ความคิดเห็นที่ 1 "กระสุนมีไม่พอสังหารมุสลิมหรอก" ฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกว่าชีวิตชาวมุสลิมราคาถูกสิบโลสองบาท ยังไงชอบกลแฮะ จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 07:48:47

ความคิดเห็นที่ 2 ราคาไม่ได้ถูกครับ แต่คำพูดนี้ เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นว่า ศาสนานั้นสำคัญกว่าชีวิตครับ และด้วยเหตุนี้อิสลามจึงยืนหยัดอยู่ได้ แม้ถูกคุกคามแค่ไหน ส่วนทหาร ขี้คลอก ตาขาวแบบอเมริกาน่ะเหรอ ถ้ามันไม่ใช้เทคโนโลยี ก็กองขี้ดีดีนี่เอง ซึ่งถ้าบุกซาอุ มันคือการจงใจที่จะคุกคาม บัยตุลลอฮฺ และมะดีนะห์เมืองของท่านนบี แน่นอนมุสลิมไม่อยู่เฉยหรอกครับ นอกจากพวกมุนาฟิกเท่านั้น ดังนั้น ถ้ามีเรื่องนี้จริง ถ้าไม่อเมริกาล่มสลาย มุสลิมก็ตายหมด มีสองอย่าง ส่วนคำพูดที่ว่า ถึงบัยตุลลอฮฺจะถูก บอมบ์มุสลิมก็หันหน้าละหมาดไปทางนั้น ถูกแล้วครับ แต่เมืองนั้นเป็นหน้าที่ของมุสลิมต้องปกป้องครับ เพราะถ้าจะมาทำลายเมืองนั้น แสดงว่า มันประกาศสงครามการรุกรานแล้วล่ะครับ ถือเป็นการกดขี่ รุกรานศาสนา ต้องสู้ครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 08:08:34

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามีการบุกแบบนั้น นั่นคือ ฟิตนะห์แล้วนะครับ ดังที่อัลลอฮ์ ได้ตรัสความว่า “และจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าฟิตนะฮ์จะไม่ปรากฏขึ้น” (อัลกุรอาน 2:193) ฟิตนะฮ์ ตามความหมายคือ การบังคับมิให้มนุษย์มีสิทธิปฏิบัติหรือเชื่อศรัทธาในสิ่งที่เป็นความต้องการของเขา และการปิดโอกาสมิให้มีสิทธิเลือกกระทำตามที่ต้องการ อิสลามถือว่า การกระทำฟิตนะฮ์ มีผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการฆาตรกรรม เพราะฆาตรกรรมเป็นการปลิดชีวิตที่เป็นกายภาพ แต่การกระทำฟิตนะฮ์ถือเป็นอาชญากรรมด้านความรู้สึกและจิตใจ อัลลอฮ์ ได้ตรัสความว่า “และการฟิตนะฮ์นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่า” (อัลกุรอาน 2:217) จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 08:11:02

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับมุสลิมเราเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ลองมาบุกซาอุดิอาราเบียดูดิ  ได้เจอกองทัพที่มีจำนวนหลายร้อยล้านแน่ๆ กระสุนมีไม่พอที่จะสังหารมุสลิมหรอกถ้าวันนั้นมาถึง   ............ ไม่ทราบกระทู้ต้นทาง แต่แสดงความเห็นตามประโยคนี้ สมัยยุโรปล่าอาณานิคม ก็เห็นพวกยุโรป ไม่ต้องใช้กระสุนมากมายอะไรเลย ก็สามารถยึดมาได้หมดทั้งแถบ หรือว่าประเทศในย่านนั้น มีประเทศใด ไม่เคยเป็นอาณานิคม ของยุโรป จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:03:13

ความคิดเห็นที่ 6 กระสุนไม่พอ  งั้นต้องค่อยๆ เล็ง  :-) จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:35:18

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วก็....ฝึกลอยตัว(เหนือปัญหา) อีกสักนิดโหน่ยยย จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:37:15

ความคิดเห็นที่ 8 โทษทีนะ คุณ AvijJA เมื่องเมกกะกับมาดีนะไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของยุโรปนะครับ    เพียงแต่สมัยนั้นซาอุดิอารเบียร่วมมือกับอังกฤษในการปกปล่อยตนเองออกจาการถูกกดขี่ของอณาจักรออตโตมันที่โหดเหียม  เพราะเล่นไปสังหารชาวซาอุตายเป็นหมื่น โดยกล่าวหาว่าซาอุตั้งตัวเป็นกบฎพยามเผยแพร่แนวคิดทางศาสนาที่ผิด(ความจริงซาอุถูกโดยการกลับไปยึดการตีความหลักคำสอนในแบบมุสลิมยุคแรกหรือซาลาฟ) ชาวซาอุเลยร่วมมือกับอังกฤษเพื่อปลดปล่อยตัวเอง อวิชา สมชื่อ จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:05:53

ความคิดเห็นที่ 9 "อิสลาม" แบบอย่างความสุภาพอ่อนโยนของนบีมูฮัมหมัด(ศ) มุสลิมไม่ควรว่าผู้ที่สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาอิสลามไม่ว่าจะด้วยเจตนาใดๆก็ตาม เพราะว่ามันไม่ดี ผู้ถามเป็นเพียงคนหนึ่งที่ได้รับข้อมูลแบบผิดๆหรือข้อมูลแบบไม่เติมไม่ครบ    "หน้าที่ของเรา(มุสลิม)คือการชี้แจงเท่านั้น เราด่าใครไม่ได้ การแสดงความไม่พอใจเมื่อมีใดรใสร้ายศาสนาเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ  แต่การด่าหรือกระแนะกระแน่มันไม่ใช้แบบอย่างของท่านศาสดานะครับมันไม่ดี, อีกอย่างต้องโทษมุสลิมเราเองด้วยที่ไปทำอะไรที่มันรุนแรงเกินขอบเขตของศาสนา จนทำให้ต่างศาสนิกที่ไม่ไดด้ศึกษาหลักคำสอนโดยตรงมองศาสนาเราในทางทีผิด" สมกับชื่อ ใจนิ่ง เลยนะ จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:33:30

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมองแนวนี้นะ สหรัฐคงไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่ม เพราะการทำสงครามต้องใช้เงินเยอะ รวมถึงชีวิตทหารอเมริกันอีก และซาอุเหมือนศูนย์รวมจิตใจมุสลิมทั่วโลก แม้จะรบชนะแล้วได้น้ำมันมหาศาลเป็นรางวัล แต่คงจะมีรายการก่อการร้ายรายวัน ในทุกๆที่ของโลกที่มีประชาชนมะกันอยู่ รวมถึงในอเมริกาเอง จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:34:37

ความคิดเห็นที่ 11 ขอโทษครับคุณ AvijJA จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:45:43

ความคิดเห็นที่ 12 กองทัพมุสลิม แม้ยามรบเราก็ต้องละหมาด แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 55 11:50:00 จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:48:06

ความคิดเห็นที่ 13 แม้ยามรบเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องละหมาด เพราะเราเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าศัตรู จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:52:35

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ ใจนิ่ง             ช่วยอธิบายเหตุผลหน่อยครับ ใจเย็นๆ เป็นไปได้ไหมครับ ตามเรื่อง          สมมุติ ถ้าเรานึกถึงเหตุผลทางการเมือง และ ระบบการทำสนธิสัญญา          ในการทำสงคราม ของสหประชาชาติ คุณว่ารัฐบาลของประเทศพันธมิตร          กับอเมริกาจะยอมให้พลเมืองที่นับถือศาสนาอิสลามไปร่วมรบต่อต้าน          อเมริกาไหม? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:52:44

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 6-7   ช่างเข้าใจหาภาพประกอบมาทำให้อารมณ์ แจ่มใสกันดีนะ....   กระทู้นี้เป็นเรื่องสมมุติ ที่จะมีทางเป็นไปได้ไหม?   ยังไม่มีการยิงเกิดขึ้นจริงๆ....ครับคุณหนูอมยิ้ม จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:58:12

ความคิดเห็นที่ 16 เมือถึงจุดที่ซาอุถูกโจตีด้วยใครก็ตาม เมกา จีน รัสเซีย หรืออีหราณ  มุญาฮีดีนจากทั้วโลกจะมุ่งหน้าไปยังซาอุ   ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆอาจจะสามารถบุกทะลุทะลวงไปได้แต่ถ้านานเข้ามุสลิมที่จับอาวุธจะเพิ่มจำนวนมหาศาลขึ้น และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่นั้นมีสิ่งที่มุสลิมต้องปกป้องและเป็นคำสังท่านศาสดา ยิ่งปัจจุบันที่โลกถูกเชื่อมเข้าหากันโดยกระบวณการณ์โลกาภิวัติ มันจะทำให้โลกมุสลิมเชื่อมต่อกันมากขึ้น โดยเฉพาะความรุ้สึกร่วมกัน และการรับรูถึงความจำเป็นที่ตนต้องกระทำการบางอย่างเพื่อปกป้อง ซึ้งก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมความสามารถและอีหมาม ของแต่ละคน เช่นบางคนอาจเดินทางไปช่วยรบ บางคนคอยสนับสนุนทุกอย่างที่ช่วยได้บางคนก็กดดันรัฐบาลของประเทศตัวเอง และบางคนก็กดดันสามีตัวเอง :) ซึ่งจำนวนมุสลิมคร่าวๆมีพันล้านกว่าคน จำนวนร้อยล้านถือว่ายังไม่มากเมือเทียบกับจำนวนมุสลิมที่มีพันกว่าล้านคนทั่วโลกที่ปัจจุบันการเดินทางเป็นไปด้วยความสะดวก สุดท้ายมันจะถูกชักนำให้เกิดสงครามครูเสดขึ้นอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องชาวคริสให้มาช่วยต่อสู้กับมุสลิม  และสุดท้ายมันจะกลายเป็นสงครามศาสนาไปโดยปริยาย ประมาณนี้มั้ง แต่สิงที่น่าสนใจคือจีนจะเลือกข้างใหน จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 12:24:46

ความคิดเห็นที่ 17 หัวข้อกระทู้กล่าวถึงสงครามทางการเมือง หรือศาสนาครับ คุณอ้างว่าถ้าอเมริการบกับซาุอุดิอารเบีย  "ลองมาบุกซาอุดิอาราเบียดูดิ"  เวลานี้ ซาอุไม่ต้องการให้อิหร่านมี อะตอมมิคบอมบ์ พยายามที่จะ ให้อเมริกาช่วยยับยั้ง อิหร่านในการผลิตอาวุทธปรมณู   ทั้งนี้เพราะ ซาอุที่เป็น "วะหบีย์" กลัว อิร่านที่เป็น "ชีอะต์" จะมีอำนาจครอบคลุมตะวันออกกลาง และอาจจะเสีย เมือง อู่ข้าวอู่นำ้ของตน    ผมว่าตามรูปการณ์แล้ว น่าจะเป็นประเทศมุสลิมมากกว่าที่ต้องการซาอุดิอารเบีย  ซาอุเลยต้องอาศัยอเมริกาในการป้องกันภัย ให้กรุงมะกะ และในขณะเดียวกัน ซาอุดิอารเบีย ก็ใช้การศึกษาด้วยการดัดแปลงหลักสูตรศาสนา สอดแทรก เข้าไปในสังคมอเมริกันมุสลิม ในการทำลายสังคมของเขา ซึ่งเป็นสังคมโดยรวมของชนทุกๆชาติทั่วโลก  ซึ่งการสอนให้เกลียดคนต่างศรัทธาในขณะที่อยู่ร่วมกันเป็นประเทศนั้น ท่านรอซูลไม่เคยปฏิบัติในการปกครองกรุงมะดินะห์ ใช่หรือไม่ครับ? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 12:48:13

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเองก็คิดว่าในปัจจุบันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เมกาจะโจมตีซาอุ เพราะราชวงซาอุกับเมกาสนิทกันจะตาย ถึงขนาดยอมให้กองทัพเมกามาตั้งฐานทัพในประเทศเพื่อป้องกันการขยายอำนาจของสัจดัมในสมัยนั้น ทั้งๆที่บินลาเดนเสนอตัวว่าจะเอากองทัพอารับมาปกป้องให้แต่ราชวงซาอุปฎิเสธและเอาฐานทัพเมกามาตั้งแทน อันเป็นเหตุให้บินลาเดนเกลียเมกาและราชวงซาอุ(ก่อนหน้านี้บินลาเดนสนิทกับหนวยงานความมั่นคงเมกาและราชวงซาอุมากเข้าออกกันเป็นว่าเล่นเนื่องจากเคยร่วมือช่วยกันทำสงครามกับโซเวียด) สวนซาอุดิอีหรานไม่อยากได้มากหรอกพระอีหรานได้สร้าสถานสักสิทธขึ้มาแทนแล้ว แต่อีหหรานต้องการขยายอิทธิพลลัทธิของตนไปยังดินแดนต่างๆที่มีมุสลิมอาศัยอยู่   กรณีตะวันออกกลางเราจะมองแค่ตัวแสดงระหว่างประเทศเท่านั้นไม่ได้เพราะยังมีตัวแสดงที่ไม่ใช้รัฐจำนวนมากที่มีอิทธิพลต่อคนในประเทศ และบรรดาอูลามาต่างๆ ที่ราชวงซาอุยังต้องเกรงใจ เนื่องจากมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนในประเทศ หรือกลุ่มองค์กรต่างซึ่งมีเครือขายเติมไปหมด  เรื่องที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางมันสับซ้อนยิงกว่าสงครามเย็นซะอีก เพราะมันมีตัวแสดงเยอะมาก ตั้งแต่ชาติมหาอำนาจต่างๆที่มีผลประโยชน์ในตะวันออกกลาง อิสราเอล องค์กรที่ไม่ใช้รัฐแต่มีอิทธิพลทางความคิดต่อประชาชน  เรื่องในตะวันออกกลางผมไม่กล้าวิเคราะห์เพราะมันสับซ้อนเกินไป แต่จุดยืนของผมคือหนุนข้างประชาชนในซีเรียเราพตอนนี้ก็โดนสังหารไปเกือบหมืนแล้ว มันไม่ใช้เรื่องศาสนาอย่างเดียวแต่มันเป็นเรื่องการฆ่าล้างเผาพันที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 13:57:07

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ ใจนิ่ง  คุณทราบไหมว่าเวลานี้ ใครที่กำลังตัดสินใจ ที่จะไปช่วยประชาชนชาวซีเรีย? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:07:51

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ แต่แค่อยากให้เห็นภาพ แม้ยามรบ เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องละหมาด เพราะพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้นที่เราเกรงกลัว...... From Syria จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:08:52

ความคิดเห็นที่ 21 ซึ่งการสอนให้เกลียดคนต่างศรัทธาในขณะที่อยู่ร่วมกันเป็นประเทศนั้น ท่านรอซูลไม่เคยปฏิบัติในการปกครองกรุงมะดินะห์ ใช่หรือไม่ครับ? ใช่ ท่านนบีให้มุสลิมปฎิบัติกับต่างศาสนิกอย่างเป็นธรรมและไม่ให้ละเมิด สำหรับเรื่องสิทธิต่าง ๆ ที่มุสลิมพึงมีแต่คนต่างศาสนิกนั้น  มีอยู่ด้วยกันหลายประการดังนี้          - สิทธิของเพื่อนบ้าน  มุสลิมนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างดีต่อเพื่อนบ้านของเรา  ต้องไม่ทำการรบกวนเพื่อนบ้าน  และต้องให้ความช่วยเหลือแบ่งปัน  หากเพื่อนบ้านนั้นเป็นผู้ที่ขัดสน  จงมอบของขวัญให้กับเขา  ให้คำแนะนำที่ดีแก่เขา  เนื่องจากท่านนบี  ได้กล่าวถึงสิทธิของเพื่อนบ้านเอาไว้ “ท่านญิบลีส  ได้กล่าวย้ำแก่ฉันว่าให้ทำดีต่อเพื่อนบ้าน  จนกระทั่งฉันคิดว่าเขาสามารถที่จะเป็นผู้รับมรดกจากฉันได้”         ซึ่งมีฮะดีษที่ซอเฮี้ยะ  รายงานสอดคล้องกันว่า  แม้ว่าเพื่อนบ้านนั้นจะเป็นชาวกาเฟร  เขาก็มีสิทธิของเพื่อนบ้านที่เขาพึงจะได้รับจากชาวมุสลิม  และถ้าหากชาวกาเฟรนั้นเป็นญาติของเราด้วย  เขาก็จะได้รับสิทธิถึง 2 สิทธิ์ด้วยกัน  คือสิทธิของเพื่อนบ้านและสิทธิของญาติที่พึงจะได้รับจากเรา          หนึ่งในสิทธิของเพื่อนบ้านที่ควรจะได้รับคือ  การได้รับเงินช่วยเหลือ  ถ้าหากเขาเป็นผู้ที่ยากจน  (ซึ่งเงินดังกล่าวนี้ไม่ใช่เงินซะกาต)  ซึ่งพระองค์อัลลอฮฺ   ได้ตรัสเอาไว้ว่า   “อัลลอฮฺ  มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา  แท้จริงอัลลอฮฺ  ทรงรักผู้มีความยุติธรรม” (ซูเราะฮฺ al-Mumtahanah 60 : 8)         และมีฮะดีษซอเฮี้ยะ ที่รายงานโดยท่านหญิง อัสมา บิน อะบีบักร (ขอความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ ทรงมีแด่ท่านด้วยเทอญ) ได้กล่าวว่า “แม่ของเธอซึ่งเป็นชาวมุชรีก  ได้มาหาเธอในช่วงที่มีการสงบศึกระหว่างท่านนบี  และชาวมักกะฮฺ  ซึ่งแม่ของเธอนั้นต้องการความช่วยเหลือ  ท่านหญิงอัสมา  จึงได้ถามท่านนบี   เพื่อขออนุญาตจากท่านว่าเธอจะสามารถให้ความช่วยเหลือแด่แม่ของเธอได้หรือไม่  ซึ่งท่านนบี  ได้กล่าวตอบว่า “จงให้การดูแลช่วยเหลือแม่ของเธอเถิด”         - แต่สำหรับการเข้าร่วมงานในพิธีการต่าง ๆ ของคนต่างศาสนิกนั้น  ชาวมุสลิมจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ยกเว้นเป็นการแสดงความเสียใจต่อการจากไปของบุคคลซึ่งเป็นที่รักของท่านที่เป็นคนต่างศาสนิก  ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นไม่ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด  ซึ่งท่านสามารถที่จะกล่าวว่า “ขอพระองค์อัลลอฮฺ  ทรงโปรดประทานสิ่งที่ดีทดแทนให้แก่คุณ  เนื่องจากการที่คุณสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป” หรือการกล่าวถ้อยคำที่ดีๆ http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=48&id=2056 จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:20:05

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่ทราบ ต้องรอดูต่อไป ซึ่งใครก็ได้ไม่จำเป้นต้องเป็นประเทศมุสลิมทีสามารถหยุดเหตุการณ์การสังหารประชาชนในครั้งนี้ จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:25:26

ความคิดเห็นที่ 23 พระองค์อัลลอฮฺเท่านั้นที่เราเกรงกลัวที่สุด ถุกต้องที่สุดค่ะ คุณ SalaDin(A.TheRipper94) ขอพระองค์ทรงอยู่เคียงข้าง กับผู้ศรัทธา ในพระองค์ และ ผู้ที่ศรัทธา ใน ร่อซูลด้วย พอดีกิฟท์หมด เลยคอมเมนท์แทนน่ะค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:34:51

ความคิดเห็นที่ 24 คุณใจนิ่ง   หนึ่งในสิทธิของเพื่อนบ้านที่ควรจะได้รับคือ  การได้รับเงินช่วยเหลือ  ถ้าหากเขาเป็นผู้ที่ยากจน  (ซึ่งเงินดังกล่าวนี้ไม่ใช่เงินซะกาต)  ซึ่งพระองค์อัลลอฮฺ   ได้ตรัสเอาไว้ว่า   “อัลลอฮฺ  มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา  แท้จริงอัลลอฮฺ  ทรงรักผู้มีความยุติธรรม” (ซูเราะฮฺ al-Mumtahanah 60 : 8) ไม่เห็นมีเกี่ยวกับเงินซะกาตเลยครับ มีตรงไหนครับที่เราให้เงินช่วยเหลือไม่ได้  การทำกุศลต่อผู้ขาดแคลน (ซะกาต) จำกัดเฉพาะในมุสลิมเท่านั้นหรือ?   พระองค์อัลลออ์ทรงให้ความเมตตาและกรุณาต่อมวลมนุษย์ไม่จำกัดต่อเฉพาะมุสลิมเท่านั้น มุสลิมศรัทธาว่า มวลมนุษย์เป็นลูกหลานท่านนะบีอดัม และอัลลอฮ์ตะอาลาเป็นผู้สร้างชีวิตทั้งหลาย? เงินซะกาตคุณเข้าใจว่าอย่างไร? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 14:48:44

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ แต่แค่อยากให้เห็นภาพ แม้ยามรบ เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องละหมาด เพราะพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้นที่เราเกรงกลัว...... ระวังครับ พวกชอบฆ่ากันตอนละหมาดมากที่่สุด จากคุณ : Somporn123 เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 16:02:13

ความคิดเห็นที่ 26 โดยประวัติศาสตร์ หลายครั้งที่อเมริกายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือที่ใด สุดท้ายมักกลายเป็นผู้ต้องหา มันคงทำให้ลำบากใจในการเข้าไปแส่กิจภายในของซีเรียพอควรเลยครับ ... จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 16:18:20

ความคิดเห็นที่ 27 คห.10 "ผมมองแนวนี้นะ สหรัฐคงไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่ม เพราะการทำสงครามต้องใช้เงินเยอะ รวมถึงชีวิตทหารอเมริกันอีก และซาอุเหมือนศูนย์รวมจิตใจมุสลิมทั่วโลก แม้จะรบชนะแล้วได้น้ำมันมหาศาลเป็นรางวัล แต่คงจะมีรายการก่อการร้ายรายวัน ในทุกๆที่ของโลกที่มีประชาชนมะกันอยู่ รวมถึงในอเมริกาเอง" ผมไม่เข้าใจว่าสู้กันซึ่งๆหน้าไม่ได้หรอครับ"แต่คงจะมีรายการก่อการร้ายรายวัน ในทุกๆที่ของโลกที่มีประชาชนมะกันอยู่ " จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 18:22:23