โดยส่วนตัวแล้วจุดที่เกิดเวทนาเด่นชัดเป็นจุดของฐานจิต
บางวันอาจไม่เหมือนกัน
ความจริงพุทธโธ เป็นคำแทนนิมิตรของจิต
สังเกตุดูการเดินจงกรม กับการหายใจ จะมี การไปและกลับเหมือนกัน
ท่านให้ถือนิมิตรคล้ายคนเอาเลื่อยเลื่อยต้นไม้
เวลาเราเลื่อยไม้เราตั้งจิตไว้ที่จุดเลื่อยไม้ จะเลื่อย ยาว สั้น อย่างไรก็ตาม
หรือ เหมือน กับ เราชักรอกขึ้นลง
หรือเหมือนกับเรามองป้ายไฟแดงที่ทางแยกมีรถผ่านไปมา
เรารุ้ถีงเลื่อยและจุดเลื่อยแต่ไม่เอาจิตไปตั้งตามใบเลื่อย
รุ้ถึงตัวรอกและเชือกรอกแต่ไม่เอาจิตไปตั้งตามเชือก
รุ้ถึงป้ายไฟแดงและรถแต่ไม่เอาจิตไปตั้งตามรถที่มาและที่ไป
ลองทำดูแล้วรุ้สึกเหมือนไหม ถ้าไม่เหมือนก็ผิดเช่นเอาจิตไปตั้งที่ใบเลื่อย
ทำให้จิตฟุ้งซ่าน เพราะทำให้จิตเปลี่ยนฐานบ่อยมากเพราะพิจารณามากไป
การเดินจงกรมก็เช่นกันจิตตั้งไปที่การเดิน รุ้ถึงการเดินไป และมา
ไม่สำคัญว่าเท้าข้างไหน ยก หรือ เหยียบ
แต่การเดินนั้นจะเบาสบาย
เหมือนการหายใจ หรือ การบริกรรม ถ้าทำถูกวิธีจะเบาสบาย
ถ้าเพิ่มการพิจารณา เข้าไป เช่นอนุสติ 10
มหาสติปัจฐาน 4(พิจารณาลมว่าหยาบหรือละเอียด สั้นหรือยาว
เดิน ยก หรือเหยียบ)
ก็จะทำให้เกิดสมาธิ
เพราะถ้าเบาสบายมากไปก็อาจหย่อนความเพียรไปจนหลับไปเพราะไม่มีงานให้จิตทำ
ถ้าพิจารณามากความเพียรก็มากไปก็ฟุ้งซ่านเพราะจิตทำงานมากไป
ดังที่พระพุทธเจ้าเคยสอน ภิกษุไว้ว่าให้ตั้งความเพียรไว้เหมือนการดีดพิณ
ไม่ตึงไม่หย่อนไป
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 01:20:01
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 01:16:12
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 01:14:40
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 01:13:20
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 01:10:31