ความคิดเห็นที่ 1 ชุดเต็ม มีอีก 3 รูป จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:46:17

ความคิดเห็นที่ 2 2 จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:46:43

ความคิดเห็นที่ 3 3 จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:46:55

ความคิดเห็นที่ 4 น่าชื่นชมครับ ในโลกแห่งความเป็นจริง  พื้นฐานจิตใจมนุษย์เรา เปี่ยมไปด้วยความใจกว้างครับ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:48:34

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ที่มี "ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม" เขาทำกันครับ มนุษย์ที่ "ให้เสมอ" ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนเสียหาย จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 12:56:56

ความคิดเห็นที่ 6 การให้ทาน เป็นสิ่งดี .. ให้ทานข้างถนน ในวัดศาสนาอื่นๆ ในนักบวชศาสนาอื่นๆ หรือที่ใหนๆ คนใหนๆ ที่เป็นไปด้วยความชอบธรรม ถูกธรรม ถูกกาล เหมาะกับผู้รับ วัตถุที่ทำทานได้มาด้วยชอบธรรม ต้องสรุปว่าดีทั้งหมด ถ้ามีใครห้าม ศาสดาใดห้าม นั้นถือว่าผู้ันั้นใจคับแคบ ไม่น่าคบหา ไม่น่าเชื่อถือ เห็นแก่ตัว ไร้ปัญญา จากคุณ : สวนหลังศาล (สวนหลังศาล) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:22:05

ความคิดเห็นที่ 7 เคยมีเรื่องเล่าตอนไปสงขลา มุสลิมไม่มีที่อยู่ ก็มาอาศัยที่วัดกันเป็นหมู่บ้าน ลูกหลานไปเรียนเมืองนอกกลับมา บอกว่า "ใส่บาตรพระไม่ได้นะ ผิดศาสนา" ปู่ย่าตอบ "รู้ซะบ้างที่ซุกหัวนอนอยู่นะที่ใคร" การนำตน กรอบของตน ไปวางซ้อนทับคนอื่น แล้วตีความโดยการแต่งเติมเอง มักก่อปัญหา เพราะเจตนาจริงของคนดังภาพ รึภาพพระละหมาดที่เราเคยเห็น เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน แต่สังคมไทยที่เราอยู่กันมาได้จนทุกวันนี้ เพราะเรายังมีบุคคลแบบดังภาพหลงเหลืออยู่ แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 13:22:34

ความคิดเห็นที่ 8 การทำทาน ที่ประเสริฐ คือ การให้ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ความเชื่อศรัทธา และหรือ อื่นๆ เพราะวัตุประสงค์ของการให้ คือ การสลาย-ลด ความตะหนี่ถี่เหนียว ความเป็นตัวเราของเรา ความเป็นพวกเรา พวกเขา หากหลักศรัทธาใด ห้าม สาวกตนเอง ทำทาน-ให้ แก่ ผู้อื่น นอกจากพวกตัวเอง ก็แสดงว่า หลักศรัทธา นั้นๆ  ไม่ใช่หลักธรรมชาติสากล ในก้นบึ้งจิตใจของมนุษย์ ที่แม้แต่ คนป่าไร้ศาสนา ก็ยังไม่กระทำกัน จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:09:55

ความคิดเห็นที่ 9 ดูเหมือนแปลกแต่ไม่แปลกครับ ... มุสลิมให้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ครับ ไม่ได้ให้ในฐานะที่พระท่านเป็นนักบวช ผมก็เคยให้ของกับพระเหมือนกันครับ   แต่ให้ตอนที่พระท่านนั่งบนรถไฟ ไป กทม ผมได้ที่นั่งติดกับพระครับ เป็นเพื่อนนั่งคุย ถึงหัวลำโพงเลยทีเดียว ถ้าใช้คำผิดขออภัยด้วยนะครับ... จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วภาพนี้ล่ะ ลองอ่านความเห็นในกระทู้นี้ดูนะ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/05/Y7840265/Y7840265.html จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:36:05

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าให้ทานธรรมดา ให้ใครก็ให้ได้ครับ ที่บ้านผม เลี้ยงข้าวพระ ก็มีนะครับ เพราะไม่ได้ทำบุญ แต่ถ้าเป็นการใส่บาตรตามพิธีกรรมนั่นไม่ได้ครับ เพราะนั่นคือทำเป็นพิธีกรรม ลองถามบ้าง ถ้าผมแก่กว่าพระ พระไหว้ผมได้ไหมล่ะ แล้วถ้าผมบอกว่า ศาสนาใดไม่สอนให้รู้จักให้เกียรติผู้อาวุโส ศาสดานั้น ศาสนา นั้นใจแคบ ไม่เป็นสากล หรือถ้าไม่ยอมไหว้พ่อแม่ ศาสดาศาสนานั้น อกตัญญู ใจแคบ ไม่เป็นสากล ใช้ได้ไหม อยากให้คิดครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:38:02

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ ^ อะนะ นักขุดจริงๆ เอิ๊กๆ แต่ว่าไป ป้าหนอนแกก็หายไปเลยเนาะ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:44:03

ความคิดเห็นที่ 13 สาธุ ท่านคนไทยมุสลิม ในภาพ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:44:18

ความคิดเห็นที่ 14 เราเคยให้น้ำดื่มพระเหมือนกันค่ะ ท่านเดินทางมาแล้วแวะที่ร้านและขอทานน้ำค่ะ เราก็เลยไปซื้อมาให้กับท่าน แต่ไม่ได้ใส่บาตรน่ะค่ะท่านให้วางไว้แล้วท่านก็หยิบค่ะ ตอนนั้นก็ยังเด็กงงๆๆน่ะค่ะว่าทำไม่ไม่รับกับมือ พระท่านก็คงไม่รู้ว่าเราเป็นอิสลาม พอโตมาถึงได้รู้ว่าพระโดนผู้หญิงไม่ได้ เวลาเดินผ่านพระก็เลยต้องหยุดให้ท่านเดินผ่านไปก่อน หลังจากนั้นเวลาพระท่านมาบินทบาตรแถวร้านเรา ถ้าวันใหนพระท่านได้น้ำที่เป็นแพ็คเยอะ แล้วถือไม่ใหว ท่านก็จะเอามาให้ที่ร้านเราค่ะ เราก็ยกมือใหว้ท่านเหมือนผู้ใหญ่ให้ของค่ะ จากในรูปเราคิดว่าเขาคงให้ในฐานะผู้ที่อยู่ร่วมโลกกัน แถบนั้นอาจจะมีพุทรอยู่น้อย ไม่ค่อยมีคนใส่บาตรหรือป่าว อย่างที่พี่จิมว่า แถวอยุทธยาก็มีบางวัดที่มุสลิมเอาอาหารไปให้ทาน เพราะแถวนั้นมีมุสลิมอยู่มาก คนพุทรอยู่น้อย จากคุณ : สวยหน้าใส เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 14:47:33

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจครับ ขอบคุณๆ จขกท ด้วยที่  นำเรื่องนี้มาลงให้เห็น ซึ่ง แสดงให้เห็นแล้ว่า เรา  มุสลิมและพุทธศาสนิกชน ต่างก็มีความเมตตา  กรุณา  ด้วยกันทั้งสองฝ่าย พระท่านก็ทำละหมาด  ในมัสยิดได้ มุสลิมก็ ทำกุศลทาน (ซะกาต) ต่อ  ผู้ต่างศาสนิกได้,  ตักบาตร แสดงความเมตตา  กรุณา ต่อผู้บวชเรียนธรรมทางพระพุทธศาสนาได้     จากกระทู้นี้ ทำให้เห็นว่าสร้างความสามัคคี ด้วย การให้นี้ ไม่มีข้อจำกัด ในความแตกต่างของความ ศรัทธา  และทำให้ มุสลิมและพุทธศาสนิกชน มีความ คิดเห็นพ้องกันว่า พุทธศาสนิกชน และ มุสลิม หาใช่ อื่นไกล เราคือพี่น้องกัน ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คน เป็นคนเลว ความเข้าใจร่วมกันเช่นนี้ทำให้มิตรภาพ ระหว่างความแตกต่างในความศรัทธากระชับแน่น ดัง เช่นการสนทนาในกระทู้นี้  ขอบคุณต่อ จขกท. ที่นำ เรื่องเช่นนี้มาลง   การจ่ายซะกาตโดยการตวงข้าวสารประจำปีของมุสลิม เป็นการทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตามหลักการของ อิสลาม มุสลิมจึงอาจจะทำร่วม กับ การตักบาตรข้าว สารทางพุทธศาสนาได้ ถ้ามุสลิมสามารถที่จะ เข้าใจได้ ว่า นั้นคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่พิธีกรรมทาง ศาสนา ในแง่คิดของมุสลิม จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:05:14

ความคิดเห็นที่ 16  ภาพที่เห็นเป็นการใส่บาตร ในตลาดใหญ่ซึ่งไม่ใช่ ในสถานที่ทุรกันดาร ซึ่งเป็นการกระทำของมุสลิม ด้วยเจตนาที่ดี ซึ่งมุสลิมควรร่วมกันทำเป็นประจำ โดยไม่จำกัดว่า พระท่านมีความ จำเป็นหรือความ ยากลำบากหรือไม่ แต่ประการใด แต่มุสลิมต้องการ ทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยไม่จำกัดอยู่ที่กาลเว ลาและสถานที่และความจำเป็นหรือไมก็ตาม ข้อสำคัญก็คือ มุสลิมถือว่าการกระทำจะเป็นบาป หรือไม่อยู่ที่เจตนาของมุสลิมผู้ปฏิบัติ ถ้าการปฏิบัติ ในการใส่บาตร อย่างที่เห็นในภาพข้างบนนี้ มุสลิม ไม่ถือว่าเป็นพิธีกรรมทางศาสนา ผู้รู้มุสลิมก็สอนว่า สามารถที่จะกระทำได้เป็นประจำ ถ้ามุสลิมสามารถที่จะใส่บาตร์ได้เป็นประจำ จะทำให้ เกิดความสามัคคีตามทุกๆมุมเมืองในประเทศไทย สัง คมไทยเราก็จะมี แต่ความสงบ   ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า มุสลิมจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า การใส่บาตรนั้นไม่ใช่ พิธีกรรมทางศาสนาที่มุสลิมทำ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนได้โดยไม่ผิดหลักการของอิสลาม  จขกท  กรุณาอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับการใส่บาตรพระ  ว่าเป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือไม่ เพื่อมุสลิมจะได้เข้า  ใจและวางเจตนาได้ถูกต้อง เวลาใส่บาตร แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 16:35:20 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:24:46

ความคิดเห็นที่ 17 ขอคารวะท่าน แมทท์ ผู้ที่มีความเป็นมุสลิมที่แท้จริงตามที่ยกย่องกันในสังคมโลก และเป็นตัวแทนชาวมุสลิมแห่งสันติอย่างแท้จริง แม้จะมีบางส่วนของมุสลิมที่บิดเบือนคำสอนให้ผิดเพี้ยนไปบ้าง ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมโลก แต่ท่านก็ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยสมานรอยแตกร้าวนั้นให้ดีขึ้น ขอให้ท่านมีความสุข และมีกำลังกาย กำลังใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่มีเกียรติ์นี้ตลอดไป ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:39:36

ความคิดเห็นที่ 18 มุสลิม ถวายอาหารตอนพระบินทบาทไม่ได้ บาป   ละก็มุสลิมจะอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ศัทธาในผู้สร้างและศาสดามาปฎิบัติศาสนกิจละหมาดพร้อมกับมุสลิมไม่ได้ การสมานฉันคือการเข้าใจเขาเข้าใจเรา การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ------------------------------------------------------------¬ [109:1] จงกล่าวเถิด มุฮัมมัดว่า โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย [109:2] ฉันจะไม่เคารพภักดีสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่ [109:3] และพวกท่านก็ไม่ใช่เป็นผู้เคารพภักดีพระเจ้าที่ฉันเคารพภักดี [109:4] และฉันก็มิใช่เป็นผู้เคารพภักดีสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดี [109:5] และพวกท่านก็มิใช่เป็นผู้เคารพภักดีพระเจ้าที่ฉันเคารพภักดี [109:6] สำหรับพวกท่านก็คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:59:29

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ ใจนิ่ง สังกัด กลุ่มวาฮาบี หรือเปล่าครับ ( ขอโทษหากใข้ศัพท์ผิด ไม่ทราบจะเรียกว่า นิกายหรือกลุ่ม ) จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:23:51

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ  Faraday  ขอบคุณมากครับที่ให้ความนับถือต่อผม ขอให้เราถือว่า คบเป็นเพื่อนกันแล้วกันครับ,โดยเฉพาะท่านสมาชิกศาสนิก ชนในห้องนี้ และในกระทู้นี้ ถ้าล่วงเกินอะไรกัน ก็ขออภัย ต่อกันแล้วกัน ความสามัคคีและมิตรภาพเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง สำหรับเราทุกๆท่าน และสังคมไทยเราโดยรวม    ขอบคุณในเจตนาที่ดีของคุณครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 17:56:50 แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 17:54:41 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:29:25

ความคิดเห็นที่ 21 คุณใจนิ่ง อัสลามุอะลัยกุมครับ คุณเป็นมุสลิมอีกท่านหนึ่งที่พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศรัทธาต่ออิสลาม   ขอบคุณที่ตอบความข้องใจของผม และแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างไม่กำ กวม   คุณคิดอย่างไรในภาพที่เห็นนี้  ผมคิดว่าคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมเขียน "การสมานฉันคือการเข้าใจเขาเข้าใจเรา การเอาใจเขามาใส่ใจเรา" ข้อความนี้แหละครับที่ถูกต้อง ที่ผมอยากเห็นมุสลิมทุกๆท่านคิดอย่างคุณ วัสลาม แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 17:43:49 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:43:03

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนอื่นต้องขออภัยนะครับ ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา แต่จะขออภัยยิ่งกว่า ถ้าจะบอกว่า พวกคุณที่แสดงความคิดเห็นนั้น "ได้ตอบอะไร ที่เป็นประเด็นที่ผมถามหรือไม่" --- ส่วนตัวผมเอง ต้องการถามเพื่อนมุสลิมโดยตรงนะครับ เพราะต้องการความรู้จริงๆ เพียงแต่ว่า คนที่ comment ใต้ภาพที่ผมนำมานั้น เค้าเหล่านั้นกล่าวด้วยความชื่นชม ซึ่งผมเห็นว่าก็ดีครับ เพียงแต่ว่า มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้นกัน หากผมเสริมว่า การบิณฑบาตของพระนั้น เป็นการขอข้าว ขออาหารทาน ก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่พระต้องทำ และมีนัยยะของการสร้างสัมพันธ์ักับคนในชุมชนด้วย (หากผู้ให้จะเป็นประโยชน์ ของงานที่พระท่านทำในวัด เพื่อเลี้ยงชีวิตคน) แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของพิธีีกรรมใดๆ นะครับ (ที่แม้การให้พรกับโยม นั้นเป็นการขอบคุณด้วยภาษาบาลี) ดังนี้แล้ว มองว่าหากในภาพเป็นสตรีมุสลิม ที่ใส่บาตรด้วยอาการให้ ในฐานะของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ จะจัดเป็นข้อที่เว้นให้พอกระทำได้ใช่มั้ยครับ? (และผมเข้าใจถึง บทบัญญัติอิสลาม ที่เว้นจากการแสดงความเคารพ นักบวชอื่น ด้วยการไหว้อยู่แล้ว และผมก็รู้สึกสนับสนุนให้ทำเช่นนั้น ไม่ว่าพระกับชาวมุสลิมจะเคยเป็นเพื่อนกันก็ตาม -- การแสดงออกซึ่งความรักต่อมิตร ทำได้หลายวิธี เช่นการยิ้มให้ ทักทาย ฯลฯ) จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:02:17

ความคิดเห็นที่ 23   หากผมเสริมว่า การบิณฑบาตของพระนั้น เป็นการขอข้าว ขออาหารทาน ก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่พระต้องทำ และมีนัยยะของการสร้างสัมพันธ์ักับคนในชุมชนด้วย (หากผู้ให้จะเป็นประโยชน์ ของงานที่พระท่านทำในวัด เพื่อเลี้ยงชีวิตคน) แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของพิธีีกรรมใดๆ นะครับ (ที่แม้การให้พรกับโยม นั้นเป็นการขอบคุณด้วยภาษาบาลี) ดังนี้แล้ว มองว่าหากในภาพเป็นสตรีมุสลิม ที่ใส่บาตรด้วยอาการให้ ในฐานะของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ จะจัดเป็นข้อที่เว้นให้พอกระทำได้ใช่มั้ยครับ?        คุณใจนิ่งจะอธิบายอย่างไรครับ เจ้าของกระทู้ อธิบายว่า   "การใส่บาตรไม่ใช่พิธีกรรมทางศาสนาพุทธ" ดังนั้นก็ไม่ต่าง    จากการเลี้ยงอาหารพระที่บ้านใช่ไหมครับ? แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 18:13:15 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:10:54

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 19 ใช้คำว่ามุสลิมสายกลับสู่รากฐานดั่งเดิมของศาสนา หรือสายตีความตามตำราอย่างเคร่งครัด จะดีกว่า  หรือถ้าชื่อ ในทางศาสนาอย่างเป็นทางการ คือซาลาฟี  (คนละกลุ่มกับพวกที่อ้างตัวว่าเป็นซาลาฟีแล้วไปก่อการร้าย นะครับ ) คือกลุ่มคนที่มุ่งปฎิบัติตามเฉพาะชนกลุ่มแรกเท่านั้น ประมาณ 300 ปีแรก  และจะปฎิเสธหลักศัทธาและหลักปฏิบัติในทางศาสนาที่เกิดขึ้นในยุคต่อมาอย่างเด็ดขาด  ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้มีการศึกษาปัญญาชน ทีวีมุสลิมในประเทศไทยทุกช่องล้วนเป็นสายนี้หมด และต่างศาสนิกที่เพิ่งเปลียนมานับถืออิสลามที่ศึกษาจากตำราหรืออินเตอร์เน็ตหรือตามสถาบันสอนศาสนาอิลามต่างๆที่ดูแลโดยคนกลุ่มนี้ จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:44:23

ความคิดเห็นที่ 25 ผมไม่ใช่วะฮาบีอ่ะครับ  แต่คิดว่ามุสลิมสามารถทำได้ หากเป็นการให้เพื่อมนุษยธรรมเท่านั้น  หากให้ในรูปแบบเกี่ยวกับพิธีกรรมหรือเรียกว่าตักบาตรคงจะไม่ได้เด็ดขาด เว้นแต่พระเดินบิณฑบาตร แต่ไม่มีชาวพุทธเหรือมีน้อยในชุมชน แล้วพระไม่มีอะไรฉัน ก็สามารถให้ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 20:46:42 จากคุณ : Lawsgod เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:45:55

ความคิดเห็นที่ 26 มันก็จะวนไปถึงเรื่องขอบเขตของคำว่าพิธีกรรมนั่นละ ซึ่งอายะห์ ที่เกี่ยวกับประเด็นนี้ ก็มีอยู่ไม่กี่อายะห์ ถ้าจำได้ก็เหมือนเคสเรื่องอาหารเจ ซึ่งถ้าเปิดประเด็นก็จะไม่จบ เมื่อไม่จบที่อายะห์ ก็จะมาต่อกันที่ฮะดิษซึ่งก็จะไม่จบอยู่ดี ผมแนะนำว่าให้เลือกด้วยตัวเอง แล้วตายไปก็ไปตอบกันเอง ส่วนตัวผมว่าทำได้และเป็นสิ่งที่ดี เท่าที่ดุ ภาพน่าจะเป็นทางอินโด ไม่ใช่ไทย และการทำไม่ใช่การทำ ทุกวันแบบการตักบาตรของคนพุทธ แต่ทำเฉพาะกิจ ด้วยเหตุอะไรไม่ทราบ แต่ ที่สำคัญ ผมเห็นรอยยิ้ม นั่นก็มากพอแล้ว ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลก และ ผมเชื่อว่าทำได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นสมมุติวัดโดนน้ำท่วม พระออกบิณฑบาตรไม่ได้ คงไม่มีมุสลิทที่ไหน แล้งน้ำใจ ก็ช่วยเหลือกันตามที่ช่วยได้ สิ่งสำคัญที่สุด ที่ไว้เช็กว่า เราทำได้หรือไม่ได้ คือคำถามที่ว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นการตั้งภาคีหรือไม่ เราทำไปทำไม เราใส่บาตรพระ เพราะคิดว่าจะได้บุญแบบพุทธหรือไม่ หรือ หวังผลบุญชาติหน้าชาตินี้หรือไม่ ตรงนั้นคือจุดที่ทำให้ต่าง และแบ่งว่า ทำได้หรือไม่ได้ เรื่องนี้ แม้แต่มุสลิมที่เคร่งศาสนาทางใต้เองผมว่าไปไกลพอสมควร ถ้าไปถามว่า ใส่บาตรพระ ใส่ได้ไหม คงตอบว่าไม่ได้ แต่ถ้าให้หากฤษ์หายาม วันแต่ง  หนะ ทำได้ทันที มันก็ย้อนแย้งในตัวตั้งแต่แรกแล้วว่า ตกลงมันยังไง สุดท้ายก็แล้วแต่ จะยึดครับ อายะห์อัลกุรอานว่าอย่างไรก็เขียนไว้ชัดเจน แต่จะยึดอะไร ให้รุ้ลึกๆถึงใจตัวเองก็พอ ถ้ามั่นใจจะทำอะไรก็ทำไป ตายไปเดี๋ยวค่อยไปโดนสอบเอาอีกครั้งหนึ่งเอง และโดนกันทุกคน แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 13:53:48 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 13:52:01

ความคิดเห็นที่ 27 เรียกว่า หากจะใส่บาตรพระ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ ก็คงจะไม่น่าจะเป็นไรใช่มั้ยครับ และที่สำคัญมุสลิม ก็ควรจะตระหนักถึงทัศนคติ ปฏิปทาในคำสอนแบบมุสลิม ถึงการให้ ที่ยังอยู่ในกรอบของหลักการของพระเจ้า เพื่อทำให้ การให้นั้นเป็นสิ่งที่ได้กับตัวเองและรอบข้าง เช่นนี้พอได้ไหมครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 18:47:55

ความคิดเห็นที่ 28 ขออ่านทุก user แบบผ่าน ๆ ละกันครับ .. ส่วนเรื่อง ภาพนั้น โดยส่วนตัว ผมมองแค่ว่า "น่ารักดีครับ" อยากให้อยู่ร่วมกันแบบนี้ .. เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ๆ ครับ จากคุณ : tothza_one เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 15:23:00

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ จขกท 1.  ดูแล้วน้ำหนักน่าจะเป็นมุสลิมจริงๆ  ไม่ใช่แต่งตัวให้เหมือน 2. ถ้าที่เห็นคือการบิณฑบาตร  รับอาหารเพื่อฉันเพล   ซึ่งเป็นศาสนกิจเป็นจารีตพุทธ   มุสลิมจะเข้าร่วมไม่ได้เพราะมุสลิมถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมศาสนกิจของศาสนาอื่น   ฉันใดก็ฉันนั้น มุสลิมก็จะไม่ไปชวนพระภิกษุให้มาฉันอาหารมื้อเย็นหรือมื้อค่ำ หรือนุ่งกางเกง  มุสลิมจะไม่อ้างว่าเป็นการสมานฉันท์ ซึ่งละเมิดและผิดจารีตพุทธ ต้องยอมรับว่า เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง  แต่ด้วยกับความไม่รู้ของมุสลิมเอง  เมื่อรู้แล้วก็ขออภัยโทษต่อพระผู้เป็นเจ้าและไม่กลับไปทำอีก อิสลามไม่ได้ห้าม  ปฏิสัมพันธ์กับต่างศาสนิกหรือปฏิสัมพันธ์กับนักบวชของศาสนาอื่น  เพราะพวกเขาก็คือลูกหลานอาดัมเหมือนกัน  ตราบที่ยังไม่ไปเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางความเชื่อหรือศาสนาอื่น จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:02:33

ความคิดเห็นที่ 30 คห 28  และผู้อื่นที่มอง  ว่าดี  หรือน่ารักดี มันคงจะไม่น่ารักดีในสายตาชาวพุทธและมุสลิม    ถ้าหากว่าจะสมานฉันท์ เจอกันครึ่งทางคือ สมมติ จัดให้พระมาบิณฑบาตรในช่วงเย็นหรือค่ำ  โดยให้มุสลิมมีส่วนรวมด้วย หลังจากนั้นก็นั่งกินข้าวกินอาหารร่วมกัน มื้อเย็นมื้อค่ำนั้นเลย   มันคงจะกระอักกระอ่วนใจพิลึก ศาสนาท่านก็ของท่าน  ศาสนาฉันก็ของฉัน   นั้นแหละถูกต้องแล้ว  ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันเลยในเรื่องศาสนา ใจเขาใจเราครับ  ต้องขออภัยถ้ายกตัวอย่างแล้วอาจดูรุนแรงไป จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:10:00

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนเรื่องภาพ พระภิกษุห่มจีวร กำลังละหมาดนั้น มันดูขัดๆ  ถ้าจะให้ถูก ก็ใส่ชุดธรรมดาแล้วละหมาด  มันจะได้ไม่เป็นปัญหาในภายหลังถ้ามีคนจะเอาภาพมาโจมตี อันนี้ว่าไปตามภาพ  เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่รู้รายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:14:38