่างกัน จริงๆ พี่ฐานาฐานะน่าจะได้บทสรุปเครื่องเชื่อมตัวนี้ ในสถานการณ์นี้ว่า "ไม่ได้ผล" ตั้งนานแล้วนะครับ ไม่น่าต้องให้เกิดกรณีพิพาท คุณรถเรณูกับพวกพี่ฐานาฐานะและสุภาพสตรีเลย  (ขออนุญาตอ้างอิง) การเชื่อมโยงทางพุทธ ระหว่างสายต่างๆ อย่าว่าผมสอนหนังสือสังฆราชเลย_/\_ ทำไมพี่ไม่วางตำราลงก่อน มองหาแง่ดีของอีกฝั่ง(ซึ่งเยอะมาก) นำมาพูดคุยสนทนาวาที เจริญปัญญา ต่อยอดกัน พี่เป็นผู้ใหญ่ ทำเป็นตัวอย่างหน่อยสิครับ ท่านอื่นจะได้เอาอย่าง ทุกวันนี้เล่นเชื่อม กันด้วยการปาคำว่า "มิจฉาทิฐฐิ" ใส่อีกฝ่าย จับแต่จุดเสียจุดพลาด  โดยเอาพระไตรปิฎกตั้งเป็นกำแพงแข็งแกร่ง แล้วคนปาหลบอยู่ข้างหลัง คำว่า "ด้ายร้อยดอกไม้" ควรเป็นจิตที่อ่อนโยนในธรรม จิตที่มีเข้าใจโลก เข้าใจธรรมชาิติับัวแต่ละเหล่า  นำความเ้้ข้าใจในหลายๆเรื่อง มาเชื่อมความเข้าใจให้คนคิดบวกก่อน  การนำธรรมมา "โพส" เป็นกำแพง ให้บัวเหล่าอื่นหัวโขกกำแพง เรียก เชื่อม หรือครับ? ผลบวก หรือ ลบครับ? ------------- ส่วนที่เป็นแง่เสียของอีกฝั่ง ทำให้เกิดคนเห็นผิด เช่นกรณีท่าน What am i  ก็ช่วยกันปรับความเข้าใจกันไป ตามน้ำใจ หลายท่านก็ทำกันอยู่แล้วตรงจุดนี้  เหลือแต่ตรงจุดพี่ที่เดียวแล้วครับ Please จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 17:29:00

ความคิดเห็นที่ 14 ดึก ๆ มาตอบใหม่นะครับ พี่ฐานาฐานะ_/\_ด้วยความเคารพยิ่ง จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 17:30:04

ความคิดเห็นที่ 15              ถึง คุณ Zim-MorLuth-  ความคิดเห็นที่ 13 และ 14      เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 17:29:00 และ 17 มี.ค. 55 17:30:04              ความคิดเห็นที่ 3 และ 12              ผมตอบครอบคลุมดีแล้ว              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 17:48:37

ความคิดเห็นที่ 16 ร่วมสนทนานะครับ.    การร้อยพวกมาลัยจากดอกไม้หลากหลาย หนึ่งกองใหญ่ เพื่อประโยชน์สูงสุด (ผมไม่เคยเรียนเรื่องการร้อยดอกไ้ม้ แต่ใช้หลักการจัดการที่ดีในการแสดงความคิดเห็น)    1.ต้องร้อยพวงมาลัยได้สวยงามจัดดอกไม้อย่างเหมาะสม    2.ต้องจัดหมวดหมู่ แยกดวกไม้ออกเป็นกองๆ ที่เป็นชนิดเดียวกันเพื่อสะดวกในการหยิยมาร้อยพวงมาลัย    3.ต้องรู้จักว่า ดอกอะไร ใช้ในการร้อยพวงมาลัยอย่างใด มากน้อยเท่าใด    4.พวงมาลัยที่ร้อยนั้นใช้ดอกไม้ ได้หมดพอดี หรือเหลือน้อยที่สุด     ข้างบนเป็นหลักการบริหารโดยรวม     ต่อไปผู้เอาดวกไม้มาร้อยเป็นพวงมาลัย ย่อมมีความชำนาญในการร้อยพวงมาลัย ตามที่ตนถนัด ย่อมเลือกดอกไม้ที่ตนจะเอามาลัยเป็นพวงที่ตนรู้จัก ในการร้อยพวงมาลัยแบบนั้นๆ ที่เหมาะกับตน หรือพวกตน.              ดังนั้นหลักการบริหารโดยรวม นั้นหมายถึงพระไตรปิฎก ที่เ็ป็นธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างดีแล้ว.         ผู้ที่เอาดอกไม้มาร้อยเ็ป็นพวง ตามความชำนาญ ย่อมหยิบเอามาเฉพาะส่วนที่เหมาะกับตนหรือกลุ่มตน มาร้อยเรียงอย่างเหมาะสมและสวยงาม เพียงเท่านั้น          ไม่ควรทำลายหรือทิ้งหรือ ไม่ให้ผู้อื่นใช้ในส่วนดอกไม้ที่ตนไม่นำมาใช้หรือไม่สามารถนำมาใช้ที่เหมาะกัีบตน  เพราะผู้ที่เรียนรู้ในการร้อยพวงมาลัยประเภทอื่น ยังสามารถนำมาเป็นประโยชน์ในการร้อยพวงมาลัยในอีกแบบอื่นได้อยู่ ตามที่พระพุทธเจ้าวางหลักไ้ว้อย่างดีแล้ว.           ดังนั้นผู้ศึกษาพึ่งระวังอย่าประมาท ในการกล่าวตู่ พระพุทธเจ้า และพระธรรม ครับ. จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 18:17:18

ความคิดเห็นที่ 17 ทำความเข้าใจ ให้ตรงกันก่อนนะครับ พระไตรปิฎกสำหรับผม จัดหมวดหมู่ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์  เห็นตรงกับการจัดดอกไม้ท่าน P_vicha ทุกประการ  เหมาะกับสายอรหันต์ทั้ง 4 แล้ว  ดอกไม้ของท่าน P_vicha เทียบดอกไม้ คือ พระไตรปิฎก ?? พระภิกษุนำดอกไม้ มาให้ประชาชนเฉพาะสาย,กลุ่มชื่นชม ?? รบกวนท่าน P_vicha อ่านคห.ที่ 2 ของผม 2 ย่อหน้าบน ซักครู่ได้ไหมครับ ---------------------- ทีนี้ลงมา ส่วนอ้างอิงเรื่องดอกไม้ในหมวดท่านฐานาฐานะยกมา เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=01&A=0&Z=315#7top       "สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน  จึงดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้ตลอดระยะกาลยืนนาน ดูกรสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บน พื้นกระดาน ร้อยดีแล้วด้วยด้าย ลมย่อมกระจายไม่ได้ ขจัดไม่ได้ กำจัดไม่ได้ซึ่งดอกไม้เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาร้อยดีแล้วด้วยด้าย ฉันใด" ดอกไม้ต่างสี ต่างพันธุ์ ในหมวดนี้เทียบ สาวกต่างความคิด ต่างชาติตระกูล ความเสื่อมศาสนา เกิดจาก "การขาดด้ายเชื่อมโยง ความคิด โยงความเข้าใจให้ตรงกัน" หมวดนี้ ไม่ได้เทียบดอกไม้=พระไตรปิฏกครับ ไม่ได้พูดถึงการ บริหารจัดการดอกไม้   ใจความ กำลังพูดถึง "ด้าย" ที่มองไม่เห็นกันอยู่ เพื่อเชื่อมดอกไม้เข้าด้วยกัน   ท่านฐานาฐานะเสนอ "ด้าย=เครื่องเชื่อม=พระไตรปิฎก" ผมเสนอว่า "ตำราครบถ้วนสมบูรณ์" "แต่คนตังหากที่ ก่ออคติใส่กัน จนทำให้ด้ายขาด" "เครื่องเชื่อมที่ท่านเสนอมา ปุถุชนเอามาใช้ขว้างปาใส่กัน ก่อกำแพงอคติ มากกว่าความเข้าใจกันอันดีต่อกัน" กำลังมองหาเครื่องเชื่อม(ด้าย) ที่เห็นผล มีข้อยุติอยู่ครับ ถ้าด้ายยังขาดอยู่แบบนี้ ความดำรงอยู่พระศาสนา สั้นลงตามพระวินัยปิฎกที่ยกมา "ด้าย"ในบทนี้ ในสายตาผม คือ น้ำจิตน้ำใจ การมองโลกแง่บวก การนำเสนออรรถะ ข้อความดีๆ ต่อกัน เพื่อเชื่อมโยงจิตใจเข้าหากัน ใช่หรือเปล่าครับ หรือผมเข้าใจผิด? หนังสือ ลีลา การสอนท่านพุทธทาส คนตีความถูก เข้าถึงธรรมก็มากมาย คนตีความผิด ด้วยบารมี ปัญญา ไม่ลงร่องลงรอย ก็เห็นพบในทุกสายของพุทธศาสนา การตั้งแง่กับศัพท์บางคำ ของท่านพุทธทาส โดยไม่เชื่อมโยงคำสอนด้านอื่น เรื่องอื่นเลย หนักเข้า ก็ไม่ต่างอะไรกับการปาหินใส่ท่านพุทธทาส สร้างอารมณ์ร่วมให้คนรุ่นใหม่ ตั้งแง่กับพระรูปนึง ทั้งที่คนรุ่นเก่าก็ไม่ได้เชื่อมโยง ศึกษารอบคอบ รอบด้านเลย หนักไปทางเกาะตำราแน่น ไม่ต่างอะไรกับที่ว่า ศิษย์ฝั่งตรงข้ามเกาะทิฐฐิผิดๆแน่นนั้นเลย ตราหน้า่ท่านว่า ท่านตู่พุทธเจ้า ท่านเป็นมิจฉาทิฐฐิ  ซึ่ง 2ข้อหานี้ อยู่ในหมวดไหนในพระไตรปิฎก เพื่อเชื่อมสาวก เข้าด้วยกันหรือครับ? ถ้าสิ่งที่ท่านๆทำๆกันมา คือ ใช้ด้ายที่มองไม่เห็น เชื่อมข้อความในพระไตรปิฎกให้ตรงอคติตนเอง เพื่อตัดสินความผิดท่านพุทธทาส เชื่อมแบบนี้ ก่อให้เกิดความแนบชิดสนิทกัน หรือ ยิ่งห่างกันครับ  และ ขาดกันในที่สุด ไม่ใช่เพราะหนังสือพุทธทาสหรอกครับ เพราะคนได้ดีก็มีมาก แต่เพราะการตั้งแง่ กล่าวร้าย ทำลายท่าน และถีบลูกศิษย์ท่านให้เป็นฝั่งตรงข้าม ตังหาก จุดเริ่มต้นความเสื่อมในศาสนา   แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 55 19:40:01 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 19:36:10

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีครับคุณ Zim-MorLuth-     ผมวิเคราะห์ตาม ความคิดเห็นที่ 12 ของคุณ ฐานาฐานะ  ว่าที่ควรเป็นเช่นใด ไม่ได้คำนึงถึง ท่านพุทธทาส นะครับ       ตามความจริงผมนับถือ ท่านพุทธทาส มานานมากแล้วครับ ตั้งแต่อ่านหนังสือธรรมะในหอสมุดมหาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2524-25 และได้อ่านหนังสืออานาปนาสติ ที่ท่านเขียนไว้  ภายหลังก็ได้ฟังเทปของท่าน ถือว่าเยอะพอประมาณ และปัจจุบันก็ไม่ได้มีอคติกับท่านนะครับ.        แต่เมื่อกล่าวตามเหตุผลที่ควรเป็นไปตามความเป็นจริงและสมควร ก็ต้องกล่าวตามเหตุผลที่สมควรตามความเป็นจริงนั้นครับ. จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 21:07:48

ความคิดเห็นที่ 19 ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือการะลึกชาติ ท่านพุทธทาสเชื่อว่าตายแล้วสูญ แล้วจะบอกว่าเชื่อวิชชา 3 อภิญญา 6 ได้อย่างไร จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 22:32:11

ความคิดเห็นที่ 20 ู ^ เคยตอบไปในกระทู้เก่า แต่ท่านไม่เคยอ่านเลยนะครับ ก่อนอ่าน ลองหา google เพิ่มเติมเรื่อง "สัสสตทิฏฐิ" "พราหมณ์ก่อนพุทธกาล"+"ระลึกชาิติ" http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11768827/Y11768827.html#32 วิชชา 3 มี 3 ข้อ ท่านพุทธทาสคิดเห็น เพียงเรื่องปุพเพฯ ตามการเชื่อมโยงองค์ความรู้ท่าน และตั้งข้อสังเกตทิ้งไว้ แค่นั้น ผมอ่านผมยังคิดได้ตั้งหลายมุม ในกระทู้ด้านบน มันแปลตรงไหนว่า "ไม่เชื่อ" ? คุณกำลังคิดไปเอง กับคำไม่กี่คำของท่านรึเปล่า ? จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 23:31:23

ความคิดเห็นที่ 21 ๑. ปุเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติที่แล้วๆ มาได้ ๒. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ที่ตายไปแล้ว และเกิดมานี้ ตายแล้วไปไหน ก่อนเกิดมาจากไหน ๓. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวกิเลสให้สิ้นไป ท่านเชื่อว่าตายแล้วสูญ แสดงว่าท่านไม่เชื่อข้อ 1 และ 2 อันที่จริงพฤติกรรมท่านและลูกศิษย์ต่างก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าไม่เชื่อ แต่เมื่อมันเป็นประเด็นในสังคมวงกว้าง ท่านก็เปลี่ยนคำูพูดใหม่ว่าไม่ใช่ไม่เชื่อ เพียงแต่ไม่สนใจ แต่การแสดงความเห็นที่แล้วบอกว่าจะบอกว่าไม่สนใจคงไม่ได้ สนใจมากด้วย อย่างบอกว่าไม่มีนรกสวรรค์ข้างบนข้างล่างนั่น โลกเรามันกลม ข้างบนของแต่ละคน มันคนละทางกัน ถ้าตายแล้วไม่สูญมันก็ไปใน 31 ภูมินั่นแหละ การปฏิเสธนรกสวรรค์ข้างบนข้างล่าง เป็นการยืนยันอยู่แล้ว ว่าเชื่อว่าตายแล้วสูญ หรือจะบอกว่า ท่านเชื่อตายแล้วไม่สูญ แต่เชื่อว่าจะกลับมาเกิดเฉพาะเป็นมนุษย์ ไม่ไปนรกสวรรค์ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 08:33:03

ความคิดเห็นที่ 22 ก็มองแบบไม่เข้าใจ ไม่เมตตากันซะอย่างนี้ โจทย์ผม แยกก่อนนะครับ ท่านพุทธทาส เทศน์แบบคนตาบอด เพราะเป็นสายสุกขวิปัสสโก ไม่ต้องแยกแง่ดี แง่เสียกันนะ ตรงจุดนี้คุณรู้ ผมรู้ ไ่ม่ต้องให้เขาเหล่านั้นฝึกฤทธิ์ เพราะจริตเขาไม่ใช่ "ความเข้าใจ" ไม่ใช่การยัดเยียด ใส่อีกฝ่าย ถูกนะครับ? เมื่อเขาไม่นิยมสัมผัส เรื่องเหนือมิติที่ 3 ก่อนเกิด(ระลึกชาติ) ,หลังตาย(นรก-สวรรค์) ,ระหว่างหายใจ(ผีสางเทวดา) แนวคำสอนเขาต้องประยุกต์ กับสิ่งที่สัมผัสได้ ณ ปัจจุบันเท่านั้น ไปพูดสิ่งที่เขาสัมผัสไม่ได้ มันไม่จบไม่สิ้นหรอก ขนาดสายฤทธิ์ด้วยกัน ยังไม่เคยถกเรื่องผีจบซักที ผีจริงผีปลอมฟุ้งไปหมด ฉะนั้น ศัพท์ วิธีคิด เหตุ-ผล คำสอนเขาก็เอาจากพระไตรปิฎกมาอธิบาย ไม่ได้นอกตำราเลย เพียงแต่การตีความบางเรื่อง แง่ดีเกิดแล้ว แง่เสียมีเหมือนกันทุกสาย อยากให้มองแง่ดีครับ เมตตาแก้แง่เสีย กันเหมือนที่พี่ๆเพื่อนๆ หลายท่านทำกันอยู่กับท่าน What am i? ไม่ใช่ปาคำพูดเสียๆ ใส่กัน ยิ่งนานวัน มันยิ่งเลวร้ายลง พระไตรปิฎกเล่มเดียวกัน ศึกษาเหมือนกันยังตีความพระนิพพานต่างกันเลย ศาสนาเรา ความต่างไม่ใช่การตั้งแง่รังเกียจใครนะครับ ทั้งหมดที่พิมพ์ ท่านลองคิดดูดีๆ ระดับพระชื่อดังปฏิบัติดีระดับประเทศ ศึกษาพระไตรปิฎกทุกหน้าจริงจัง มีลูกศิษย์ระดับท่านปัญญานันทภิกขุ ต้องพิมพ์หนังสือ ในยุคคอมมิวนิสเฟื่องฟู ความเสี่ยงในการขยายธรรมะมันมี ความสำคัญ ในเรื่อง เชื่อ/ไม่เชื่อ มันเป็นเรื่องที่เขาเหล่านั้นต้อง ประจักษ์ผลด้วยตนเอง พุทธด้วยกัน สัมผัสธรรมไล่ตามกัน ไม่ห่างกันหรอกครับ ช่วยได้ ช่วยกัน อย่าปาหินใส่กัน ก็พอครับ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 55 11:55:08 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 11:33:26

ความคิดเห็นที่ 24 "ตามแก้" กับ "ทำความเข้าใจ" คนละความหมายนะครับ "ทำความเข้าใจ" กับ "บังคับให้ฝั่งนึง ได้อย่างใจ" อันนี้ก็อีกความหมายนึง ท่าน Smiling-girl ลองสมมติตัวเอง เป็น"คนที่ไม่อยากพิสูจน์" ภพชาติ มิติอื่น ซักนิดสิครับ แล้วเผอิญคำสอน บอกให้เชื่อในสิ่งที่อย่างไรเสีย ก็ไม่ใคร่จะอยากยุ่ง สมมติ ใน 100 คนนั้น ใช้ศรัทธานำ เชื่อศาสดา 80 คน อีก 20 คน เป็นพวกปัญญานำ ผลย่อมมีตามมา สิ่งที่เกิดตามมา ไม่ใช่ั"ปัญหา"ครับ มันคือ "ช่องทางทำความเข้าใจ" โอกาสในการใช้ "ด้าย"ที่เชื่อมพุทธบริษัทเข้าด้วยกัน ด้วยเมตตา กรุณา หรือจิตกุศลอื่นๆ มันไม่ควรเป็นช่องทาง นำตำราขยี้อีกฝ่าย แล้วยัดอีกฝ่ายผิด ตกมิจฉาฯ ก่อความแตกแยก แล้วปักธง คนทุกคน"ต้อง"เข้าใจถูกเหมือนตัวเอง เหมือนตำรา ตำรามีอยู่ คนยังไม่เห็นตรงตำรา"มีอยู่" หน้าที่สาวกศาสนา คือ การอธิบายอรรถ ข้อความ ทำความเข้าใจกัน พี่ๆหลายท่าน ทำกันอยู่ครับ อย่าให้พวกท่านเหล่านั้นสูญเปล่าเลยครับ ท่าน Smiling-girl มีบุญวาสนา ได้ศึกษาจากพระไตรปิฎกโดยตรง เป็นสิ่งดีครับ แต่ "ความเข้าใจ" คือ การเคลื่อนเข้าหา "ความถูกต้อง" อย่างช้าๆ อย่างมิตร การ "บังคับฝั่งนึง ให้ได้อย่างใจ" โดยใช้ตำราบังคับเอา บังคับเป็น การสอนบุตรหลาน พิสูจน์มาตลอดเวลา ว่า ยิ่งทำให้เกิดการเตลิด "เคลื่อนออก" ช่วยรับไปพิจารณาด้วยนะครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 16:20:40

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าร่างกายบริสุทธิ์ ก็ไม่มีการฉีก แต่ถ้ามีมะเร็งมากัดกินร่างกาย ก็ควรฉีกมะเร็งออกไป แต่นี่เรากลับจะมารักษามะเร็งกันเอาไว้ด้วยความโง่ สังคมเราจึงเจ็บป่วยกันอยู่ทุกันนี้ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 21:07:44

ความคิดเห็นที่ 26 ^คุณ What am I? คุณกำลัง ทำมะเร็งให้กลายพันธ์เป็นโรคติดต่ออยู่นะครับ หยุด แล้วกลับไปตั้งต้นศึกษา เริ่มนับ 1 ใหม่ก่อนเลยครับ เริ่มเรื่อง"คำศัพท์" ทั้งทางโลก ทางธรรมใหม่ทั้งหมด แล้วค่อยกลับไปอ่านงานท่านพุทธทาสอีกครั้ง เวลาท่านพุทธทาสเขียน ท่านจะทิ้งช่องว่างทางความคิด ไว้ทุกงาน ท่านไม่เคยปักลงไปตรงๆ เพราะความหมายจะเปลี่ยน และมันจะนอกศาสนา งานท่านแต่ละชิ้น เทียบได้กับเครื่องมือทดสอง อคติทางจิตตนเอง ไม่ใช่งานสั่วๆ แปลส่งเดช ตีความตรงๆมั่วๆแบบที่คุณกำลังทำ เล่นนำงานท่านมา ปักทิฐฐิตัวเองโชว์ความรู้น้อย อย่างเหลือเชื่อ ผมรอพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่น เหนื่อยกันก่อน ผมถึงจะไปตั้งคำถาม กับท่านตรงๆ และผมจะแรงกว่านี้ 10 เท่า ถ้าท่านยังเอางานท่านพุทธทาส มาเผยแพร่แบบโง่ๆเช่นนี้อยู่ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 23:53:19