มวลชนแห่งหะดีษ
ไม่เพียงแต่อัล-กุรอานเท่านั้นที่ถูกพิทักษ์เอาไว้ แต่ยังรวมถึงองค์ความรู้ที่รายล้อมอยู่รอบตัวท่านนบีมุฮัมมัด ผู้ที่รับสาส์นแห่งอัล-กุรอานอีกด้วย ไม่ว่าคำพูด พฤติกรรม วิธีคิด ทัศนคติของท่าน ได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ในรูปแบบบริสุทธิ์ดั้งเดิมเช่นกัน
ความจริงวิถีชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัดนั้นมีความสำคัญที่ไม่สามารถแยกออกจากอัล-กุรอานได้ เพราะมันคือการแสดงอัล-กุรอานในภาคชีวิตของคน ตัวท่านนบีฯจึงถูกอธิบายว่าเป็น อัล-กุรอาน ที่เคลื่อนไหวได้ เป็นบุคคลที่ทำให้อัล-กุรอานมีชีวิตขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง วิถีทางของท่านนบีฯนี้ เรียกว่า อัล-สุนนะฮฺ(วิถีทาง)
ท่านมุฮัมมัด อะซัด ได้กล่าวไว้ว่า คำว่าอัล-สุนนะฮฺที่นำมาใช้ ณ ที่นี้นั้นมีความหมายกว้างขวางมาก มันหมายถึง แบบอย่างของศาสนทูต ผู้ซึ่งถูกส่งมายังเรา เป็นแบบอย่างที่ปรากฏทั้งในการกระทำของท่านและวจนะที่ท่านได้ให้ไว้ ชีวิตอันน่าอัศจรรย์ของท่านเป็นการให้ภาพที่มีชีวิตชีวา และถือว่าเป็นการอรรถาธิบายอัล-กุรอานอีกด้วย ฉะนั้น เราจะไม่อาจเข้าถึงความแท้จริงของอัล-กุรอานได้เลย เว้นแต่เราต้องปฏิบัติตามท่าน
ด้วยความสำคัญของอัล-สุนนะฮฺเช่นนี้เอง ทำให้งานวิชาการในการศึกษาอัล-สุนนะฮฺจึงปรากฏออกมาเรียกว่า วิชาหะดีษ ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับคำพูด การกระทำ และสิ่งที่ท่านนบีฯ ยอมรับต่าง ๆ งานด้านนี้ปรากฏควบคู่กับการเผยแผ่อัล-กุรอานมาโดยตลอด
ภารกิจพิทักษ์หะดีษให้บริสุทธิ์นี้มีขึ้นตั้งแต่ในช่วงที่ท่านนบี มีชีวิตอยู่ ท่านนบีฯ เริ่มต้นด้วยการไม่อนุญาตให้บันทึกถ้อยคำของท่านอย่างเป็นทางการ ถึงแม้มีผู้บันทึกด้วยการเขียนไว้บ้างก็กระทำเป็นการส่วนตัว วิธีเช่นนี้เป็นผลให้แบบอย่างของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดและการกระทำของท่านถูกถ่ายทอดผ่านการความทรงจำเป็นหลัก
ดังนั้น จากความจำของชนรุ่นแรกได้ถ่ายทอดไปสู่ความจำของชนรุ่นต่อไป วิธีการผ่านความจำนี้เป็นรากฐานให้สามารถนำไปฏิบัติได้ง่าย ฉะนั้น วิถีแห่งชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด จึงแพร่หลายในชีวิตผู้คนโดยทั่วไปอย่างรวดเร็ว
การกำหนดให้มีการท่องจำวิถีชีวิตท่านนบีมุฮัมมัดมาก่อนการบันทึกด้วยการเขียนนี้จึงมีผลดีอย่างที่สุด โดยไม่มีคาดคิดถึงและไม่เคยมีนักปฏิวัติและนักปฏิรูปคนใดทำได้มาก่อน นั่นก็คือ ทำให้ชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด ได้รับการบันทึกในจิตใจผู้คนก่อนแผ่นกระดาษ และทำให้การบูรณาการชีวิตด้วยการแปรเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในจิตใจสู่พฤติกรรมเกิดขึ้นอย่างง่ายดายและแพร่หลายในหมู่มุสลิมยุคแรก ๆ นั่นหมายความว่าอิสลามไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎีแต่ยังปฏิบัติให้เห็นได้อย่างชัดเจน
วิธีการที่เป็นเอกลักษณ์นี้ก่อให้เกิดการถ่ายทอดหะดีษรุ่นต่อรุ่นเช่นนี้ ทำให้เกิดสายรายงาน (อิสนาด) อ้างอิงคนรายงานระดับล่างขึ้นไปจนถึงเศาะหะบะฮฺที่ได้ฟังหรือเล่าเรื่องราวของท่านนบี
นั่นหมายความว่า หะดีษแต่ละบทจะปรากฏบุคคลที่เข้ามาอยู่ในสายรายงานหลายคน ความพิเศษของวิธีการถ่ายทอดนี้ได้ก่อให้เกิดขบวนการของมวลชนยุคแรก ในเข้ามาร่วมรับรู้และถ่ายทอดหะดีษของท่านนบีฯ ทำให้งานหะดีษกลายเป็นงานเชิงมวลชนทุกระดับที่แพร่หลายและเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการฟื้นฟูอิสลาม
ต่อมาเคาะลีฟะฮฺอุมัร บิน อับดุล อะซีซ ได้สนับสนุนให้มีการบันทึกหะดีษ ดังนั้น ท้ายที่สุดได้มีการจัดการบันทึก แบบแห่งชีวิต ของท่านนบี โดยนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ คน ซึ่งการบันทึกนี้เริ่มกระทำกันแพร่หลายในศตวรรษที่สองและสามของอิสลาม อย่างไรก็ตาม การท่องจำก็ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
การใช้มวลชนเข้าถ่ายทอดคำพูดและการกระทำต่างๆของท่านนบี ทำให้แบบแห่งชีวิตของท่านเป็นสิ่งที่ปรากฏอย่างชัดเจน ในชีวประวัติของท่านไม่เพียงแต่ไม่ปรากฏคำถามประเภท ท่านมีตัวตนจริงในโลกนี้หรือไม่? แต่มันยังสามารถตอบคำถามในรายละเอียดของชีวิตต่างๆของท่านด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล
กระบวนการหะดีษมิใช่การเสนอข้อมูลทางวิชาการเดี่ยว ๆ แต่กำลังพูดถึงขบวนการเคลื่อนไหวของผู้คนที่น่าอัศจรรย์ เราพบความจริงว่า เมื่อคำพูดเพียงคำพูดเดียวของท่านนบีหรือพฤติกรรมเพียงพฤติกรรมหนึ่งของท่านถูกเปิดเผยขึ้นก็จะปรากฏผู้คนจำนวนหลายคนหลายรุ่นรายล้อมเป็นภูมิหลังให้เสมอ หมายความว่าหากเรานำหะดีษทั้งหมดมากล่าวถึง เราก็จะพบชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาลประกอบอยู่ ยิ่งกว่านั้นทุก ๆ คนที่เข้ามาร่วมกระบวนการถ่ายทอดหะดีษจะได้รับการบันทึกประวัติเอาไว้ด้วย
ชาวตะวันตกจำนวนมากที่เข้ามาเขียนชีวประวัติของท่านนบี อดแสดงความประหลาดใจในเรื่องนี้ไม่ได้ ดังที่ Dr.A. Springer ผู้อ้างว่า ตนเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เขียนชีวประวัติของท่านนบีมุฮัมมัดจากแหล่งอ้างอิงดั้งเดิมในภาษาอาหรับได้แสดงความอัศจรรย์ใจต่อประวัติของมวลชนจำนวนมหาศาลในยุคแรกที่เข้ามาทำหน้าที่ถ่ายทอด ไว้ในงานเขียนของเขา เขากล่าวว่า ..หากว่าบันทึกชีวิตของมุสลิมเหล่านี้ถูกรวบรวมขึ้น เราอาจมีรายชื่อของบุคคลที่โดดเด่นถึงครึ่งล้าน..
หากความเที่ยงแท้ของอัล-กุรอานที่ผ่านมาอยู่ในมือเราทุกวันนี้โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงคือ มุอฺญิซาต (สิ่งมหัศจรรย์) การถ่ายทอดหะดีษมาถึงเราก็น่าพิศวงอย่างยิ่งเช่นกัน