อภิภายตนะ เป็นเรื่องการเข้าฌานสมาบัติของผู้ที่มีความชำนาญในการเข้าสมาบัติ
มีการครอบงำ (เว้น) จากรูปที่มีอารมณ์เล็กน้อย เป็นต้น
(เรื่อง อภิภายตนะ จะให้อธิบายให้เป็นภาษาง่ายๆอย่างถูกต้อง คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ)
จึงจะขอช่วยยก พระบาลี และบทแปลไทย พร้อมทั้งอรรถกถา มาแสดงเป็นลำดับไว้ให้ดังนี้นะครับ
____________________________________________________
จาก อภิภายตนสูตร
____________________________________________________
[๑๖๒] อฏฐิมานิ ภิกฺขเว อภิภายตนานิ ฯ
[๑๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุเป็นเครื่องครอบงำ ๘ ประการนี้
กตมานิ อฏฐ
๘ ประการเป็นไฉน
อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ
คือ คนหนึ่งมีรูปสัญญาในภายใน เห็นรูปในภายนอกเล็กน้อย
สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ ตานิ อภิภุยฺ ชานามิ ปสฺสามีติ เอวํสญฺญี โหติ
ทั้งมีผิวพรรณดี ทั้งมีผิวพรรณทราม ย่อมมีความสำคัญอย่างนี้ว่า
เราครอบงำรูปเหล่านั้นแล้วจึงรู้จึงเห็น
อิทํ ปฐมํ อภิภายตนํ ฯ
นี้เป็นเหตุเครื่องครอบงำประการที่ ๑
____________________________________________________
(อรรถกถา)
บทว่า อภิภายตนานิ แปลว่า เหตุแห่งการครอบงำ.
ครอบงำอะไร?
ครอบงำธรรมอันเป็นข้าศึกบ้าง อารมณ์บ้าง.
จริงอยู่ เหตุแห่งการครอบงำเหล่านั้น ย่อมครอบงำธรรมอันเป็นข้าศึกโดยภาวะเป็นปฏิปักษ์ ครอบงำอารมณ์โดยภาวะที่บุคคลมีญาณสูงยิ่งขึ้นไป.
ก็ในคำว่า อชฺฌตฺตํ รูปสญฺญี ดังนี้เป็นต้น ย่อมชื่อว่าเป็นผู้กำหนดรูปภายใน ด้วยอำนาจบริกรรมรูปภายใน.
จริงอยู่ ภิกษุเมื่อกระทำบริกรรมนีลกสิณในภายใน ย่อมกระทำที่ผมที่ดี หรือที่ดวงตา. เมื่อกระทำบริกรรมปีตกสิณ ย่อมกระทำที่มันข้น ที่ผิวหนัง ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า หรือที่ตำแหน่งสีเหลืองของดวงตา. เมื่อจะกระทำบริกรรมโลหิตกสิณ ย่อมกระทำที่เนื้อ ที่โลหิต ที่ลิ้นหรือที่ตำแหน่งที่มีสีแดงของดวงตา. เมื่อจะกระทำบริกรรมโอทาตกสิณ ย่อมกระทำที่กระดูก ที่ฟัน ที่เล็บหรือที่ตำแหน่งที่มีสีขาวแห่งดวงตา.
ก็สีนั้นเขียวสนิท เหลืองสนิท แดงสนิท ขาวสนิท ก็หาไม่ เป็นสีไม่บริสุทธิ์ทั้งนั้น.
บทว่า เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ความว่า บริกรรมอันหนึ่งของภิกษุใดเกิดขึ้นในภายใน แต่นิมิตเกิดภายนอก ภิกษุนั้นชื่อว่ากำหนดรูปภายในด้วยอำนาจบริกรรมภายใน และอัปปนาภายนอก เรียกว่า เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ แปลว่า รูปีบุคคลผู้ได้รูปฌานผู้หนึ่ง ย่อมเห็นรูปภายนอก.
บทว่า ปริตฺตานิ ได้แก่ ไม่ขยาย.
บทว่า สุวณฺณานิ ทุพฺพณฺณานิ แปลว่า มีวรรณะดีหรือวรรณะเลว.
พึงทราบว่าตรัสอภิภายตนะนี้ ด้วยอำนาจปริตตารมณ์นั่นเอง.
บทว่า ตานิ อภิภุยฺย ความว่า คนผู้มีไฟธาตุดี ได้อาหารเพียงทัพพีเดียว คิดว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะพึงกินในอาหารนี้ จึงรวบมาทำให้เป็นคำเดียวกัน ครอบงำรูปเหล่านั้นด้วยคิดว่า จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะพึงเข้าสมาบัติในปริตตารมณ์นี้ นี้ไม่เป็นความหนักใจสำหรับเรา ดังนี้แล้วจึงเข้าสมาบัติ. อธิบายว่า ภิกษุนั้นย่อมถึงอัปปนาในอารมณ์นี้ พร้อมกับทำนิมิตให้เกิดขึ้นนั่นแหละ.
ก็ด้วยบทว่า ชานามิ ปสฺสามิ นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงความผูกใจของภิกษุนั้น ก็แหละความผูกใจนั้นแลย่อมมีแก่ภิกษุผู้ออกจากสมาบัติ ไม่ใช่มีในภายในสมาบัติ.
บทว่า เอวํสญฺญี โหติ ความว่า เป็นผู้มีความสำคัญอย่างนี้ ด้วยอาโภคสัญญาบ้าง ด้วยฌานสัญญาบ้าง. เพราะอภิภวนสัญญา สัญญาในการครอบงำ ย่อมมีแก่เธอแม้ในภายในสมาบัติ แต่อาโภคสัญญา สัญญาในการผูกใจ ย่อมมีแก่เธอผู้ออกจากสมาบัติเท่านั้น.