ความคิดเห็นที่ 1 พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องอานาปานสติว่า ควรกำหนดตามลำดับ ดังนี้ ๑ . "เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า" ๒. ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาวเมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ๓. ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง(ของตน) พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง(ของผู้อื่น) พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง ศึกษาทั้งหมดได้ที่ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐   ทีฆนิกาย มหาวรรค ๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒) http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=6257&Z=6764&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถา (เป็นคำอธิบายพระสูตร) http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273 จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 17:05:48

ความคิดเห็นที่ 2 อานาปานสติกถา ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค   อานาปานสติสมาธินี้ เป็นสิ่งที่ หากพระโยคีเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นธรรมอันสงบ ประณีต เยือกเย็น และเป็นเครื่องอยู่เป็นสุข และยังอกุศลธรรมอันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ อันตรธาน สงบระงับไปโดยพลัน อานาปานสติสมาธิ อันเป็นสิ่งที่พระโยคี อบรมแล้วนั้น ทำอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร ทำไมจึงเป็นธรรมสงบประณีต เยือกเย็น และเป็นเครื่องอยู่เป็นสุข และยังอกุศลธรรมอันลามก ซึ่ง เกิดขึ้นแล้ว ย่อมทำให้อันตรธานสงบระงับโดยพลัน ที่เป็นเช่นนั้น เพราะภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ที่ไปอยู่ป่า หรือไปอยู่ตามโคนต้นไม้ หรือไป อยู่ในเรือนว่างเปล่า แล้วนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้บ่ายหน้าตรงไปต่อพระกัมมัฏฐานโดย เธอมีสติตามลมหายใจออก มีสติตามลมหายใจเข้า ดังนี้คือ จตุกกะที่ 1 1. เธอหายใจออกยาว ก็รู้ว่าเราหายใจออกยาว หรือหายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าเราหายใจเข้ายาว 2. เธอหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าเราหายใจออกสั้น หรือหายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าเราหายใจเข้าสั้น 3. เธอสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งปวง แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งปวง แล้วหายใจเข้า 4. เธอสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารทั้งปวง แล้วหายใจออก เราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารทั้งปวง แล้วหายใจเข้า จตุกกะ ที่ 2 5. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ ซึ่งปีติ แล้วหายใจออก สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งปีติ แล้วหายใจเข้า 6. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ซึ่งสุขกาย แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ซึ่งสุขกาย แล้วหายใจเข้า 7. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ซึ่งจิตสังขาร แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้ซึ่งจิตสังขาร แล้วหายใจเข้า 8. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับจิตสังขาร แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับ จิตสังขาร แล้วหายใจเข้า จตุกกะที่ 3 9. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต แล้วหายใจเข้า 10. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ยังจิตให้บันเทิง แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจะเป็นผู้ยังจิตให้บันเทิง แล้วหายใจเข้า 11. สำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่น แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่น แล้วหายใจเข้า 12. สำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิต แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเปลื้องจิตแล้วหายใจเข้า จตุกกะที่ 4 13. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นว่า ไม่เที่ยง แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นว่า ไม่เที่ยง แล้วหายใจเข้า 14. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็น ความคลายไป แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็น ความคลายไป แล้วหายใจเข้า 15. สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็น ความดับ แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็น ความดับ แล้วหายใจเข้า 16. สำหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นความสลัดทิ้ง แล้วหายใจออก สำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้พิจารณาเห็น ความสลัดทิ้ง แล้วหายใจเข้า จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 17:24:56

ความคิดเห็นที่ 5 อานาปานสติกถา ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค สรุปเ็ป็นภาษาไทยปัจจุบัน http://www.chula-alumni.com/scripts/my_documents/my_files/C54_Arnapan.pdf จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 17:28:26

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าไปกังวลว่าจะเห็นลมยังไง   ฝึกไปเรื่อยๆก่อน ...ถ้าฝึกถูกทาง จิตจะสงบลง ลมจะค่อยๆแผ่วเบาลง  ถ้าจิตสงบลงเต็มที่ ลมหายจะหยุดไปเอง  ก็ไม่ต้องตกใจหรือกลัวตาย  ถ้ามาถึงตอนนี้  นั่นแสดงว่าจิตรวมแล้ว  ก็ย้อนกำหนดที่ตัวรู้ต่อไปถ้าได้ถึงระดับนั้น จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 21:00:54

ความคิดเห็นที่ 7 http://www.youtube.com/watch?v=KJQP15zf804 จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 21:24:52

ความคิดเห็นที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11811372/Y11811372.html ลองดูนะครับ จากคุณ : amatanaja เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 22:41:44

ความคิดเห็นที่ 9 สมถะ ที่เป็นบาทของวิปัสสนา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ ทรงแสดงอานาปานสติสมาธิกถา  [๑๗๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าสู่อุปัฏฐานศาลาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ ที่จัดไว้ถวาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้สมาธิในอานาปานสตินี้แล อันภิกษุอบรมทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นคุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข และยังบาป อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ ให้อันตรธานสงบไปโดยฉับพลัน ดุจละอองและฝุ่นที่ฟุ้ง ขึ้นใน เดือนท้ายฤดูร้อน ฝนใหญ่ที่ตกในสมัยมิใช่ฤดูกาล ย่อมยังละอองและฝุ่นนั้นๆ ให้อันตรธาน สงบไปได้ โดยฉับพลัน ฉะนั้น             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อานาปานสติสมาธิ อันภิกษุอบรมอย่างไร ทำให้มากอย่างไร จึงเป็น คุณสงบ ประณีต เยือกเย็น อยู่เป็นสุข และยังบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วๆ ให้อันตรธาน สงบไปโดยฉับพลัน อรรถกถา ถามว่า เริ่มตั้งวิปัสสนาอย่างไร ? แก้ว่า จริงอยู่ พระโยคีนั้น ครั้นออกจากฌานแล้วกำหนดองค์ฌาน ย่อมเห็นหทัยวัตถุ ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งองค์ฌานเหล่านั้น ย่อมเห็นภูตรูป ซึ่ง เป็นที่อาศัยแห่งหทัยวัตถุนั้น และย่อมเห็นกรัชกายแม้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นที่อาศัย แห่งภูตรูปเหล่านั้น. ในลำดับแห่งการเห็นนั้น เธอย่อมกำหนดรูปและอรูปว่า องค์ฌานจัดเป็นอรูป, (หทัย) วัตถุเป็นต้นจัดเป็นรูป. อีกอย่างหนึ่ง เธอนั้น ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว กำหนดภูตรูปทั้ง ๔ ด้วยอำนาจปฐวีธาตุเป็นต้น ใน บรรดาส่วนทั้งหลายมีผมเป็นอาทิ และรูปซึ่งอาศัยภูตรูปนั้น ย่อมเห็นวิญญาณ พร้อมทั้งสัมปยุตธรรมซึ่งมีรูปตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์ หรือมีรูปวัตถุ และทวารตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์. ลำดับนั้น เธอย่อมกำหนดว่า ภูตรูปเป็นต้น จัดเป็นรูป, วิญญาณที่มีสัมปยุตธรรม จัดเป็นอรูป. อีกอย่างหนึ่ง เธอครั้นออกจากสมาบัติแล้ว ย่อมเห็นว่า กรัชกายและจิตเป็นที่เกิดขึ้นแห่ง ลมอัสสาสะและปัสสาสะ. เหมือนอย่างว่า เมื่อสูบของช่างทองยังสูบอยู่ ลม ย่อมสัญจรไปมา เพราะอาศัยการสูบ และความพยายามอันเกิดจากการสูบนั้น ของบุรุษ ฉันใด, ลมหายใจเข้าและหายใจออก ย่อมเข้าออก เพราะอาศัย กายและจิตฉันนั้นเหมือนกันแล. ลำดับนั้น เธอกำหนดลมหายใจเข้าหายใจออก และกายว่า เป็นรูป, กำหนดจิตนั้นและธรรมที่สัมปยุตด้วยจิตว่า เป็นอรูป. -------------------------------------------------------------------- 21062.เมื่อครั้งพุทธกาล เจโตวิมุติ(ผู้ได้ฌาน) น้อยกว่าปัญญาวิมุตติ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062 ------------------------------------------------------------ สำหรับแนวทาง วิปัสสนายานิก  หรือ วิปัสสนาขณิกสมาธิ  (วิปัสสนาล้วน)  มีแนวทางดังนี้ การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201 จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 06:56:06

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วเรารู้สึกถึงลมที่เบาลงและสั้นลง อยู่ที่ปลายจมูก ความรู้สึกตัวที่กายหายไป เหลือความรู้สึกตัวที่ลมเบาๆ ที่ปลายจมูกเท่านั้น จากนั้นเริ่มสว่างขึ้น แล้วเราเกิดความไม่มั่นใจเกิดขึ้นเลยค่อยๆ ถอนความรู้สึกและขยับตัวและลืมตา ขอคำชี้แนะจากผู้ที่ฝึกอานาปานสติค่ะว่าอาการทำนองนี้มันเป็นเช่นไรคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : หมูห้อย   ------------------------------------------- ผมว่า  สมาธิเริ่มมากแล้ว   ลองหาครูบาอาจารย์ผู้ทรงพระไตรปิฏก เชี่ยวชาญในคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ   ศึกษา ให้เข้าใจถึงการนำอานาปานสติมาเป็นอารมณ์ให้ไดเ ฌาน  และ วิธีการที่จะยกองค์ฌานขึ้นสู่วิปัสสนา ที่สอนตามกันมาว่า นั่งสมาธิไปเถิด แล้ว วิปัสสนาจะเกิดเอง นั้นไม่ถูกต้องครับ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 07:00:47

ความคิดเห็นที่ 11 ให้ระลึกรู้อาการสว่างเป็นอารมณ์เป็นเครื่องระลึกรู้ต่อไปแทนลมละเอียด(ซึ่งจะไม่รู้สึกถึงลมในที่สุด)  เพราะอาการสว่างมีความละเอียดกว่าลมละเอียด  โดยธรรมชาติจิตจะสนใจจอารมณ์ที่ละเอียดกว่าปราณีตกว่า  หากกลัวตายหรือยึดลมจิตก็ไม่ก้าวหน้าเป็นการฝืนจิต  จะหลุดจากสมาธิได้( โดยหากฝืนมากขึ้น  สังเกตุได้ด้วยอาการอึดอัดหน้าอก  หายใจไม่ออก แล้วก็จะหลุดจากสมาธิในที่สุด เหมือนคนกลั้นหายใจอยู่ใต้น้ำแล้วในที่สุดก็จะต้องทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อหายใจ )ไม่รู้สึกลมก็ช่างมัน  ตอนหลับก็ไม่รู้สึกไม่เห็นตายเลย  อีกทั้งอารมณ์สว่างที่ปรากฏก็ใช้เป็นเครื่องระลึกรู้  แต่ต้องระวังการหลงอารมณ์ไปเสพความสว่างเพราะจะทำให้จิตไม่เดินต่อ  เหมือนเดินทางอยู่แล้วหยุดแวะชมดอกไม้ข้างทาง  อารมณ์สว่างที่ปรากฏและรู้ได้นั้นก็เกิดจากจิตที่เริ่มสงบตัวมากขึ้น  อย่างหลายท่านก็จะบอกว่าเป็นปิตินั่นแหละ ( อาการปิติมีได้หลายอย่างแล้วแต่สันดานนิสัยของเจ้าของที่จะระลึรู้ได้ต่างกันไป ) โปรดพิจารณา...อนุโมทนากับท่าน จขกท. ด้วย  สาธุ สาธุ สาธุ  ขอให้เจริญก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้นไป จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 08:29:05

ความคิดเห็นที่ 12 ที่อยากสอบถามก็คือ หลายอาทิตย์ก่อนได้ไปอีสาน นั่งรถตู้ไป หลายชั่วโมง ใจมันเริ่มเบื่อ เลยหลับตาแล้วนั่งดูลมหายใจที่เข้า-ออก ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// อานาปานสติ แบบ ข้างบน  ก็ ใช่  อานาปานสติ ตามที่ บุคคลนั้น ปฏิบัติ  ตาม คำกล่าว หรือคำสอนใดนั้น ส่วน  จะ  "ใช่  อานาปานสติ แบบพิสดาร  วัตถุ ๑๖  ตามที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้"  +  คำว่า "มีส่วน ขี้ริ้ว ที่เราเฉือนทิ้งให้หมดแล้ว (เพื่อเธอจะได้ ปฏิบัติ ง่ายยยย ขึ้นฯ)" หรือไม่ ท่าน จขกท ---- ต้อง "ไม่เป็น น้ำชาล้นถ้วย" --- เมื่อ -- ขอคำแนะนำเรื่องการฝึกอานาปานสติ เพราะ ห้องศาสนานี้  อุปมา ดัง แอ่งน้ำ เป็นที่รวมของ "ฝูงปลา"  ที่ไม่เคย เห็น บก (ธรรมที่ตรัสไว้  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา)  ที่มี "เต่า  หลายยย ตัว  ที่ "  ฯลฯ แล้ว  ก็ เดินลงน้ำ ---  บอก ปลาว่า -- บก (เช่น นิพพาน  เช่น อานาปานสติแบบพิสดาร)  คือ  อย่างนี้ๆๆๆๆ สรุป ขอคำชี้แนะจากผู้ที่ฝึกอานาปานสติค่ะว่าอาการทำนองนี้มันเป็นเช่นไรคะ ขอบคุณค่ะ ยัง ห่างไกล กับ ""มีส่วน ขี้ริ้ว ที่เราเฉือนทิ้งให้หมดแล้ว (เพื่อเธอจะได้ ปฏิบัติ ง่ายยยย ขึ้นฯ)"   ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:10:04

ความคิดเห็นที่ 13 แวะเข้ามาก่อนเริ่มงาน ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาแนะนำค่ะ ลิงค์ต่างๆ ที่ให้มา ยังไม่ได้ดูและอ่าน จะใช้เวลาว่างที่บ้านค่อยๆ ย่อยค่ะ สาธุค่ะ จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:11:38

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านของท่าน F=9b ไม่เข้าใจค่ะ ขอโทษที เนื่องจากเราความรู้น้อยเรื่องพระไตรปิฎก หรือด้านปริยัติ แต่ขอน้อมรับไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวจะพยายามอ่านอีกที จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 09:15:24

ความคิดเห็นที่ 15 ความไม่มั่นใจของท่านก็คือกิเลสของท่าน ท่านเดินมาถูกแล้ว จงมั่นใจและทำต่อไปตามแนวทางนั้น อาการที่จิตเริ่มสว่างเป็นนิมิตของจิตที่จะสงบ อย่าไปสงสัย หรือไม่มั่นใจ ทำต่อไป ทำต่อไป จากคุณ : wichcha เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 10:39:08

ความคิดเห็นที่ 16 อานาปานสติ แบบ ข้างบน  ก็ ใช่  อานาปานสติ ตามที่ บุคคลนั้น ปฏิบัติ  ตาม คำกล่าว หรือคำสอนใดนั้น ไม่เข้าใจ  ตรงไหนครับ คุณหมูห้อย /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// แล้ว ผม เสนอ อานาปานสติ  แบบ ที่ตรัสไว้  คือ คำว่า อานาปานสติแบบพิสดาร ไม่เข้าใจ  ตรงไหนครับ คุณหมูห้อย /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////                                               ไม่เข้าใจว่า อานาปานสติแบบพิสดาร ตามที่ตรัส (ตามที่ผม อ้างอิง คือ เสนอ)  --- ต่างกับ --- "อานาปานสติ แบบที่คุณหมูห้อย  ปฏิบัติ --- อย่างไร?                                               ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็ ตามที่คุณ ฯ เสนอว่า --- ขอคำชี้แนะจากผู้ที่ฝึกอานาปานสติค่ะว่าอาการทำนองนี้มันเป็นเช่นไรคะ ขอบคุณค่ะ นั้น มัน  ยัง ห่างไกลลลล กับ "อานาปานสติแบบพิสดาร คือ วัตถุ ๑๖ ตามที่ตรัสไว้้ คำว่า "ยัง ห่างไกลลลล"   ก็ตามที่ ผม "พอมีประสบการณ์  ภาค ปฏิบัติ อานาปานสติ  ๑๖" (ที่ผมอ้าง อานาปานสติแบบพิสดาร) ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// คุณ ฯ  เสนอ --- เนื่องจากเราความรู้น้อยเรื่องพระไตรปิฎกหรือด้านปริยัติ ผม อ้าง "ปริยัติ คือ ที่ตรัสไว้ สั้นๆ  แค่ คำว่า "อานาปานสติแบบพิสดาร"  มิใช่หรือครับ? (คคห 12) ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ผม ยัง ไม่  เสนอ "จากประสบการณ์  ที่ปฏิบัติมา เอง ฯ"  เพราะ "มีรายละเอียด มาก ฯ แต่ เสนอ แล้ว ใน "อุปมา"  คือ --- ห้องศาสนานี้  อุปมา ดัง แอ่งน้ำ เป็นที่รวมของ "ฝูงปลา"  ที่ไม่เคย เห็น บก (ธรรมที่ตรัสไว้  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา)  ที่มี "เต่า  หลายยย ตัว  ที่ "  ฯลฯ สรุป ไม่เข้าใจ   ตรงไหน  แน่ ครับ  "คุณหมูห้อย" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 11:04:37

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อความ --- ไม่เข้าใจ   ตรงไหน  แน่ ครับ  "คุณหมูห้อย" ที่ผมอ้าง พระพุทธวจนะ  (ไม่ บอกว่า ผม ปฏิบัติอย่างนี้ๆ  ผล คืออย่างนี้ๆ นั้น) -- เพราะ ผมสอบทาน "อย่างพอเพียง ตาม กาลามสูตร ฯ" แล้วว่า การ อ้าง "ตามที่ตรัสนั้น"  + ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา ปลอดภัย   สำหรับ "นักอานาปานสติผู้ นวกะ หรือ ใหม่ๆ"  -- สมัยนี้--  ที่  "ดีแต่ อาสัย คำชั้น สาวก ใดนั้น"  ฯ ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// สรุป อานาปานสติ  มี หลาย แบบ ครับ แต่ อานาปานสติ แบบ พิสดาร คือ วัตถุ ๑๖ นั้น ----- "ตามที่ตรัส" ---- นั้น---- พิจารณา แบบ ที่คุณฯ ปฏิบัติ  -- แล้ว เกิด ผล --- แล้ว ---- ถาม ฯ ในฐานะ นักอานาปานสติ ๑๖ ขอบอก ด้วยความหวังดีว่า ---- ยัง ห่างไกลลลล "จา่กผล ตามที่ตรัสไว้" ---- มากกก ครับ                               แค่ ขั้น  "แรกก้าว ของก้าวแรก" ที่ตรัสว่า ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า (จากนั้น ตามด้วย) เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก --- ไม่ได้ตรัสว่า --- มีสติหายใจเข้า แล้ว ตามด้วย --- คือไปเพ่งจ้อง ลมไม่เป็นปกติ แต่ก็ทำต่อไป --- คุณฯ  ก็  ทำ ไม่ ตรงตาม ที่ตรัส ฯ -- มิใช่หรือ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 11:15:13

ความคิดเห็นที่ 18 ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า (จากนั้น ตามด้วย) เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก --- ทำ แค่นี้  ได้ ? ---- ก็ จะ  "ตรงกับ"   ---->  "ตามดู (อนุปัสสี)" ซึ่ง  กิริยา คือ --- ความมีสติใน อาการ หายใจเข้า  + มีสติ รู้ว่า จะหายใจออก + มีสติใน อาการหายใจออก 2 บรรทัดบน คือ เหตุ  ตามด้วย ผล คือ ---> "ตามเห็น (อนุปัสสนา) ซึ่ง ซึ่ง  กิริยา คือ --- ความมีสติใน อาการ หายใจเข้า  + มีสติ รู้ว่า จะหายใจออก + มีสติใน อาการหายใจออก                                               ข้างบน คือ ธรรม ๒  ของ นักอานาปานสติภาวนา "สมัยนั้น" (แบบพิสดาร เสนอโดย เซนเถรวาทฯ) คือ   สมถะด้วย (สมถะ คือกำลังสงบจาก คิด ดำริ อะไรๆ  ที่ เนื่องกับ  กามฉันทะอันเป็นนิวรณ์) วิปัสสนาด้วย (ขั้นแรกๆ ที่ เนื่องกับ  จิตประภัสสร  ตอนนั้น --- อัน เป็น ผลมาจาก  อนุปัสสี  และ อนุปัสสนา) วิปัสสนา  ข้างบน  คือ เห็นแจ้ง ตามที่เป้นจริงว่า (๑) จิต สติ สมาธิ ปัญญา สัมปชัญญะ (องค์รวม)  กำหลัง "หนึ่งเดียวกับ " มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก ว่าง (ชั่วขณะๆๆๆ  ตามกำลังของ สติในสมาธิ)  จาก  อาการ --- จิต อนุเสติในสิ่งใด                                       ๔  บรรทัดบน ---- ปฏิบัติ แบบ ที่ เสนอ  --- คือ "มีสติ+อนุปัสสี + อนุปัสสนา ซึ่ง อาการ หายใจเข้า หายใจออก" ---- ได้ เท่าไหร่  ก็ คือ  วิปัสสนา  เท่านั้น ----  ไม่ เกี่ยวกับ  วิปัสสนึก (ไม่ว่าแบบไหน) ด้วย ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////                                                     สรุป จะ อิริยาบทไหน ---- แล้ว  "มีสติ+อนุปัสสี + อนุปัสสนา ซึ่ง อาการ หายใจเข้า หายใจออก" ---- ได้ เท่าไหร่  ก็ คือ  วิปัสสนา  เท่านั้น ----  ไม่ เกี่ยวกับ  วิปัสสนึก  ด้วย นี้ คือ  อานาปานสติ  แบบ  หนึ่ง  ที่ ผมเสนอว่า  เนื่องกับ "อานาปานสติแบบพิสดาร"  ครับ                         เสนอ เฉยๆ  --แก่   "นัก อานาปานสติ มือใหม่ " จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 11:26:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขออนุญาตเจ้าของกระทู้เรียนถามคุณ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) ก่อนนั้นไม่เคยอ่าน คคห ของคุณเซนเลยค่ะ ก็เหมือนกับความรู้สึกของหลายๆคนที่ไม่อ่าน แต่วันนี้เขียนแล้วอ่านเข้าใจค่ะ อาจจะเป็นเพราะแยกข้อความเป็นส่วนๆและไม่ยาวมาก วันก่อนฟังจากซีดีที่พูดถึงอานาปานสติ  ๑๖ ถึงขั้นไหนแล้วเรียกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าใช้เลย เป็นอย่างนั้นจริงๆ เลยอยากรบกวนคุณช่วยบอกรายละเอียดจากที่ว่า  (ก็ตามที่ ผม "พอมีประสบการณ์  ภาค ปฏิบัติ อานาปานสติ  ๑๖" (ที่ผมอ้าง อานาปานสติแบบพิสดาร) หรือถ้าเคยกล่าวไว้ที่ไหนแล้วยกลิ้งค์มาให้ก็ได้ค่ะ   จากคุณ : mingxing เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 12:39:31

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนคุณmingxing หลายปีก่อน (รวาๆ ปี 2551) ผมเคย สื่อสารในห้องนี้ เรื่องนี้ (อานาปานสติภาวนา) กับ คุณบุญเรือง และคุณสุภวิโมกข์ (จากความจำ) ไว้ ฯลฯ แล้ว ส่ง "ร่างนั้นไปให้ ทั้งคุณบุญเรืองและสุภวิโมกข์ อ่าน แก้ไข ให้  เป็นธรรมทานฯ                                    ซึ่ง ยาวมากกกกกกกกกก     และ ใช้ภาษาสื่อสารในรูป "สารคดี ว่าด้วย  อานาปานสติแบบนอกกระแสหลัก"   --เพื่อให้ อ่านสนุก แต่  มี "เคล็ด"  ที่ บุคคลนั้น ต้อง แกะ เอาเอง (เพราะผม ใช้ภาษา สื่อสารแล้ว ยาก ไม่สนุก หรือ เข้าใจยาก) --- ตามคำว่า "ตัวไม้ สอนช่างไม้ ----                                        คุณmingxing ครับ คคห 18  นั่น  คือ "ผลของการ"  ตกตะกอน  หรือ  ตกผลึก "ตอน พ.ศ. 2555  นี้" ซึ่ง ---- ว่าด้วย ---- (ผม) จะ สื่อสาร ถึง คนรุ่นใหม่  ที่ สนใจ "เจริญ อานาปานสติ แบบพิสดาร อย่างไร?"                                                  แปลว่า                                ผม ต้อง "ร่างต้นฉบับใหม่  อีกครั้ง"                                                  ตั้งต้น ที่ จะ อิริยาบทไหน ---- แล้ว  "มีสติ+อนุปัสสี + อนุปัสสนา ซึ่ง อาการ หายใจเข้า หายใจออก" ---- ได้ เท่าไหร่  ก็ คือ  วิปัสสนา  เท่านั้น ----  ไม่ เกี่ยวกับ  วิปัสสนึก  ด้วย นี้ คือ  อานาปานสติ  แบบ  หนึ่ง  ที่ ผมเสนอว่า  เนื่องกับ "อานาปานสติแบบพิสดาร"  ครับ                        เสนอ --แก่   "นัก อานาปานสติ ทั้งมือใหม่  และ มือเก่า " //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// หมายเหตุ ทำ แบบ ที่ผมเสนอ ---- แล้ว จะเห็น "แมงหวี่ ๕ ตัว" ----  เมื่อ  สติ หลุดไปจาก  ที่ตรัสว่า "เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก" ส่วน จะ ทำแบบผม "สมัยแรกๆ" คือ ขับรถไปด้วย ตอนสามทุ่ม เมื่อ ราวๆ 38 กว่าปีก่อนนั้น แล้ว ก็ --- มีสติ "หายใจเข้า มีสติหายใจออก"  ด้วย  (ตา หู กาย ทำงานคือ ควบคุมรถ) ---ผม ไม่แนะนำ ผู้อื่น ให้ ลองทำครับ ---- ข้างบน เสนอ "ในที่นี้" เพื่อ ยืนยัน ข้อความ  ที่เสนอ ว่า --- "(ก็ตามที่ ผม "พอมีประสบการณ์  ภาค ปฏิบัติ อานาปานสติ  ๑๖" (ที่ผมอ้าง อานาปานสติแบบพิสดาร)"  ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 55 14:26:50

ความคิดเห็นที่ 21 กลับมาแล้วค่ะ ท่านเซนฯ และค่อยๆ อ่านความเห็นตั้งแต่ 16 ลงไป ทำให้เข้าใจคำชี้แนะจากท่านในความเห็นก่อนหน้านั้น รวมถึงพอจะเข้าใจเรื่องไม่เป็นน้ำชาล้นถ้วยและเรื่องฝูงปลาฯ ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณทุกท่านที่แวะมาแนะนำค่ะ จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 09:19:05

ความคิดเห็นที่ 22 จากความคิดเห็นที่ 20 จากที่ว่า                                ผม ต้อง "ร่างต้นฉบับใหม่  อีกครั้ง"                                                  ตั้งต้น ที่ จะ อิริยาบทไหน ---- แล้ว  "มีสติ+อนุปัสสี + อนุปัสสนา ซึ่ง อาการ หายใจเข้า หายใจออก" ---- ได้ เท่าไหร่  ก็ คือ  วิปัสสนา  เท่านั้น ----  ไม่ เกี่ยวกับ  วิปัสสนึก  ด้วย นี้ คือ  อานาปานสติ  แบบ  หนึ่ง  ที่ ผมเสนอว่า  เนื่องกับ "อานาปานสติแบบพิสดาร"  ครับ  เสนอ --แก่   "นัก อานาปานสติ ทั้งมือใหม่  และ มือเก่า "   ถ้าหากเข้าใจไม่ผิด คงจะได้อ่านที่คุณจะนำเสนอต่อไปใช่มั้ยคะ   จริงๆแล้วชอบหลายสำนวนที่คุณใช้นะคะ เฉียบแหลมและคมมากเช่น   ห้องศาสนานี้  อุปมา ดัง แอ่งน้ำ เป็นที่รวมของ "ฝูงปลา"  ที่ไม่เคย เห็น บก (ธรรมที่ตรัสไว้  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา)  ที่มี "เต่า  หลายยย ตัว  ที่ "  ฯลฯ แล้ว  ก็ เดินลงน้ำ ---  บอก ปลาว่า -- บก (เช่น นิพพาน  เช่น อานาปานสติแบบพิสดาร)  คือ  อย่างนี้ๆๆๆๆ   ยัง ห่างไกล กับ ""มีส่วน ขี้ริ้ว ที่เราเฉือนทิ้งให้หมดแล้ว (เพื่อเธอจะได้ ปฏิบัติ ง่ายยยย ขึ้นฯ)"     สำหรับ "นักอานาปานสติผู้ นวกะ หรือ ใหม่ๆ"  -- สมัยนี้--  ที่  "ดีแต่ อาสัย คำชั้น สาวก ใดนั้น"  ฯ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 12:47:34 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 12:46:19 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 55 12:44:53 จากคุณ : mingxing เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 12:42:44

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าไปอ่านความเห็นของเฒ่าเซนเลย   ... ใครขืนอ่านจนรู้เรื่อง  แสดงว่าคนนั้นบ้าไปแล้วละ...  โน ๆๆๆๆ... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 06:42:45

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว ท่านโขตาน!! :-) จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 09:07:19

ความคิดเห็นที่ 25 แมงหวี่ 5 ตัว จากคุณ : ดรีมเมอร์ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 19:02:50

ความคิดเห็นที่ 26 เรียนคุณmingxing วันก่อนฟังจากซีดีที่พูดถึงอานาปานสติ  ๑๖ ถึงขั้นไหนแล้วเรียกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าใช้เลย เป็นอย่างนั้นจริงๆ เลยอยากรบกวนคุณช่วยบอกรายละเอียดจากที่ว่า (ก็ตามที่ ผม "พอมีประสบการณ์  ภาค ปฏิบัติ อานาปานสติ  ๑๖" (ที่ผมอ้าง อานาปานสติแบบพิสดาร) หรือถ้าเคยกล่าวไว้ที่ไหนแล้วยกลิ้งค์มาให้ก็ได้ค่ะ /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ลองดูที่ http://www.khaothongthin.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538967311 จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 55 11:12:49

ความคิดเห็นที่ 27 หรือ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/06/Y8024126/Y8024126.html ครับคุณmingxing จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 55 11:14:04

ความคิดเห็นที่ 28 คคห 22 (๑) ถ้าหากเข้าใจไม่ผิด คงจะได้อ่านที่คุณจะนำเสนอต่อไปใช่มั้ยคะ ครับ (๒) ยัง ห่างไกล กับ ""มีส่วน ขี้ริ้ว ที่เราเฉือนทิ้งให้หมดแล้ว (เพื่อเธอจะได้ ปฏิบัติ ง่ายยยย ขึ้นฯ)"   เป็น "มุมมองของผม"  ที่ -- ผม "พอมีประสบการณ์  ภาค ปฏิบัติ อานาปานสติ  ๑๖" (ที่ผมอ้าง อานาปานสติแบบพิสดาร)  เมื่อ "ผัสสะกับ นักอานาปานสติใน ห้องนี้ ฯ" ดังข้อความใน คคห 17 แค่ ขั้น  "แรกก้าว ของก้าวแรก" ที่ตรัสว่า ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า (จากนั้น ตามด้วย) เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก --- ไม่ได้ตรัสว่า --- มีสติหายใจเข้า แล้ว ตามด้วย --- คือไปเพ่งจ้อง ลมไม่เป็นปกติ แต่ก็ทำต่อไป --- ดังนั้น ผม จึง เสนอ ข้อความว่า ----  สำหรับ "นักอานาปานสติผู้ นวกะ หรือ ใหม่ๆ"  -- สมัยนี้--  ที่  "ดีแต่ อาสัย คำชั้น สาวก ใดนั้น"  ฯ --- หมายเหตุ คำว่า ""ดีแต่ อาสัย คำชั้น สาวก ใดนั้น"  ฯ -- "  ---- เนื่องกับ "ผม ไม่ได้ อาศัย คำ ของ สาวกเช่น  ท่านพุทธทาส  ที่ เป็น นักอานาปานสติ ๑๖  (ตามภาพ) เพราะ  "ผม คลำเอาเอง" (มีอาจารย์คลำ  เป็นอาจารย์ + อิทธิบาท ๔ ฯ)  --- หลังจาก  อ่าน "อานาปานสติภาวนา เล่มสีดำ ชุดธรรมโฆษณ์ ของท่านพุทธทาส"  ฯ  -- ได้ คำ คำว่า "อนุพัทธนา"  ถ้า จำไม่ผิด  แล้ว ก็ คลำ ต่อเอาเอง ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 55 11:52:43

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่ะ ท่านเซน อ่านกระทู้จากคลังกระทู้ของท่านเซนแล้วซาบซึ้งใจจริงๆ คนดีๆและมีความตั้งใจจริงอย่างนี้หาได้ยากยิ่งในสังคมยุคนี้ ตั้งใจจะปริ้นท์เก็บไว้ค่อยๆอ่านค่ะ ( คิดว่าปัจจุบันท่านเซนคงจะยังดูดีไม่แพ้ในรูปนะคะ ) จากคุณ : mingxing เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 55 13:13:49

ความคิดเห็นที่ 30 อยากให้หาหนังสือที่สอนโดย ท่านพ่อลี ธัมมธโร มาอ่านดูครับ หนังสือชื่อ "โอวาท สี่พรรษา" ท่านอธิบายได้เข้าใจง่ายดี ภาษาแบบที่เราไม่ต้องแปล อ่านแล้วปฏิบัติตามได้เลยครับ ครูบาอาจารย์หลายท่านก็ยืนยันว่า ท่านเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งแต่ต้นทางจนปลายทางโดยใช้แนว อานาปาน์ มาโดยตลอด จากคุณ : big_ong2000 เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 55 20:57:50