ความคิดเห็นที่ 1 angela is an American woman who converted from Catholicism to Islam just after the tragic event of 9/11. Why did she convert to Islam and what do her parents feel about it? As appeared on MBC4 TV channel with Arabic subtitles. บทสัมภาษณ์ http://www.= เว็บนี้มิใช่สื่อต่างประเทศตามที่กล่าว เป็นเว็บสำหรับอัพคลิป =/video/x6o2vy_american-lady-angela-colins-revert_people แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 09:50:45 จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 09:46:44

ความคิดเห็นที่ 2 เคร่งเครียด เคร่งคลั่ง  เคร่งครัด สามคำนี้ ถ้าเอามาปนกัน คนเอามาเป็นสาระเอาเป็นเอาตาย คนนั้นจิตผิดปกติ ต้องส่งโรงพยาบาลด่วน นอนก็ผวาเห็นพัดลมเพดาน เป็นใบพัดแมงปอ คนนอนกรนมันก็บอกว่าเสียงรถถัง   คนที่ท่าน จขกท เอ่ยถึง ผมว่าบางวันอาจนอนผวาว่าโจรก่อการร้ายไปผูกระเบิดหน้าบ้านกระมัง แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 10:17:58 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 10:17:12

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11781505/Y11781505.html จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 11:48:52

ความคิดเห็นที่ 4 ''...เห็นพัดลมเพดาน เป็นใบพัดแมงปอ คนนอนกรนมันก็บอกว่าเสียงรถถัง...''   คิดได้ไงอ่ะคะ คุณปู่ลุงพี่จิม จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 12:16:19

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องเข้าอิสลามดูรอบ ๆ ตัวเราก็เห็นแล้วค่ะ ปัจจุบันรู้จักคนเข้ารับอิสลาม(ไม่ใช่เพราะแต่งงาน) หลายคนมาก แล้วพวกเค้าก็น่ารักดีค่ะ ****แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 13:15:59 จากคุณ : เดอะลิง เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:12:15

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ : พี่จิคุณ กับต Ms.Kohlanta  เราไม่ควรว่าเค้านะครับมันไม่ดีเค้าเป็นเพียงคนหนึ่งที่ได้รับข้อมูลแบผิดๆหรือข้อมูลแบบไม่เติมไม่ครบ หน้าที่ของเราคือการชี้แจงเท่านั้น เราด่าใครไม่ได้ การแสดงความไม่พอใจเมื่อมีใดรใสร้ายศาสนาเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ  แต่การด่าหรือกระแนะกระแน่มันไม่ใช้แบบอย่างของท่านศาสดานะครับมันไม่ดี อีกอย่างต้องโทษมุสลิมเราเองด้วยที่ไปทำอะไรที่มันรุนแรงเกินขอบเขตของศาสนา จนทำให้ต่างศาสนิกที่ไม่ไดด้ศึกษาหลักคำสอนโดยตรงมองศาสนาเราในทางทีผิด แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 13:54:46 จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 13:12:36

ความคิดเห็นที่ 7 ตรงข้ามผมก็พบคนออกจากอิสลามมาเป็นพุทธครับ ผมบอกตรงตรงเลยครับ เรื่องมะกันศึกษาอิสลามแล้วเห็นสัจจะธรรม เลยเข้ารับอิสลาม มันไม่ต่างจากเรื่องพระชลิต ซึ่งพอพบหลักฐานความจริง พวกก็ถือว่าตัวเองไม่ผิด เพราะลอกเขามาอีกที ....... คุณจิม บอกผมว่าไปเมื่องจีน สาวมุสลิมคลุมผมเคร่งครัด คุณดูรูปที่คุณโพสร้่านอาหารมุสลิม ดูดีดีครับ เขาคลุมผมแบบไหน  เห็นผมหรือไม่ครับ ...... สตรีที่อ้างว่าโดนมุสลิมจับ เลยซึงใจเข้ารีด ลองไปดูประวัติ สามีแกเป็นอิสลามอยู่ก่อนแล้ว .... ในเวปมุสลิมใหม่ มีฝรั่งเข้ารีด ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีเงินนังเครื่องบินไปตรวจสอบ แต่ที่แปลกใจคือ มีการอ้างคนไทยอยู่สองคน ปรากฎว่าโกหกทั้งคูครับ คุณแก่ก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับแก แกไม่ได้โกหก แต่แกลอกเวปฝรั่งมา  เวปฝรั่งที่น่าเชื่อถือจะโกหกได้อย่างไร ... ตอนนี้ถ้าเกี่ยวกับคนไทย คงมีการตรวจสอบครับ คงไม่ลอกมาโดยไม่ตรวจสอบแล้ว แต่ฝรั่งก็ยังมั่วได้ เพราะไม่มีใครไปตรวจสอบ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:45:34

ความคิดเห็นที่ 8 ปล.ไม่ใช้เรายินดีกับความรุนแรงและการสูญเสียที่เกิดขึ้นนะครับแต่ที่เราบอกคือในฐานะปรากฎการณ์ ......คำว่ามุนาฟิกคืออะไรครับ  หมายถึงอะไร ถ้ามีคนฆ่าล้างมุสลิม แล้วพูดทำนองนี้ คนมุสลิมจะคิดอย่างไรครับ ใจเขาใจเราครับ ....... แต่ใจผมกลับคิดว่า พวกยิวอาจสร้างเรื่อง  กุเรื่องขึ้นมา   แล้วมุสลิมหน้าโง่ก็หลงเชื่อ   ผมมาเตือนพวกคุณ ... ผมพูดไม่เก่ง  โม้ไม่เป็น  แต่พูดความจริง  ผมลองสมมุติครับ ..... ทหารพม่า ฆ่ามุสลิมโรหิจา ฆ่าตายจำนวนมาก เสร็จพม่าก็พูดว่า หลังฆ่าโรหิจาแล้ว พวกโรหิจาหันมาศึกษาศาสนาพุทธ แล้วเห็นสัจจะธรรมเข้ารีดจำนวนมาก ทำเล่นไป  พวกโรหิจากลัวพม่ามากครับ พระพม่าบิณทบาตรในถิ่นโรหิจาไม่ต้องมีทหารคุมกันครับ ไม่มีโรหิจาลอบฆ่าชาวบ้านพม่าครับ ผมเคยพบแขกพม่า หมายถึงหน้าตาเป็นแขก เรียน-จบวิศวะAIT มาจากรัฐอารกัน  พวกไม่ทานหมูครับ  เลยถามว่าอิสลามหรือเปล่า แกตอบว่าเป็นพุทธแต่ไม่ทานหมู ... สรุป ผมว่าเป็นเรื่องโกหก แต่คนแต่งเรื่องไม่รู้ว่ามุสลิมสุหนีสายซาอุ หรือพวกยิวหลอกมุสลิม แต่ที่แน่แน่ พวกคริตส์ฝรั่งที่ได้ฟังเรื่องโกหกนี้ คงลมออกหูแน่ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:59:00

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคิดว่าโกหก ก็หาหลักฐานมาแย้งได้นะครับ เพราะนี่ เป็นภาพและเสียงให้ดูให้ฟังกันเลย ในความคิดเห็นที่ 1 กับต้นกระทู้ ผมก็ไม่ทราบว่า ถ้าจะแย้งแล้ว ไหนล่ะหลักฐานในการแย้ง อ่ะส่วนเรื่อง นักข่าวที่โดนจับ ขอหลักฐาน ที่อ้างว่า สามีเป็นมุสลิมอยู่แล้วด้วยครับ มีไหมหลักฐานที่ว่า จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:10:22

ความคิดเห็นที่ 10 Yvonne Ridley is a British journalist. 10 days before the American attack of aggression against Afghanistan on 7 October 2001, she went to Afghanistan to get first-hand information as to what preparations the Afghans have taken, to face the American war of aggression. She was kidnapped by the Taliban and was imprisoned for many days, after which she was released. 2½ years after her release, she embraced Islam. Because she became a Muslim, her husband separated from her. Then, she married an Algerian, who is a hafiz (one has byhearted Al-Quran), accepting 10 suras from Al-Quran as dowry (mahr). Studying very deeply about Islam, she is presently focusing her attention on matters concerning Muslims, with very clear & firm objectives. She was interviewed by ‘Almujtama – a magazine from Kuwait – in Lahore. Extracts of that interview was given in a Tamil magazine ‘Samarasam’ which is translated into English and presented here: http://www.myalagankulam.com/news/interview-with-british-journalist-yvonne-ridley/   เท่าที่อ่าน เมื่อเธอรับอิสลาม สามีก็แยกทาง เลยแต่งงานใหม่   ยังมีการรับอิสลามอีกเพียบครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:22:45

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าจะแย้งก็ให้มันมี สาระหน่อยนะครับ ข้อมูลเยอะไม่กลัว แต่อันนี้ กล่าวหากันแบบ ไม่มีอะไรมารองรับเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 16:27:04

ความคิดเห็นที่ 12 ผมบอกแล้ว เป็นฝรั่งผมไม่มีเงินบินไปมะกันตรวจสอบครับ และผมก็ไม่เก่งภาษามะกัน แต่ไอ้ภาพและเสียง ที่เป็นคนไทยก็มีครับ มีสองคน ปรากฎว่าโกหกทั้งคู่เลย คนหนึ่งผมจำไม่ได้ แต่อีกคนผมจำได้ครับ เขาบอกว่าเป็นคนไทย เป็นอดีตคณะบดีคณะแพทย์ศาสตร์เชียงใหม่ เข้ารับอิสลาม เพราะทึ่งในอัลกูรอ่านที่บอกเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ปรากฎว่าลุกสิทย์ท่านอ่านพบ แล้วบอกว่าท่านยังเป็นพุทธครับ คือคุณวาริษาฮ์ อัมรีล  ลอกเพลิน ฝรั่งก็ไม่เป็นไร แต่คนไทยตรวจสอบได้ ก็ทำนองพระชลิตครับ  ลอกโดยบริสุทธิ์ใจ เพื่อศาสนา สามหรือสีปีแล้วครับ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 19:48:45

ความคิดเห็นที่ 13 ก็แสดงว่าคุณ ไม่มีหลักฐานใดในการโต้แย้ง บทความ ที่มีทั้งภาพและเสียงเหล่านั้นเลย การที่คุณจะบอกว่า ไม่จริง หรือโกหกนั้น มันเป็นการพูด ที่เรียกว่าพูดพล่อยๆ ไงล่ะครับ อันนี้ตัวอย่างครับ การรรับอิสลาม ถ้ายังไม่มีอะไรเป็นหลักฐานในการปฏิเสธ ก็ถือว่า การรับอิสลามนั้นเพิ่มขึ้นจริงๆ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 19:57:49

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ที่จริงเรื่องการเข้าหรือออกจากศาสนาก็เป็นเรื่องปกติของทุกศาสนาครับ มีเข้า มีออก ไม่แปลกครับ ตอนไมเคลแจคสันโดนฟ้องฐานล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก  ก็มีมุสลิมไปให้กำลังใจเป็นกองกำลังสนับสนุน จนท่านเกือบรับอิสลามครับ.... แต่ที่น่ารังเกียจ และถือว่าไร้จิตสำนักอย่างมาก ที่เอาการตายของคนที่โดนมุสลิมฆ่า คนที่โดนมุสลิมเช่นพวกคุณฆ่าตาย  ถูกนำมาอ้างอย่างภูมิใจ   เพื่อชูว่าศาสนาของตัวเองเป็นสัจะธรรม มุสลิมที่อ้างตนเองว่าเคร่งศาสนาฆ่าคน แล้วก็มีมุสลิมที่อ้างว่าเคร่งศาสนา อ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวอิสลาม จึงหันมาสนใจศึกษาอิสลาม แล้วพบสัจจะธรรม จึงเข้ารีดจำนวนมาก ... พบศึกษาอิสลามครับ ศึกษาจนรู้ว่าพวกคุณไม่ได้จ่ายซะกาตตามหลักอัลกูรอ่าน และผมก็พบสัจะธรรมครับ พบว่ามุสลิมมีทั้งชั่วแบบพวกคุณ ที่ให้ท้ายฆ่าตกรที่ฆ่าคนโดยอ้่างศาสนา และก็มีคนดีแบบคุณแมทท์ที่ต่อต้านมุสลิมก่อการร้ายอย่างจริงใจ มีพวกที่มุนาฟิก พยายามโกหกปะเลาะทั้งสองฝากก็มี แต่ที่น่าเกลียด ก็คือการโกหกว่าที่ทหารโดยสอย เพราะทหารเมาแล้วไปตำหนิอิสลาม ไม่รุ้จะให้ท้ายพวกฆ่าตกร ที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหี่ยวจิตใจไปทำไม จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:04:31

ความคิดเห็นที่ 15 มุสลิมที่อ้างตนเองว่าเคร่งศาสนาฆ่าคน แล้วก็มีมุสลิมที่อ้างว่าเคร่งศาสนา อ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวอิสลาม จึงหันมาสนใจศึกษาอิสลาม แล้วพบสัจจะธรรม จึงเข้ารีดจำนวนมาก อันนี้ก็โกหก อีกแล้ว ศาสนาสมพรสอนมาแบบนี้หรือครับ หรือได้รับการอบรมมาแบบนี้ ตอนไหนเหรอครับที่บอกว่า อ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวอิสลาม จึงหันมาสนใจศึกษาอิสลาม มีแต่บอกว่า เมื่อมีเหตุการณ์ที่อิสลามถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกมองในแง่ลบ แต่ผู้คนให้ความสนใจ ศึกษา ก็รับอิสลามมากขึ้น เรื่องนี้แปลกตรงไหน ถ้าจะเอามาลงให้อ่าน แต่สมพรนี่ิ ไม่ศึกษา เอาแต่โจมตี ตลอด ตอนนี้ก็หมิ่นประมาทมุสลิมในที่นี้อีกแล้ว ความคิดเห็นที่ 14 MsgStatus(Msv[14], 14); แต่ที่จริงเรื่องการเข้าหรือออกจากศาสนาก็เป็นเรื่องปกติของทุกศาสนาครับ มีเข้า มีออก ไม่แปลกครับ ตอนไมเคลแจคสันโดนฟ้องฐานล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก ก็มีมุสลิมไปให้กำลังใจเป็นกองกำลังสนับสนุน จนท่านเกือบรับอิสลามครับ.... แต่ที่น่ารังเกียจ และถือว่าไร้จิตสำนักอย่างมาก ที่เอาการตายของคนที่โดนมุสลิมฆ่า คนที่โดนมุสลิมเช่นพวกคุณฆ่าตาย ถูกนำมาอ้างอย่างภูมิใจ เพื่อชูว่าศาสนาของตัวเองเป็นสัจะธรรม มุสลิมที่อ้างตนเองว่าเคร่งศาสนาฆ่าคน แล้วก็มีมุสลิมที่อ้างว่าเคร่งศาสนา อ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวอิสลาม จึงหันมาสนใจศึกษาอิสลาม แล้วพบสัจจะธรรม จึงเข้ารีดจำนวนมาก ... พบศึกษาอิสลามครับ ศึกษาจนรู้ว่าพวกคุณไม่ได้จ่ายซะกาตตามหลักอัลกูรอ่าน และผมก็พบสัจะธรรมครับ พบว่ามุสลิมมีทั้งชั่วแบบพวกคุณ ที่ให้ท้ายฆ่าตกรที่ฆ่าคนโดยอ้่างศาสนา และก็มีคนดีแบบคุณแมทท์ที่ต่อต้านมุสลิมก่อการร้ายอย่างจริงใจ มีพวกที่มุนาฟิก พยายามโกหกปะเลาะทั้งสองฝากก็มี แต่ที่น่าเกลียด ก็คือการโกหกว่าที่ทหารโดยสอย เพราะทหารเมาแล้วไปตำหนิอิสลาม ไม่รุ้จะให้ท้ายพวกฆ่าตกร ที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหี่ยวจิตใจไปทำไม จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:04:31 ขอหลักฐานครับ กล่าวหา แบบนี้ ใครไปให้ท้ายเมื่อไหร่ครับ   จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:11:09

ความคิดเห็นที่ 16 คุณได้เคยอ่านเรื่องอดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ รับอิสลามไหมครับ ลองบอกผมมาก่อนครับ ..... ทั้งวีดีัโอ และ ข้อความภาษาอังกฤษ ผมไม่ทราบว่าคืออะไร และมันเป็นหลักฐานอะไรครับ...ผมอ่านภาษามะกันไม่ออกครับ แล้วมันเกี่ยวกับ เรื่องที่คุณอ้างว่าหลัง 9/11 คนสนใจอิสลามจนพบสัจธรรมเข้ารีดจำนวนมากอย่างไรครับ .... ทำไมไม่ยกเอาโมหะหมัด อารี หรือไมค์ ไทสัน หรือเอาไมค์คอม  เอกซ์   ก็ได้ครับ รู้จักไหมครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 20:13:19 จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:12:36

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ต้องศัทธราอะไรก็เปลี่ยนศาสนาได้ เอาแค่ไม่พอใจคนขาวที่นับถือคริตส์ ก็เปลี่ยนศาสนา ที่เหลือไปศึกษาเอาทีหลัง สมัยนั้น เป็นแบบนี้ มีมาเป็นพุทธก็มีมากครับ สมัยค้นหาสัจจะธรรม จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:15:49

ความคิดเห็นที่ 18 ขอหลักฐานครับ กล่าวหา แบบนี้ ใครไปให้ท้ายเมื่อไหร่ครับ........ เรื่องนี่ไม่ใช่หลักฐานหรือครับ เรื่องที่พูดกันนี้ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:16:46

ความคิดเห็นที่ 19 ผมไม่ได้สนใจ อะไรที่คุณว่า เพราะคุณพูดจาไม่มีหลักฐาน ยกที่มาอะไรมาไม่ได้สักเรื่อง แต่ของผมของจริง คุณไม่มีปัญญาอะไรมาโต้แย้งนี่ครับ แล้วก็มีการรับอิสลามมากมายจริงๆ ด้วย เป็นเรื่องจริง ที่เถียงไม่ได้เลย จะมาบอกว่าอิสลามบังคับก็ไม่ได้เพราะเขายินดีรับศาสนาอิสลามเอง ------------------------------------------------------------------------------------ คนอังกฤษหันมานับถืออิสลาม ราว 100,000 คน ในรอบ10 ปี ผลวิจัยชี้ผู้หญิงมีปัญหาการปรับตัวเข้าสังคม fatoni online : Sunday ,  13 Nov 2011 วาไรตี้ / สังคม ที่มา : independent.co.uk     หนึ่งในสามของชาวอังกฤษที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเป็นผู้หญิง การศึกษาครั้งใหม่ที่สำคัญได้เผยให้เห็นถึงความยากลำบากที่พวกเธอต้องเผชิญในการปรับตัวสู่ชีวิตใหม่ จากการสำรวจหลายครั้งพบว่า ผู้หญิงอังกฤษผิวขาวอายุน้อยจำนวนมากกำลังเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม แต่มีหลายคนที่ยังขาดความช่วยเหลือเพื่อให้พวกเธอได้คุ้นเคยกับศาสนาใหม่ ขณะที่ชาวมุสลิมเฉลิมฉลองวันอีดกันและอีกหลายแสนคนจากทั่วโลกเดินทางไปมักกะฮ์เพื่อทำฮัจญ์ ปรากฏว่าชาวอังกฤษ 5,200 คนที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเมื่อปีที่แล้ว จำนวนมากกว่าครึ่งเป็นคนผิวขาว และ 75 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยสวานซี ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ชาวอังกฤษประมาณ 100,000 คน ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม จากสถิติล่าสุดพบว่าในจำนวนนี้ประมาณหนึ่งในสามเป็นผู้หญิง นี่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากทศวรรษก่อนหน้านั้นที่มี 60,000 คน ในขณะที่จำนวนมุสลิมใหม่ชาวอังกฤษเพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงอังกฤษหลายคนที่รับอิสลามกล่าวว่าพวกเธอต้องต่อสู้ดิ้นรนที่จะปฏิบัติตามศาสนาใหม่ของพวกเธอภายในวัฒนธรรมที่กว้างขวางขึ้นซึ่งมีท่าทีต่อพวกเธอในฐานะคนนอกทั้งที่ไม่แสดงออกและแสดงออกอย่างชัดเจน แม้พวกเธอจะเติบโตมาแบบตะวันตก พวกเธอมากกว่าหนึ่งในสามบอกว่า พวกเธอสับสนมากหลังจากเปลี่ยนศาสนาเนื่องจากวิธีการที่อิสลามถูกนำเสนอต่อพวกเธอที่ขัดแย้งกัน ในขณะที่ศาสนาสำคัญอื่นๆ ได้วางโปรแกรมสำหรับแนะนำผู้ศรัทธาที่เพิ่งเข้าศาสนาใหม่โดยผ่านความศรัทธาที่แรงกล้าของพวกเขา แต่อิสลามยังคงขาดเครือข่ายในลักษณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายนอกเมืองสำคัญที่มีมุสลิมอาศัยอยู่ มัสญิดหลายแห่งยังคงกีดกันผู้หญิงไม่ให้เข้าไปประกอบศาสนกิจหรือบางที่ก็ให้แหล่งข้อมูลที่น้อยมาก ทำให้พวกเธอต้องหันไปทำความเข้าใจทางแนวความคิดและธรรมเนียมปฏิบัติจากหนังสือหรืออินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยทางด้านศาสนา การศึกษามุสลิมใหม่ในลีเคสเตอร์เป็นตัวอย่าง พบว่ามัสญิด 93 เปอร์เซ็นต์ในเขตนี้ยอมรับว่าขาดการบริการสำหรับมุสลิมใหม่ และเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่ากำลังพยายามจัดเตรียมในเรื่องนี้ ผู้หญิงมุสลิมใหม่หลายคน อายุเฉลี่ย 27 ปี ก็กำลังพบกับการเลือกปฏิบัติเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าความแตกต่างที่เห็นภายนอกจะเป็นเพียงแค่การคลุมศีรษะเท่านั้น แต่บางคนมีความสะดวกง่ายดายด้วยการพักอยู่ในชุมชนมุสลิม ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมุสลิมใหม่มากกว่ามุสลิมโดยกำเนิด เควิน ไบรส์ ผู้เขียนงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสวานซี เรื่อง ชนกลุ่มน้อยภายในชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับมุสลิมใหม่ชาวอังกฤษที่ครอบคลุมมากที่สุด กล่าวเสริมว่า “มุสลิมใหม่ผิวขาวติดอยู่ระหว่างค่ายที่ห่างไกลกันยิ่งขึ้นสองค่าย ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของพวกเขาอยู่มุสลิมใหม่คนอื่นๆ เพราะพวกเขามีประสบการณ์เหมือนๆ กัน ในขณะที่มีความแตกต่างกันน้อยมากระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขากับมุสลิมคนอื่นๆ หรือคนที่ไม่ใช่มุสลิม “การค้นคว้าของผมพบว่าผู้เปลี่ยนศาสนามีอยู่สองประเภท บางคนเปลี่ยนศาสนาเพื่อความสะดวก พวกนี้จะรับศาสนาใหม่เนื่องจากสถานการณ์ในชีวิตเช่นการได้พบกับผู้ชายมุสลิม แม้ว่าศาสนาจะมีผลกระทบน้อยมากกับชีวิตประจำวันของพวกเขา สำหรับอีกประเภทหนึ่งจะเปลี่ยนศาสนาเพราะพวกเขารู้สึกถึงการเรียกร้องและยอมรับอิสลามอย่างจริงจัง “นั่นไม่ได้หมายความว่าทั้งสองจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางครั้งมุสลิมใหม่ที่เริ่มรับศาสนาเพื่อความสะดวกสบายอาจจะกลายเป็นมุสลิมใหม่ที่เกิดจากสำนึกจริงๆ ในภายหลังก็ได้” การค้นพบอีกอย่างหนึ่งโดยการศึกษาค้นคว้าของลีเคนเตอร์คือ ถึงแม้ตะวันตกจะวาดภาพอิสลามว่ากดขี่ผู้หญิง แต่ผู้หญิงหนึ่งในสี่ที่เปลี่ยนมานับถืออิสลามเห็นว่าสิ่งที่น่าดึงดูดใจที่แท้จริงในศาสนานี้คือสถานะที่พวกเธอได้รับ นักวิเคราะห์บางคนแย้งว่า สังคมที่วุ่นวายและความสับสนทางวัฒนธรรมในอังกฤษในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมาทำให้มันห่างไกลจากการยอมรับวิถีชีวิตที่แปลกแยก มุสลิมใหม่ผู้หญิงบางคนยอมรับแง่มุมบางอย่างของอังกฤษในศตวรรษที่ 20 เช่น การแบ่งแยกทางเพศอย่างเข้มงวด แทนที่จะรู้สึกว่าถูกคาดหวังให้ตบตาเพื่อนร่วมงานและครอบครัว ชุมชนมุสลิมเกิดขึ้นครั้งแรกในอังกฤษในยุค 1860s เมื่อกะลาสียาวเยเมนและแรงงานชาวโซมาเลียเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามท่าเรือต่างๆ ของลอนดอน, คาร์ดิฟ, ลิเวอร์พูล และฮัลล์ หลายคนแต่งงานกับผู้หญิงพื้นเมืองที่เปลี่ยนมานับถืออิสลาม และมักจะถูกเลือกปฏิบัติอย่างกว้างขวาง พวกเขายังเป็นเหมือนสะพานระหว่างสองวัฒนธรรม สร้างความเข้าใจในหมู่ชาวพื้นเมืองและช่วยรวมตัวกันขึ้นเป็นชุมชนมุสลิมที่พวกเขาเข้าร่วม ปัจจุบัน ได้มีการยอมรับเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้นำชุมชนว่ามุสลิมใหม่ผู้หญิงรุ่นล่าสุดนี้มีบทบาทสำคัญเท่าเทียมกันในการช่วยให้มีการพูดคุยกันระหว่างชนกลุ่มใหญ่ชาวอังกฤษที่สนใจทางโลกมากขึ้นกับศาสนาของชนกลุ่มน้อย ที่กำลังถูกเข้าใจผิดอย่างที่มันถูกประณามอยู่ http://www.fatonionline.com/news/detail/208 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:20:16

ความคิดเห็นที่ 20 ผมถึงบอกว่าผมไม่เชื่อคุณครับ ที่บอกว่ามุสลิมไม่บังคับกันทางศาสนา เพราะผมเห็นกับตา ว่ามุสลิมบังคับกันทางศาสนา คุณหรืิพวกคุณบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณที่จะไปห้ามอะไรพวกที่บังคับกันทางศาสนา แถมบางคนในพวกคุณยังอ้างที่รัฐบาลขายเหล้า ผมก็บอกไปว่าในมาเลก็ขายเหล้าแถมยังมีบ่อน ....... ขีเกลียจเล่าแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้ตัว ผมก็เหลือที่จะอธิบายครับ ปีศาจคาบคัมภียร์ ที่แท้จริงต้องโกหกตัวเองได้ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:21:39

ความคิดเห็นที่ 21 คุณกล่าวหาว่า พวกผม ก็คือมุสลิมในนี้ ให้ท้าย หรือมุสลิมในประเทศไทยให้ท้าย ฆาตกร ฆ่าคน เมื่อไหร่ครับ คุณกำลังกล่าวหา ใส่ร้าย และอาจจะถึงขั้นหมิ่นประมาทผม นะครับมันเป็นตัวอักษรด้วย บันทึกไว้แล้ว ขอหลักฐานครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:22:02

ความคิดเห็นที่ 22 คุณกำลังกล่าวหาผมโดยปราศจากหลักฐานครับ ผมไม่เคยสนับสนุนฆาตกรที่ไหนให้ฆ่าคนนะครับ  รับผิดชอบหน่อย คุณอาจจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทผมนะครับ อ่อแล้วหลักฐานด้วยว่า สามี นักข่าวที่รับอิสลามหลักตาลีบันจับตัวไป ว่าเป็นมุสลิมอยู่แล้ว ผมขอด้วยครับ จำได้ไหมพิมพ์อะไรไว้ รับผิดชอบหน่อย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:24:13

ความคิดเห็นที่ 23 บอกตรงๆ เลยก็ได้ว่า ผมพยายามพิมพ์เพื่อให้แน่ใจว่า คุณกล่าวหาผมว่า ให้ทายฆาตกร นั้น คุณหาหลักฐานไม่ได้ว่า ผมสนับสนุนไปเมื่อไหร่ คุณโจมตีมาโดยไม่มีข้อเท็จจริง เผื่อมีประโยชน์ต่อรูปคดีครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:25:53

ความคิดเห็นที่ 24 คุณเชื่อเช่นนั้นจริงจริงหรือครับ เอาแค่ปัจจุบันมีมุสลิมในไทยคิดเป็นเท่าใดของประชากร ยังไม่สามารถทราบได้ นี่ก็การสำรวจ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ว่า จากสำรวจจากกลุ่ม"สภาชาเรีย"ซึ่งตั้งอยุ่ในอังกฤษพบว่า หญิงมุสลิมที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและมีสถานภาพสูงในอังกฤษ เต็มใจที่จะใช้"สามี"ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากพวกเธอไม่สามารถหาผู้ชายที่เหมาะสมได้ โดยบางรายถึงกับเลือกเป็น"เมียน้อย"ลำดับที่สอง"หรือ"ลำดับสาม"ของผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ขณะที่ผู้หญิงมุสลิมจำนวนมากบอกว่า พวกเธอต้องการคงสถานภาพด้านการงานสูงในชีวิตมากกว่าที่จะหาผู้ชาย รายงานระบุว่า จากการเปิดเผยหญิงมุสลิมรายหนึ่งวัย 35 ปี ซึ่งจัดงานแต่งงานมุสลิมทั่วโลกเปิดเผยว่า เธอได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงที่โทรมาปรึกษาเกี่ยวกับการเป็นภรรยาน้อย โดยปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นจากตัวผู้หญิงมุสลิมในอังกฤษเอง แม้ว่าพวกเธอจะมีการงาน เป็นมืออาชีพ เป็นนักบริหาร ขณะเดียวกัน ชายมุสลิมจำนวนมากต้องการ"แม่บ้าน"ที่คอยดูแลทำความสะอาดบ้าน และจัดเตรียมอาหาร และผู้ชายไม่ต้องการปวดหัวกับการมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จด้านการงาน และว่า เชื่อกันว่า หญิงมุสลิมยังต้องการผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เพราะเธอไม่ต้องวุ่นกับการทำอาหารให้ผู้ชายที่ยุ่งกับวันทำงานหนัก ๆ และชอบที่จะมีความสัมพันธ์เป็นครั้งคราว โดยหญิงมุสลิมรายหนึ่งบอกว่า เธอเคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายแต่งงานแล้ว หลังจากเธอหย่ากับสามีคนแรก แต่เมื่อเขาเสนอจะหย่ากับภรรยา เธอก็ปฎิเสธ เพราะไม่ต้องการให้เขามาอยู่ใต้อาณัติบัญชาของเธอ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลดลงของสามีมุสลิม ได้กลายเป็นปัญหาสังคมสำหรับอังกฤษ และถูกเปรียบเปรยว่าเป็นเหมือนวิกฤตของหญิงมุสลิมที่ไม่ได้แต่งงาน" สภาซาเรีย สนับสนุนการมีภรรยาสี่คนครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 20:46:58 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 20:46:58 จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:38:13

ความคิดเห็นที่ 25 ประชากรอังกฤษ 60 ล้านคน แสนคนในสิบปี ก็ประมาณ 0.2 เปอร์เซนต์ ที่เปลี่ยนมารับอิสลาม  แล้วจากอิสลามเป็นคริตส์ มีสำรวจหรือไม่เท่าใด แล้วการสำรวจนี้เชื่อได้แค่ไหน  การเปลี่ยนศาสนาไปมาเป็นเรื่องปกติ  ยิ่งจำนวน0.2เปอร์เซนต์แล้ว ไม่น่าแปลกใจ ที่แปลกใจคือคนชั่ว เอาเรื่องนี้มาย่ำยี่คนตายเพราะดดนมุสลิมเคร่งศาสนาฆ่า .... คุณเอาข้อมูลแบบนี้ มาบอกว่าหลังจากพวกคุณฆ่าคนใน 9/11 คนกลัวอิสลาม จนหันมาศึกษาอิสลามแล้วเข้ารีดจำนวนมาก คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ได้ให้ท้ายสร้างฆ่าตกร คุณลองกลับไปคิดดูเอาเอง วันนี้ตอนเช้าผมกำลังดูบัวใต้น้ำ ที่สระน้ำของผมครับ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 06:54:55 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 06:53:27 จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:44:35

ความคิดเห็นที่ 26 คุณได้เคยอ่านเรื่องอดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ รับอิสลามไหมครับ ลองบอกผมมาก่อนครับ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 20:48:12

ความคิดเห็นที่ 27 ผมพูดเป้นประจำว่า การศรัทธาของอิสลาม มาก่อนการเรียนรู้ ถ้าเรียนรู้โดยไม่ศรัทธา ก็จะมี วอร์รูม คอยจับผิดศาสนาอิสลาม เหมือน อย่างนายสมพร เรียนรู้ ได้ดีกว่ามุสลิมบางคน รู้ทั้งจุดอ่อนจุดแข็งอิสลาม แต่เค้าไม่ได้เรียนรู้เพื่อนำมาเป็นสาระนะของชีวิต เรียนเพื่อจับผิด เท่านั้น เพราะฉะนั้นเพื่อนๆไม่ต้องห่วงเรื่องภาพพจน์มุสลิม ผมอยู่กับพวกมาร และคนพาล มาทั้งชีวิตก่อนมีอินเตอร์เนท "อย่าหาควานหาความชอบธรรมในหมู่คนพาล" ครูบาอาจารย์ผมสอนมาว่า ถ้าเจอคนพาลต่างศาสนาถามป่วน ไม่จำเป็นต้องตอบตรงๆและเปิดเผยใดๆ  กวนมากวนกลับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:28:11

ความคิดเห็นที่ 28 ยาวเลย ขอทำความเข้าใจนิสนึ่ง อิสลามไม่มีระบบเมียน้อยหรือเมียเก็บ   ภรรยาทุกคนมีสถาณะเท่ากันมาก่อนหลังไม่เกียว ลูกก็เหมือนกัน จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 21:35:11

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าคุณSomporn123 อย่าคุยกับพวกแขกมากเลยครับ พวกนี้ คุุยไม่รู้เรื่องเสียเวลาเปล่าๆ เข้าข้างกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมว่าพวกนี้มีเยอะๆถ้าสร้างปัญหามากๆ เดี๋ยวเมกา หรือรัฐบาลของประเทศนั้นๆก็จัดการพวกนี้เองแหล่ะครับ ผมดูเเล้วพวกนี้ก็เหมือนถูกลงโทษ อยู่เเล้วในตัวของมันเอง F=F(r) ; ∑F=Fx+Fy+Fz ; ∑F=0 ทุกสิ่งล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนอยู่เหนือพระเจ้ากับคนอยู่ภายใต้พระเจ้า คุยกันยังไงก็ไม่จบครับ สุดท้ายก็ตายเหมือนกันทุกคนไม่มีเว้น แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 23:29:30 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 55 23:23:35 จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 23:21:19

ความคิดเห็นที่ 30 สงสารภรรยาหลวงที่กัดก้อนเกลือมาครับ ต้องมีศักดิ์ศรีเท่าเด็ก 15-16 ขวบ ผมว่าพวกผู้รู้ที่ต้งวการเด็กสาว ฟัตวาเพื่อตัวเองชัดชัด ล่ิเด็ก 13 ขวบ พวกก็บอกว่าดีกว่าสมัยก่อนที่ต่ำกว่านี้ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 06:50:03

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าจับผิดอิสลามดีกว่าจับผิดมะกันหรือทหารไทยครับ  แบบคุณ คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมไปบริจาคเลือดที่กาชาต ทั้งทั้งที่พ่อตัวเองป่วยที่ศิิราช ..... จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 06:52:16

ความคิดเห็นที่ 32 เปลี่ยนศาสนาไปมาเป็นเรื่องปกติ  ยิ่งจำนวน0.2เปอร์เซนต์แล้ว ไม่น่าแปลกใจ ที่แปลกใจคือคนชั่ว เอาเรื่องนี้มาย่ำยี่คนตายเพราะดดนมุสลิมเคร่งศาสนาฆ่า .... อาศัยศาสนา ทำชั่ว จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 06:56:31

ความคิดเห็นที่ 33 นี่แหละครับ จนบัดนี้ผมก็ยังไม่พบว่า สมพร เอาอะไรมาแย้งกับสถิติเรื่องนี้นะครับ เพราะที่อ้างมา สมพรก็ยังหาข้อมูลมาลบความน่าเชื่อถือของสิ่งที่ผมเอามาลง และ0.2% นั้น น้อยไหม ไม่น้อยล่ะครับ ถ้ามันเริ่มจาก คนไม่สนใจหรือรับอิสลามเลย อ่า ยังมีนี่อีกครับ สำนักข่าวมุสลิมไทย  น้องเมีย โทนี่ แบลร์ เข้ารับอิสลาม สำนักข่าวอัลอาราบิญา – หนังสือพิมพ์เดลี่ เมล์ ของอังกฤษรายงานข่าว ลอเรน บูธ น้องเมียโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เข้ารับอิสลามหลังไปเยือนอนุสรณ์สถาน “ฟาติมะ อัล-มะซูมะฮฺ” ที่เมืองกุ่ม ประเทศอิหร่านเมื่อ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลอเรน บูธ นักข่าววัย 43 ปี ประกาศกลางงาน Global Peace and Unity Event ซึ่งจัดขึ้นที่ลอนดอน เมื่อวันเสาร์ ว่า เธอเข้ารับอิสลามแล้ว และตลอดมาเธอรู้สึกว่าประชาคมอิสลามมีความรักใคร่ซึ่งกันและกัน รวมทั้งเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยสันติสุข และเธอภาคภูมิใจที่ได้กลายมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคมนี้ บูธ ทำงานในสถานีโทรทัศน์เพรส ทีวี. ภาคภาษาอังกฤษของอิหร่าน เธอเป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อต้านสงครามอิรัก รวมทั้งแสดงความสนับสนุนชาวปาเลสไตน์อย่างขันแข็งตลอดมา ในปี 2008 เธอได้ไปเยือนฉนวนกาซ่า และได้เปรียบเทียบสภาพที่นั่นว่าเหมือนสถานกักกัน และไม่แตกต่างจากสภาพในเมืองดาร์ฟู อิสมาอีล ฮานิยาฮฺ ผู้นำฮามาส ได้แต่งตั้งให้เธอเป็นทูตสันถวไมตรีของปาเลสไตน์ ในปีเดียวกัน จากคนที่ต้องดื่มไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ วันละ 2-3 แก้ว มาตลอด 25 ปี เธอได้เลิกดื่มมา 45 วันแล้ว รวมทั้งเลิกกินหมู และยังอ่านอัล-กุรอานทุกวัน รวมทั้งคลุมศีรษะเมื่อออกไปนอกบ้านทุกครั้ง บูธ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์โทนี่ แบลร์ ว่าอคติต่อมุสลิม และเข้าข้างยิว เธอยังหวังว่าการที่เธอเข้ารับอิสลามอาจจะช่วยให้แบลร์เปลี่ยนทัศนะคติต่ออิสลามได้บ้าง หลังโทนี่ แบลร์ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในปี 2007 เขาได้หันมารับนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมัน แคธลิค (ชาวอังกฤษส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์นิกาย Church of England นิกายนี้ไม่นับถือว่าโป๊ปเป็นประมุขของคริสต์ศาสนา)  - www.muslimthai.com จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:40:08

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าคิดจะว่าโกหก จะแย้ง ก็ขออะไรที่มันน่าเชื่อถือหน่อยนะครับ เพราะว่าหลังเหตุการณ์ที่อิสลามโดนใส่ร้าย คนก็เริ่มค้นหาความจริงเพิ่มขึ้นครับ เพราะกลัวหรือ? ใครบอกว่ากลัว แต่เขาสนใจความจริงต่างหาก และอิสลามไม่ถูกดับแสง ด้วยกับอคติ และการใส้ร้าย โง่ๆ แบบที่สมพรทำหรอกนะครับ จะหาว่าคนอื่นโกหก แต่ยังบอกไม่ได้เลยว่าโกหกยังไง จะบอกว่าคนอื่นไม่ดี ก็ได้แต่กล่าวหาพล่อยๆ ปราศจาก ความน่าเชื่อถือ แบบนี้มันน่าสมเพช แต่สมพรคงได้รับการอบรมมาแบบนี้ละมังครับ ให้รับความจริงไม่ได้ เลยต้องพยายามใส่ร้ายอิสลามตลอดเวลา เรื่องที่ นักข่าวอังกฤษมีสามีเป็นมุสลิมอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นว่า สมพรจะหาหลักฐานมารองรับได้เลย โกหก เป็นสันดานหรือเปล่า ความคิดเห็นที่ 7 MsgStatus(Msv[7], 7); ...... สตรีที่อ้างว่าโดนมุสลิมจับ เลยซึงใจเข้ารีด ลองไปดูประวัติ สามีแกเป็นอิสลามอยู่ก่อนแล้ว ....   จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:45:34 โกหกเป็นสันดานจริงๆ นะครับสมพร หุหุ คนที่ชอบโจมตีอิสลาม สันดานมันค่อนข้างเหมือนกันหมด คือ ขี้โกหก และปากพล่อย   จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:44:24

ความคิดเห็นที่ 35 ลองไปสืบดูครับ จริงหรือเท็จ ... การเปลี่ยนศาสนาไปมาเป็นเรื่องปกติ ของฝรั่ง ไมเคิล  แจกสัน  ไมค์ ไทสัน  ก็เคยรับอิสลาม แต่การย่ำยี่คนตายโดยอ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวมุสลิม จนพบสัจจะธรรม ผมว่าเลวครับ ศาสนาอิสลามอาจขยายตัวจริง แต่ก็เพราะลูกมาก ไม่ใช่การเข้ารีด การเปลี่ยนศาสนา มีการเปลี่ยนไปมา ผมว่าคุณควรขอโทษคนตายครับ ... เรื่องนักข่าวที่โดนจับ แล้วซึ่งใจคนจับ เขาก็ว่าโอละพ่อ พระนักข่าวหญิงคนดัวกล่าวเอนไปทางพวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมอยู่แล้ว จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:03:01

ความคิดเห็นที่ 36 คงไม่เอาไปปนกับน้องเมียโทนี่แบร์นะครับ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:03:57

ความคิดเห็นที่ 37   ความคิดเห็นที่ 35 MsgStatus(Msv[35], 35); ลองไปสืบดูครับ จริงหรือเท็จ ... การเปลี่ยนศาสนาไปมาเป็นเรื่องปกติ ของฝรั่ง ไมเคิล แจกสัน ไมค์ ไทสัน ก็เคยรับอิสลาม แต่การย่ำยี่คนตายโดยอ้างว่าหลังจากมุสลิมฆ่าคนแล้ว คนกลัวมุสลิม จนพบสัจจะธรรม ผมว่าเลวครับ ศาสนาอิสลามอาจขยายตัวจริง แต่ก็เพราะลูกมาก ไม่ใช่การเข้ารีด การเปลี่ยนศาสนา มีการเปลี่ยนไปมา ผมว่าคุณควรขอโทษคนตายครับ ... เรื่องนักข่าวที่โดนจับ แล้วซึ่งใจคนจับ เขาก็ว่าโอละพ่อ พระนักข่าวหญิงคนดัวกล่าวเอนไปทางพวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมอยู่แล้ว จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:03:01 ขอหลักฐานครับ ว่าโอนเอียงไปทางนั้นอยู่แล้ว ด้วยครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:45:54

ความคิดเห็นที่ 38 คุณเคยอ่านเรื่องอดีตคณบดีคณะแพทย์เข้ารับอิสลามหรือเปล่า ....... คนมุสลิมจับนักข่าวไปเรียกค่าไถ่ กลับออกมาแสดงความเห็นยกย่องคนจับ ทั้งทั้งที่บางคนโดนกลุ่มที่จับนี้ตัดคอ ไม่มีคนสติดีที่ไหนเขาเชื่อกันครับ แถมยังมีมุสลิมที่อ้างว่้ารักสันติ พูดเหมือนให้ท้ายนฆ่าตกรที่ฆ่าตัดคอคน .... คุณลองสาบาลสิครับ ว่าผมโกหก หรือไม่ ... นักข่าวที่เวปมุสลิมใหม่เอามาลง ที่บอกว่าเปลี่ยนศาสนาล หลังจากโดนมุสลิมเคร่งศาสนาจับตัวไปแล้วปล่อย ลองไปสืบประวัติดูดีดีครับ ... แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 14:11:08 จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:10:42

ความคิดเห็นที่ 39 จะโกหกไปถึงไหนครับ ไหนลองหาหลักฐานมาซิ ศาสนาสมพรสอนแบบนี้เหรอ หรือว่า ที่บ้านสมพร สอนให้ชอบโกหก จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:15:17

ความคิดเห็นที่ 40 เอ้าก็ไหนหลักฐานล่ะครับ นอกจากคำพูดโกหกพล่อยๆ ของคุณ   ตอนแรกก็โกหกว่า ความคิดเห็นที่ 7 MsgStatus(Msv[7], 7); ...... สตรีที่อ้างว่าโดนมุสลิมจับ เลยซึงใจเข้ารีด ลองไปดูประวัติ สามีแกเป็นอิสลามอยู่ก่อนแล้ว .... จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 55 15:45:34 แต่เรื่องจริงคือ พอรับอิสลาม สามีก็แยกทาง   ต่อมาโกหกว่า ความคิดเห็นที่ 37 MsgStatus(Msv[37], 37); ความคิดเห็นที่ 35 MsgStatus(Msv[35], 35); ลองไปสืบดูครับ จริงหรือเท็จ ... ... เรื่องนักข่าวที่โดนจับ แล้วซึ่งใจคนจับ เขาก็ว่าโอละพ่อ พระนักข่าวหญิงคนดัวกล่าวเอนไปทางพวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมอยู่แล้ว จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:03:01 ฝักใฝ่โจรอยู่แล้วเหรอไหนล่ะหลักฐาน ยังหาไม่ได้เลยนะครับ สมพรนี่ สันดานแบบนี้นี่เอง ปากพล่อย ขี้โกหก และหน้าด้าน สมแล้วที่ไม่ชอบอิสลาม เพราะสันดานคนที่เกลียดอิสลามมักเป็นแบบนี้   จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:17:50

ความคิดเห็นที่ 41 She has also worked as a broadcaster, producer and presenter on programmes for BBC TV and radio, CNN, ITN and Carlton TV travelling to Afghanistan, Iraq, Gaza and the West Bank. A founder member of Women in Journalism, she was also a promoter of women’s rights, although after she converted to Islam, she publicly criticised some aspects of the 'sisterhood' promoted by Western feminism.[3] She is also a founder member of the Stop The War Coalition and the RESPECT political party.   ประวัติเธอ บอกแต่ว่า เธอเป็นนักรณรงค์ เรื่องสิทธิสตรีนะครับ เรื่องที่ว่า เอนเอียงไปทางผู้ก่อการร้ายเอามาจากไหนล่ะครับ       สันดานคุณนี่ชอบโกหกจริงๆ นะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:20:48

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องสามี นักข่าวก็โกหก เรื่อง นักข่าวเอนเอียงไปทางผู้ก่อการร้ายก็โกหก สันดานแบบนี้ ไร้ความน่าเชื่อถือจริงๆ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:21:24

ความคิดเห็นที่ 43 คุณมีหลักฐานอะไรครับที่บอกว่าผมโกหก แล้วมันคนเดียวกันหรือครับ ที่ผมพูดถึงคือนักข่าวที่โดนมุสลิมจับครับ นบีสอนให้พูดจาแบบนี้หรือ จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 15:00:41

ความคิดเห็นที่ 44 คนเดียวกันครับ ถ้าโง่แยกไม่ออกก็ปัญญาอ่อนแล้วมังครับ She has also worked as a broadcaster, producer and presenter on programmes for BBC TV and radio, CNN, ITN and Carlton TV travelling to Afghanistan, Iraq, Gaza and the West Bank. A founder member of Women in Journalism, she was also a promoter of women’s rights, although after she converted to Islam, she publicly criticised some aspects of the 'sisterhood' promoted by Western feminism.[3] She is also a founder member of the Stop The War Coalition and the RESPECT political party. ประวัติเธอ บอกแต่ว่า เธอเป็นนักรณรงค์ เรื่องสิทธิสตรีนะครับ เรื่องที่ว่า เอนเอียงไปทางผู้ก่อการร้ายเอามาจากไหนล่ะครับ เสรีภาพสตรีในอิสลาม: บทสัมภาษณ์ อีวอน ริดลีย์ Finding Women's Liberation in Islam: Interview with Yvonne Ridley เรียบเรียงโดย วาริษาฮ์ อัมรีล http://www.newmuslimthailand.com/main/index.php อีวอน ริดลีย์ (Yvonne Ridley) นักเขียน นักวิจารณ์ชาวอังกฤษได้มาเข้าร่วมในงานประชุม WAMY) ที่กรุงไคโร อียิปต์ ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2006 เธอได้ให้เกียรติผู้สื่อข่าว Islamonline.net (IOL) เข้าสัมภาษณ์: IOL - ก่อนรับอิสลาม คุณรู้เรื่องอิสลามบ้างไหม? Yvonne Ridley - รู้น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จากข่าวในสื่อมวลชน IOL - คุณรับอิสลามได้อย่างไร? Yvonne Ridley - ช่วงที่ตาลีบันจับตัวฉันไป มีครูสอนศาสนาเข้ามาเยี่ยมฉันในห้องขัง ถามคำถามเกี่ยวกับศาสนา และถามว่าฉันจะเปลี่ยนมารับอิสลามไหม ฉันกลัวมากว่าหากตอบไม่ถูกใจอาจโดนฆ่าเอาได้ เลยต้องคิดอย่างถี่ถ้วนก่อนจะขอบคุณครูสอนศาสนาไปสำหรับการเอื้อเฟื้อเรื่องศาสนา แต่มันคงยากสำหรับฉันที่จะตัดสินใจให้กับชีวิตทั้งชีวิตในขณะที่กำลังถูกคุมขังน่ะ อย่างไรก็ตาม หากปล่อยตัวฉันไป ฉันขอให้สัญญาว่าเมื่อกลับไปถึงลอนดอนแล้วฉันจะศึกษาอิสลาม   นี่เป้นคำให้สัมภาษณ์ของเธอ ก็บอกตรงๆ ว่า รู้น้อยมากเกี่ยวกับอิสลาม แล้วเอามาจากไหนว่าโอนเอียงเข้าหาผู้ก่อการร้าย   สมพรจอมโกหก จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 21:54:24