แม้ตัวจากไปให้ชื่อ ไทย ยังคง
มัสยิดไทย อัล-ฟาติฮะห์ ทำหน้าที่อย่างซื่อตรงมาเนิ่นนานท่ามกลางชุมชนมุสลิมที่ใหญ่โตขึ้น กระทั่งปัจจุบันที่ทางเริ่มจะคับแคบ หลายๆ ครั้งมีคนมาละหมาดเป็นร้อยจนล้นออกไปด้านนอก ทำให้อิหม่ามโพยมตั้งใจระดมทุนสร้างมัสยิดแห่งใหม่ ซึ่งอาจเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา
วันหนึ่งผมอาจจะต้องจากไป แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้คือป้ายด้านหน้ามัสยิดที่บอกว่าเป็นมัสยิดของคนไทย
การระดมทุนสร้างมัสยิดแห่งใหม่ในฐานะที่เป็น มัสยิดไทย โดยไม่ได้ไปเร่ขอเงินใคร เป็นเรื่องยากไม่ต่างจากการรักษามัสยิดแห่งนี้เอาไว้ให้ดำรงอยู่
หลายคนที่เคยมาที่นี่ เขาถามว่ามัสยิดนี้อยู่ได้อย่างไร ผมบอกได้เลยว่ามัสยิดของเราอยู่ได้เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย ผมทำเองหมดตั้งแต่ล้างส้วมจนถึงซ่อมหลังคา การสร้างมัสยิดแห่งใหม่ก็เหมือนกัน เราไม่ขอใคร แต่รับบริจาค เพราะอยากสร้างด้วยศรัทธาอย่างแท้จริง
ผมมีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 3 คูหา อยู่ที่ถนนพัฒนาการ ผมตัดสินใจขายตึกนี้เพื่อนำรายได้มาเป็นเงินก้นถุงส่วนหนึ่งในการสร้างมัสยิด เราไม่ต้องไปแบมือขอ คุณซื้อตึกนี้ก็ได้บุญและได้ตึกไปด้วย
อิหม่ามโพยม บอกว่า มัสยิดแห่งใหม่ต้องใช้เงินทุนในการก่อสร้างถึง 22 ล้านบาท เพราะตัวอาคารจะประกอบไปด้วยโรงเรียน สถานที่ละหมาด และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ ครบครัน แม้จะยากแต่เขาก็จะพยายามต่อไป เพราะการมีมัสยิดไทย ในต่างแดน เป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากมายเกินกว่าที่ผู้มีอำนาจในประเทศไทยจะคาดคิดถึง
การที่เราเปิดให้มุสลิมจากทุกชาติมาร่วมละหมาดในมัสยิดไทย ทำให้เราคนไทยกลายเป็นเจ้าบ้าน เท่ากับเราได้ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปในตัวด้วย ที่ผ่านมาผมเคยจัดทัวร์พามุสลิมชาติต่างๆ ไปเที่ยวประเทศไทย มีคนให้ความสนใจกันมาก
จริงๆ รัฐบาลน่าจะคิดจัดทัวร์มุสลิมจากสหรัฐไปเที่ยวประเทศไทยบ้าง อาจจะเปิดทัวร์อิสลามหานักท่องเที่ยวไป เพราะคนมุสลิมที่ไปเที่ยวเมืองไทยเขาคงไม่อยากเข้าวัด ทัวร์ของเราที่มีอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ก็มีแต่เข้าวัด ทำบุญ เสี่ยงเซียมซี
แต่ถ้าเป็นทัวร์มุสลิมเราต้องไปไหนบ้าง อาจจะลงใต้ หรือไปมัสยิดต้นสน (มัสยิดเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ) พาไปดูความยิ่งใหญ่ของอิสลามในประเทศไทย ผมว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้มากทีเดียว
ในแคลิฟอร์เนียยังมีสถาบันเกี่ยวกับศาสนาอิสลามถึงเกือบ 200 แห่ง มุสลิมจึงเป็นตลาดใหญ่ที่รัฐบาลไทยน่าคิดหาช่องทางนำรายได้เข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือส่งผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลมาจำหน่าย
ตลอดกว่า 2 ทศวรรษที่ดิ้นรนก่อสร้างและดูแลมัสยิดมา ทั้งๆ ที่หากเป็นสินค้าก็ต้องบอกว่าพะยี่ห้อ ไทยแลนด์ แม้อิหม่ามโพยมจะไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการของไทยเลย แต่กระนั้นเขาก็คาดหวังว่าสักวันหนึ่งรัฐบาลไทยจะมีความตระหนักและใช้ประโยชน์จาก มัสยิดอัล-ฟาติฮะห์ ให้สมกับเป็นมัสยิดไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในต่างแดน
ผมอยากให้รัฐบาลไทยตระหนักว่านี่เป็นมัสยิดของเขานะ อยากให้จุฬาราชมนตรีมองเห็นความสำคัญ อาจจะส่งอิหม่ามจากประเทศไทยเดินทางมาที่นี่ หรือมาทำหน้าที่ที่นี่บ้าง เหมือนมาดูงาน จะได้แบ่งเบาภาระผม และเป็นสายใยเชื่อมถึงกัน เมื่อผมตายไปแล้วจะได้มีอิหม่ามดีๆ มาทำหน้าที่ประจำมัสยิดที่ยูเอสเอ
เป็นคำฝากสุดท้ายของอิหม่ามจากแดนไกล ณ มัสยิดไทยในอเมริกา...