ความคิดเห็นที่ 1 ตัวอย่างความไม่สุภาพของคุณ.. ความสุขใจที่คุณได้รับจากการสนทนากับคู้สนทนาที่ตอบโต้กับคุณ ซึ่งการตอบด้วย Analogy เช่นนี้ คุณต้องการให้คุ่สนทนา ตอบคุณ ในลักษณะ เช่นนี้หรือรุนแรงกว่า ........ ความคิดเห็นที่ 34     จะหาแบบแมนๆ จริงๆ แบบคุณเดอะลิง คงหาแทบไม่มีเลย ส่วนใหญ่เจอลิ้นสองแฉกทั้งนั้น สั้นบ้างยาวบ้าง   ตัวผู้อ่อนๆ ก็สายพันธุ์เดียวกัน ดูลิ้นก็ยังไม่ยาวมากนัก  แต่แสดงพฤติกรรมเลียนแบบบ่อยๆ ตัวผู้แก่ๆ นี่ลิ้นสองแฉกยิ่่งยาวๆ ยาวมาก น้ำลายเยอะด้วย   เพราะประสบการณ์ในชีวิตโชกโชน ก็ไม่เคยโกรธใครเขา รักทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเพศเมีย ตัวผู้บางตัวสีเขียวๆน่ะ มีเขี้ยวยาวด้วย เพราะอยู่มานาน เล่ห์เหลี่ยมเยอะ ตัวนี้มันดุ เลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ ตัวผู้พวกนี้ บางทีก็กัดกันเองบ้าง ก็มี แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 21:17:52 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 21:16:44 จากคุณ : ซามูไรหมูตอน     เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:15:12     ...... คุณ "ซามูไรหมูตอน"  กรุณาพิจารณาความสุภาพในการใช้การเขียนของคุณ ในขณะที่คุณกำลังสนทนากับผมอยู่    ไม่มีผู้ศรัทธาในศาสนาหนึ่งศาสนาใดในห้องศาสนานี้จะเห็นด้วยกับคุณและสนับสนุน ความคิดเห็นของคุณเช่นนี้  เช่นเดียวกับผมที่มีความละอายและขายหน้าต่อผู้ศรัทธาอื่น  เมื่อมี คนเลวๆในความศรัทธาเดียวกับผม ไปทำชั่วช้า ไล่ฆ่าชีวิตคน และ หิ้วระเบิดไปทำลายทรัพย์สิน ของผู้อื่น ทั่วทุกๆมุมโลก    ผู้ที่มีความศรัทธาในห้องศาสนานี้ ที่รู้จักเป็นส่วนตัวและหน้ากระทู้ เขาอาจจะ เกิดความละอายใจในมารยาทและความประพฤติของคุณแต่ด้วยความสุภาพเขาเหล่านั้น ไม่อาจจะแสดงออกต่อคุณได้  อย่างแน่นอนในการสนทนา ในลักษณะนี้ เป็นสาเหตุให้เกิดการหยาบคายต่อกัน ทั้งคุณและคู่สนทนา  ซึ่งผมก็ละอายใจเช่นกันถ้าผู้นั้นมีศรัทธาร่วมกับผมและใช้การเขียนในลักษณะเช่นเดียวกับคุณ คือ ไม่สุภาพทั้งคู่   ด้วยเหตุนี้ผมจึงแยกมาตั้งกระทู้ คุยกับคุณเป็นส่วนตัว  แต่คุณต้องให้อภัยในการสะกด คำสูงๆในภาษาไทย ที่ผมอาจจะหลงลืมไปบ้างเนื่องจากไม่ค่อยใช้บ่อย โดยเฉพาะราชาศัพท์ หรือ บาลี ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 06:41:03 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 05:05:55

ความคิดเห็นที่ 2 ทกศาสนาดีทั้งนั้นครับ  ไม่งั้นไม่อยู่มาเป็นพันๆปี   และจะคงอยู่ตลอดไป     ขอเป็นกลจให้ศาสนิกชนทุกๆศาสนาครับ จากคุณ : niwatpuniw เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 05:17:21

ความคิดเห็นที่ 3 เรียน คุณซามูไรหมูตอน ขออนุญาตยกมาจากที่ตอบไปแล้วใน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y1192207/Y11922072.html#38 สิ่งที่คุณกำลังกระทำอยู่ตอนนี้ ไม่เป็นผลดีทั้งสำหรับชาวพุทธ และชาวมุสลิม รวมทั้งประเทศชาติเลยค่ะ การเมือง และ ศาสนา เกี่ยวพันกันก็จริง แต่ควรแยกแยะว่าศาสนาไม่ใช่ผู้ก่อเหตุทางการเมือง และกลุ่มที่ใช้วิธีการก่อการร้ายโดยอ้างอิสลามอย่างสุดโต่ง ล้วนแต่มีเหตุปัจจัยทางการเมืองเฉพาะกลุ่ม โดยไม่ได้รับความสนับสนุนจากมุสลิมทั่วไปทั้งสิ้น al-Qaeda, Hezbolla, LTTE, Hamas ก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่จะเสนอต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่ได้ศึกษามาเองจากหนังสือ ข่าว ข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ 1) ปัญหาการแบ่งแยกดินแดน มีมานานแล้ว โดยแรกเริ่มเป็นปัญหาทางการเมืองนำโดยผู้นำนครรัฐปัตตานี ที่มาถูกปกครองโดยสยามโดยสงครามทั้งๆ ที่มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา ศาสนา ของตนเอง 2) ปัญหาความไม่สงบเพิ่มพูนขึ้นจากความไม่เข้าใจของเจ้าหน้าที่ ที่โดยเจตนาหรือไม่เจตนา ทำให้ชาวมาเลย์มุสลิมจำนวนมากต้องถูกคร่าชีวิต หลายครั้งหลายครา ตั้งแต่สมัยเผด็จการทหาร จนมาถึงคราวมัสยิดกรือเซะห์ และตากใบ 3) ด้วยความห่างไกลจากศูนย์กลางปกครอง และด้วยเป็นเขตชายแดนที่มีความไม่สงบ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด เป็นบ้านเมืองที่กฎหมายเข้าไม่ถึง และประชาชนไม่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ ที่อาจจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่รู้เห็น 4) กลุ่มก่อการร้ายในอดีตหลายกลุ่มเคยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายในต่างประเทศ เช่น จากอิหร่าน มาเลเซีย ปากีสถาน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จึง ง่าย มากที่กลุ่มไม่ประสงค์ดีใด ด้วยเจตนาใดก็ตามจะใช้ประโยชน์จาก ความแตกต่างทางศาสนาเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ความระหวาดระแวง และความแตกแยกระหว่างศาสนานี่แหละ จะเป็นเชื้อไฟอย่างดี ที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ กระทำการอุกอาจได้ต่อไป ณ ปัจจุบัน มีชาวไทยมุสลิมจำนวนมากอาศัยอยู่ทั่วประเทศไทย ที่ภาคใต้นอกจากนี้ก็ ในจังหวัด พัทลุง สตูล สงขลา ที่ก็ยังอยู่อย่างสันติร่วมกับชาวพุทธ ซึ่งเหล่านี้ส่วนมากเดิมเป็นชาวสยามที่นับถืออิสลาม และพูดภาษาไทยไมใช่ชาวมาเลย์ ตัวเลขในตอนนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวมุสลิมมีจำนวนมากกว่าผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวพุทธ การกล่าวหา เหมารวม ดูจะไม่ยุติธรรมกับเพื่อนต่างศาสนาเลยค่ะ ด้วยความปรารถนาดี จากคุณ : หัวหอมกะซาวครีม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 05:32:50

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 2 คุณ niwatpuniw       ผมเห็นด้วยกับคุณครับ และเชื่อว่าศาสดาของทุกๆศาสนาต้องเป็นคนดี  มิฉนั้นหลักธรรมต่างๆ จะไม่เหมือนกันหรือคล้ายๆกัน และมีบรรทัดฐาน  ที่สำคัญเหมือนกัน เช่นหลักปฏิบัติ 5 ประการ หรือศีล 5        ความแตกต่างอยู่ที่ ความศรัทธาและการปฏิบัติ ตามบัญญัติในศาสนานั้นๆ  ผู้ศรัทธาไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่นหลักธรรมของศาสนาหนึ่งศาสนาใดเลย การกระทบ  กระทั่งหรือเปรียบเทียบศาสนาไม่ควรกระทำอย่างยิ่งตามมารยาทสังคม,นอก  จากในด้านวิชาการจริงๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความศรัทธา แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 06:03:12 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 05:42:07

ความคิดเห็นที่ 5 พี่จิม  ......ขอร้องพี่น้องมุสลิม ของเราทุกท่าน เวที นี้ ขออนุญาตให้   คุณอาแมท....ได้สอนหลานๆ เยาวชน ของไทยที่หลงผิด นะครับ เวทีนี้...ท่าน อาแมท กำลังให้บทเรียนราคาแพง ในชีวิตที่หาไม่ได้ในตำราเรียน กับคน..คนนี้ ถ้าหลายคนมาถกประเด้นมันจะถูกเคลื่อนย้ายตามสายน้ำ ซึ่งจะเข้าทางในการหาทางออก ทางหนี ของคนที่  เข้าใจผิดใน อัลอิสลาม เวที นี้  ผมขอยก ให้คุณ อาแมท ได้บรรเลงตามสตรีม เลยครับ ...ผมกดโหวต เพื่อให้เป็นกระทู้แนะนำ ผมขอเชิญชวนพี่น้องมุสลิมทุกท่าน และ เพื่อนต่างศาสนิกด้วยครับ.... ผมมิได้เจตนาจะฉีกหน้าใคร แบบที่เค้ากระทำ แต่เป็นการจงใจ ว่าความรู้ทางด้านจิตวิทยา ในการรายงานของคุณอาแมท คือกระจกเงาบานใหญ่ ทีส่องกระทู้จิตวิทยา ก่อหน้านี้ ว่าตัวคนที่นำเสนอรายงานจิตวิทยา นั้นเป้นเช่นไร ตัวผมเองไม่ได้เคยนึกโกรธ นายคนนี้ แต่อย่างใด ในสิงที่แล้วมาที่เค้ากล่าวเอ่ยอ้างถึง ผมกลับรู้สึกสงสาร และขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า ของผม ให้เปิดใจเปิดสมองกับบุคคล คนนี้ ผมยึดถือประโยคนึงมาตลอดชีวิตนี้ว่า                            " ศัตรูที่ร้ายกาจ คือครูที่ดีสำหรับผม" แต่ในประเด็นนี้ ผมไม่เคยถือว่า คน คนนี้มิใช่ศัตรู ของผม เลยมิอาจเป็นครูที่ดี สำหรับผมได้เลย แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 09:18:32 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:10:10

ความคิดเห็นที่ 7 อยากรู้ว่า ทักษะ และวฺุฒิภาวะ ที่คุณแมทท์ีมีนี้ ได้รับความรู้เหล่านี้มาจากที่ไหนครับ ขอชื่นชมๆ เป็นครั้งที่ 100 : ) จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:35:50

ความคิดเห็นที่ 8 น้องยิ้ม  จะให้ อาแมท ไปสอน คุณ แครอท ก็เหมือนให้น้องยิ้ม มากล่าวเตือน นาย คนนี้แหละครับ คิดได้แต่ Impossible เหมือน การคิดว่า อยากให้ประเทศนั้น ประเทศนี้ เป็นศานนาของตนเอง หรือเป้นทั้งโลกได้ยิ่งดี ทุกศาสนาก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้แหละ...... แต่คิดแล้ว  possible หรือป่าว  นั้นแหละ คนเราทุกคนเกิดมาในโลกนี้ ล้วน มีความคิด เข้าข้างตนเองทุกคน แต่คิดได้ ทำได้ อย่างที่เราคิดหรือไม่ โลกของความเป็นจริง มิใช่โลกของความฝัน คนละเรื่องกันนะครับ พี่จิม.........แนะนำว่าอย่าผูกใจเจ็บ ถ้าเพื่อนๆ ในนี้หยุด ที่จะ ล้ำเส้นกัน  ทุกเรื่องก้จะจบเงียบเป็น สายน้ำ เพือ่นพุทธ 4-5 ล้อคอิน  ผมก็อ่านใจ เค้าออกว่า " เค้าไม่ต้องการให้ทุกประเด็นเกี่ยวกับอิสลามเงียบ "  เกรงว่าจะเงียบเหมือนกับสายน้ำ"  ผ่านมาก็ผ่านไป ต้องการให้เป็นข่าว เขย่าขวดตลอดเวลา แต่หารู้ไม่นี่คือความเขลา  อย่างที่สุด การขยันกันเขย่าขวด  ไม่ว่า จะ +   หรือ - นั่นคือการช่วยทำ แอดเวอร์ไทซิ่ง  โดยอัตโนมัติให้ศาสนาอิสลามตลอดเวลา การรับรู้ของคนในการรับแอด มีสองมุม  เค้าคิดตามคนสื่อสาร ในขณะเดียวก็คิดสงสาร คนถูกกระทำด้วยเช่นเดียวกัน เป็นสองมุม แต่ผลลัพท์ เดียวกัน การขยันมากล่าวร้ายอิสลาม  นั้น นอกจากไม่ได้ผลดีกับตนเอง กลับทาง 360 องศาส กลับการเป็นผลดีต่อศาสนาอิสลามด้วยเช่นเดียวกัน ปล  การบอก และขอร้อง น้องมุสลิมนี้ให้ยกเวที ให้คุณอาแมท  นั่นคือการบอกใบ้ให้ทุกคนทุกศาสนา ถอยหลังมารับฟังข้อคิดดี ของชายอาวุโสท่านนี้ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน มองคุณอาแมท เฉกเช่น ผู้ใหย่ที่สอนบุตรหลาน นะครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 09:44:02 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:38:51

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 7 คุณหน้ากาก ธรรมะ ขอบคุณครับ       มันเป็นความรู้ธรรมดาที่ผมเรียนจากในเวบพันทิปห้องศาสนาที่ผมเรียน นี่แหละครับ  ในพระพุทธศาสนามี จิตวิทยาอยู่เป็นกระบุงเลยครับ  เมื่อสมัย ผมอ่านหนังสือของเดล คาเนกี้  ในเรื่อง จิตวิทยาในการบริหารธุรกิจ การปก ครองคน  ผมอ่านไปก็นึกถึง หลักพรหมวิหารสี่ ซึ่งผมมีความรู้ในทางพระพุทธ ศาสนาน้อยมาก,  เอ..นี่มันลอกมาจากคำสอนในศาสนาพุทธนี่  ผมก็เริ่มเปรียบ เทียบบทต่อบท  มีหลักการทางศาสนาพุทธอยู่เกือบ 80% ซึ่งเป็นหลักเบื้อง ต้นทั้งนั้น อย่างเรื่อง "กาลามสูตรสมัย" ข้างล่างนี้ เราเอาไปเขียนขายได้เป็น เล่มเลยละครับ และสามารถจะใช้ประยุกต์ในการ อ้างอิงต่างๆ ในกระทู้นี้ก็ได้   นี่คือประโยชน์ที่ได้รับจากการอยู่ร่วมกันในห้องศาสนานี้ .... กาลามสูตรสมัย    หมู่บ้านหนึ่งนามว่า  กาลามะ เกิดภาวะวุ่นวายหลายสถาน ขาดผู้นำ ผู้น้อยพลอยรังควาน อลหม่านมากมายทุกมุมเมือง   เฮที่ไหน  เฮด้วย ช่วยเฮนั่น ที่เงียบงันโง่งงก็งมเรื่อง ที่ยกหู ชูหาง ก็ย่างเยื้อง ตื่นข่าวลือ  ถือข่าวเลื่อง อยู่เนืองนันต์   จึงพระพุทธองค์ ทรงโปรดสัตว์ เทสนาดำรัส ตัดโมหันธ์ หลักความเชื่อสิบอย่างในทางธรรม์ คนทั้งนั้นนิ่งฟังโดยตั้งใจ หนึ่ง ฟังตามกันมาอย่าได้เชื่อ สองทำกันทุกเมื่อ เชื่อไม่ได้ สามตื่นข่าวป่าวมาอย่าเชื่อไป สี่อย่าไว้ใจแม้แต่ตำรา  ห้าอย่าเชื่อเพราะเดาเอาเองแล่น หกกะเกณฑ์คาดคะเนไว้ล่วงหน้า เจ็ดเพราะนึกตรึกตรองหรือตรวจตรา แปดเพราะว่าต้องตามธรรมเนียมตน   เก้าอย่าเชื่อเพราะเพื่อ ควรเชื่อเขา สิบครูเราแท้แท้มาแต่ต้น ก็ใช่จักเชื่อได้น้ำใจคน จงเชื่อผล เชื่อเหตุ สังเกตเทอญ. ที่มา: เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์ ...................    ที่ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องทางการเจริญเติบโตของอายุสมอง กับอายุตามธรรมชาติ  ในกระทู้นี้ก็เป็นหลักการของพุทธศาสนา  ในเรื่อง สติปัญาเปรียบเทียบกับการเจริญ  เติบโตของดอกบัว  ที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาครับ  เมื่อรวมกับ ความรู้ด้านอาชีพผม  มันก็ออกมาในรูปนี้  คุณจะเห็นว่าผมไม่ได้เอาความรู้นี้มาจากที่ลึกลับอะไรที่ไหนเลย  มีให้เรียนอยู่ในห้องศาสนานี้ เป็นตันๆเลย,  คุณหน้ากาก ธรรมะ ก็มีส่วนสอนผมด้วย    จากการอ่านที่คุณเขียน แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 10:29:05 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:26:46

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 11 น่ารักมากเช่นเคยครับ ขอบคุณนะคุณหนู จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:43:21

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีค่ะ นั่งประมวล ทบทวน ลองใคร่ครวญ ตามเหตุการณ์ .. ขออนุญาตหยิบยก บทความมาจาก 2 แหล่ง ที่อาจจะเกี่ยวข้อง และแม้จะมีเนื้อหาของพระคัมภีร์ อันแตกต่างตามศรัทธา อยู่บ้าง - - - - - - - ก็ลองพิจารณากันดูนะคะ อาจเป็นบทความเก่าที่มีการฉายซ้ำหรือวิพากษ์กันมาแล้ว.. แต่เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น (เหตุระเบิด).. แล้วบทความเช่นนี้ สามารถพบเจอได้ในหลายแหล่ง ก็เปรียบดัง ดาบหลายคม ที่ลับให้คม ก็เอามาเชือดเฉือนฟาดฟัน อนึ่ง ก็ขอออกตัวก่อน ว่า "ข้าพเจ้า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อจงเกลียด จงชัง หรือแบ่งแยก" "มั่นใจในระดับหนึ่งว่า ศาสนามีจุดประสงค์หลักเช่นไร" เพราะ การลงความเห็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็จะโดนถล่มด้วยวาจาอีกไม่น้อย..   ข้าพเจ้าพอเดาได้ว่า หากลงความเห็นแล้ว จะโดนกระหน่ำอะไรไปอีก แต่ข้าพเจ้าคงไม่ได้ตามกระทู้เท่าไหร่นัก ขอแสดงเจตจำนงชัดเจนว่า "ไม่ได้ต้องการสร้างรอยร้าว ไม่ได้อยากแบ่งแยก ไม่ได้อยากยุยง" - - - - - - - ถึงท่านแมทท์ และท่านซามูไรหมูตอน และผู้รักสันติภาพในใจ ทุกท่าน.. หนูคิดว่า มันมีเหตุผล กลไก ที่มา ที่ไป ทำให้พอเข้าใจได้ว่า อะไร เป็นอย่างไร ขออภัย และขอเลี่ยงการแสดงความเห็นต่อ "ตัวบุคคล" ท่านใด ในลักษณะใด ล่ะค่ะ :) - - - - - - - เหตุการณ์ความไม่สงบ.. ความเจ็บช้ำ ย่ำยี ที่ล้ำเลยกันมา เจ็บปวดกัน สร้างรอยแผลแก่ทุกท่าน ขอให้มันผ่านพ้นไป ดั่งเหมันต์ ล่ะค่ะ :) . จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:50:58

ความคิดเห็นที่ 14 ความเห็นนี้ หยิบยกจากบทความ มีที่มา อ้างอิง "กรุณาอ่านให้ครบ ก่อนจะโจมตีแบบมั่วๆ เช่นที่ข้าพเจ้าเคยโดน มุสลิมบางท่านกล่าวหา" บทความ แนวคิดอิสลามที่แท้จริง กำลังระบาดในไทยและทั่วโลก กลุ่มนักศึกษาอดีตมุสลิม (ex-Muslims, apostates) ตอนนี้กระแสของอิสลามหัวรุนแรงกำลังแพร่ขยายไปอย่างรุนแรง เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและของโลก คนที่เคยไปเรียนที่มาเลเซีย หรือโลกมุสลิมจะรู้ดี (บางคนก็เข้าร่วมหรือเป็นแนวร่วมด้วย) เป้าหมายของ อิสลามที่แท้จริง(อิสลามวาฮาบิ) คือการทำให้โลกปกครองด้วย หลักการอิสลามบริสุทธิ์ หรือกฎหมายอิสลาม ประเทศไทยก็โดนลูกหลงไปด้วย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา พี่น้องมุสลิมในประเทศไทยมักส่งลูกหลานไปเรียน ในโลกมุสลิมมากกว่าแต่ก่อน ทำให้บางส่วนถูกล้างสมอง และรับแนวคิดอิสลามที่แท้จริงเข้ามา ซึ่งคนเหล่านี้จะรับแนวคิดรุนแรงนี้ไม่เท่ากัน บางคนกลับมายังมีความรักชาติอยู่บ้าง แต่มีบางคนกลายเป็นอิสลามที่มีแนวคิดสุดโต่งไปเลย และคอยบ่อนทำลายประเทศไทยอยู่ กลุ่มนักศึกษาอดีตมุสลิม เป็นกลุ่มนักเรียนและนักศึกษามุสลิมที่อยู่ในกรุงเทพ หรือเข้ามาศึกษาต่อ นักศึกษามุสลิมบางคนมีความสงสัยในศาสนาอิสลาม คัมภีร์อัลกุรอาน ฮาดิษ และศาสดาโมฮัมหมัด(ผู้นำสารจากพระอัลเลาะห์) และมีความเห็นว่าศาสนา อิสลามที่แท้จริง เป็นศาสนาที่ใช้ความรุนแรง และไม่ใช่ศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน แต่เป็นศาสนาที่เกิดจากมนุษย์ บางคนได้ตัดสินใจออกจากศาสนาอิสลาม และหันไปนับถือศาสนาอื่นๆ เช่นพุทธและคริสต์ แต่ผู้ที่ออกจากศาสนาอิสลาม หรือหมดศรัทธานี้ ไม่สามารถเปิดเผยตัวแก่สาธารณชนได้ เพราะจะทำให้เกิดอันตราย เนื่องจากผู้ที่ออกจากอิสลามแล้ว ตามหลักอิสลามต้องโดนลงโทษถึงตาย ในต่างประเทศมีผู้ที่ออกจากอิสลามแล้วโดนมุสลิมหัวรุนแรงทำร้ายถึงชีวิตก็มี กลุ่มนักศึกษาอดีตมุสลิม หลายคนถึงจะศึกษาอัลกุรอานและฮาดิษมาไม่มาก เท่าผู้ที่ศึกษาด้านอิสลามมาโดยตรง แต่ก็มีความรู้ในเรื่องศาสนาอิสลาม และรู้ถึงคำสอนอิสลามหลายข้อที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติต่างๆ และเป็นสาเหตุของความวุ่นวายในบางส่วนของโลกนี้ เช่นในภาคใต้ของไทย ซึ่งในสมัยก่อนชาวมุสลิมและคนต่างศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะคนมุสลิมที่นั่น ส่วนใหญ่ไม่ใช่มุสลิมที่ปฎิบัติตามหลักคำสอนที่แท้จริง แต่เป็นมุสลิมที่มีความเชื่อผสมกันทั้งความเชื่อทั้ง พุทธ ฮินดู และอิสลามปนกัน แต่ต่อมา มีผู้ฟื้นฟูและนำหลักอิสลามที่แท้จริงเข้ามาและถูกเรียกว่านิกาย "วาฮาบิ" ซึ่งมีความคิดที่จะตั้งรัฐอิสลามปกครองด้วยกฎหมายอิสลาม ด้วยการเผยแพร่หลักการศาสนาอิสลามที่แท้จริง ปฏิบัติตามหลักอิสลามที่แท้จริง มีการตั้งโรงเรียนสอนศาสนา หรือปรับเปลี่ยนโรงเรียนที่มีอยู่แล้วเพื่อใช้ล้างสมองเยาวชนในบริเวณนั้น ซึ่งจะสังเกตุได้ง่ายว่า มักจะมีการสอนให้เกลียดชังอย่างออกนอกหน้า ทั้งเกลียดคนต่างศาสนา เกลียดรัฐบาลไทย เกลียดพระสงฆ์ "สาเหตุของปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มาจากการตีความ หลักศาสนาอิสลาม ที่บิดเบือนหรือสุดโต่ง" แต่มาจากการปฏิบัติตามหลักศาสนาที่แท้จริง ถึงแม้มุสลิมสายกลางจะพยายามตีความอัลกุรอานและฮาดิษให้เกิดสันติภาพ แต่จริงๆแล้วอัลกุรอาน และฮาดิษ เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ต้องอาศัยครูสอนศาสนาแต่อย่างใด ศาสนาอิสลามครอบคลุมทุกเรื่องในชีวิตของมุสลิม รวมถึงเรื่องการเมืองและกฎหมายด้วย ทำให้เป็นอันตรายแก่ความมั่นคงของประเทศไทยอย่างมาก การที่จะแก้ปัญหานี้ต้องแก้ที่สาเหตุของปัญหา ซึ่งก็คือหลักศาสนาอิสลาม แต่หลักศาสนาอิสลาม และอัลกุรอานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มุสลิมบางส่วนจึงต้องออกจากอิสลามไปนับถือศาสนาอื่นเพราะรู้ความจริงเหล่านี้ www.faithfreedom.org/Articles/quran_teaches.htm Index to some of the verses of Quran * Torment to Non-believers -> 4:56 * Only Islam Acceptable -> 3:85 * No friends from outsiders -> 3:118 * No friends with Jews, Christians -> 5:51 * No friends with non believers ->4:114 3:28 * No friends with parents/siblings if not believers -> 9:23 * Fight non-believers -> 9:123 * Kill non-believers -> 4:89 * Anti Jew verses -> 5:82 * God a "plotter", deceiver -> 8:30 * Killing Idolaters -> 9:05 * Idolaters are unclean just because they are idolater -> 9:28 * Forcing Christians and Jews to pay tax -> 9:29 * The Torment of Hell -> 44:43-58 * All except Muslims/Jews/Christians/Sabeans will go to hell -> 2:62 5:69 * Cast terror in the hearts, smite the neck and cut fingertips of unbelievers -> 8:12 * smite the neck of unbelievers ->47:4 * Severe Punishment for atheists -> 10:4 5:10 5:86 * Severe Punishment for non-believers -> 22:19-22 72:23 98:6 * Punishing non-believers of Hereafter -> 17:10 * Punishing for rejecting faith -> 3:91 * Non believers go to hell -> 4:140 7:36 * Partial Believers go to hell too -> 4:150-1 * Sadistic punishments -> 56:42-43 * Punishment for apostates -> 16:106 3:86-88 3:90 4:137 * Threat of punishment for not going to war -> 9:38-39 48:16 * God making someone more sinful so he can be punished more -> 3:178 * Intentionally preventing unbelievers from knowing the truth -> 6:25 6:110 * Intentionally preventing unbelievers from Understanding Quran -> 17:45-76 * It is God who causes people to err and He punishes them for that -> 17:97 * God could guide, if he chose to, but did not -> 6:35 * Intentionally misguiding those whom he pleases to ->14:4 * Willfully misguiding some -> 16:93 * God causes human to err -> 4:143 7:178 * God deceiving human -> 4:142 website ของ Ali Sina ชาวอิหร่านที่ลี้ภัยออกจากอิหร่าน ได้ศึกษาศาสนาอิสลามอย่างเข้าใจ และหนีออกจากศาสนาอิสลามในที่สุด มีบทความที่น่าสนใจของอดีตมุสลิมและคนที่ไม่ใช่มุสลิม บทความส่วนใหญ่ไม่ได้อ้างลอยๆ แต่มีการอ้างอิงจากซูเราะห์และอายะห์ต่างในอัลกุรอาน ผู้จัดตั้ง website นี้พยายามพิสูจน์ว่าอิสลามไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นศาสนาที่มนุษย์เขียนขึ้นโดยอ้างพระเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเพราะความบ้าคลั่งของศาสดา www.apostatesofislam.com website ของคนที่หนีจากอิสลามทั่วโลก www.moradokislam.org/modules.php?name=Forums&file=viewtopic &t=346&postdays=0 &postorder=asc&start=0 web อิสลามของไทย มีบทความที่แสดงออกถึงความเกลียดชังคนศาสนาอื่น และ webboard มีผู้ post ข้อความซึ่งแสดงถึงความเกลียดชังต่างๆ หรือ post ข้อความที่เป็นภัยแก่ความมั่นคงของชาติ เช่น เชิญชวนให้ทำจีฮัด ด้วยการฆ่าคนชีอะห์มุสลิม (แม้แต่มุสลิมต่างนิกายซึ่งเป็นนิกายที่บิดเบือนคำสอนก็สามารถฆ่าได้) www.muslimthai.com web อิสลามของไทย มีบทความและ webboard ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนศาสนาอื่น www.thaiislamic.com/quran1.asp web อิสลามของไทย มีอัลกุรอานแปลไทย ไม่ได้ post กระทู้นี้เพื่อสร้างความแตกแยกแต่ post เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับความจริงของศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมในไทยส่วนใหญ่เป็นผู้รักสันติ และไม่ใช่ อิสลามวาฮาบิ (อิสลามที่แท้จริง) ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่เคร่งครัดในบางเรื่อง จึงทำให้มุสลิมเป็นคนดีไม่ออกนอกลู่นอกทาง แต่มีมุสลิมบางส่วน ถูกล้างสมองให้ปฏิบัติตามหลักอิสลามที่แท้จริง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างมาก ถ้าปล่อยให้ครูสอนศาสนาเหล่านี้ เผยแพร่ตามแนวทางอิสลามที่แท้จริงต่อไป ตอนนี้ยังมีพี่น้องไทยพุทธซึ่งพยายามสมานฉันท์ แต่ยังไม่รู้ความจริง หรือยังไม่เคยศึกษาอัลกุรอาน ทำให้ไปสมานฉันท์กับมุสลิมวาฮาบิ(มุสลิมที่แท้จริง) แล้วมุสลิมพวกนี้ก็เหมือนกับมุสลิมในต่างประเทศ ซึ่งพยายามปล่อยข่าวลือต่างๆ ออกมาว่า America, CIA, Israel, Zionist เป็นผู้ใส่ร้ายโลกอิสลาม และอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆทั่วโลก โดยเอาเหตุการณ์ซึ่ง CIA ใช้วิธีสกปรกต่อสู้กับศัตรูมาอ้าง ทั้งๆ ที่ในหลายเหตุการณ์ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นฝีมือมุสลิมหัวรุนแรงจริงๆ จริงๆแล้วศาสนาอิสลามไม่ควรจะเรียกว่าศาสนาด้วยซ้ำ ปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงภาคใต้ของไทย ตอนนี้เกิดจากหลักการอิสลามเอง โดยมีพี่น้องมุสลิมเป็นเหยื่อของอิสลาม เพราะเกิดมาก็ต้องเป็นชาวมุสลิม โดยมีบรรพบุรุษที่เข้ารับอิสลามด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ หรือมีบางส่วนรับอิสลามด้วยความจำใจ หรือแม้แต่การบังคับ โดยทางตรงและทางอ้อม http://atcloud.com/stories/23745 . edit: cut the paragraph and websites :) แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 11:10:53 จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:53:38

ความคิดเห็นที่ 15 อีกบทความหนึ่ง.. "ไม่ได้กล่าวเอง.. โปรดเข้าใจ ก่อนใครจะโจมตี" }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{  }{ มุสลิมสุดโต่ง    การยึดมั่นในหลักการอิสลาม และอิสลามานุวัตร อ.อับดุลสุโก  ดินอะ คำว่ามุสลิมสุดโต่ง( Extremism )   การยึดมั่นในหลักการอิสลาม(Islamic Fundamentalism ) "อิสลามานุวัตร" (Islamization)  เริ่มมีใช้มากขึ้นในสื่อทั้งไทยและเทศ และแน่นอนปี 2550 หรือในอนาคต  อาจจะเป็นปีทองของคำเหล่านี้ก็เป็นได้ โดยเฉพาะ 2 คำแรกที่ผู้อ่านมีทัศนคติที่ไม่ดี   ดังนั้นการติดอาวุธให้กับผู้อ่านและนักวิจัยจึงเป็นเรื่องจำเป็น ความเป็นจริงความสุดโต่งมีอยู่ในตัวของศาสนิกทุกศาสนา (ไม่ใช่หลักคำสอน) ที่ไม่เข้าใจหลักคำสอน ศาสตราจารย์ ดร.อิรฟาน อับดุลฮาหมีด ฟัตาห์ อาจารย์ประจำวิชา ศาสนาเปรียบเทียบมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติมาเลเซีย ได้บรรยายให้ นิสิตปริญญาเอก(รวมทั้งผู้เขียนในปี 2548 ) วิชาศาสนาเปรียบเทียบว่า "แต่ละศาสนาจะมีศาสนิกอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้เป็นแนวคิดสุดโต่ง 2.ผู้ที่ละเลยต่อศาสนา 3.ผู้มีแนวคิดสายกลาง กลุ่มที่หนึ่งและสอง จะนำความเสื่อมเสียให้กับสังคมและเป็นภัยคุกคามต่อโลก ในขณะที่ผู้ที่มีแนวคิดสายกลางจะนำความผาสุกและสันติสุขต่อโลกนี้" ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มคนที่ละเลยต่อศาสนา(บางคน) ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ศาสนาได้ใช้ และละเว้นในสิ่งที่ศาสนาห้าม ส่วนมากกลับมีบทบาทมากในสังคม และสิ่งที่อันตรายที่สุด คือ เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ มีอำนาจในการตัดสินใจในนโยบายสาธารณะ และการออกกฎหมายของประเทศ กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในองค์กรของรัฐหรือองค์กรเอกชนที่ทำมาค้าขาย (ที่เกี่ยวกับปัจจัยยังชีพของประชาชน) แน่นอน กลุ่มคนเหล่านี้ จะไม่สนใจในธรรมมาภิบาล กลุ่มคนเหล่านี้จะเข้าหาศาสนาบ้างก็ในแง่พิธีกรรมเท่านั้น เช่น เมื่อขึ้นบ้านใหม่และตาย ก็จะเชิญผู้นำศาสนามาทำพิธีกรรม เป็นต้น แต่แนวทางการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กลับไม่นำศาสนามาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต สมัยศาสดามุฮัมมัด  เคยเตือนสาวกของท่านถึงพิษภัยของลัทธิคลั่งศาสนาไว้ว่า "พวกเจ้าจงระวังความคลั่งในศาสนา เพราะแท้จริงสิ่งที่ทำให้ชนรุ่นก่อน ต้องพินาศก็คือ ความคลั่งในศาสนานั่นเอง" เพราะฉะนั้นมุสลิมสุดโต่งจะมีเฉพาะบางคน บางกลุ่ม ที่ไม่เข้าใจหลักการ  เจตนารมณ์และเป้าหมายที่แท้จริงของศาสนา   และผู้มีใจเป็นธรรมก็ต้องยอมรับว่าศาสนิกของตนโดยเฉพาะมุสลิมมีกลุ่มเหล่านี้จริงๆ ในขณะคำว่า "ฟันดะเมนทะลิสม์" (Fundamentalism) โดยภาษาแล้ว หมายถึง การยึดติดอยู่กับหลักการสำคัญ หรือยึดติด อยู่กับคำสอนพื้นฐาน "ฟันดะเมนทะลิสม์" มีสองความหมายด้วยกัน ความหมายหนึ่งของคำว่า "อิสลามิก ฟันดะเมนทะลิสม์" ก็คือ การยึดมั่น ในหลักการที่ในภาษาอาหรับเรียกว่า "อิตติบะอ์" หรือการยึดมั่นทั้งในลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ ยุคปัจจุบันเป็นยุคของเสรีภาพทางศาสนา ถ้าใครบางคนกล่าวว่า เขายึดถือศาสนาของเขาตามตัวอักษร ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคัดค้าน เพราะเขาผู้นั้นปฏิบัติตามเสรีภาพทางศาสนา ในขณะความหมายที่สองของ "อิสลามิก ฟันดะเมนทะลิสม์" ถูกแปลในความหมายว่า หมายถึง การใช้กำลังบังคับคนอื่นให้นับถือศาสนาของตนเอง ดังนั้นผู้เขียนมีทรรศนะว่า "อิสลามิก ฟันดะเมนทะลิสม์ในความหมายที่สอง" จะขัดกับเจตนารมณ์และเหตุผลของอิสลามทันที แนวความคิดที่สอง ของคำว่า "อิสลามิก ฟันดะเมนทะลิสม์" นี้เอง ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่ยุคปัจจุบันเรียกกันว่า "ลัทธิสุดโต่ง" (Extremism) หรือลัทธิก่อการร้ายอิสลาม ทั้งๆที่ความจริงแล้วคำว่า "ลัทธิสุดโต่ง" หรือ "ลัทธิก่อการร้าย" นั้น เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัวของมันเอง ความเป็นจริงหลักคำสอนของอิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติ มันไม่ถูกต้องอย่างแน่นอนที่จะถือว่าอิสลามเป็นที่มาของคำว่าลัทธิก่อการร้าย หรือลัทธิสุดโต่ง ศาสดาแห่งอิสลามได้กล่าวว่า "ศาสนาที่ถูกประทานแก่ฉันเป็นศาสนาแห่งความกรุณาปรานีและใจกว้าง" ในคำภีร์กุรอานของอิสลามส่งเสริมผู้ถูกกดขี่ให้ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยตัวเอง และสั่งมุสลิมให้ช่วยเหลือคนที่ถูกกดขี่ และได้รับความเดือดร้อน ภายใต้เงื่อนไขของการญิฮาด  การก่อการร้ายมิใช่ การญิฮาด มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ฟะซาดในภาษาภาษาอาหรับ" (การก่อความเสียหายและความหายนะต่อสังคมโลก) ซึ่งขัดกับคำสอนของอิสลาม มีบางคนที่ใช้คำนี้อย่างผิดๆ ไปสนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแนวทางของตนเอง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาใช้สนับสนุนเพราะ อัลลอฮฺได้ดำรัสความว่า : "เมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘จงอย่าก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน’   พวกเขากล่าวว่า ‘เปล่า เราเพียงแต่ต้องการแก้ไขสิ่งต่างๆต่างหาก’ แท้จริง  พวกเขาคือผู้สร้างความเสียหาย แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่" (กุรอาน 2:11-12) อิสลาม ต้องการให้มนุษย์ทั้งหมด ทั้งมุสลิมและมิใช่มุสลิมสามารถอยู่ร่วมกัน อย่างยุติธรรมในความสันติ และความสมานฉันท์ อิสลามได้ให้แนวทางที่ครบถ้วนสมบูรณ์แก่มุสลิมเพื่อหาความสงบทั้งในชีวิตส่วนตัว และชีวิตทางสังคม และอิสลามใช้ให้มุสลิมมีมิตรไมตรีต่อผู้อื่น บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยเช่นกัน มีโองการอัลกุรอานมากมาย ที่กล่าวถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับต่างศาสนิก เช่น อัลลอฮ ได้ตรัสความว่า "อัลลอฮมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ไม่ได้ต่อต้านเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขาและให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮทรงรักผู้มีความยุติธรรม" (60:8) ที่ประชุมภายใต้วัตถุประสงค์พิเศษของผู้นำชาติมุสลิมที่นครมักกะฮ์   ประเทศซาอุดิอารเบีย  ตามคำร้องขอของ กษัตริย์อับดุลเลาะห์ บิน อับดุล อาซิส แห่งซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 7-8 ธันวาคม ปี 2548 ได้ประกาศ "ปฏิญญาเมกกะฮ์"   ยอมรับว่ามีมุสลิมหลายคนและหลายกลุ่มมีแนวคิดสุดโต่ง อีกคำหนึ่งคือกระแสอิสลามานุวัตร (Islamization current) เป็นกระแส หรือวาทกรรมทางปัญญาของปัญญาชนมุสลิมสมัยปัจจุบัน กระแสดังกล่าวเป็นการโต้เถียงกันอย่างมีเหตุผล ทั้งนี้โดยมีจุดประสงค์ต่าง ๆ อันหลากหลายตามความถนัดของนักวิชาการมุสลิมในหลายสาขาวิชา ท่ามกลางกระแสการ อิสลามานุวัตร นักวิชาการทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์อิสลามานุวัตร เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริง เกี่ยวกับอิสลามานุวัตร อย่างไรก็ดีความคลุมเครือในบัญญัติคำศัพท์ยังคงมีอยู่ ดังนั้นการจำกัดความหมายดังกล่าวจึงเป็นเรื่องจำเป็นเบื้องต้นในการทำความเข้าใจ "อิสลามานุวัตร" (Islamization) ถูกจำแนกว่าเป็นกระบวนการองค์รวม ของการกล่อมเกลาทางศาสนา  บ้างก็บอกว่าเป็นมรรควิธี (Method) ที่จะนำมาซึ่งสังคมใหม่ ที่อุทิศให้กับหลักคำสอนของอิสลามในทุกแง่มุม   ความจริงอิสลามานุวัตรเป็นประวัติศาสตร์ทางปัญญาของอิสลาม ซึ่งปัญญาชนมุสลิมในอดีตถึงปัจจุบันได้เพียรพยายามทำตามแบบอย่างท่านศาสดา กล่าวคือการกระทำใด ๆ ก็ตามให้สอดคล้องกับหลักการคำสอนของพระเจ้า ขณะที่ปัจจุบันอิสลามนุวัตรถือว่าเป็นกระบวนการการสังเคราะห์ (Synthesis) ที่นักวิชาการมุสลิมร่วมสมัยได้พยายามคิดค้นและแสวงหาทางออกให้กับสังคมมุสลิม ที่กำลังประสบวิกฤติการพัฒนาตามแบบฉบับของอิสลาม อิสลามานุวัตรจึงเป็นผลโดยตรงมาจากการสังเคราะห์แนวทางการพัฒนา เพื่อให้สอดประสานกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในสังคมสมัยใหม่ ซึ่งมีต้นแบบการพัฒนามาจากแนวทางการพัฒนาตามรูปแบบตะวันตก ที่เน้นแนวทางการพัฒนาเชิงประจักษ์ (Emperical) เชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific) หรือการเน้นแนวทางการพัฒนาแบบโลกียนิยม (Secularism) ซึ่งเป็นผลมาจาก กระบวนการการทำให้เป็นแบบวิถีโลก(Secularization) ที่ต้องการลดความสำคัญ และอิทธิพลของศาสนา ออกไปจากชีวิตความเป็นจริงในด้านหนึ่ง     (โปรดดู อิสลามศึกษา: อิสลามานุวัตร และ อิสลามานุวัตรองค์ความรู้   นิพนธ์ โซะเฮง : อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น จ.กาญจนบุรี) หวังว่าผู้อ่านน่าจะได้รับความรู้อีกแง่มุมหนึ่งจากศัพท์ของคำว่า:   มุสลิมสุดโต่ง (Extremism)     การยึดมั่นในหลักการอิสลาม (Islamic Fundamentalism )   "อิสลามานุวัตร" (Islamization) ซึ่งเป็นกระแสโลกที่ต้องทำความเข้าใจ http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=55&id=1282 . จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:55:14

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคุณแมทท์ศึกษาเรื่องจิตเพิ่มอีกนิดในพระพุทธศาสนา คุณแมทท์ก็จะไม่กล่าวแบบนี้กับคุณซามูไรหมูตอนเช่นกันครับ อนึ่ง  การเขียนแบบนี้ผมกลับมองว่าขาดพรหมวิหาร4น่ะครับ  โดยเฉพาะกับเพื่อนต่างศาสนายิ่งต้องมีความระมัดระวังมากกว่านี้  และในช่วงเวลานี้ด้วย ผมมองว่าคุณวิพากย์งานเขียนของคุณหมูตอนได้  (สื่อสารบนการกระทำของเขา)  แต่ไม่ควร judge based on personality  ว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้  มันก็เหมือนคนถูกแปะหน้าผากว่าเป็นคนแบบนั้นแบบนี้   ศาสนาพุทธไม่เคยสอนแบบนี้นะครับ ผมอยากให้คุณหาข้อมูลมาอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยที่เมืองนอก  เรื่องการเชื่ออย่างฝังหัว  มีผลต่อสมองอย่างไรนะครับ   ปล.  ที่ผ่านมาผมชื่นชมในการเขียนของคุณเช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 11:00:22 จากคุณ : Bitter Coffee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:57:53

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ Bitter Coffee ผมขออนุญาตถาม ผมมองไม่ออก ไอ้ คำว่า ลิ้นสองแฉก ฆ่าคนทุกวัน ตั้งกระทู้เหน็บแหนม บิดเบือนข่าวสาร ยุคนไทยให้แตกกัน เค้าเรียกเป็นงานเขียนเลยหรือครับ? ให้ภาษีสูงไปหรือเปล่า - -. :D จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:07:52

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ผมยังไม่อยากทำแบบคุณในกระทู้คุณแมทท์ ที่จะต้องยกคำกล่าวของใครบางคนที่ต้องการให้มุสลิมครองโลก  ครองประเทศไทยนะครับว่าก้าวร้าวขนาดไหน ประเด็นที่จะบอกคือ  วิพากย์บนการสื่อสารของเค้าเท่านั้นครับ จบไหมครับ จากคุณ : Bitter Coffee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:12:29

ความคิดเห็นที่ 20 Bitter Coffee ผมละพยายามไม่พูดถึงเรื่องคุณแคอรท เพื่อให้คุณกลับไปอ่าน ตัวคุณตอนนี้ มีอคติเต็มตัว ใช้หลักวิชาการกับศาสนาหนึ่ง แต่ใช้อารมณ์กับอีกศาสนาหนึ่ง เรื่องที่คุณแครอท พูดว่า อยากให้ มุสลิมครองโลกนั้น เป็นจริง แต่แกก็บอกแล้วว่า ด้วยการเชิญชวน  คุณไม่อ่านคำอธิบายหรือ ???????????????????????????????? จึงแกล้งทำเป็นไม่เห็น หรือ คุณไม่ดีใจ ที่มีคนนับถือพุทธเพิ่ม จากการที่เค้าศรัทธา  นี่อ่านภาษาไทยได้หรือเปล่า จบไหมครับ ผมว่าจบแล้วละ เพราะ มันชัดยิ่งกว่า กล้องส่องทางไกลอีก ว่าคุณ ขาดมาตราฐาน ในการเสพข้อมูลขนาดไหน The End จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:18:56

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ Bitter Coffee เรื่องนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ ไม่ทราบว่าคุณอ่านความคิดเห็นที่ 1หรือไม่? เมื่ออ่านแล้วคุณรู้สกอย่างไร? เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ผมได้ปรึกษากับ เพื่อนๆ พุทธสมาชิก หลายท่าน ครับ ว่าเราจะทำอย่างไรให้ยุติเพราะ เหมือนเล่นน้ำสงกรานต์ กันเปียก ทั้งคู่ คนที่จะไปทำงานหรือไปทำกุศล แค่งตัวอย่างสวยงาม ก็ถูกสาดน้ำเปียกปอน กันไปหมด เรียกว่าห้องนี้ผุ้ที่มีเจตนาดี ในทางธรรม จำเป็นต้อง ได้รับกลิ่นเหม็นจาก น้ำโคลนที่ ถูกสาด เนื่องจากน้ำสะอาดหมดไปแล้ว ถ้าคุณ Bitter Coffee เป็นผมคุณจะทำอย่างไร ในเมื่อผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทั้งสองฝ่าย และเข้าไปในกระทู้นั้นเพื่อให้ สมาชืกมุสลิม พยายามสุขุมและสุภาพต่อ เขา ซึ่ง  เขาไม่ยอมหยุด ทั้งๆที่ทุกๆ่ท่านต่างก็ ให้อภัยและขอโทษกันจนเรียบร้อยแล้ว   พระพุทธองค์ท่านทรงเดินหลีกเลี่ยง องค์คุลีมาล ขณะที่พระองค์เดินหลีกไป คน  พาลพยายาม ที่จะไล่ประหารชีวิต พระองค์, ในขณะเดียวกันพระพุทธองค์ ก็ถือโอ  กาส โปรดสัตว์โลกไปด้วย โดยเทศนาสังสอนธรรม ให้กับ โจรทำให้โจรกลับใจได้  เรื่องราวนี้ผม จำมาตั้งแต่ พันตรี ปิ่นมุทุกัณ (จำชื่อไม่แม่น) บรรยายธรรม และท่าน  พุทธทาส บรรยาย ทาง สน. แห่งประเทศไย  เนื่องจาก ผมชอบเรื่องราว นี้มาตั้งแต่  อายุ 10 กว่าขวบ ผมจำมาถึงจนปัจจุบัน    การทำกุศลอาจจะทำได้สองทางคือนิ่งเฉย ให้อภัยแล้วปล่อยไปตามยถากรรม ซึ่ง   ง่ายแก่ตัวเรา แต่เรายังทำกุศลไม่หมดสิ้น  พระพุทธองค์ นอกจากจะให้อภัยต่อ องค์   คุลีมาล แล้ว พระองค์ยังแผ่เมตตาและมหากรุณาให้กับองค์คุลีมาล จนสำเร็จเป็นพระ   อรหันต์   ในกรณีเพื่อนคุณนี้ คุณไม่ได้ให้ความยุติธรรมและความเข้าใจในความรู้สึกของผม   ผมไม่มีเจตนาจะทำให้ผู้ใดอับอายหรือประจานผู้ใด ถ้าคนผิดขาดคุณธรรม ผมก็ติ   เตียน ทั้งสองฝ่าย  ผมก็ถูกด่าอยู่เสมอไปไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย    ถ้าผมอยู่เฉยไม่ชี้ข้อบกพร่องให้เพื่อนคุณเข้าใจ ถึงมารยาทและ ตัวเขาแล้ว ก็   เสมือน ทำกุศลแค่ครึ่งเดียว  ผมจึงแผ่เมตตาและกรุณาให้ความรู้และคำตักเตือน   ให้เขาเข้าใจ และรู้จักตัวเขา ถ้าเขาไม่พยายามที่จะเข้าใจการกระทำของเขาเอง   เขาอาจจะ เป็นอันตรายจากความประพฤติเช่นนี้ จากบุคคลอื่น    คุณ Bitter Coffee รักและนับถือเขา ผมเชื่อว่าคุณไม่มีนิสัยเช่นเขา แต่ถ้าคุณรักและ    นับถือเขาทำไมไม่ช่วยกันเตือนละครับ  ผมเตือน มุสลิมด้วยกันเท่าที่จะเตือนได้    เพื่อไม่ให้การด่าว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่   แต่ในกรณีนี้ เพือนคุณล่วงเกินผมโดยตรง   ซึ่งมารยาทเช่นนี้ ตามบรรทัดฐานของ Educated persons หรือสังคมของผู้มีศรัทธาไม่   ว่าศาสนาใดยอมรับไม่ได้  ผมทำตามแบบฉบับพระพุทธองค์ครับ คือ ให้อภัยและแผ่   เมตตา และกรุณาให้คำเตือนและคำสอนที่สุภาพ และชี้ให้เขารู้จักตัวเขาเอง จากหลัก   ธรรมของพระพุทธองค์ ซึ่งความจริงเป็นหน้าที่ของคุณจะต้องทำ  ผมถือว่าสังคมนี้  ผู้   ศรัทธาไม่ว่าศาสนาใดเป็นพี่น้องกันต้องตักเตือนกันมั้งทางหลังไมค์แลพหน้ากระทู้    คุณคงเห็นผมติเตียนมุสลิมด้วยกันที่นำเรื่องโกหกมาหลอกชาวห้องศาสนา  เพราะผมถือว่าการทำเช่นนั้นไม่มีคุณธรรม ทำให้อิสลามและมุสลิมเสียหาย  และ ผมก็เป็นแกะดำในสังคมมุสลิม ไม่ใช่เพราะว่าหลักการศาสนาผิด แต่เป็น  หลักปฏิบัติที่มีความคิด เห็นไม่ตรงกันในสังคมมุสลิมทั่วๆไปทุกๆมุมโลก   เพราะฉนั้นถ้าคุณรักใครและหวังดีด้วยใจจริงแล้ว คุณต้องอภัยและแผ่กุศล   เมตตากรุณาปราณีต่อเขาผู้นั้นด้วย ซึ่งพระพุทธองค์์ได้ทรงแสดง ตัวอย่างง่ายๆ   ไว้ให้ ผู้คนปฏิบัติซึ่งไม่จำกัดอยู่เฉพาะพุทธศาสนิกชนเท่านั้น คุณพิจารณาแล้ว   กันครับว่า พระ พุทธองค์ ทรงสอนและทรงแสดงตัวอย่างไว้อย่างไร? คุณลอง   คิดดู และพยายามเข้าใจความรุ้สึกทางความศรัทธาของผมด้วย แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 12:28:01 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 11:50:05 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:48:51

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับ คุณแมทท์ที่ตอบไขข้อข้องใจและความรู้สึกให้ทราบ หลวงพ่อชาสอนเสมอครับว่าคนเราอย่าเพิ่งชอบกัน  เกลียดกัน  แต่ให้เคารพซึ่งกันและกัน  กระทั่งการสื่อสารท่านก็สอนให้ฉลาดในการสื่อสารครับ  ฉลาดยังไงหรือครับ ท่านสอนให้พูดคุยในขณะที่จิตใจเราเป็นปกติ  ผู้ที่จะรับฟังเป็นปกติ  คือพร้อมทั้งสองฝ่าย  ให้คุยบนพื้นฐานของการกระทำ  ไม่ให้วิจารณ์ที่บุคลิกภาพและอื่นๆ ผมขออธิบายให้คุณทราบก่อนที่คุณจะเข้าใจผิดนะครับว่า  ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับเขา  ไม่ได้สนใจอ่านกระทู้ของเขาด้วยซ้ำไป  ไม่ใช่เฉพาะเขานะครับ  คนอื่นๆด้วยเช่นกัน  เพราะผมพิจารณาว่าขณะที่ผ่านมา(เรื่องระเบิด)สภาพจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่รวมทั้งผมยังไม่ปกติ  การออกมาแสดงคห.ทั้งหลายจะมีทั้งข้อมูลและอารมณ์ลบเป็นส่วนใหญ่ ในเมื่อคุณแมทท์ประทับใจประวัติท่านองคุลีมาล  คุณแมทท์น่าจะเข้าใจว่าอะไรเป็นเหตุให้เขาเขียนแบบนั้น  ในเมื่อคุณแมทท์จิตใจสูงกว่าคุณหมูตอน ณ ขณะนั้น  พระพุทธเจ้าก็ยังสอนให้มีความอดทนอดกลั้นด้วยนะครับ  ผมเข้าใจเอาเองว่าเขาเลือดร้อน  การควบคุมอารมณ์อาจไม่ดีเยี่ยมแบบคุณแมทท์  ถ้าเป็นแบบที่ผมสันนิษฐาน  คุณแมทท์จะไม่ให้อภัยเขาหรือครับ  ผมในฐานะคนพุทธขอแสดงความเสียใจมา ณ โอกาสนี้ด้วย ปล.  คุณแมทท์รู้เรื่องพุทธศาสนาดีมากครับ  รบกวนไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องปฏิจจสมุปบาทว่าด้วยเรื่องเหตุ  ปัจจัยนะครับ  แล้วคุณจะเข้าใจและเห็นใจว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เริ่มมาสองวันนี้  หนังมันยาวน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 12:51:32 จากคุณ : Bitter Coffee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:22:40

ความคิดเห็นที่ 24 ขออภัยลุงแมท์ทีทำให้เสียบรรยากาศ Bitter Coffee ครับ ว่าไงครับ เรื่องคุณ แครอท  อย่าเปลี่ยนเรื่องซิครับ กล่าวหาแล้วต้องรับผิดชอบ รุ้ตัวว่าผิดพลาดไป พิมพ์ขอโทษสักหน่อยไหมครับ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการมีน้ำใจ ในฐานะ ผู้มีความรุ้ในการพุทธศาสนามาใช้จริง ทฤษฏี ใครก็ท่องได้ ท่องเพื่อช่วยตัวเอง เพื่อ ช่วยเพื่อนท่องได้ แต่เวลาใช้จริง เมื่อทำผิด ถึงเวลานั้นหลักธรรม ยังมีความหมายอยู่หรือเปล่า ในเวลานี้ คุณไม่เข้าใจคุณแครอท แต่คุณดัน ตัดสินอย่างอคติ ช่วยแสดงการใช้ ธรรม อันหมายรวมมถึง  ความยุติธรรม ให้เห็นหน่อยว่า คุณเอง ก็สามารถที่จะ ลดตัวลงยอมรับความผิดพลาดได้ ทำให้ดูหน่อยครับ ผมรออยู่   ที่บอกว่า จบ หมายถึงมันไม่เหลืออะไรให้เถียงแล้ว แต่การแสดงความรับผิดชอบในฐานะ ผู้ถือหลักธรรมอันสูงนั้น ย่อมต้องทำนะครับ   เด็กๆจะได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่ ดีแต่เทศ แต่ทำไม่ได้จริง จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:35:52

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 23  ผมเข้าใจครับ แต่ผมไม่ได้ร่วมสนทนาและด่าทอกันนี่ครับ  เรื่องนี ผมถูกความหยาบคายจากเขา โดยตรงที่ล้ำเส้น  ความศรัทธาและสติปัญญาไปถึง DNA  ไปถึงความศรัท  ธาต่อพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดในความศรัทธาของผมมัน  เป็นเรื่องความหยาบคายของเขา ที่แสดงต่อผม เป็นครัง  ที่สอง จากความคิดเห็นที่ 1  ผู้ที่มีคุณธรรมที่ดีอย่างคุณคงรับ ไม่ได้เช่นกัน ผมว่าไม่มีผู้ศรัทธาท่านใดในศาสนาใดๆ เห็นด้วยกับการหยาบคายของเขาต่อผมเป็นส่วนตัว คุณ ลองคิดดูแล้วกัน ครับ   ความหยาบคายของเขาต่อผมเป็นส่วนตัว  ไม่อาจจะแก้  ได้ด้วยการตำหนิผู้อื่น ที่ไม่ได้มาล่วงเกินผม ถ้าผู้นั้นมา  ล่วงเกินผม ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง   คุณจะเอาความเลวของ  คนหนึ่งมาลบล้าง ความเลวของอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีอะไร  เกียวข้องกับผมไม่ถูกต้องครับ  ผมจึงเรียนชี้แจงเพียงเท่านี้ เพราะมันจะไม่มีที่สิ้นสุด จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:55:33

ความคิดเห็นที่ 26 โอย.... กิฟหมด ไมกิฟเดือนนี้มีน้อยจังฟระ แง่บๆ ลงชื่อว่ามาดู และปล่อยให้เป็นไปตามเจตจำนง จขกท แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:59:50

ความคิดเห็นที่ 28 อยากรู้ อยากดูตัวว่าเป็นไทยหรือไม่ เปิดพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ว่าชื่อท่าน มีบรรจุในพจนานุกรมหรือไม่ บางท่านมีชื่อเป็นคำผสมแบบสมาสและสนธิ ก็ถือว่าอนุโลม ส่วนพวกที่เป็นภาษาที่คนไทยทั่วไปไม่รู้เรื่อง แต่สาระแนเอาตัวอักษรไปสะกดออกเสียงได้เฉยๆ   ทั้งยังมีทัศนะโอนเอนไปทางช่วยเหลือหรือช่วยกลบเกลื่อนพวกที่ฆ่าคนไทยแทบทุกวัน มันต้องสำคัญตัวของมันให้ถูก ว่ามันเป็นลิ้นสองแฉกที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยเท่านั้น จะลิ้นสั้นหรือลิ้นยาว ก็ต่างๆ กันไป จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:35:36

ความคิดเห็นที่ 30 #29 คุณไม่ได้อธิบายอะไรเลยครับ ที่คุณทำคือ การใส่ความ ตัวอย่างง่ายๆ #28 ถ้าแบบนั้นเรียกว่าอธิบาย เกรงว่า ผมเอาเท้าเขียนกระูทู้ ก็เรียกว่าบทความได้มั้งครับ คุณบิดเบือนข่าวสารเอาข่าวเท็จมาแปะ และ ไม่แก้ไข คุณโจมตีใส่หลักการศาสนา โดยไม่สนคำอธิบายของใครทั้งสิ้น คนประเภทคุณนี่ละ ที่ทำให้ปัญหาจริงๆไม่เคยถูกแก้ไข และที่สำคัญ คุณนี่แหละครับตัวทำลายชาติ ทำลายบ้านเมือง คุณละอายต่อบรรพบุรุษบ้างหรือไม่ คุณไม่ได้ปกป้องชาิติ อะไรด้วยซ้ำ อย่ายกตนเองเลยครับ คุณมันแค่คนคลั่งพุทธแบ่งแยกดินแดนแค่นั้น ลองถ้าให้คนอย่างคุณจับอาวุธคงวิ่งไล่ ทำร้าย คนที่ไม่มีชื่อในพจนานุกรม อย่างบ้างคลั่งไปแล้ว ถ้ายังไม่ชัดว่าคุณเป็นพวกคลั่งพุทธแบ่งแยกดินแดนยังไง ก็ดูความเห็น ใน #28 ของคุณเองนะครับ เอาปืนฉีดน้ำยิงตัวเอง แล้วไปนอน สงบสติอารมณ์ดีกว่าครับ ก่อนที่จะเพี้ยนจริงๆ ไปซะก่อน นี่มันโลกแห่งความจริงนะครับ ไม่ใช่นิทานกำลังภายใน จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 14:18:25

ความคิดเห็นที่ 33  Smiling-girl  การแยกหมวดแล้ว ทำให้อย่างคุณ ซามูไร  หยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้หรือครับ??  พึ่งทราบ พึ่งรุ้ว่าการแบ่งหมวดหมู่หนังสือ จะ แก้นิสัยคนได้ ผมว่าแกจะสะดวกขึ้น เพราะหากระทู้อิสลามเจอเร็ว เจอเร็วปั้มเร็ว ก๊อปวาง ก๊อปวาง แล้วก็หนี   จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:09:04

ความคิดเห็นที่ 34 ปล ล่าสุดมีเพื่อนห้องศาสนาแจ้งมาว่า คุณซามูไรไปไล่ขวิดมุสลิมอยู่ห้องศาลาประชาคม ขนาดคนละห้อง ยังทะลุไปได้ แล้วแยกหมวดมันคงช่วยอะไรหรอกมั้งครับ :D จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:11:59

ความคิดเห็นที่ 36 พึ่งรุ้ว่าการโพสภาพแมว กับเหน๊บๆ นิดๆหน่อย ๆ แล้วสนับสนุน คนแบ่งชาติ ด้วยชื่อพจนานุกรม คือเนื้อหาสาระของกระทู้ ไม่ต้องโยนให้ลุงแมทท์หรอกครับ หรือกลัวจะต้องคว่ำจานข้าวเหมือนกระทู้ที่แล้ว :D จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:30:15

ความคิดเห็นที่ 37 โหยย คุณหนูยิ้ม คห.32 น้องเหมียวหลับได้เป็นสุขมากกกก ^ ^ จากคุณ : อ้วนดีนะ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:45:12

ความคิดเห็นที่ 39 อยากแจมแต่เนท เน่า แต่น่าขัน มวยหนังขายยา ขยันยัดเยียดอิสลามดีนัก เพราะลูกพี่พรรคการเมืองใหญ่หนุนการก่อการร้าย เลยโยนขี้ให้คนอื่น แต่ถ้าถามผมรู้ได้ไง  ข้อมูลเปิดกว้างเยอะแยะ ถ้าเอาสมองส่วนกลางมาทำงานมากกว่ากั้น ใบหูสองข้าง คงพ้นน้ำไปนานแล้ว แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 20:28:33 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 18:25:39

ความคิดเห็นที่ 40 as per your request ka .... น่าสนุก   แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 19:43:50 จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 19:42:55

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ คุณ (อา) แมทท์ที่นับถือครับ ห้องศาสนานี้ คงเป็นสนามฝึกคล้ายๆ กับห้องจำลองอ่ะครับ ข้างนอกจริงๆ บางทีก็ไม่ได้แรงอะไรอย่างนี้หรอกครับ เพราะเวลาที่คนเราแม้ไม่ชอบหน้ากัน แต่พอได้เจอหน้ากัน ทักทายพูดกันนิดหน่อย มันก็ "ซึนเดเระ"  หมายถึง ใจจริงๆ ก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรนักหรอก แต่ก็แสดงออกแบบว่า เชิดๆ กันหน่อย (ทั้งๆ ที่ลึกๆ ก็อยากจะให้ทุกคนรักตัวเองกันทั้งนั้นแหละครับ) ผมก็หวังว่า ผมและหลายๆ คนน่าจะได้เรียนรู้ถึง ภาวะแห่งการสมาคมกัน ด้วยความมีวุฒิภาวะทั้งจิตใจและความคิด แบบคล้ายๆ ที่คุณอาแมทท์แสดงออกมาให้ได้รู้สึกดีๆ กันอ่ะครับ (แต่หวังว่า คงยังไม่ต้องใช้เวลาเท่าๆ อายุคุณอาแมทท์หรอกครับ : ) -- หยอกๆ คนสูงวัยวันละนิดครับ คริๆ -- จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 21:06:18

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดียามดึกค่ะคุณแมทท์และเพี่อนสมาชิกทุกๆท่าน คุณเคยให้สุภาษิตจีนดิฉันไว้เมี่อคราวที่แล้วว่า ถ้าหากคุณมีความอดทน อดกลั้น ในเวลาที่คุณมีความโกรธแค้นทุกเวลานาที ไม่ยากเลยที่จิตใจคุณจะหลีกหนีความเสียใจตราบนานเท่านาน ทุกๆท่านก็เป็นเพื่อนๆกันทั้งนั้น ใช่มั้ยคะ? หวังว่าคุณแมทท์คงสบายใจขึ้นบ้าง ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 21:51:10

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 40 กำลังจะออกจากบ้าน มีนัดบ่ายโมงกับคนแก่ด้วยกันจะไปออกกำลังกายกัน แต่อดแวะ มาดูไม่ได้ ขอบคุณหนู Smiling-girl มากทีเดียว เห็นรูปแล้ว..หัวเราะจน น้ำหูน้ำตาไหลรูปนี้มีประโยชน์มากทีเดียว ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ดี และแฝงไปด้วยคติธรรมที่ดี และมีประโยชน์ในการคบค้าสมาคมระหว่างกัน  ความคิดเห็นที่ 41  ยังไม่แก่ผมยังไม่แก่...ฮุๆ  กระเซ้าได้ครับเราเป็นเืพื่อนกัน ใน US นี่ไม่มีการ  ถืออายุครับ  ไอ ยู ตู มึน กันทุกๆระดับ,   ผมเริ่มความคิดนี้มาตั้งแต่ อยู่ ชั้นเตรียมอุดม  เด็กๆบางคนมีความคิดดีกว่าคนแก่มากเนื่องจาก Reach Intellectual Maturity ได้เร็ว ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่ Genetics แต่เพียงอย่างเดียวถ้าตอนเด็กๆ ถูกตามใจมาก ก็ช้าหน่อย  ลูกคนโตส่วนมาก  เจริญทางสติปัญญา เร็วกว่า อายุจริง เนื่องจากมีความรับผิดชอบมากกว่าน้องๆ  ลูกคนกลางก็คล้ายๆ คนโต แต่คนสุดท้องนี้ถ้าไม่ดีก็เอาไม่อยู่เลย..นี่เป็นเพียง ทฤษฎี จากการสังเกตุ  แต่ทุกๆกฏทางวิทยาศาสตร์มีข้อยกเว้น และลบล้างได้...เราคุยกันอย่างเพือ่นฝูงครับ ถ้าไม่รักก็ไม่เตือนกัน   ความคิดเห็นที่ 42 "ถ้าคุณอดกลั้นความโกรธได้ 1 วินาฑี เท่ากับคุณ มีสุข ไป 100 วัน   ครับ"  ผมไม่ได้โกรธใคร อย่าเข้าใจผิดครับ เพียงต้องการแสดงความคิดเห็นและอธิบายสิ่งที่ผมเองคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านที่สนใจในกระทู้นี้ และ เตือนใจตัวของผมเองด้วย  เมื่อเราชี้ หนึ่งนิ้ว ไปที่ใครก็ตาม อีก 3 นิ้วอาจจะชี้เข้าหาตัวเรา เหลืออีกหนึ่งนิ้ว คือนิ้ว หัวแม่มือ ซึ่งเป็นกลาง เป็นผู้ตัดสิน,   3 นิ้วนั้นจะเตือนเราว่า ให้แน่ใจในตัวเราว่ามีความยุติธรรมเสียก่อนๆที่จะตำหนิใคร..ซึ่งผมก็พลาดบ่อยๆ ไม่สมบูรณ์ แต่พยายามที่สุดที่ จะมองตัวเองก่อนเสมอ  ผมใช้คำว่าพยายามที่สุดครับ.  ในปัญหาของหัวข้อกระทู้นี้ ผมเว้นระยะเวลาไปหลับหลายชั่วโมง ให้สมองดีขึ้น จากความเหนื่อย แล้วจึงมาเขียนด้วยอารมณ์ที่ดีมาก พยายามสะกดคำให้ถูกต้อง   ถ้าเปรียบเทียบเวลาตามสุภาษิตจีนนั้น ก็เท่ากับผมมีความสุข เกิน เวลาอายุที่ผมจะอยู่ในโลกนี้ได้แล้ว     ผมไม่ได้ใช้ความโกรธในการเขียนกระทู้นี้ แต่ต้องการเขียนให้เกิดประโยชน์แก่สังคม โดยรวม โดยไม่เคย Underestimate ความรู้ความคิดอ่านของผู้ใด  ยินดีเสมอที่จะพูดคุยกันอย่างปัญญาชนด้วยกัน ถ้าเขาผู้นั้นประสงค์ แต่ถ้าพูดไปดูถูกไปผมก็ไม่เอาด้วยเช่นกัน ผมทราบเดีว่าทุกๆท่านในที่นี้  มีความรู้ที่ดีๆกันทั้งนั้น  และมีตำแหน่งสำคัญในหน้าที่การงาน  ถ้าเราไม่ให้ความเคารพต่อความคิดเห็นของกันและกันแล้ว  จะไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งเสียเวลาเขียน  ในสิ่งที่เหลวไหล ในสิ่งที่ ไม่ประสานกับ ชีวิตจริงภายนอก กลุ่มเล็กๆนี้ ทำไมกัน  ถ้าต่างคนต่างเถียงกันเราจะไม่ได้ยินข้อความที่เขาจะสื่อให้เรา นอกจากเสียงและเหตุผลของตัวเราเองเท่านั้นซึ่งเป็น เหตุผลที่เข้าข้างตัวเราเอง ที่เราได้ยิน    มุสลิมอรับฆ่ากันตายทุกๆวันๆละหลาย 100 ศพ, นักเรียนในอเมริกา ยิงครูยิงเพื่อนตายกันทุกๆวัน ในปัจจุบันนี้  อ่านข่าวหนังสือพิมไทยดู  มีฆ่าปล้นจี้ ข่มขืนทุกๆวัน เท่าที่ทราบ   ที่กล่าวมานี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องศรัทธาหรือศาสนาใดๆทั้งสิ้นมันเป็นความชั่วของมนุษย์เองที่พยายามบิดเบนหรือแอบอ้างความศรัทธามาเป็นเหตุผลในการกระทำ     ความศรัทธาไม่ใช่วิชาวิทยาศาสตร์ แต่ขบวนการสอน อาจจะอธิบายเอาหลักวิทยาศาสตร์ เข้ามาอธิบายให้ดูทันสมัย  แต่ก็เป็นความศรัทธาที่งมงายต่อวิทยาศาสตร์ อย่างที่ท่านพระคุณท่านหนึ่ง อธิบายไว้ในห้องนี้  เพื่อนที่ดีที่รักเราจะต้องตักเตือนเราไม่ใช่ช่วยกันป้องกันความผิดให้เรา เพือนที่เลวอาจจะช่วยยกยอเราให้สูงมากเท่าที่จะทำได้  เมื่อเราลืมตัว เขาจะปล่อยให้เราตกลงมา ซึ่งเราจะเจ็บตัวมากกว่าที่เราอยู่ในระดับธรรมดา คือไม่หลงต่อคำยกยอและช่วยป้องกันความชั่วของเราจากเพื่อนเลวๆ      ผมหมดข้อข้องใจในทุกๆสิ่งทุกๆอย่างแล้วและได้เปิดใจในสิ่งที่ผมต้องการจะชี้แจงเรียบร้อยแล้ว  ส่วนข้อเขียนผมจะถูกผิดอย่างไรผมจะตัดสินเองไม่ได้ เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลที่ตัดสินใจกันเอง  และขอขอบคุณผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในที่นี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 23:06:19 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 23:04:34

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้างั้นก๊ะน้อยจายพี่แมทท์ ไม่ยอมอ่านเรื่องชารีอะห์ผม แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 23:41:49

ความคิดเห็นที่ 45 ผมเริ่มความคิดนี้มาตั้งแต่ อยู่ ชั้นเตรียมอุดม  เด็กๆบางคนมีความคิดดีกว่าคนแก่มากเนื่องจาก Reach Intellectual Maturity ได้เร็ว ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่ Genetics แต่เพียงอย่างเดียวถ้าตอนเด็กๆ ถูกตามใจมาก ก็ช้าหน่อย  ลูกคนโตส่วนมาก  เจริญทางสติปัญญา เร็วกว่า อายุจริง เนื่องจากมีความรับผิดชอบมากกว่าน้องๆ  ลูกคนกลางก็คล้ายๆ คนโต แต่คนสุดท้องนี้ถ้าไม่ดีก็เอาไม่อยู่เลย..นี่เป็นเพียง ทฤษฎี จากการสังเกตุ  แต่ทุกๆกฏทางวิทยาศาสตร์มีข้อยกเว้น และลบล้างได้...เราคุยกันอย่างเพือ่นฝูงครับ ถ้าไม่รักก็ไม่เตือนกัน   / คุณแมทท์ เห็นด้วยครับ ว่าสภาพการณ์และความรับผิดชอบมีผลต่อสติปัญญาอย่างมาก เราคุยกับเด็กบางคนมีความคิดความอ่านเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าลองได้ดูปูมหลังแล้ว คือมีความรับผิดชอบสูง เข้าข่ายอย่างที่คุณแมทท์กล่าวมาเลยครับ ก็เลยฉุกคิดมาว่า ผู้ที่มีความรับผิดชอบการงานมาก ย่อมพูดมีสติมาก ในทางกลับกัน ผู้ที่มีความรับผิดชอบการงานน้อยพูดมีสติน้อยกระมังครับ โดยวัยวุฒิมีผลน้อยมาก คือผมสรุปเองอ่ะครับ ไม่ได้เอาทฤษฎีมาจากไหนเลย  และเห็นด้วยว่า กฏนี้มีข้อยกเว้น ซึ่งเราอาจจะเจอสำหรับบางเคสก็ได้ทีแหวกแนวออกไป ใช้กับกฏนี้ไม่ได้ ผมทราบเดีว่าทุกๆท่านในที่นี้  มีความรู้ที่ดีๆกันทั้งนั้น  และมีตำแหน่งสำคัญในหน้าที่การงาน  ถ้าเราไม่ให้ความเคารพต่อความคิดเห็นของกันและกันแล้ว  จะไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งเสียเวลาเขียน  ในสิ่งที่เหลวไหล ในสิ่งที่ ไม่ประสานกับ ชีวิตจริงภายนอก กลุ่มเล็กๆนี้ ทำไมกัน / คุณแมทท์ ถ้าผมไม่ถูกใจข้อความใดของใครเนื่องจากไม่ใช่ข้อเท็จจริงใดๆ เลย ผมจะเมินหน้าไปทางอื่น เบื่อที่จะมานั่งพิมพ์โต้ เพราะรู้ดีว่า การโต้สำหรับบางคนเหมือนกับการแก้ตัวสำหรับเขา อย่างที่พวกที่อคติคิดไปแล้ว และรู้ดีว่า...พิมพ์ไปเขาจะไม่อ่านในสิ่งที่ผิดจริตเขา บางคนคิดไปถึงขนาดว่าเป็นแก๊งค์ฝ่ายชง ฝ่ายสนับสนุน ฝ่ายแก้ต่าง ครบทีม ผมขอบอกในที่นี้เลยว่า "ผมไม่ได้รู้จักใครเลยในเว็บบอร์ดแห่งนี้" และถ้าใครได้ติดตามการแสดงความคิดเห็นของผมมาตลอดนี้ จะรู้ว่าผมมีนิสัยอย่างไร เห็นด้วยกับข้อความคุณแมทท์ตรงล้อมกรอบไว้ว่า ชีวิตจริงมีอะไรที่สำคัญที่ต้องประสานและคลุกคลีกันมากกว่า ที่จะต้องมาทนกับการกล่าวหาไร้ซึ่งการให้เกียรติคู่สนทนา เหมือนเด็กรุ่นๆ กล่าวหากันไปมา ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ เลย  จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 09:56:13

ความคิดเห็นที่ 46 เค้าคุยจบกันหรือยังอ่ะ กระทู้นี้ (ไม่ได้เข้ามาหลายวัน) ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเป็นว่า ให้กำลังใจมุสลิมทุกคนก็แล้วกันค่ะ ล้อมวงกินข้าวกันดีกว่า ปล. คำว่า ''มุสลิม'' ในที่นี่ คือ ผู้ที่มีความเป็นมุสลิมที่อยู่ใน มุมมองของดิฉันค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 21:43:34 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 12:09:58

ความคิดเห็นที่ 47 อ่าน คห.43 ที่คุณแมทท์กล่าวถึงเรื่องของความ อดทน อดกลั้น กับ ความโกรธ เลยพลันให้นึกถึงกระทู้กลอนของคุณแมทท์ ที่เขียนแต่งถึง มุสลิมท่านหนึ่ง เมื่อปีที่แล้วจังค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 21:41:46 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 21:41:17