ความคิดเห็นที่ 1 ต่อ... จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:45:16

ความคิดเห็นที่ 2 สมาชิกจะเข้าใจได้ว่า ความรู้จากตารางข้างบนนี้ จะช่วยตอบคำถามได้ว่าเราควรจะ แบ่งแยกห้องศาสนาเป็นกลุ่มย่อยๆหรือไม่ ถ้าเราต้องการเช่นนั้น เราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาแบ่งห้องในที่นี้  ต่างคนต่างทางศรัทธาก็สามารถที่จะไปถกเถียงและเรียนรู้กันได้ ตามเวบของลัทธิศาสนานั้นๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์มากนักต่อสังคมที่ทุกๆความศรัทธาจะต้อง อยู่ร่วมกัน    การรวมกันของบุคคลที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน เมื่อออกจากสังคม อันเป็นสังคมที่จำกัด อยู่ในหมู่คณะที่มีความคิดเดียวกัน จะขาดความเข้าใจความรู้สึกของสังคมภายนอกที่ ต่างจาก สิ่งที่สังคมที่เราเคยอยู่มา ซึ่งเป็นเหตุให้ แตกความสามัคคีกันได้ง่าย ถึงแม้จะมัศรัทธาและละศาสนาเดียวกัน  ซึ่งจะเห็นได้จากสังคมของ เวบมุสลิมต่างๆที่ผมเคยมีประสพการร์มา  ผู้รู้ตามเวบมุสลิม มีการโจมตีหลักการความศรัทธากัน ข้ามเวบ ทั้งๆที่เรียนรู้มาจากภาคตะวันออกกลาง และจาก สถาบันการสอน อิสลาม ตามแถบต่างไของโลก  ทั้งนี้เนื่องจาก ไม่เคยได้เรียนรู้  และเข้าใจหลักการ หรือ ปรัชญา ของสถาบันอื่นๆ  การที่ผมยกตัวอย่าง เวบมุสลิมนั้นเนื่องจากว่าผมเป็นมุสลิม ถ้าผู้ใดจะด่าว่าผมๆ ก็ถือเสียว่าเป็นศรัทธาเดียวกัน ซึ่งการยกตัวอย่างไม่กระทบกระเทือนถึงศาสนาและศรัทธาอื่นๆ  ดังนั้นถ้าท่านที่คิดจะรวมกันเหมือนเดิม ก็ต้องฝึกหัดและทำความเข้าใจว่า ในปัจจุบันนี้ ความเจริญเติบโตทางวุฒิปัญญา ของเราอยู่ใน ระยะใด และทำอย่างไรเราจึง จะ improve วุฒิปัญญาของเราให้ สูงขึ้นจนถึง สุดของการเจริญเติบโตทางสมองของเราที่สามารถจะเจริญโดยสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่   ผมจึงขอแสดงความเห็นและเหตุผลว่า เพราะเหตุไรเราจึงไม่ควร แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งจะ ยับยั้ง Stage of  Intellectual Maturity ของสมาชิกภายในกลุ่มของ เราเอง จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:08:43

ความคิดเห็นที่ 3 ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกันหมด เราไม่ซีเรียสนะ เรื่องแยกไม่แยก ก็อ่านหมด แต่ก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง กระทู้ไม่เยอะ จากคุณ : สาวไฉไล เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:13:27

ความคิดเห็นที่ 4 ระยะต่างๆ ในการเจริญทางวุฒิปัญญา หรือ สติปัญญานั้น ทำให้เรายอมรับความรู้ต่างๆอย่างมีเหตุผล ด้วยหลักแห่งความเป็นจริง, มีความสามารถในการแสดงการรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน, รู้จักวิธีการแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ อย่างเช่นปัญหาที่เรากำลัถกเถียง ตามกระทู้ต่างๆในห้องนี้  ทำให้เรามีความสามารถที่จะรับสิ่งที่มีประโยชน์จากการโต้แย้งเพื่อเป็นการเรียนรู้จนเข้าถึงความเข้าใจ, เราสามารถที่จะ สร้างความอดทนต่อสถานะการต่างๆรอบตัวเรา, และนำความรู้ความเข้าใจของเราไปทำประโยชน์ให้กับบุคลอื่นๆและสังคมโดยรวมได้    ในที่สุดการโต้แย้งแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดๆก็ตาม จะประกอบไปด้วยเหตุผล, มีความอดทนมากขึ้น และการโต้เถียงและความหยาบคายก็จะหมดไปในการแสดงความคิดเห็นที่ต่างกัน เนื่องจากสมาชิกทุกๆท่านต่างก็มีความเข้าใจและเคารพต่อเหตุผลของกันและกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่เห้นด้วยก็ตาม จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:27:18

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวผมก็คิดเห็นเช่นคุณ ผมอ่านทุกๆกระทู้ที่น่าสนใจ จะออกความเห็นบ้าง ถ้าสนใจมากและต้องก่ารเหตุผล จากผู้แสดงความคิดเห็นบางท่าน เท่านั้น จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 00:43:28

ความคิดเห็นที่ 6           Knowledge is not universal, but a matter of context  and  situation. What is true in one situation may be false  in another.  ความเข้าใจว่าความรู้ในเรื่องหนึ่งๆไม่ใช่เป็นหลักสากลที่จะประยุกต์  ใช้ได้กับทุกๆเรื่องไป  เช่นการอนุญาตให้มีภรรยาสิ่คนจากหลักการ  ในศาสนาอิสลาม ตามความเป็นจริงอย่างแท้จริงแล้ว จะใช้ได้เฉพาะ  ในการป้องกัน,และอุ้มชูสตรี และหญิงกำพร้า ถ้าอยู่แต่เพียงผู้เดียว  แล้วจะช่วยตัวเองไม่ได้, และจะตกเป็นเหยื่อกามรมณ์ของสังคม เช่น  ในยามสงคราม หญิงที่สามีตายในสงคราม, หญิงที่พ่อแม่ตายในยาม  สงคราม และจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน  เท่านั้น   แต่ในสังคมทั่วๆไป ที่ไม่ตกอยู่ในสภาวะและ เหตุการณ์ ทั้งข้อเงื่อน  ไขที่พระเจ้าบัญญัติไว้  เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักการของ  อิสลาม   ซึ่งอิสลามไม่ได้ให้บังคับใช้ ในสังคมที่ไม่ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวมา   แล้ว แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 01:07:05 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:06:25

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 4        ในที่สุดการโต้แย้งแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดๆก็ตาม จะประกอบไปด้วยเหตุผล, มีความอดทนมากขึ้น และการโต้เถียงและความหยาบคายก็จะหมดไปในการแสดงความคิดเห็นที่ต่างกัน เนื่องจากสมาชิกทุกๆท่านต่างก็มีความเข้าใจและเคารพต่อเหตุผลของกันและกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่เห้นด้วยก็ตาม --- - - - - - -----   ------    - - - - -- - - ไม่จริงเสมอไปครับ  ลองสังเกตดูได้ในกระทู้ต่างๆ จะมีบางล้อกอิน ซึ่งไม่ต้องเอ่ย ก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร แรกๆ การแสดงความเห็นถ้ามีคนคล้อยตามก็อาจดูสุภาพ แต่พอมีผู้โต้แย้งมากเข้า ความกักขฬะ หยาบคาย ก็จะปรากกฎออกมา มากขึ้น และก็มากขึ้น ไม่สมกับที่ชอบยกตนว่าเป็นผู้ที่มีอายุเลย EQ ต่ำสวนทางกับตัวเลขวัยที่ล่วงโรยไป จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:36:11

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ AvijJA       ขอบคุณที่ให้ความสนใจ     ผมเห็นด้วยกับคุณครับ; แต่นั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วผมจึงนำความคิดเห็นข้อนี้มาเสนอ แต่จาก ข้อสรุปนั้นผมหมายถึงถ้าเราสามารถที่จะฝึกตัวเราด้วยความเข้าใจ ขั้นต่างๆ ในการเจริญเติบโตทางสติปัญญา จนถึงข้นสุดท้ายในเมื่อเราเข้าใจและวิเคราะค์ ตัวเราได้แล้ว สิ่งที่กล่าวในข้อสรุปนั้นจึงจะเกิดขึ้น   คุณลองสังเกตุดูการโต้เถียงในกระทู้ที่ผ่านมาคุณจะเห้นว่า บางท่านยังเถียงแบบตีสำนวน เพื่อการโต้เถียงเท่านั้นแต่ไม่ได้ใช้เหตุผล เพื่อการเอาชนะกันเท่านั้น แต่ถ้าคุณอ่านตารางการเจริญเติบโตทางสติปัญญาแล้ว คุณจะเข้าใจได้ว่า สติปัญญา ของบางท่านนั้นDeveloped มาถึงขั้นใดแล้วซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุเลย  ซึ่งถ้าเขาเข้าใจได้ว่า Knowledge is not universal, but a matter of context and  situation. What is true in one situation may be falsein another. จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:56:09

ความคิดเห็นที่ 9 ครูผมท่านพูดว่า .... ท่านชอบมุอัลลัฟเพราะ มุสลิมเกิดมาพร้อมกับความเชื่อว่ามีอัลเลาะห์ แต่ตอบให้ใครฟังแล้วก็โดนค้าน แต่ มุอัลลัฟเกิดมาพร้อมกับความเชื่อว่าไม่มีอัลเลาะห์ แต่พยายามหาคำตอบว่าทำไมถึงมี การไม่แยกกลุ่มใดๆ มันทำให้เราหาสัจธรรมในชีวิตได้ง่ายกว่ามั๊ยเนาะ แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 02:01:02

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณตัวแสบ.. การเรียนรู้ถ้าไม่มีการถามหรือสงสัยแล้วปัญญาจะไม่เกิดการใช้งาน และจะ ไม่เข้าใจการเรียนรู้สิ่งใดที่มีเหตุผลเลย Dualism - Individuals at this level are concrete thinkers who believe things are right/wrong, we/they, good/bad. บุคคลที่อยู่ในระดับนี้-ขาดการอรุ่มอร่วย ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจารึกอยู่บนแผ่นหิน มี แต่ ผิดกับถูก, เรา/เขา, ดีและเลว เท่านั้น  ความรู้ที่เขาได้รับ จะต้องเป็นความจริงเสมอ, จะยึดเชื่อในความรู้นั้นถ้า มีหลักฐานที่เชื่อถือได้เท่านั้น, และการแก้ไข ปัญหาต่างๆ จะมีวิธีเดียวโดยเฉพาะแต่ละปัญหาเท่านั้น บุคคลประเภทนี้เมื่อได้รับการอธิบายทางวิชาการมาแล้วจะมีความยากลำบาในการ ตอยคำถามจากการใช้ความคิดจากสมองของตนเอง จะเกิดอารมณ์หงุดหงิด, ไม่อาจจะให้ข้อสรุปที่มีเหตุผล หรือแสดงความคิดเห้นจากสมองสติปัญญาของตนเองได้, ไม่มีผู้ใดจะให้เหตุผลและคำอธิบายที่ถูกต้องแก่เขาได้นอกจาก ครูบาอาจารย์ที่เขาได้รับความรู้มาเท่านั้น  เมื่อเราคุยกับคนประเภทนี้ เราต้องมีความอดทน เพราะคนประเภทนี้จะหยาบคายต่อคู่สนทนาได้ง่าย เนื่องจาก การ Development ทางวุฒิปัญญา ยังไม่เจริญพอที่จะใช้เหตุผลที่เป็นของตนเองได้ ต้องอาศัยการตัดสินใจของผู้ที่ตนคิดว่าเป็น ปราชญ์สำหรับเขาเท่านั้น  ถ้าคู่สนทนาเข้าใจถึงระดับ  Intellectual Maturity ของบุคคลในระดับนี้ ก็จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับ ระดับที่สูงกว่า เพื่อที่จะ รักษาการสนทนาต่อไปได้ และความหยาบคายของเขาก็จะลดน้อยลง แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 02:28:54 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 02:26:04

ความคิดเห็นที่ 11 อัซซาลามุอาลัยกุมครับ คุณอาแมท ยังไม่นอนอีกหรอครับ เผอฺญ คุณพ่อผม ตืนมาเข้าห้องน้ำ  นี่กำลังรอท่านอยู่เลยแวบมาดูเห็นคุณอา แมท พอดี ระดับสติปัญญา นอกจากบ่งบอกถึงวุฒิภาวะแล้ว ยังบ่งบอกถึงความเจริญทางด้านจิตใจด้วยว่า อยู่ในระดับ บัว ประเภทใด จากบัวสี่เหล่า สำหรับตัวผมเอง ผมมีระดับความอดทนที่สูงมากกว่าคนปกติดทั่วไป ใครมายั่วผมไม่เคยโกรธ แต่ต้องสั่งสอนในฐานะ ผู้ใหญ่ที่พึงสอนสั่งให้กับเยาวชนที่หย่อนการอบรม เยาวชนไทยขาดการอบรม ในสิ่งที่ถูกที่ควรอีกมาก ขาดการแยกแยะ ดีชั่ว เหตุผล มีแต่คำว่าอัตตา ท่านพุทธทาส จึงได้เน้นย้ำนักหนากับ คำว่า อนัตตา พอผู้ใหญ่สอนสั่งด้วย ความสุภาพ แทนที่จะนิ่งฟังกลับลามเป็นขี้กลาก ผมเองในฐานะที่ผู้ใหญ่กว่าผ่านโลกมามาก ถ้าไม่บอกกล่าว เด็กพวกนี้ มันก็คง แว้นๆๆๆ  สร้างความรำคาญ ให้กับชาวบ้าน และไม่รู้ว่าสิ่งใดควรทำมิควรทำ หากปล่อยทิ้งไว้รังแต่สร้างปัญหาต่อสังคมประเทศชาติ "สังคมจะอยู่ได้ ถ้าผู้ใหญ่สั่งสอนเด้ก เด็กเชื่อฟังผู้ใหญ่ รู้จักระบบอาวุโส" สังคมญี่ปุ่น เค้าเเจริญได้เร็วกว่าไทย เพราะเค้าสอนและเน้นย้ำคำว่าอาวุโส ต่อให้เด็กฐานะดีกว่าผู้ใหญ่ปานใด ยังคงต้องก้มหัว ไฮ้ๆๆๆๆ  ให้กับผู้ใหญ่เสมอ มิตะแบงข้าง เหมือนบิดา มารดามิได้สั่งสอนนะครับ ลูกหลาน นั้นคือกระจกเงา ของ ปู่ย่าตายาย ถ้าลูกหลานมีสันดาน แว้นๆๆๆๆ  ก็บ่งบอกว่า ปู่ย่าตายาย ชอบแว้น ป่วน กวนเมืองและสังคม ให้หายนะ บุตรหลานประเภทนี้มีมากเท่าใด สังคม Lost Ship มากเท่านั้นนะครับ และถ้าสังคมใด มีผู้ใหญ่ที่บอกว่าธุระไม่ใช่ ก็ Lost Ship เช่นกัน ครับ ขออัลเลาะห์โปรดบันดาลให้ คุณอามีร่างกายสุขภาพแข็งแรง เพื่อมาบอกกล่าวสอนสั่ง คนรุ่นหลานอย่างผมนะครับ ด้วยความเคารพครับคุณอา จิม แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 03:21:09 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 03:20:42

ความคิดเห็นที่ 12 ในกระทู้นี่ผมขออนุญาต คุณ อาขอบคุณท่าน itour sab ที่แนะนำ อาจารย์กอเดร มัสยิดนูรุ้ลอิสลาม ที่เปิดสอนมูอัลลัฟ ในวันอาทิตย์ เผอิญ วันอาทิตย์ผม ไม่ค่อยว่าเท่าใด เพราะว่าผมก็เปิดอบรม ฟรี สำหรับมูอัลลัฟเช่นกัน การอบรมมูอัลลัฟ ของผมนั้นแตกต่างจากที่อื่น ผมจะเน้นย้ำห้องเรียนแบบล้อมวงสนทนากัน เน้านย้ำหลักวิชา เตาฮีด คือหลักการศรัทธา กับ วิชาตาเซาวูฟ คือหลักการจริยธรรม อิสลาม ไม่เน้นย้ำและสอนสั่งในหลักฟิกเกาะห์  หรือกฎหมายอิสลาม เพราะผมถือว่า ถ้าตราบใดนักเรียนในห้องเรียน ถ้าไม่เข้าใจในคุณลักษณะขององค์พระผู้เป็นเจ้า และไม่เชื่อในการมีอยู่จริงขององค์อัลเลาะห์ (ซบ ) ก็เปล่าประโยชน์ในการสอนสั่งถึงหลักกฎหมายอิสลาม อุปมาดั่งเช่น ถ้าบุตร นั้นไม่มีความศรัทธาต่อ บิดามารดร ตนเองแล้วไซร้ ก้จะมิมีวันเชื่อฟังคำสั่งสอน ของบิดามารดร การที่จะทำให้คนนั้นเชื่อถือเรา ต้องมีหลักการดั่งนี้คือ -Trust -Belive -Hnour -Respect นี่คือหลัก ทฤษฏี และหลักปฎิบัติ ของผมที่ผมสร้างขึ้นมาเอง และผมก้ศรัทธา ในหลักการของผมครับ คนเราถ้าไม่ศรัทธา ต่อตนเอง ใยผู้อื่นจะศรัทธาในตัวเรา เกิดมาเป็นคน มีให้เลือกสองทางคือ ***ต้นไม้ใหญ่ กับ นกกา*** ถ้าคุณดำเนินชีวิตเช่นต้นไม้ใหญ่ นกกาก็จะบินมาเกาะคุณ ทุกอย่างรอบตัวคุณจะโน้มมาหา คุณ และถ้าวันใดคุณเป็นนกกา คุณก็จะดำเนินชีวิตที่ไร้จุดยืนและคุณค่าแห่งชีวิต จะต้องไขว่าคว้า ไปตลอดทั้งชีวิต ด้วยความนับถือครับ พี่จิม แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 03:43:13 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 03:42:03

ความคิดเห็นที่ 13 การเชื่อฟังผู้ให้ความรู้ที่เราไม่เคยเรียนรู้หรือมีประสบการณ์มาก่อน: สำหรับคุณจิมนั้นมีความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมืองทางใต้และ ศาสนาอิสลามในประเทศไทยดี เท่าที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมา มีตรงกับ ที่ผมทราบอยู่หลายเรื่อง  และถ้าผู้ใดว่าคุณโกหก แล้วเขาควรหา สิ่ง ที่ ยืนยันว่า เรื่องที่คุณเล่าเป็นเรื่องโกหกตามหลักฐาน ต่อไปนี้ A-Z, เนื่องจาก ผมไม่ต้องการที่จะยุ่งกับเรื่องการเมือง และเรื่องที่ Sensitive กับ ความศรัทธาอื่น ผมจึงไม่ร่วมสนทนาด้วย   ความจริงส่วนตัวผมแล้วมีความสัมพันธฺ์ กับ พุทธศาสนิกกชน และ การ เสวนาเกี่ยวกับทางพุทธศาสนา กับ อิสลาม มาตั้งแต่ผมเด็กๆ เนื่อง จากว่า เจ้าอาวาสที่วัดข้างบ้าน สนิทกับครอบครัวผมมาก และท่านชอบ คุยเรื่อง ศาสนากับคุณพ่อของผมมากที่ดียว แต่ไม่เคยเห็นเขา เถียงกันหน้าดำหน้า แดงเช่นในที่นี้ อาจจะเป็นทั้งสองเขามีความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพราะว่า. "Intellectual Maturity" ของท่านทั้งสอง อยู่ในระดับที่สูงตาม อายุ คือ คือคนทั้งสองคุยกันแบบที่เรียกว่า "ไม่มีคำว่าน้ำเต็มแก้ว" "I learn and I integrate new knowledge with what I already know." สมาชิกหนุ่มสาวในที่นี้มีความรู้ในระดับสูงทางวิชาชีพเป็นส่วนมากเท่าที่ผม คุ้นเคย การอธิบายอะไรจะต้องใช้เหตุผล มากกว่า การเลี่ยงคำตอบ คุณจะ เข้าใจได้ทันทีว่า ใครที่มีความรู้และประสบการณ์ ในแต่ละเรื่อง เห็นได้จาก การเขียนและ การอธิบาย ถ้าผู้ใด อธิบายในรูปลักษณะ Dualism นี้ แทบจะ เดา อายุและระดับความรู้ได้ ซึ่งเป็นลักษณะของบุคคลประเภทนี้ โมโหและ ฉุนเฉียวง่าย Dualism - Individuals at this level are concrete thinkers who believe things are right/wrong, we/they, good/bad. สิ่งที่คุณจิมกล่าวคือ การเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่ใช่เพราะว่าเขามีอายุมากกว่าเรา หรือ มีความรู้มากกว่าเรา แต่เชื่อฟังตามมารยาท และ ประสบการณ์ที่ เราไม่เคยมี มา ซึ่งการจะทำได้ เราจะต้องอยู่ในระดับ Commitment  ซึ่งมีความเข้าใจว่า ความรู้นั้นเกิดขึ้นจากประสบการณ์ ซึ่งเรียนจากความรู้ของผู้อื่น แล้วนำมาครุ่น คิด ตามตรรกะ แล้วเอาความรู้นั้นมารวมเข้ากับความรู้เก่าที่เขามีอยู่แล้ว  จะต้องเข้าใจได้ว่าปัญหาต่างๆนั้นแต่ละปัญหามีวิธีการแก้ได้มากกว่า 1 วิธี บาง วิธีอาจจะดีกว่าหรือเลวกว่ากันดังนั้น เราจะต้องแก้ไขด้วย ตามบรรทัดฐาน ที่  เราเชื่อมั่นและด้วยการวิเคราะห์จากสติปัญญาของเราเอง  ผมจำได้เมื่อผมเรียนอยู่ปีสอง มีชายอายุมากทีเดียว แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ไม่ ผูกไทท์ เสิ้อเชิตธรรมดา ยกมือไหว้ผม แล้วถามอย่างสุภาพว่า ท่านอาจารย์..... อยู่ หี่ หอ้งทำงานห้องไหน?  ชายผู้นั้น คือ ศาสตาจารย์ ผู้หนั่ง จากจุฬาฯ  ณจุดนั้น ผมเรียนจากประสบการณ์ การมีมารยาทที่ดีนั้น ไม่ได้ถูกปิดกั้นด้วย อายุ,ความรู้ และหน้าที่การงาน      ซึ่งประสบการณ์อันนี้ นำมาสอนเด็ก ในปัจจุบัน เขาอาจจะ ไม่เข้าใจ เนื่องจาก  เขาอยู่ในฐานะที่มี Pesonal Value  ผู้น้อยจะต้อง ไหว้ผู้มีอายุมากกว่าเสมอ เขา  จึง Expect ว่า ถ้าใครเด็กกว่าเขาจะ ต้องยกมือไหว้เขาก่อน       ผมถึงว่า Intellectual Maturity นั้นสำคัญมากในการที่เราจะเข้าใจคู่สนทนา  และดำเนินการสนทนาด้วยกัน อย่างต่อเนื่องโดยไม่มี อารมณ์ ของคู่สนทนามา  ขัด ขวาง แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 05:09:44 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 05:05:56 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 05:05:03

ความคิดเห็นที่ 14 ด้วยประโยคของคุณอา " ความจริงส่วนตัวผมแล้วมีความสัมพันธฺ์ กับ พุทธศาสนิกกชน และ การ เสวนาเกี่ยวกับทางพุทธศาสนา กับ อิสลาม มาตั้งแต่ผมเด็กๆ เนื่อง จากว่า เจ้าอาวาสที่วัดข้างบ้าน สนิทกับครอบครัวผมมาก และท่านชอบ คุยเรื่อง ศาสนากับคุณพ่อของผมมากที่ดียว แต่ไม่เคยเห็นเขา เถียงกันหน้าดำหน้า แดงเช่นในที่นี้ อาจจะเป็นทั้งสองเขามีความเคารพซึ่งกันและกัน" ตรงนี้แหละที่เป็นประสบการณ์ในชีวิต ที่เด็กรุ่นใหม่ควรทราบ ที่บ้านผม มาจากครอบครัวที่ผสมผสาน พุทธ อิสลาม กัน ดังนั้นในเครืองญาติ ก็จะมีทั้งพระสงฆ์ และโตะอีหม่าม โตะครู เวลาเค้าสนทนาธรรมกัน ก็ไม่เห้นหน้าดำหน้าแดง ผมเองเด็กกว่า ก็สนทนาธรรม กับหลวงตาหลายรูป ต่างคนต่างก็ให้เกียตริซึ่งกันและกัน คำที่จะออกจากปากนอกจากพยักหน้า หงึกๆคือ  อืม  ครับ ผมเองสอนสั่งบรรดา ศิษย์ว่า อาจารย์ก็ยกมือไหว้ ศิษย์ได้ ผู้ใหญ่ ก้ยกมือไหว้เด็กได้ อิสลาม ของเรามีคำสอนบอกว่า "ถ้าไม่รู้ให้จงไปถามผู้ที่รู้" "ผู้ที่ยกมือให้สลามก่อน นั่นคือผู้ที่มีเกียตริสูงกว่า" ด้วยประโยคดั่งกล่าวนั่นหมายถึง การยกมือไหว้ ก่อนนั้นมิได้จำกัดที่อายุ หรือการศึกษาใดๆ โดยมีนัยสำคัญคือ "การหยิบยื่นไม่ตรีให้ผู้อื่นก่อนนั้น เป็นสิ่งที่มุสลิม พึงกระทำ " และมีนัยยะที่สำคัญคือ "การเริ่มก่อนในทางสร้างสันต์นั้น เป็นสิ่งที่มุสลิมพึงกระทำ" มิได้แบ่งแยกว่าต้องเป็นศาสนาเดียวกัน หรือไม่ ด้วยความเคารพครับคุณอา แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 08:20:17 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 05:56:38

ความคิดเห็นที่ 15 การที่ผมไม่แนะนำให้มีการแยกห้องในห้องศาสนาเนื่องจากว่า การแยกห้องมี โทษมากกว่า การให้คุณประโยชน์ ในด้านสังคมของประเทศไทยเรา ประเทศ ไทยเราไม่ควรจะแบ่งแยก  ชนกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ โดยเอา ความศรัทธาของ ประชาชนเป็นหลัก  ในแต่ละประเทศชาติที่ เจริญแล้ว เขาไม่ทำกัน โดยเฉพาำะ อย่างยิ่ง ในเรื่องความศรัทธา ในขณะที่ ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง และคนไทยอีกหลายคน ที่ตำหนิความไม่ให้ สิทธิเสรีภาพต่อประชาชน โดยการ แบ่งแยก  Majority  และ Minoeirty ใน ความศรัทธา ของประเทศในภาคตะวันออกกลาง,ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดคนกลุ่มน้อย ขึ้น  โดยเฉพาะการแบ่งแยกเรื่องความศรัทธาถือว่า เป็นข้อผิดพลาดอย่างร้าย แรง ของผู้ศรัทธาในทุกๆศาสนา เนื่องจาก ทุกๆศาสนาสอนว่ามนุษย์ชาติมีสิทธิ ในความเป็นมนุษย์เท่ากัน การเริ่มแบ่งแยกห้องศาสนา ออกเป็นกลุ่มย่อยนี้ เป็นการเริ่ม ปลูกฝังทัศนคติที่ ไม่ดีแก่ ยุวชนของชาติ ในสังคม สมมุติเล็กๆ ในห้องศาสนาในพันทิปนี้ ด้วยเหตุ ผลในการหาความสดวกในการค้นหาข้อมูล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น  เช่นเดียว กับ ประเทศอเมริกา และประเทศ อาฟริกาใต้ ในสมัยก่อนที่ มีการแบ่งผิว ซึ่ง เป็นสื่งที่ศาสนาทุกๆศาสนาห้าม ในการกระทำเช่นนั้น  เพราะเป็นสาเหตุในการ สร้าง ทัศนคติ ในการดูถูกเหยียดหยามชนกลุ่มน้อย ซึ่งจะเป็นจุดกำเนิด จุดบอด ของสังคมไทย อีกครังหนึ่ง ซึ่งเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อไม่นานมานี้ การบาดหมางในเวบพันทิปในเรื่องศาสนา อิสลาม กับพุทธศาสนาในเวบนี้ ผมไม่ อยากจะกล่าวว่าเป็นความผิดของฝ่ายใด  แต่เมื่อมีการทะเลาะกัน ถือว่าเป็นความ ผิดทั้งสองฝ่ายที่ ขาดความอดทน ตามหลักการของความศรัทธาของตน โดยเฉพาะ ฝ่ายมุสลิม ที่ "อัลกุรอานบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าสนทนาเรื่องศาสนากับผู้ต่าง ศรัทธา ให้ใช้วาจาที่สุภาพ และถ้าเขารุนแรงมา ให้ตอบด้วย มารยาทและวาจา ที่ดีกว่า และสอน ให้หลีกเลี่ยงความเขลา หรือต่อสู้ความเขลา ด้วยความรู้ที่ดีกว่า  แต่ไม่มี มุสลิม ในที่นี้ทำตามคำสอนใน "อัลกุรอาน"  เรื่องราวถึงรุนแรงขึ้น แม้กระนั้นก็ตาม "คุณจิมและมุสลิมอีกหลายท่าน"  ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้สนทนา ใน กระทู้ ต่างๆเหล่านั้น ได้กลับมาใช้ หลักการสอนของอิสลามอีกครั้ง โดยตั้งกระทู้ ขอ อภัยและขอให้มีการยกโทษซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นที่ชื่นชมของ พุทธสมาชิก เป็นจำนวน มาก ที่สนับสนุนเพื่อให้เกิด ความสามัตคคี ในห้องศาสนานี้เช่นเดิม  เราไม่ควรมีการแบ่งแยกกันในสังคมสมมุติ ที่พันทิปสร้าง ขึ้นมาเพิ่อ ช่วยให้ ยุวชน ชาวไทยซึ่งเป็น Majority ในเรื่องความศรัทธาอยู่แล้วได้  Develop Intellectual Maturity ให้ทันกับอายุจริง หรือ ล้ำหน้าอายุจริง, ซึ่งจะช่วยให้สังคมไทย เจริญยิ่ง ขึ้นในด้าน คุณธรรม และ Civilization ทัดเทียมกับสังคมทีเจริญแล้ว ในด้านพัฒนา ทั้งทางคุณธรรมและเทคโนโลยี  อย่าให้ความไม่เหมือนกันในด้านความศรัทธาของเราทำลายความยุติธรรม  และคุณธรรม ที่มีอยู่ในจิตที่บริสุทธิ์ของสมาชิกทุกๆท่านในห้องศาสนานี้ เราไม่ควรมีส่วน ในการ Facilitate ให้สังคมเกิด ชนกลุ่มน้อยขึ้น,มันจะนำเรา  กลับ ไปซ้ำประวัติศาสตร์ ไทยในอดีตอีก เนื่องจากชนกลุ่มน้อย พยายามที่จะ  แยกตัวออกจาก การอยู่ใต้ ความไม่เสมอภาคของชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งจะไปสู่ปัญหา  ที่เป็นสาเหตุในการโต้เถียงในสังคมสมมุตินี้อย่างไม่มีทางหมดสิ้น แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 09:09:23 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 09:00:14 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 08:56:10 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 08:51:33

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีค่ะ ขอร่วมสนทนาด้วยนะคะ ท่านแมทท์ ว่าจะอยู่เงียบๆ แล้วคงลดการเข้ามาสนทนาในนี้.. ท้อ เห็นกระทู้ท่าน หนูอดไม่ได้ .. อ่อนใจ มันคงเป็นอดีตกระมังนะคะ ทั้งความสัมพันธ์อันดี ..  ทั้งบาดหมาง.. กระทบกระทั่ง.. เด่ววันคืนผ่านไป เวลา คงช่วยเยียวยาอะไรๆ ที่มันเลวร้ายได้ ก็ขอให้กำลังใจ กับความพยายามทุกท่านที่ ร่วมกันดึง สันติ สมานฉันท์ กลับคืนมาล่ะค่ะ   ความผิด หากเพ่งโทษคนอื่น มันก็ร้อนรุ่ม.. หนูเอง ก็ร้อนในใจเองไม่น้อย หนูชื่นชมคุณในความเป็นผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้ใหญ่ มี maturity และอดทนสูงมาก ประโยคสุดท้าย จบได้กินใจดีค่ะ .. น่าคิดตาม "Intellectual Maturity นั้นสำคัญมากในการที่เราจะเข้าใจคู่สนทนา และดำเนินการสนทนาด้วยกัน อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มี อารมณ์ ของคู่สนทนามา ขัด ขวาง" เห็นด้วยกับตรงนี้ เสริมนิดว่า.. มันยาก ที่จะควบคุมไม่ให้เกิดอารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะด้านดี หรือ ลบ กับสิ่งที่มากระทบ แต่สิ่งสำคัญ มองว่า หากเป็นด้านลบ ควบคุม feedback ต่อสิ่งนั้นอย่างไร คนบางคน มีเส้นกั้นที่ไม่เหมือนกัน ระดับความอดทน พื้นฐานที่แตกต่างกัน ฉะนั้น ก็คงต้องอาศัย ความเข้าใจ การให้อภัย การยอมรับ อย่างมากๆ ให้อดีต ที่มันผ่านแล้ว ผ่านเลยไป ไม่ต้องนึกซ้ำๆ ทำให้ช้ำน้ำใจกัน หวังว่า มิตรภาพระหว่าง ศาสนา ยังคงยั่งยืนในใจ แด่มิตรร่วมโลกทุกท่านล่ะค่ะ :) . จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:45:51

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบคุณอาแมทท์ มากเลยค่ะ ๕๕๕ อาย อาย. จากคุณ : โอยสะลา. (โอยสะลา) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:49:24

ความคิดเห็นที่ 18 ประเทศไทย ถ้าแบ่งแยก 3 จังหวัด ภาคใต้ ให้ไป เป็นรัฐอิสระ มีประโยชน์ อย่างไร ...ก็มีประโยชน์ ทำนองนั้น..นั่นแหละครับ.... จากคุณ : นิ่งหนอ (นิ่งหนอ) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:28:32

ความคิดเห็นที่ 19 ก็ควรแบ่งแยกเลย ของใครของมัน ศาสนาใครศาสนามัน แต่เมื่อแบ่งห้องแล้วต้องมีข้อแม้ว่า " ห้ามลามเข้าไปรบกวนศาสนาอื่นอีก ศาสนาใครก็ศาสนามัน "  *** ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ท่าน WM !!!...*** จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:47:52

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 18 ไปให้ใครละครับ...ประเทศของเราๆก็ต้องรัก  ไม่ใช่ขนมนี่ครับ บรรพบุรุษไทยเสียเลือดเนื้อรวบรวมสร้างขึ้นมาเป็น สยาม แล้ว เราลูกหลานก็ต้องร่วมใจกัน รักและหวงแหนไว้  ถ้าเราไม่รวมใจ กันรักแผ่นดินไทยแล้ว เราจะตกเป็นเครื่องมือ ของศัตรูของ ประ เทศได้  รักเมืองไทย   ชูชาติไทย  ทำนุบำรุงให้รุ่งเรือง สมเป็นเมืองของไทย  ไทยรักไทย   เกิดเป็นไทย  ตายเพื่อไทย (ซ้ำ)  ไม่เคยอ่อนน้อม  เราไม่ยอมแพ้ใคร...........(ฮัม)  พอกล่าวถึงเอาเมืองเราไปให้เขา...เลือดรักชาติมันเดิอด ปุดๆ  เลยครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 11:47:35 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:50:10

ความคิดเห็นที่ 21 พี่จิม.... ที่นั่นเค้าแบ่งเป็นตอนเช้าสอนกิตาบสำหรับรุ่นเก๋าๆ กับสิบโมงไปก็ของมุอัลลัฟ ที่สอนที่นั่นเพราะเคยเป็นอิม่ามเก่าที่นั่น แล้วก็สอนหมดแหละครับ แต่ก็เน้นๆแนวพี่จิม เพราะท่านมาสายอิม่ามการีมอีกที จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:52:55

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 19 ลืมเรื่องการแบ่งแยกไปเลยครับ มานั่งคุยกับผมดีกว่า ศาสนาและความศรัทธาเป็นของขวัญจากท่านศาสดา ของทุกๆศาสนา สำหรับมวลมนุษย์ชาติครับ ถ้าทาง อิสลามก็เป็นของขวัญจากพระเจ้า ซึ่ง มุสลิมหน้าไหน ก็ตาม ไม่อาจจะเคลม หรือ อ้างว่า "อิสลาม" เป็นของ มุสลิมเท่านั้น  ผมก็ยึดหลักศีล 5 ปฏิบัติอยู่ทุกๆวัน ได้เรียนรู้คำสอน ที่ดีๆ จาก ศาสนาพุทธก็มาก  สิ่งที่สำคัญที่ พระพุทธองค์ สอนที่ผมนำมาปฏิบัติเสมอ ก็คือ ความเมตตา กรุณา การพยายามสร้างมิตรภาพ ถึงแม้ว่า เขาจะเกลียดเราก็ตาม คนเลวมีโอกาสกลับตัว เป็นคนดีได้ ถ้าเราแสดงการปฏิบัติ ธรรมที่ดี เป็นตัวอย่างให้เขาเห็น  อย่ามีใจพยาบาท จองเวร จองกรรมกัน  การตัดสินคนอื่นว่า เลวหรือเป็นคนชั่ว ก่อน การใช้เหตุผล และทำความเข้าใจกับเขาก่อน ไม่ใช่หลัก ธรรมที่ดี  ผมว่าพระพุทธองค์ท่านคงไม่ทรงสอนให้พุทธสมาชิก กั้นตัวเอง ให้พ้นจากมารหรอกครับ  ถ้ามิฉนั้น พระพุทธองค์ จะไม่เสียเวลา สอนให้ องค์คุลีมาล เป็นพระอรหันต์ได้  จริงไหมครับ? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:06:46

ความคิดเห็นที่ 23 กาลามสูตรสมัย     หมู่บ้านหนึ่งนามว่า  กาลามะ เกิดภาวะวุ่นวายหลายสถาน ขาดผู้นำ ผู้น้อยพลอยรังควาน อลหม่านมากมายทุกมุมเมือง    เฮที่ไหน  เฮด้วย ช่วยเฮนั่น ที่เงียบงันโง่งงก็งมเรื่อง ที่ยกหู ชูหาง ก็ย่างเยื้อง ตื่นข่าวลือ  ถือข่าวเลื่อง อยู่เนืองนันต์    จึงพระพุทธองค์ ทรงโปรดสัตว์ เทสนาดำรัส ตัดโมหันธ์ หลักความเชื่อสิบอย่างในทางธรรม์ คนทั้งนั้นนิ่งฟังโดยตั้งใจ หนึ่ง ฟังตามกันมาอย่าได้เชื่อ สองทำกันทุกเมื่อ เชื่อไม่ได้ สามตื่นข่าวป่าวมาอย่าเชื่อไป สี่อย่าไว้ใจแม้แต่ตำรา   ห้าอย่าเชื่อเพราะเดาเอาเองแล่น หกกะเกณฑ์คาดคะเนไว้ล่วงหน้า เจ็ดเพราะนึกตรึกตรองหรือตรวจตรา แปดเพราะว่าต้องตามธรรมเนียมตน    เก้าอย่าเชื่อเพราะเพื่อ ควรเชื่อเขา สิบครูเราแท้แท้มาแต่ต้น ก็ใช่จักเชื่อได้น้ำใจคน จงเชื่อผล เชื่อเหตุ สังเกตเทอญ. ที่มา: เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์ ................... หลักธรรมนี้ ผมเรียนมาก็เนื่องจาก คบค้าสมาคม กับพุทธศาสนิก ผู้ที่ไม่มีความตระหนี่เอาหลักธรรม ดีๆ มาสั่งสอน   และหลักธรรม คล้ายๆกันนี้ก็มีสอน อยู่ในศาสนาอิสลามเช่นเดียวกัน      คติธรรมที่ได้จากหลักธรรมโปรดสัตว์ นี้ก็คือ ..พระพุทธองค์ ทรงสอนให้มนุษย์ ใช้สติปัญญาและเหตุผล ก่อนที่จะเชื่อและ ปฏิบัติตามกัน เยี่ยงฝูงปศุสัตว์ โดยที่เชื่อตามกันไม่เป็นตัวของ ตนเอง  ข้อความในเนื้อหาของหัวข้อกระทู้นี้ ถ้าท่านพุทธศาสนิกเข้า ใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็คือหลักการ วิเคราะห์ เหตุและผลก่อน จะตัดสินใจในการทำกิจใดๆ ที่มีหลักธรรมทางพุทธศาสนา สอดแทรกอยู่  เกี่ยวกับเรื่อง ความเจริญทางสติปัญญาของ มนุษย์  ถ้าเราพิจารณาให้เข้าใจ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 11:35:40 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:34:09

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นว่าไม่จำเป็นต้องแยกห้อง เพราะถึงแม้จะคนละศาสนากัน ความเชื่อต่างกันก็อยู่ร่วมกันได้ การที่มีปัญหาขึ้นมานั้น จะว่าไปก็อยู่ที่สันดานของคนมากกว่า ซึ่งที่เห็นๆก็มีอยู่ไม่กี่คนที่เข้ามาทะเลาะกันได้(ในเรื่องที่ไม่มีวันมีผู้ชนะ)ทุกวัน  ขนาดศาสนาเดียวกันยังเห็นต่างกันเลย ก็เลยต้องให้แก๊งค์ขาใหญ่กับลิ่วล้อบริวารทั้งหญิงชายเค้าครองบอร์ดไป เพราะถ้าใครไปเห็นต่างก็จะถูกรุมโดยเริ่มจากเบาไปสู่หนัก หรือจัดหนักไปเลย ยังสงสัยว่าห้องศาสนาโดยเฉพาะคนมีความรู้เรื่องศาสนาสูงๆนี่ทำไมปากจัดขนาดนั้น ขี้โมโหขนาดนั้น  สรุปว่าอ่านเฉยๆสบายใจกว่า การรวมกันทำให้บางคนที่แม้ไม่นับถือศาสนานั้นได้มีโอกาสเข้าไปอ่านหาความรู้ในเรื่องที่สนใจได้ง่ายกว่า ส่วนคนที่อยากหาเรื่องอยู่ที่ไหนก็ตามไปได้หมดแหละครับ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 13:18:01

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็นว่าเป็นคนละเรื่อง แต่มีประเด็นร่วมกัน คนละเรื่องที่ว่าก็คือ ฝ่ายหนึ่งคิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นจริง(ซึ่งก็จริงสำหรับผู้ที่ติดตามความขัดแย้งดังกล่าวและลงไปคลุกฝุ่นมาบ้าง) แล้วก็ชี้ให้เห็นทางออกคือการแยกห้องทำให้เรากระทบกระทั่งลดลงได้ ฝ่ายหนึ่งคิดจากความปรารถนาอันดีที่อยากให้เป็นไป ว่าปัญหามาจากคน แล้วก็สรุปว่า ไม่ควรแยกห้องให้มันวุ่นวายและจำกัดสิทธิ ลิดรอนเสรีภาพทางความคิด แต่ทั้งหมดทั้งมวลมีประเด็นร่วมกันก็คือการแยกห้องหรือไม่ มากรองครับ เชิญว่ากันต่อครับ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:05:16

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นอีกครั้งที่ ผมไม่รู้สถานะตัวเอง ในกรณีนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับท่านSmiling-girl แต่ผมเข้าใจว่า แบ่งแยก > ง่าย ผสานกัน > ยากกว่า ขอย้อนความ... ประมาณ 8-9 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์แบ่งแยก คนในชาติขึ้น (นักวิชาเกินดีแต่พูด ,ภาคใต้ถิ่นมัน ภาคนี้ถิ่นกรู ,ใครเลือกเรา ได้ประโยชน์ก่อน) ผลพวงจากการแบ่งแยก"สำเร็จ" ครั้งนั้น ตกทอดมาเป็น เสื้อสีต่างๆ และการนองเลือดในหลายเหตุการณ์ ตัวอย่างด้านบน เกิดขึ้นจริง พร้อมโรคลืมง่ายแบบไทยๆเช่นเคย -------------- เนื่องจากในนี้เป็นห้องศาสนา ความละเอียดทางธรรม(ชาติ)ในทุกศาสนา ควรจะร่วมหัวกันต้านกระแสโลก รึเปล่า?? (ถ้าผมคิดผิด ขออภัย) ถ้า"จุดประสงค์"ของการก่อการร้าย คือ การแบ่งแยก แล้วทำลาย ที่กำลังจะแบ่ง เพราะรับอารมณ์อีกฝั่งไม่ได้ เข้าทางเขารึเปล่า? เดินเกมโดดเดี่ยวตัวเอง เข้าทางหนอนบ่อนไส้บางกลุ่มอยู่มั้ย? ในบางท่าน ก็เห็นอวดตัวว่าเป็นกำลังสำคัญ มีความรู้ความสามารถสูงส่ง ทำไม ไม่เลือกทำสิ่งที่ยากกว่า "ผสาน" ?? เลือกทำสิ่งที่ง่าย "แ่บ่งแยก" แล้วจะอวดตัว เพื่อ?? อย่างกระทู้ท่านแมทท์ จุดประสงค์เพื่อ "ผสาน" ด้วยเนื้อหา ถ้อยความ การควบคุมอารมณ์ ขอยอมรับว่า ท่านแมทท์ยังคงความน่านับถือ ไม่แปลกใจที่เพื่อนๆน้องๆ ชื่นชมมาโดยตลอด   ผมยังไม่อยากแตกประเด็นกรณีพุทธโดน อิสลามโดน ชี้ประเด็น หาหนทางจัดการ ลงรายละเอียดจะนอกประเด็นท่านแมทท์ไปอีก สมควรให้อยู่ในประเด็นครับ -------------- ก่อนไป สิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับท่านSmiling-girl ในมุมพุทธศาสนา การใช้วุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เหนือกว่า รับแรงปะทะจากอารมณ์รุนแรงอีกฝ่ายได้ จัดเป็นบารมีหนึ่ง มักใช้ในการแก้ปัญหา ในหลายๆกรณีได้ เช่น มหาตมะคานที , อองซาน (ท่านSmiling-girl นึกเองคงเยอะกว่าผม) ท่านแมทท์เจออยู่ รู้สึกอยู่ ไม่ใช่โลกสวยแบบไม่รู้สึกรู้สากระมังครับ เพียงแต่ ผมเข้าใจว่า การรับแรงปะทะ โดยไม่เสนอทางจัดการที่รวดเร็วเห็นผล มันไม่ทันใจวัยรุ่นทั้งหลาย จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:27:32

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 24 & ความคิดเห็นที่ 25 & ความคิดเห็นที่ 26 เพื่อนรักกันทั้ง 3 คนเลย คุณ Smiling-girl คุณก็ทราบความรู้สึกของผมในเรื่อง การหมิ่นหลักการเรื่องความศรัทธา ของกันและกันที่ผมไม่เห็นด้วยเลย และรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นห้องศาสนา เป็นเช่นนั้น  แต่การแก้ปัญหาโดยการหนีปัญหา อาจจะไม่จบสิ้น เราจะต้อง เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ และหาทางแก้ไขอย่างถาวร นั้นก็คือ การอธิบายหลักการ ในการเข้าใจความแตกต่างในคุณลักษณะของคู่สนทนาและยอมรับความจริง ในความประพฤติของเขา และเราหาทาง แสดงตัวอย่างที่ดีในการสนทนาต่อเขา และตอบโต้ในทางวิชาการเท่านั้น โดยไม่มีการตอบโต้เป็นเรื่องส่วนตัว วันนี้ไม่ยิ้มมาเลยนะครับ,  ผมเคยชินแล้วครับกับการโดนด่า แต่ไม่ใช่ผมคน เดียวเท่านั้น ผมไม่เคยโกรธใครครับถ้าเขาเป็นมิตรมาผมก็เป็นมิตรตอบ เอาเื่รื่องเสวนา มาเป็นข้อขุ่นเคืองไม่ได้  หนูอมยิ้มจะต่อว่าอย่างไรก็ได้ครับ ผมยอมรับ ความคิดเห็นของคุณ เสมอ พียงแต่ไม่ตรงกันในเรื่องนีเท่านั้น ซึ่งวิธีการของผมอาจจะต้องใช้เวลา นานหน่อย กว่าทุกๆท่านจะเข้าใจ เรื่อง การเข้าใจถึง Intellectual Maturity ของแต่ละบุคคลได้  ผมคุยกับเพื่อนๆ ในห้องนี้ผมไม่เห็นว่าตัวผม มีความแตกต่างไปจากสมาชิกทุกๆท่านในที่นี้ เลย ถ้าคุณหนูอมยิ้มอยากจะแยกห้อง ผมไม่ได้ ต่อต้านอะไรมาก  นอกจากชี้ ประโยชน์ให้เห็นในการรวมกันเท่านั้น...ครับ ขอให้มิตรภาพเหมือนเดิมนะครับ  ถ้าแยกห้องแล้ว ขอเข้าไปเรียนหาความรู้ด้วย ได้ไหม? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:49:04

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 27   ผมเห็นด้วยครับ วัยรุ่น หรือคนแก่ บางท่านก็ใจร้อนเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ และทั้งน้น การปรองดองกันเป็นการดีที่สุด  ผมได้แสดงความเห็นและ เหตุผลไปมากแล้ว  มันเป็นแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ครับ ถ้าชอบกันก็ลอง ทำความเข้าใจดู ถ้าไม่ชอบก็อย่าใส่ใจเลย คุณคิดว่าอย่างไร? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 14:55:51

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ เรื่องภายในศาสนาท่านครับ บางคนในศาสนาท่าน ไม่ชอบให้คนนอกไปยุ่ง ไปลงความเห็นก็ใช่ว่าเขาจะชอบ ผมเพียงช่วยเพิ่มรายละเอียด ในประเด็นเดิมของท่านแมทท์ครับ* ผมว่าท่านแมทท์วินิจฉัย เหมาะควรแล้ว ------------ แก้ความหมายคลาดเคลื่อน แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 55 22:28:03 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 15:03:34

ความคิดเห็นที่ 31 ท่าน Itursab อีหม่ามการีม นี่ การีม วันแอเลาะห์หรือป่าวครับ ถ้าใช่นะเฮเลยเชว............เพราะผมพ่อยกของผม หรือโตะหยังผมคือ อีหม่าม ซาฟีอี วันแอเลาะ ผมเองก้เรียนหลักสุตรเร่งรัด รุ่นที่ 1 ของอาจารย์การีมวันแอเลาะ ประมาณปี 2524 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 15:36:48

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาเห็นด้วยกับคุณแมทท์ครับ ในฝากเพื่อนสมาชิกที่นับถือศาสนาอิสลาม มีหลายคนที่พูดคุยด้วยเหตุผล และยืนหยัดในสิ่งนี้จนวินาทีสุดท้าย อุปนิสัยเช่นนี้ ต้องออกมาจากข้างในจริงๆ ไม่สามารถเสแสร้งได้ คุณแมทท์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พูดคุยด้วยเหตุผลมาตลอด โลกสวย คือสิ่งที่จะได้รับ สำหรับผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลาง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เวรย่อมไม่ระงับด้วยการผูกเวรตอบไม่ว่ากาลไหนๆ แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เรื่องนี้ทำได้ยาก เห็นผลช้า จึงไม่ค่อยมีคนทำ และคนที่ทำมักจะถูกกระแหนะว่า โลกสวย อยากให้ประเทศไทยทั้งหมดหรือคนทั้งโลกเป็นอิสลาม ผมก็เห็นคำประกาศนั้น ตอนแรกที่เห็นก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณยิ้ม แต่เมื่อมาพิจารณาแล้ว จึงรู้ว่า คำพูดนี้ไม่สามารถเป็นไปได้เลย และที่จริงแล้ว เราก็รู้สึกเช่นเดียวกันคืออยากให้ทุกคนนับถือศาสนาพุทธ เพราะเราเชื่อว่า ศาสนาของเราดีที่สุดนั่นเอง ต่างตรงเราไม่พูดออกมา ด้วยคำสอนของพุทธศาสนาไม่ชอบให้โอ้อวดจนเกินงาม แม้อิสลามเองเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็เชื่อว่า มีคนไม่สบายใจเช่นกัน เมื่อรู้ว่า คำพูดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้และเราเองก็คิดเช่นนั้นด้วยความเชื่อว่าของเราดี จึงไม่ควรถือสาและหาสาเหตุมาแยกแต่อย่างใด เพราะเราก็เป็นเช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ในตอนนี้ที่ยังไม่แยกกลุ่ม ความคิดที่แตกต่าง ขีดเส้นห่างขวางกั้นคน ความคิดคนวกวน แต่มั่นใจตนถูกทาง... เห็นด้วยกับคุณแมทท์ครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 15:59:09 จากคุณ : tiger18 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 15:56:56

ความคิดเห็นที่ 33 -31 ไม่ใช่นะครับ อ.การีม ทางยุทยา แต่กรุงเทพในกำแพงเมืองสมัยก่อนมันไม่กว้างหรอก แยกกันอยู่มั๊ยก็แยก. ใช้ชีวิตร่วมกันอยู่มั๊ยก็ใช้ ลูบหน้าไปก็ปะจมูกหมดแหงม แง่บๆ ปล. ไปเจอเพลงนี้มา http://www.youtube.com/watch?v=LMFhI0mPX5g&feature=youtube_gdata_player ผมว่าพี่ไว้เปิดให้พวกนั้นฟังก็ ฮาดี แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 19:18:47

ความคิดเห็นที่ 34 อาจารย์การีมทางยุทยา น่าจะเป้นการีม หลังปูเตะ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:32:57

ความคิดเห็นที่ 35 ง่่า...ขอโทษท่านอื่นที่เบี่ยงประเด็นสนทนานะครับ พี่จิมครับ รู้สึกจะไม่ใช่นามสกุลนี้อะ ฟังดูไทยๆกว่านี้อะครับ เพราะครูอิสลามรุ่นก่อนๆก็มักมาจากอยุทยา และจำได้ว่า เหตุที่ นูรู้ลอิสลามต้องมีวงเล็บต่อท้ายว่า บางกระบือ ท่าอิฐ ฯลฯ ก็เพราะคนกลุ่มพวกท่านซึ่ง ในจำนวนลอทแรกที่ครู... (ไม่ใช่อิม่ามการีมนะ) สร้าง ครูกอเดส ก็เป้นคนเดียวที่เป็นคนกรุงเทพ และเด็กที่สุดที่ถึงส่งไปเป็นอิม่าม และมุสลิมรุ่นกู้ชาติ ก็มักมีสกุลไทยๆ เช่น บุนนาก ศรีเจริญ เกิดอยู่ บุญมาเลิศ นภากรณ์ ฯลฯ รึขำๆปนๆกันหน่อยก็ อิ่มราเฮม ไรงิอะครับ ไว้ผมไปสอบทานแล้วจะหลังไมค์ไปเรียนให้ทราบครับ. .. แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 03:03:26

ความคิดเห็นที่ 36 คำประกาศว่า " อยากให้ประเทศไทยทั้งหมดหรือคนทั้งโลกเป็นอิสลาม " ผมเป็นคริสเตียนครับ ทางศาสนาคริสต์เราก็มีเป้าหมายอย่างนั้นเช่นเดียวกัน เพราะว่าความเชื่อของเรา ผู้ที่จะได้ัรับความรอด มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือยอมรับว่าพระเจ้ามีจริง และเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นบุตรของพระเจ้า มาไถ่บาปให้กับมนุษย์ทุกคน แม้ว่าจะปฏิพฤติปฏิบัติตัวเป็นคนดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีความเชื่อนี้แล้ว ก็จะไม่ได้รับความรอดได้ไปยังแผ่นดินสวรรค์ ความรักของชาวคริสต์ คืออยากให้เพื่อนมนุษย์ทุกคนได้รับความรอด ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด หรือเป็นคนดีเลวแค่ไหน ขั้นแรกคือขอให้เชื่อและวางใจก่อน แล้วพระเจ้าจะทรงอวยพรในชีวิตของท่าน ดังนั้น ถ้าเข้าใจในวัตถุประสงค์นี้แล้ว จากการอ่านประโยคที่อาจจะฟังดูรุนแรงสำหรับคนทั่วไป มันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในทันทีครับ ^_^ จากคุณ : Tailogy เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:29:41

ความคิดเห็นที่ 38 บางไอดี ก็อยากตั้งตน เป็นผู้ใหญ่สอนเด็ก เป็นอาจารย์สอนศิษย์ แต่จากพฤติกรรม มันก็เป็นได้แค่    แม่ปู สอน ลูกปู    เท่านั้น เด็กเอ๋ย เด็กน้อย จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:08:09