ความคิดเห็นที่ 1 "มิน่า เกิดปุ๊บ เดินได้ตั้ง7ก้าว แถมมีดอกบัวมารองรับทุกก้าวอีก เป็นกลไกการการข่มขู่สัตว์ผู้ล่านั่นเอง" ------------------- อ่านแล้วไม่เห็นว่าหมิ่นประการใด เขาตั้งข้อสงสัย..ไม่เชื่อ.. เมื่อไม่เชื่อก็โต้แย้งด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ไม่หลับหูหลับตาเชื่อไปตามตำนานที่เล่าขานมา.. แนวคิดของเขานั้นคือแนวคิดทางสังคมนิยม ที่เห็นว่าศาสนาคือเครื่องมือควบคุมสังคมของชนชั้นปกครอง กรณีตำนานเรื่องพระพุทธเจ้าประสูติออกมาก็เดินได้เจ็ดก้าว..มีดอกยัวรองรับ... โดยส่วนตัวแล้ว...ผมเองก็ไม่เชื่อ และเห็นว่านั่นคือการกำหนดอภินิหารเพื่อหนุนเสริมสถานะของพระองค์ให้กลายเป็นเหนือมนุย์ สะดวกต่อการครอบงำความคิดสิทธิ์ที่สูงกว่าของชนชั้นปกครองของระบบเทวสิทธิ์โบราณ การไม่เชื่อนั้นถือต้องที่สุดแล้วตามกาลมสูตร...หนทางแสวงหาความจริงของพระพุทธศาสนา คุณเสียอีก..แทนที่จะเข้าเสนอความเห็น...ชี้แจง.. กลับมาตั้งกระทู้ประณามทันทีว่าหมิ่นศาสนา.. เมื่อเขาไม่เชื่อ..แต่คุณเชื่อ.. ก็เข้าโต้กันดวยเหตุผลที่คุณเชื่อ... แต่ถ้าคุณบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ต้องศรัทธา ห้ามโต้แย้งตำนาน ผมก็สงสัยนะ..ว่าใครกันแน่ที่เป็นพุทธศาสนิกชน แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:09:27 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:08:27 จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:08:10

ความคิดเห็นที่ 2 พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้พูดไร้ประโยชน์หรือเหน็บแนมนะครับ คห.๑ จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:24:20

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนเรื่องของเค้า ให้เขาเจอเองดีที่สุดครับ เราคงแนะนำได้เพียงเล็กน้อย ถือว่าแนะนำในฐานะเพื่อนร่วมโลก เพื่อร่วมทุกข์ อีกอย่างคือ ถ้าเราไปสั่งไปสอน แต่เขาไม่ฟัง เขาก็จะไม่ฟัง แถมยิ่งจะเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อมากกว่าเดิมอีก จะเสียผลเอาได้ง่ายๆ นี่แหละที่ค่อนข้างลำบาก จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:27:44

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับผม คำอธิบายเรื่องการเกิดแล้วก้าวได้ 7 ก้าวนั้น เป็นการอธิบายในเชิงนามธรรมครับ หมายถึงเมื่อเกิดเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เผยแผ่ศาสนาไป 7 แค้วนหลัก ๆ จากจำนวน 16 แคว้นในสมัยนั้น จะมองว่าเป็นอภินิหารก็ได้ครับถ้ามองในแง่ของสังคมสมัยนั้นซึ่งถูกครอบคลุมไว้ด้วยความเชื่อเรื่องเทวดาต่าง ๆ ตัวอย่างที่คนไทยเราเจอบ่อย ๆ คือ การเขียนเรื่องราวให้เทวดาชั้นหัวหน้าอย่างพระอินทร์ต้องมารับใช้พระพุทธเจ้า ก็เป็นเทคนิกในการประกาศศาสนาอย่างหนึ่งของพระสมัยนั้น ผมหมายถึงสมัยทีพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วน่ะครับ เรื่องคนด่าว่าพระพุทธเจ้า ไม่ทำให้ศาสนาเสื่อมหรอกครับ ถ้าศาสนาจะเสื่อมก็เสื่อมดพราะผู้คนไม่ปฏิบัติตามคำสอน หรือบิดเบือนคำสอนมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:41:32 จากคุณ : วันวิสาข์ เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:34:27

ความคิดเห็นที่ 5 คห 1 ลองพิจารณาดูครับ  ว่าหมิ่นตรงไหน  ตรงที่บอกว่าเป็นกลไกข่มขู่ของสัตว์ผู้ล่า  ถามว่าคุณเข้าใจความหมายนี้เพียงพอหรือไม่ ไม่ต้องมาบอกว่าว่าใครหมิ่น หรือไม่หมิ่น คุณคิดอย่างไร ก็สุดแท้แต่ ในสังคมออนไลน์นี้ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็ฯแต่ต้องไม่ละเมิดหรือทำให้คนอื่นเดือนร้อน หรือกระทบความรู้สึกหรือเยาะเย้ยถากถาง จนเกินควร ถ้ามีคนพูดว่า พ่อแม่ของคนทุกคนทำให้พวกเราเกิดเพราะความใคร่ อยาก... ไม่ได้เกิดเพราะความรัก หรือปราถนาให้เราเกิด คุณจะรู้สึกอย่างไร ที่เกิดเพราะอย่างโน้นอย่างนี้ ที่ไม่ตรงกับความรู้สึกหรือการรับรู้ที่ถูกที่ควร เราจะเชื่อหรือช่วยกันชี้แจงแถลงไข หรือปล่อยให้ คนๆนั้นเชื่อแบบนั้นและขยายแนวคิดแบบนั้นออกไป จนสังคมไม่เป็นปกติสุขเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน    ขอให้ช่วยกันคิด  และเลิกเถอะครับ ไอ้การพูดว่าคนอื่นๆ ไม่ต้องมาสอนผม  ผมว่าผมโตมากพอที่จะรู้อะไรผิดถูกดีพอ ความตั้งใจเดิมคิดว่าจะไม่ตอบโต้ แต่เพราะบางคำพูดทำให้ผมต้องออกมาชี้แจงและทำความเข้าใจใหม่     ขอบคุณครับ จากคุณ : tonk (Dragonman) เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:36:58

ความคิดเห็นที่ 6 "มิน่า เกิดปุ๊บ เดินได้ตั้ง7ก้าว แถมมีดอกบัวมารองรับทุกก้าวอีก เป็นกลไกการการข่มขู่สัตว์ผู้ล่านั่นเอง" ความคิดเห็นที่ 2     มิน่า เกิดปุ๊บ เดินได้ตั้ง7ก้าว แถมมีดอกบัวมารองรับทุกก้าวอีก เป็นกลไกการการข่มขู่สัตว์ผู้ล่านั่นเอง จากคุณ : Kuroro Lucifer   เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 02:59:47   ถูกใจ : Captain_A, kaito[t/t3], Sgt.Oat ----------------- ถ้าพิจารณาข้อความที่โพสโดยละเอียด  จะเห็นเจตนาของผู้โพส (อาจจะมากหรือน้อย  กระทู้อยู่ในห้องหว้ากอ) แต่การเอาร่างกายไปกระทบสิ่งที่แข็งแกร่ง  มีแต่ได้รับผลอันไม่ดีต่อตน                     ผู้โพส  โพสด้วยเจตนาเช่นไร และผู้สนับสนุน  เขาเหล่านั้น ย่อมได้รับผลแห่งกรรม  ตามเจตนาที่กระทำนั้น จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:54:24

ความคิดเห็นที่ 7 "ข่มขู่สัตว์ผู้ล่า" ผมว่าก็ถูกต้องแล้ว  เพราะสัตว์ผู้ล่ามนุษย์ คือมาร ที่ล่าให้มนุษย์มาตกอยู่ใต้อำนาจของตนเอง การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า จึงเป็นการข่มขู่สัตว์ผู้ล่านั้น ว่า "เราอุบัติแล้ว เราจักพาสรรพสัตว์พ้นจากห้วงทุกข์ เธอจักล่าให้ใครต่อใครไปตกอยู่ใต้อำนาจของเธออีกไม่ได้" ถ้าเราตีความแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องโกรธต้องเคืองใคร และไม่จำเป็นต้องคิดว่ามีใครหมิ่นพระพุทธเจ้า แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:00:10 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:57:47

ความคิดเห็นที่ 8 "กลไกข่มขู่ของสัตว์ผู้ล่า" ทำไมจะไม่เข้าใจครับ.. เข้าใจและรู้จักประโยคนี้ดีมาก...จึงได้อธิบายให้คุณฟังว่ามันเป็นแนวคิดของสำหนักสังคมนิยม แนวคิดนี้อธิบายชนชั้นทางสังคมโดยอาศัยกฏธรรมชาติ.. คือผู้เข้มแข็งปกครองคนอ่อนแอ... สังคมยคแรกเกิดการปกครองขึ้มาจากการใช้กำลังบังคับ แต่เมื่อสังคมเจริญขึ้น..ความก้าวหน้าทางวัตถุมากขึ้น.. คนอ่อนแอนที่สุดก็สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้านั้นกำจัดคนที่แข็งแรงที่สุดได้ (ตัวอย่างง่ายๆ นะ....เช่นมนุษย์ก่อนยุคหินหัวหน้าคืผู้แข็งแรงที่สุด แต่เมื่อคนรู้จักอาวุธ...หัวหน้าก็อาจถูกลูกน้องที่อ่อนแอที่สุดฆ่าเอาด้วยอาวุธได้) แนวคิดสังคมนิยมอธิบายว่าเมื่อสังคมมาถึงจุดนี้ ต้องอาศัยความเชื่ออื่นมาสนัสนุนความชอบธรรมของผู้ปกครอง ศาสนาจึงเกิดขึ้น.. เพื่อควบุมมิให้ผู้ใต้ปกครองลุกขึ้นต่อต้าน.. จะเรียกว่าการข่มขู่ทางจิตใจก็ไม่ผิด... เอาล่ะอธิบายมากมา.. แล้วคุณเจ้าของกระทู้ล่ะ...เข้าใจความหมายของ คคห.2 อย่างไร ในเมื่อคุณเห็นว่าความคิดเขาเป็นหารหมิ่นศาสนา.. รบกวนช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหมว่า...คุณคิดว่าเขาหมิ่นอย่างไร? จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:57:58

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าไม่ต้องไปตีความอะไรให้มันมากมายหรอกครับ เจตนาตัวเดียวก็รู้แล้ว ... ป.ล. บังเอิญว่าเราไม่ทราบเจตนาของ คห.๒ ในกระทู้นั่นซะด้วยสิ จะตัดสินอะไรแทนเขาคงไม่ถูก หรือจะมาเถียงว่าจริงไม่จริงยังไง ก็ไม่เห็นมีใครรู้เรื่องจริงสักคน เอาแต่ตีความตามคัมภีร์บ้าง ตีความตามความเข้าใจตัวเองบ้าง ลงท้ายจะสรุปที่ไหน ใครจะตอบได้ ? จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 11:57:08

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเรื่องแต่งมาทีหลัง ถ้าเราเข้าใจกลไกมนุษย์ทารกเราถือว่าไม่สามารถมีชีวิตเกิด ได้ลำพังแบบสัตว์ทั่วไป  รวมทั้งการเดินสองขา  ก็ไม่สามารถทำได้เพราะกระดูกเชิง กรานยังไม่พัฒนาเต็มที่ครับ เวลาอ่าน พระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเพิ่งปักใจเชื่อ  ใครยังเชื่ออยู่ก็แล้วแต่เขา ถ้าคนเราต้องเชื่อแบบที่คนโบราณเขาเขียนไว้  เราก็ไม่ไปไหนสิครับ... บางเรื่องเขาเขียนเพื่อเป็นคำเปรียบ  หรือเขียนเพื่อการยกย่อง เราต้องอ่าน แล้วตีความเอา  ไม่ใช่อ่านแล้วคิดว่าเป็นตามตัวอักษรไปทั้งหมด จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 13:19:19

ความคิดเห็นที่ 11 ก็นั่นแหละ...ในเมื่อเราไม่ตีความ และไม่รู้อย่างแน่นอนว่าเจ้าของคำพูดต้องการสื่ออะไร.. เราจะเอามาประณามทันทีว่าเขาหมิ่นไม่ได้... สมมุติผมตั้งกระทู้ในชื่อว่า.. "ถ้าคุณพบพระพุทธเจ้า...จงฆ่าเสีย.." ผมจะโดนประณามไหม... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 13:29:16

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องราวปาฏิหารย์ของพระพุทธเจ้า รวมถึงชาดกต่างๆ มีสิ่งที่มนุษย์ปัจจุบันไม่อาจจะเชื่อได้มากมาย ความจริงเป็นอย่างไรนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่มีปัญญาถึงขนาด หรือเป็นสัพพัญญู คงไม่อาจล่วงรู้ได้ ป่วยการที่จะมาถกเถียงกันด้วยเรื่องเช่นนี้ เขาจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขามีเจตนาร้าย กรรมก็ตกเป็นของเขา เราอย่าไปเดือดร้อนเลย มีอะไรจะชี้แจงก็ชี้แจงไปด้วยเมตตาเถิด จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 13:47:25

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับ จขกท เราย่อมรู้ว่า คนพูดหมายถึงใคร  ท่านจะเดินได้หรือไม่ ก็ไม่ควรพูด เชิงกระแนะกระแหน ...จะสงสัยได้ก็ไม่มีใครว่า แต่ comment แบบเชิงให้เกียรติ สร้างสรรหน่อย จากคุณ : Karaone เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 18:48:47

ความคิดเห็นที่ 14 แสดงความเห็นแบบลบหลู่แบบนี้ ก็คงไม่ใช่คนที่นับถือศาสนาพุทธ เพราะคนที่นับถือศาสนาพุทธ ก็คงไม่เขียนดูหมิ่นศาสดาของตนเอง มนุษย์ปัญญาเท่าหางอึ่ง โอหังนัก จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 20:52:16

ความคิดเห็นที่ 15 คนที่เชื่อก็เชื่อแบบงมงายสุดๆไปเลย ใครไม่เชื่อไม่เห็นด้วยก็หาว่า ลบหลู่บ้าง ไม่ใช่พุทธบ้าง เป็นพุทธต้องโง่งมงายด้วยหรือ? คิดอะไรตามหลักตามเหตุผลไม่เป็นหรือ? อยากถามกลับเหมือนกันว่าที่นับถืออยู่นะ พุทธหรือฮินดูกันแน่ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 23:03:37

ความคิดเห็นที่ 16 พระไตรปิฎก เรื่องจริงเป็นยังไง ก็เขียนลงไปแบบนั้นครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อีกเรื่องหนึ่้ง จากคุณ : wkiet เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 23:18:46

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่มีอะไรจะออกความเห็น กรรมมีเจตนาเป็นที่ตั้ง พอดีไปเห็นเลยคัดลอกมาให้อ่านเล่น ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์ ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้ การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ 1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ 2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที 3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว 4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม 5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ 6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง 7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก 8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน 9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ 10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด จากคุณ : ดำดง เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 23:28:41

ความคิดเห็นที่ 18 คห 15 คนที่เชื่อก็เชื่อแบบงมงายสุดๆไปเลย ใครไม่เชื่อไม่เห็นด้วยก็หาว่า ลบหลู่บ้าง ไม่ใช่พุทธบ้าง เป็นพุทธต้องโง่งมงายด้วยหรือ? คิดอะไรตามหลักตามเหตุผลไม่เป็นหรือ? อยากถามกลับเหมือนกันว่าที่นับถืออยู่นะ พุทธหรือฮินดูกันแน่ ............................................................................................. เกี่ยวอะไรกับฮินดู งง  ++' เอ้อ แถมอีกนิด  คิดอะไรตามหลักตามเหตุผลนะก็คิดเป็น เรียนสายวิทย์จนจบโทนี่ก็สิบกว่าปี  แต่จะบอกว่า คุณเชื่อเรื่อง Supernatural ไหม  เค้าเรียกว่าปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้หล่ะค๊ะ ^^ จากคนพุทธ ไม่รู้งมงายหรือเปล่าที่เชื่อตามแนวทางของพระพุทธเจ้า จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 20:26:08

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าหากว่าอภินิหารของพระพุทธเจ้าจะมีจริงหรือไม่มีจริงก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีจริง 1,000,000 % เชื่อโดยไม่คลอนแคลน ไม่มีวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัย เพราะหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างมีอะไรที่เป็นอจินไตยย์เยอะ มนุษย์ปุถุชนคือผู้มีกิเลสหนา ย่อมไม่เชื่ออะไรได้โดยง่ายเลย ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบพระองค์นั้น แค่พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าวเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับข้าพเจ้า เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นยังมีอีกมากมาย ยากที่จะกล่าวถึง เช่น ไปโปรดพุทธมารดาในวันเข้าพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ การเหาะเหินเดินอากาสได้ เป็นต้น จาก...นิรันตราย  ดิถีศรีวรกุล.999999999 จากคุณ : สวัสดีครับสวัสดีค๋ะ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 12:57:10