ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
ผมเห็นด้วยตามที่ท่าน "หางแหลม" และท่าน "Smiling-girl" ได้กล่าวไว้
ตอนนี้ภรรยาของผมท้องได้ 7 สัปดาห์แล้วครับ ก่อนหน้านี้ก็ท้องได้ 6 สัปดาห์แล้วก็แท้งลูกไป
ซึ่งแน่นอนว่าภรรยาและผมเสียใจมาก ภรรยาผมร้องไห้อยู่หลายวัน ผมสงสารเธอมาก ยิ่งตอนที่ขูดมดลูกเธอบอกว่าเจ็บสุด ๆ ผมก็ได้แต่พูดให้กำลังใจเธอ
แม่ของภรรยาเป็นคนที่มีองค์ และวันหนึ่งองค์ได้มาประทับร่างของแม่ และบอกถึงสาเหตุที่แท้งลูกว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็ขออย่าได้ว่าผมเลยนะครับ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลจริง ๆ
สิ่งที่ผมพอจะแนะนำเจ้าของกระทู้ได้ มีดังนี้ครับ
๑. บาปหรือไม่บาป ให้ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ เจ้าของกระทู้สบายใจได้ เพราะไม่ได้มีเจตนาจะไม่ให้เขามาเกิด
๒. องค์ของแม่ภรรยาได้แนะนำว่า ทำบุญทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ เช่น ทำหนังสือสวดมนต์แจก ถวายสังฆทาน ซองผ้าป่า ซองกฐิน สวดมนต์ก่อนนอน อันไหนที่เป็นบุญ และเราทำแล้วไม่เดือดร้อนอะไรมาก ให้ทำเลยครับ ดีหมด
๓. ทุกครั้งหลังจากทำบุญเสร็จ ให้อธิษฐานอุทิศผลบุญดังนี้ครับ "ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล ที่เกิดจาก....(เช่น ที่เกิดจากการสวดมนต์ในครั้งนี้ ที่เกิดจากการถวายเงินทำบุญผ้าป่าในครั้งนี้เป็นต้น) ให้แก่บุตรของข้าพเจ้า ที่ได้ล่วงลับไปแล้วเนื่องจากการแท้ง ขอบุญกุศลเหล่านี้ จงส่งผลให้เขาไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นด้วยเถิด"
อย่าอธิษฐานผูกรั้งให้เขามาเกิดเป็นลูกเราคนเดียว เพราะบางทีเขาอาจวาสนาดีกว่าเราอยากไปเกิดกับที่ดี ๆ แต่เราไปรั้งเขาไว้ เอาอาจโกรธหรือไม่พอใจได้ ถ้ามาเป็นลูกเราจริง ๆ ก็จะไม่ฟังพ่อแม่ เลี้ยงดูยาก
หรือจะอธิษฐานว่า ถ้าบุตรคนนี้มีบุญวาสนาต่อกันก็ขอให้มาเกิดเป็นลูกอีก แต่ถ้าไม่มีแล้วก็ขอให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น
๔. เขาจะยังเกาะอยู่ที่ตัวคุณแม่อยู่ จนกว่าเขาจะมีที่เกิดใหม่ ไม่ต้องแปลกใจถ้ามีคนเห็นหรือคนทักว่าเหมือนมีเด็กหรือมีใครตามคุณอยู่ ภรรยาผมแท้งไปได้เป็นปี องค์แม่ยังบอกว่า ลูกยังเกาะอยู่ที่ตัวภรรยาอยู่เลย ดังนั้นให้คุณทำบุญให้เขามาก ๆ เท่าที่จะทำได้ครับ เขาจะได้มีบารมีมากพอที่จะได้เกิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาจจะมาเกิดกับคุณอีก หรือไปเกิดกับคนอื่น ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาและเวรกรรม
๕. ไม่ต้องไปเชื่อถ้ามีใคร หรือมีวัดไหนที่บอกว่า ทำบุญกับเขาแล้ว บุญจะไปถึงลูกอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องทำพิธีกรรมแบบนั้นแบบนี้ ลูกถึงจะได้บุญ ผมบอกได้เลยว่า เราทำบุญอะไรก็ตามแล้วอุทิศส่วนบุญให้เขา แค่นี้เขาก็ได้รับแล้ว ไม่ต้องไปผ่านพิธีกรรมอะไรให้มันยุ่งยากหรอกครับ
หมั่นสวดมนต์ก่อนนอน นั่งสมาธิได้ด้วยก็ยิ่งดี ทำบุญทำทานได้ทุกครั้งที่มีโอกาส เท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ
สิ่งที่ผมบอกไป เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ
แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 22:04:01
จากคุณ |
:
KenNeo
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 55 21:54:55
|
|
|
|