ผม นำมาลง ในสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ครับ
เพราะสิ่งที่แมทท์ได้พูด ได้แสดงออกมา ก็คือการบิดเบือนอิสลามมาตลอด เรื่องเหล้าก็เช่นกัน ได้แสดงออกมาชัดเจน ด้วยการพยายามบอกว่าเหล้าไม่ได้ห้ามเช่นการ กินหมู
แต่พอไล่ไปไล่มา ค่อยมายอมเปลี่ยนว่า ห้ามทีหลังแบบนี้มันใช้ได้หรือครับ
อ่อแล้ว เรื่องการห้ามเหล้านั้นห้ามด้งนี้
การเสพและใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททำให้เมาหรือขาดสติ
ศาสนาอิสลามมีพระบัญญัติห้ามข้องแวะสิ่งเสพติด และสารทุกชนิดที่ออกฤทธิ์กับระบบจิตประสาททำให้มึนเมา,ขาดสติชั่วขณะหรือถาวร ห้ามเสพ,พกพา,จำหน่ายฯลฯ ศาสนาอิสลามจึงมีนโยบายเรื่องสิ่งเสพติดและสารออกฤทธิ์ที่ชัดเจน คือ ทั้งป้องปรามและปราบปราม อีกทั้ง ยังมีมาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดสำหรับผู้ฝ่าฝืน
อัลค็อมรุ ( خَمْرٌ ) คือ เครื่องดื่มจำพวกสุรา,เหล้า,ข้าวแช่,เบียร์,ไวน์,บรั่นดี ฯลฯ ในอดีตจะหมายถึงเหล้าหรือสุราเท่านั้น ในช่วงแรกๆที่ท่านรอซูลมา ประกาศศาสนาอิสลาม การบริโภคดื่มกินเหล้ายังเป็นเรื่องที่มีปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายทั้งในสังคมชาวมักกะฮ์และสังคมอื่นๆ และ อัล-กุรอ่าน ยังไม่ไม่มีบัญญัติห้าม หรือชี้แจงไว้แต่ประการใด และต่อมาในภายหลังจึงมีกาประทานโองการอัล-กุรอานที่เป็นบัญญัติเกี่ยวกับ เรื่องเหล้า,สุรา มาเป็นระยะๆ จนในที่สุดอัลกุร-อานก็ประกาศห้ามเรื่องสุรา,เหล้าโดยสิ้นเชิง ดังมีรายละเอียดและขั้นตอนต่อไปนี้
อัลลอฮ์ทรงประทานโองการอัล-กุรอานที่เป็นบัญญัติเรื่องเหล้า,สุรา ทั้งหมดรวม 4 วาระ คือ
- ครั้งแรกที่มีบัญญัติเรื่องเหล้า,สรานั้นเป็นเพียงแค่ชี้แจงหรือพูดในลักษณะชี้นำให้เห็นและรับทราบถึงวิถีชีวิตของประชาชน ในยุคนั้นที่เกี่ยวข้องกับเหล้า
อัลลอฮ์ทรงมีรับสั่งไว้ในบท อันนะห์ลู่ โองการที่ 67 ว่า
وَمِنْ ثَمَرَاتِ النَّخِيلِ وَالْأَعْنَابِ تَتَّخِذُونَ مِنْهُ سَكَرًا وَرِزْقًا حَسَنًا
ความหมาย "และส่วนหนึ่งจากผลอินทผลัมและองุ่น พวกเจ้านำมาหมักทำสุรา บ้าง และใช้ปัจจัยบริโภคที่ดีบ้าง"
คือ เมื่อบริโภคแล้วไม่เป็นอันตรายกับร่างกายหรือสติปัญญาเหมือนกับเหล้าอีกทั้งยังสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกายอีกต่างหาก
2. ครั้งที่ 2 พูดในลักษณะชี้แจงให้เห็นถึงผลดีและผลเสียที่เกิดจากสุรา โดยเน้นย้ำถึงผลเสีย
จากสุราที่มีมากกว่า อัลลอฮ์ทรงมีรับสั่งว่า
يَسْأَلُونَكَ عَنِ الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ قُلْ فِيهِمَا إِثْمٌ كَبِيرٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَإِثْمُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ نَفْعِهِمَا
ความหมาย "และเมื่อพวกเขาสอบถามเจ้าถึงเรื่องเหล้าและการพนัน เจ้าจงตอบชี้แจงเถิดว่า ทั้งสองประการมีโทษ (ผลร้าย) มาก และมีคุณประโยชน์หลายประการแก่มนุษย์ แต่โทษของมันทั้งสองนั้นมากกว่าคุณประโยชน์มากมายนัก" ( บทอัลบะกอเราะฮ์ โองการที่ 219 )
3 .ครั้งที่ 3 พูดในลักษณะใช้นโยบายป้องปราม แต่ยังไม่ห้ามเด็ดขาด
โดยสงวนศาสนกิจที่สำคัญๆ เช่น ละหมาด หรือ หวงห้ามศาสนสถาน เช่น อาคารมัสยิดไว้ ไม่ให้ผู้เสพสุราแล้วมีอาการมึนเมา, ขาดสติเข้า ปฏิบัติพิธีละหมาด หรือเข้า-ออกมัสยิดเป็นต้น อัลลอฮ์ทรงมีรับสั่งว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا لَا تَقْرَبُوا الصَّلَاةَ وَأَنْتُمْ سُكَارَى حَتَّى تَعْلَمُوا مَا تَقُولُونَ
ความหมาย "โอ้บรรดาผู้มั่นในศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าอย่าได้เข้าใกล้พิธีละหมาด ขณะที่พวกเจ้าอยู่ในอาการมึนเมา จนกว่า พวกเจ้าจะรับรู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าเอ่ยพูดออกมา" ( จากบทอันนิซาอ์ โองการที่ 43 )
4 .ครั้งที่ 4 สุดท้ายพูดในลักษณะประกาศห้ามอย่างเป็นทางการและโดยเด็ดขาด
พร้อมทั้งชี้แจงให้เห็นผลเสียที่จะเกิดข้นกับตัวบุคคล,ศาสนาและสังคม อัลลอฮ์ทรงมีรับสั่งว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالْأَنْصَابُ وَالْأَزْلَامُ رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ فَاجْتَنِبُوهُ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَإِنَّمَا يُرِيدُ الشَّيْطَانُ أَنْ يُوقِعَ بَيْنَكُمُ الْعَدَاوَةَ وَالْبَغْضَاءَ فِي الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ وَيَصُدَّكُمْ عَنْ ذِكْرِ اللَّهِ وَعَنِ الصَّلَاةِ فَهَلْ أَنْتُمْ مُنْتَهُونَ
ความหมาย "โอ้บรรดาผู้มั่นในศรัทธาทั้งหลาย ที่จริงแล้วทั้งสุราและการพนันและการเส้นสังเวยบูชาและการเสี่ยงติ้ว เป็นสิ่งโสมม (อบายมุข) อันเป็นผลงานจากซาตาน (ชัยฏอน) ดังนั้นพวกเจ้าจงหลีกเลี่ยงให้ไกลเสีย เพื่อพวกเจ้าเองจักได้รับชัย ที่จริงแล้วซาตาน (ชัยฏอน) ต้องการเพียงแค่ยุแหย่ให้เกิดความเป็นอริศัตรูกัน , ความโกรธเกลียดกันในระหว่างพวกเจ้า และมันยังคอยแต่จะทำให้ พวกเจ้าหันเหออก จากการระลึกถึงอัลลอฮ์ และการละหมาด เช่นนี้แล้วพวกเจ้าจะยุติไหม ? " (บทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 90 - 91 )
อัลค็อมรุ ( خَمْرٌ ) ในอดีตจะหมายถึงเหล้าหรือน้ำเมาที่เกิดจากการหมักผลไม้เท่านั้น อิหม่ามอัลบุคอรีย์,มุสลิม,อาบูดาวู๊ด,อัดติรมิซีย์ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่านบันทึกคำรายงานจากท่านค่อลีฟะฮ์อุมัร เคยกล่าวว่า การห้ามเหล้าในยุคต้นๆมีเฉพาะเหล้าจากการหมักผล องุ่น, อินทผลัม, ข้าวฟ่างข้าวบาร์เลย์ ต่อมาเหล้าคือน้ำเมาและสิ่งที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททุกชนิด
ทั้งนี้โดยอาศัยเนื้อความจากฮาดิษของท่านรอซูลบทหนึ่งที่ว่า
كُلُّ مُسْكِرٍ خَمْرٌ وَكُلُّ خَمْرٍ حَرَامٌ
ความหมาย ทุกสิ่งที่ออกฤทธิ์ทำให้มึนเมาถือเป็นเหล้า และทุกสิ่งที่ถือเป็นเช่นเหล้าย่อมบาปเหมือนกันหมด จากบันทึกของ อะหมัด,มุสลิม,อาบีดาวู๊ด,อัดติรมิซีย์และอิบนิมาญฮ์
การดื่มเหล้าและเสพสิ่งออกฤทธิ์ทำให้เมาถือเป็นบาปทุกกรณี ไม่ว่าจะดื่มมากหรือดื่มน้อย เสพมากหรือเสพน้อย เมาหรือไม่เมา เพราะท่าน รอซูล ให้ถือการดื่มเสพเป็นเกณฑ์ ท่านรอซูลก่ลาวเป็นโอวาทว่า
إِذَا أَسْكَرَ كَثِيْرُهُ فَقَلِيْلُهُ حَرَامٌ
ความหมาย เมื่อปริมาณมากทำให้เมาได้ การเสพเพียงน้อยนิด - โดยไม่เมา -ก็เป็นบาปเหมือนกัน จากบันทึกของอะหมัด, อาบีดาวู๊ด,อัดติรมิซีย์และอิบนิมาญฮ์
การดื่มน้ำเมาถือเป็นกระทงความผิดตามกฎหมายอาญาในอิสลาม และอยู่ในประเภทคดีใหญ่ (كبائر กะบาอิร หรือมหันตโทษ ) เป็นคดีความ ผิดทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮ์ สำหรับโทษในโลกนี้ ผู้มีอำนาจทางตุลาการ เช่น กอดี ( القَاضِيْ ) หรือฮาเก็ม ( الحَاكِمْ ) สามารถดำเนิน คดีและลงโทษได้ มาตรการสำหรับใช้ลงโทษผู้ดื่มหรือเสพสิ่งออกฤทธิ์ทำให้เมาเช่นเหล้าหรือน้ำเมานั้น คือ การเฆี่ยนจำนวน 40 ครั้ง หากไม่หลาบ จำให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 80 ครั้ง ( จะมากหรือน้อยกว่า 80 ครั้งก็ได้ตามความเหมาะสมและเหตุผลและอาจ ใช้การจำคุกหรือวิธีอื่นๆด้วยก็ได้ตาม ความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่ตุลาการ เช่น การยึดทรัพย์หรือปรับหรือกักบริเวณเป็นต้น )