|
ความหมายของนิพพาน http://larndham.org/index.php?/topic/24144-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A/page__st__1 -------------------------------- นิพพานของหลวงปู่หลวงพ่อ กับ พระพุทธพจน์ในพระไตรปิฏกฉบับเถรวาท และอรรถกถาจารย์ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/011031.htm พระนิพพาน เมื่อว่าโดยปริยายแห่งเหตุ(การณูปจารปัจจัย)แล้ว มี ๒ คือ ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน หมายความว่า นิพพานที่เป็นไปกับขันธ์ ๕ คือวิบากและกัมมชรูป ที่เหลือจากกิเลสทั้งหลาย ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังแสดงวจนัตถะว่า ------ (๑) กมฺมกิเลเสหิ อุปาทียตีติ = อุปาทิ(วา) อารมฺมณกรณวเสน ตณฺหาทิฏฺฐึหิ อุปาทิยตีติ = อุปาทิ ------ กรรมและกิเลสเหล่านี้ ย่อมยึดติดเอาขันธ์ ๕ คือ วิบาก และกัมมชรูป ว่าเป็นของเรา ฉะนั้น วิบากและกัมมชรูปนี้ ชื่อว่า อุปาทิ หรืออีกนัยหนึ่ง ตัณหาและทิฏฐิเหล่านี้ ย่อมยึดถือเอาขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูป โดยการกระทำให้เป็นอารมณ์ของเรา ฉะนั้น วิบากและกัมมชรูปนี้ ชื่อว่า อุปาทิ -----(๒) สิสฺสติ อวสิสฺสตึติ = เสโส , อุปาทิ จ เสโส จาติ = อุปาทิเสโส --ขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูป ชื่อว่า เสสะ เพราะยังเหลือจากกิเลส --ขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูป เหล่านี้ชื่อว่า อุปาทิ ด้วย เสสะ ด้วย เพราะถูกกรรมและกิเลสถือเอาว่าเป็นของเรา หรือถูกตัณหาและทิฏฐิยึดถือเอา โดยการกระทำให้เป็นอารมณ์ และเป็นธรรมที่เหลือจากกิเลส ฉะนั้นขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูป เหล่านี้ ชื่อว่า อุปาทิเสส --- หมายความว่า วิบากและกัมมชรูปที่วนเวียนอยู่ในวัฏฏสงสารเหล่านี้ ย่อมเกิดเกี่ยวเนื่องกันกับกิเลสอยู่เสมอ ครั้นเมื่ออรหัตตมรคประหาณกิเลสทั้งหลายไปหมดสิ้นโดยไม่มีเหลือแล้ว แต่วิบากและกัมมชรูป ซึ่งเป็นผลของกิเลสเหล่านั้น ยังเหลืออยู่ ฉะนั้น วิบากและกัมมชรูปนี้แหละจึงได้ชื่อว่า อุปาทิเสส เมื่อว่า โดยบุคคลาธิษฐานแล้ว ก็ได้แก่ร่างกายของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเอง ----------------------------------------------------------------- ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน หมายความว่า นิพพานที่ไม่มีขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูปเหลืออยู่ ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ปรินิพพานแล้ว ดังแสดงวจนัตถะว่า ---- นตฺถิ อุปาทิเสโส ยสฺสาติ = อนุปาทิเสโส ----ขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูปที่เหลือไม่มีแก่นิพพานใด ฉะนั้น นิพพานนั้นชื่อว่า อนุปาทิเสส ----------------------------------------------------------------- ในการที่ว่า เมื่อว่าโดยปริยายแห่งเหตุแล้ว นิพพานมี ๒ อย่างนั้น หมายความว่า วิบาก กับ กัมมชรูป ยังคงเหลืออยู่ และ ไม่มีเหลืออยู่ ทั้ง ๒ นี้ เป็นเหตุให้รู้ถึงสภาวะของพระนิพพาน ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงแสดงว่าพระนิพพานมี ๒ ตามเหตุผลดังกล่าวนั้น แต่เป็นการแสดงโดยปริยายไม่ใช่โดยตรงทีเดียว ---------------------------------------------------------------- พระนิพพาน เมื่อว่าโดยสภาลักขณะแล้วมี ๑ คือ สันติลักขณะ ---------------------------------------------------------------
จากคู่มือการศึกษาพระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๖ นิพพานปรมัตถ์ ความปรารถนานิพพาน ที่จัดว่าเป็นวิภวตัณหาได้นั้น คือผู้ที่ไม่เข้าใจในสภาพความเป็นอยู่ของนิพพานดีพอ เมื่อได้ยินว่านิพพานนั้นไม่มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจ แต่ประการใด มีแต่ความสุข เพราะเป็นธรรมที่พ้นจากโลก เช่นนี้แล้วก็เกิดความอยากได้นิพพาน เพราะต้องการความสุขกาย สุขใจ ที่ไม่เกี่ยวกับโลก และไม่ต้องการความเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่คิดไม่ถึงว่าสภาพความไม่เกิดของนิพพานนั้นคืออะไร (ธรรมดาความสุขกาย สุขใจ จะเกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม ที่อยู่ในภูมิต่างๆนั้นไม่มี) ฉะนั้น ความปรารถนานิพพานของบุคคลจำพวกนี้ จึงจัดเป็นวิภวตัณหา ------------------------------------
(วัตถุประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้ เพื่อเรียนรู้ว่าการปฏิบัติสมาธิแต่ละสายแตกต่างกันอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาจะเปรียบเทียบว่าสายปฏิบัติสมาธิใดดีกว่า เพราะแต่ละสายก็มีจุดมุ่งหมายสูงสุดเดียวกัน คือ นิพพาน)
จากคุณ : IceCappuccino
-------------------------------------------------
ผมว่า แต่ละแนวมีความแตกต่างกัน บางวิธีก็ยึดถือ ฌาน ว่าเป็นพระนิพพาน, ยึดถือนิมิตพระพุทธรูป หรือ ลูกแก้ว ว่าเป็นพระนิพพาน , ยึดถือ สวรรค์ พรหม ว่าเป็นพระนิพพาน
หายากครับ ที่สำนักสมาธิจะสอนวิธียกองค์ฌานขึ้นสู่วิปัสสนา ด้วยการกำหนด นาม รูป ตาม พระไตรปิฏก อรรถกถา
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มี.ค. 55 19:54:09
|
|
|
|
|