ยามประจำวัน คห.49
เนื่องจากคุณตั้งคำถามว่าทำใมพระสงฆ์สวมใส่เครื่องกันหนาว เราจึงให้ความเห็นว่า มีสมาชิกท่านอื่นๆได้ชี้แจงไว้แล้วว่า เป็นการสวมใส่ตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะเหตุที่พระท่านกำลังอาพาธด้วยโรคประจำตัว เข้าใจคำว่าท่านอื่นชี้แจงไว้ไหมท่าน ไม่ใช่เรามั่วเอาเอง แล้วคุณก็เลยเชื่อ และก็ บอกต่อแบบ"มั่ว"ต่อไปเลยว่า... ที่ว่ามั่ว ต่อไป นั้น ก็เพราะว่า ถ้าไม่มีหลักฐาน ที่ถูกต้องมายืนยันคำกล่าวอ้างนั้น ก็เรียกได้ว่า เป็นการเชื่อแบบลมๆแล้งๆ และเป็นการนำคำกล่าวนั้นไปเผยแพร่ความที่ตนนั้นเชื่อแบบมั่วๆ
ธรรมดาว่าผู้ป่วย เมื่อให้แพทย์รักษา
แม้จะเป็นคนธรรมดา หรือมีตำแหน่งสูงแค่ใหน หากป่วยก็ต้องเชื่อฟังคำแนะนำของแพทย์
พระท่านจึงสวมเครื่องกันหนาวเพื่อให้ปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างไม่สะทกสะท้านต่อสภาวะอุณหภูมิที่รบกวน ที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ คำบอกเล่าคือ พระท่านสวมใส่ตามที่แพทย์แนะนำ (เป็นคำสั่งเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ เราไม่ทราบ)
ผมถึงได้บอกกับคุณไงล่ะครับว่า อยากจะทราบว่า แพทย์ท่านใด มีใบประกอบโรคศีลป์หรือไม่ เลขที่เท่าใด เป็นผู้แนะนำ จะได้รู้กันว่า โรคประหลาด ที่ ธัมมี่ เป็นอยู่นั้น รักษาได้โดยการสรวมใส่เสื้อยืด จะได้ มีการบันทึก ไว้ในวิธีการทางการแพทย์ และหากมีนักบวชท่านอื่นเป็นโรคเดียวกันนี้ ก็จะได้ ไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้นั้น จะเห็นว่า การที่นำใบรับรองแพทย์ ชื่อแพทย์ มาเปิดเผย นี้เป็นประโยชน์ ต่อสาธารณะ คุณยามฯ ทราบหรือไม่ วัดพระธรรมกาย มีสถานพยาบาลสงฆ์ ที่แพทย์ทั่วไปสามารถเข้าไปรักษาพระสงฆ์ได้ฟรี ทีนี้ ในการวินิจฉัยโรคทุกครั้ง พระต้องใช้เอกสารใบรับรองที่คุณอ้างในภาพด้วยหรือ
การที่จะมีแพทย์ ประจำอยู่ที่นี่หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นคำถาม ที่ผมถามถึง มีผู้คนสงสัยกันมาก ในเรื่องนี้ หลักฐานทางการแพทย์ย่อมมีความสำคัญ และน่าเชื่อถือ กว่า ลมปาก เรียกว่าเป็นหลักฐานแบบอิงอรรถ ตาม ความน่านิยมนับถือของสากลนิยม การที่แพทย์วินิจฉัยอาพาธของพระสงฆ์เสร็จแล้ว พระสงฆ์แต่ละรูปต้องใช้ใบรับรองแพทย์ไว้อ้างกับคนอย่างคุณทำใม เพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาว่ามุสาวาทกระนั้นหรือ ถูกต้องแล้ว เพื่อเป็นการยืนยัน ว่ามิได้มุสา และก็ได้กล่าวไว้แล้วว่า เป็นประโยชน์ต่อการรักษาคนไข้คนอื่นๆที่มีอาการเดียวกัน
ลองถามตัวเองว่า พระผู้มีศีล ต้องขอใบรับรองแพทย์มาให้ท่านทำใม คุณยามฯ ตอบตัวเองให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้ เห็นทีท่านต้องไปขอ "ใบรับรองความเป็นคน" จากอำเภอมาเก็บไว้ที่บ้านได้แล้ว เพราะว่าคุณกำลังตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ย โดยไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ โพสคำถามเชิง ล้อเลียนพระอายุเกือบ 70 ปีกำลังที่อาพาธ
ตรงนี้เห็นชัดเจนเลยว่า จิตท่านกำลังพุ่ง.... ธัมมีน่ะ มีศีล น่าเชื่อถือที่ตรงไหน ยังมีความเป็นพระอยู่อีกหรือ ถ้า ธัมมี่น่าเชื่อถือ คงไม่ถูกดำเนินคดีทางศาล อันนี้จริงหรือไม่ ? ส่วนเรื่องใบรับรองความเป็นคนนั้น ผม ก็เป็นสิ่งมีชีวิต ชนิดหนึ่ง ที่เกิดมา มี ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณธาตุ เป็นองค์ประกอบ โชคดี ที่ได้พบพระพุทธศาสนาเถรวาท และได้เรียนรู้พระธรรมคำสอน จากหลายๆแหล่ง และที่สำคัญที่สุด คือ จากพระไตรปิฏกทั้งไทย บาลี จะมีใครยอมรับนับถือผมว่าเป็นคนหรือไม่ ? ผมไม่เห็นความสำคัญ ผมให้ความสำคัญอยู่ที่ความจริง คือ อะไร จะพูดจาอะไร ต้องอิงข้อมูล อิงอรรถอิงธรรม ถ้าพูดเรื่อง คำสอน ก็ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาของคำสอนนั้น คุณยามฯ ทราบหรือไม่ว่า เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงาน ท่านอาศัยอำนาจตามความข้อใด ในการเรียกร้องขอดูใบรับรองแพทย์เกี่ยวกับการให้สวมเครื่องกันหนาว ประชาชนทั่วไปสามารถออกคำสั่งขอให้เจ้าอาวาส ยื่นใบรับรองแพทย์ให้ศาลเตี้ยเช่นคุณยามประจำวัน เอาไปตัดสินกันเองได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ว่า ธัมมี่ จะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ในเมื่อแต่งกายผิดไปจากพระวินัย ประเด็นนี้ก็น่าจะมีความสำคัญที่ควรต้องนำใบรับรองแพทย์มาให้ประชนทัั่่วไปได้รับทราบ คนเขาจะได้ไม่เคลือบแคลงสงสัย มันยากเย็นมากเลยหรือครับ ยิ่งเป็นนักบวช ที่เคยถูกฟ้องร้อง ความน่าเชื่อถือ ก็หดหายไป...!!!
วิธีการสวมใส่เครื่องกันลมหนาว แม้กล่งฤดูร้อน อย่างนั้น คุณอาจดูถูกว่า ไม่เป็นการรักษาพระธรรมวินัย แต่สังเกตุว่าท่านสวมใส่โดยให้จีวรห่มทับเหนือกว่า นี้ก็เป็นความพยายามเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยแล้วในฐานะที่อาพาธเท่านั้นเอง
คำอธิบายนี้ แพทย์ที่รักษา น่าจะมีคำคอมเมนต์ ได้ดีกว่าคุณ และการที่ผมตั้งข้อสงสัยเรื่องใครเป็นแพทย์ ผู้ทำการรักษา มีใบประกอบโรคศีลป์เลขที่เท่าไร นี่เป็นศาลเตี้ย หรือครับ ...การที่ สวมเสื้อแล้วจีวรห่มทับ นี่ถึงกับ ใช้คำว่า เป็นการเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยเลยหรือครับ |