|
พระอภิธัมมัตถสังคหะ http://abhidhamonline.org/aphi/p9/123.htm ลำดับของบารมี
ตอนที่กล่าวถึงเนกขัมมบารมีอันเป็นลำดับที่ ๓ นั้นได้กล่าวว่าเนกขัมมบารมี เป็นหัวใจแห่งบารมี ๑๐ ทัส ก็น่าจะสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ยกหัวใจขึ้นมาแสดงก่อนเป็นลำดับแรก แต่แสดงทานบารมีและสีลบารมีก่อนเป็นลำดับที่ ๑ และ ๒ ที่เป็นเช่นนี้ ก็ด้วยเหตุว่า
บุคคลทั้งหลาย ย่อมมีความตระหนี่เป็นนิสสัยสันดานด้วยกันทั้งนั้น ต่างกันแต่ว่ามีมากหรือน้อย การสร้างบารมีต้องทำลายความตระหนี่ให้ลดลงเสียก่อนดังนั้นจึงได้ทรงยกเอาทาน เป็นปฐมบารมี --------------------------------------------------
พันธนาคารชาดก
เรือนจำที่แท้จริง http://www.dhammathai.org/chadoknt/chadoknt225.php ! ! !
วันหนึ่ง ฤาษีนั้นขณะนั่งบำเพ็ญเพียรได้รำลึกถึงชีวิตของตนเอง จึงเปล่งอุทานเป็นคาถาว่า
"นักปราชญ์ไม่กล่าวเครื่องผูกที่ทำด้วยเหล็ก ทำด้วยไม้ และทำด้วยหญ้าปล้องว่าเป็นเครื่องผูกที่มั่นคง ส่วนความกำหนัดยินดีในแก้วมณีและต่างหูก็ดี ความห่วงใยในบุตรและภรรยาก็ดี, นักปราชญ์กล่าวเครื่องผูกที่ประกอบด้วยกิเลสนั่นว่าเป็นเครืองผูกที่มั่นคง ทำให้สัตว์ตกต่ำ ย่อหย่อนแก้ได้ยาก นักปราชญ์ทั้งหลายตัดเครื่องผูกนั้นได้ขาด หมดความห่วงใย ละกามสุข หลีกออกไปได้"
ฤาษีบำเพ็ญเพียรอยู่เช่นนี้จนสิ้นชีวิตไปเกิดที่พรหมโลกในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เรือนจำ (เครื่องผูก) ที่แท้จริงของมนุษย์คือ ลูกภรรยา สามี และทรัพย์สินศฤงคาร
--------------------------------------- http://www.abhidhamonline.org/Ajan/article.htm
ผู้ถึงกระแสพระนิพพาน http://www.abhidhamonline.org/Ajan/Sua/krasae.doc
บวช มาจากคำว่า ปวช (ปะ-วะ-ชะ) แปลว่า ออกจาก ไม่ได้แปลว่าโกนหัวเลย ไม่ได้แปลว่าห่มเหลือเลย ไม่ได้แปลว่าเที่ยวขอเลย แล้วชีวิตของเราถ้าไม่ออกจากจะคลุกคลีอยู่กับอะไร อยู่กับ โลภ โกรธ หลง อยากได้ อุปาทาน ยึดมั่นแสวงหาที่เกิด แต่ผู้ออกจาก คือออกจากโลภ โกรธ หลง และการเสวงหาการเกิด แล้วอะไรที่เป็นตัวการให้อยู่กับพวกนี้ ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผู้ที่ออกบวชจึงเป็นผู้ปวารณาตัว ออกจากกามตัณหา ความยินดีติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปวารณาออกจากความยึดมั่นในเรื่องไร้สาระ เช่น ลาภยศต่าง ๆ ออกจากความยึดมั่นในอารมณ์อันเป็นสุขเป็นทุกข์
ผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนามีกิจอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือกิจที่ต้องพยายามออกจากการพัวพันชีวิตไว้กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่มีชิวิตเนื่องด้วยตัณหา อุปาทาน จึงจะเป็นนักบวชที่แท้จริง ดังนั้น พระอรหันต์จึงครองชีวิตอยู่ในความยึดมั่นหรือครองเรือนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะรู้ว่าเป็นภัยเป็นโทษ เปรียบเสมือนไฟกำลังไหม้บ้าน ควันก็เข้าตา ร้อนก็ร้อน ใครจะทน มีใครทนไหม ร้องหาทางหนี อยู่ไปก็ตายแน่ เพราะรู้ว่านี่ก็เป็นกิเลส ทำให้ต้องมีการเกิด นี่ก็เป็นโทษ นี่ก็เป็นภัย เมื่อเป็นผู้กลัวภัย จึงต้องพาตนเองออกจากภัยนั้น บวชจึงเท่ากับออกจาก ไม่ใช่ว่าจะต้องโกนหัว เพราะว่าพระอรหันต์ไม่ได้สำเร็จในเพศชาย ผู้หญิงก็สำเร็จได้ --------------
สาธุกับเจ้าของกระทู้อีกครั้ง ขอให้สั่งสมบารมี ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะ เนกขัมมบารมี ที่ทำได้ยากยิ่ง และการ ปะ-วะ-ชะ ครั้งนี ขอให้ห่างไกลจากกามคุณทั้งหลาย
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
11 เม.ย. 55 06:42:54
|
|
|
|
|