Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กรรมทันตา โอ้..อินเดีย 10 ติดต่อทีมงาน

โอ้..อินเดีย 10

วันนี้พวกเรามาถึงเมือง...กุสินารา
ที่จริงมาถึง วัดไทยกุสินารา เอาตอนค่ำ ประมาณ 2 ทุ่ม
ผมเองก่อนจะมาอินเดีย งานยุ่งวุ่นวายมากซะจนไม่ได้ทำการบ้านหาข้อมูลอะไรเลย
พอรถจอดเทียบวัด ก้มหน้าก้มตาขนของกันลงมา
รีบวิ่งจู๊ดไปเข้าห้องน้ำกันชุลมุน จนกระทั่งได้ห้องพัก
ขอบอก...ห้องพักอย่างกับโรงแรมดี ๆ เลยนะ จะบอกให้
อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วลงไปทานข้าวที่โรงอาหาร ซึ่งวัดนี้แปลกกว่าที่อื่นทั้งหมด
บริเวณที่กินข้าว เรียกว่า...ท่าข้าว อยู่ชั้นล่าง
บริเวณที่บริการเครื่องดื่ม ประเภท กาแฟ น้ำชา น้ำองุ่น ....เรียกว่า ท่าน้ำ จะอยู่ชั้น 2
อาหารการกินก็ดูแลโดย คุณแม่ชี ทั้งหลายเช่นกัน
กับข้าวง่าย ๆ แต่อร่อยมาก เวลากินต้องยับยั้งชั่งใจโดยตลอด
แล้วก็เดินไปหากาแฟดื่ม ที่เรือนท่าน้ำ
พอเดินขึ้นบันไดถึงชั้น 2 ก็ต้องอึ้งกับ พระพุทธรูปปาง...ประสูติ
ทางวัดได้ออกแบบ จัดวางไว้อย่างสวยงาม และน่าดูม๊าก..มาก
ห้องที่ใช้นั่งดื่ม ก็จัดได้น่ารัก น่านั่งอย่างมาก...โรงแรมยังสู้ไม่ได้
คุณแม่ชี ที่คอยบริการเรื่องเครื่องดื่ม ท่านก็สุดยอดจะแสนดี
ชี้ชวนให้ดื่มน้ำองุ่น ที่ท่านได้มาแล้วเอามาปั่นคั้นเตรียมเอาไว้ให้ อ่ะ
โอ้...คุณเอ๊ย เวลาที่เราไปอยู่ต่างแดน ไม่ใช่บ้านเมืองของเรา
จิตใจมันก็วังเวงอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งที่ไปถึง...วัดไทย
ความรู้สึกว่า นี่..บ้านของเรา มันจะเข้ามาแทนที่ทันที
แต่นี่...ยิ่งได้น้ำใจจากคนไทยที่นี่ คุณแม่ชี ที่นี่
ถามถึงสารทุกข์สุขดิบ จากการเดินทาง...เหนื่อยมั๊ย อาบน้ำกันหรือยัง
กินข้าวแล้วหรือยัง...สารพัด
มันเหมือนกับ กลับบ้านมาเจอ...แม่...ที่คอยห่วงใยปลอบประโลม
นี่ท่านยังกุลีกุจอเตรียมจัดหา น้ำองุ่น น้ำชา กาแฟ อะไรต่อมิอะไรให้สารพัด
ให้ ฟรี..ฟรี...นะ ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน
ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ที่ปลดทุกข์ ให้ที่พัก...ให้น้ำใจอันใสเย็น..น..น
ให้เพราะพวกเรา...เป็นคนไทย
ให้เพราะพวกเรา...มาแสวงบุญ
แค่นั้นเอง....โอ้ เฮ้อ
พวกท่านไม่ใช่ คน ไม่ใช่ มนุษย์ แล้ว...
ท่านเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า แน่นอน

ตอนที่เดินไปกินข้าวกันน่ะ รีบ ๆ เดินกันไป ผ่านพระเจดีย์ขนาดใหญ่
อื้อฮือ...สวยจัง แล้วเราก็ยกมือไหว้
แต่อีตอนที่อิ่มข้าว อิ่มน้ำ อิ่มน้ำใจ เดินกลับมาห้องพักผ่านพระเจดีย์อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้...ทางวัดเปิดไฟส่องสว่าง ยิงสปอร์ตไลท์บางจุด
โอ้โฮ...เจ้าประคุณ เอ๊ย..ย...ย...
งดงาม...ตระการตา อย่างที่สุด
คำว่า สวย ใช้กับภาพที่เห็นไม่ได้เลยซักนิด
ไปหาภาพดูกันเองก็แล้วกัน แต่เชื่อเถอะครับ
ไม่ได้ 1 ใน 10,000 ของสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ไม่ใช่พระเจดีย์นะ แต่เป็น พระมหาเจดีย์ นี้...งดงามจนสะกดพวกเรา ตะลึง
สิ่งที่ทำได้คือ...ก้มลงกราบ ระลึกถึง พระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
ระหว่างที่หมอบกราบกันอยู่นั้น ได้ยินใครซักคนพูดขึ้นว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงของเรา...พระองค์ท่านออกแบบหลัก
ให้ไอเดีย แนวคิด แนวทาง ทั้งหมด
แล้วยังตรวจสอบแก้ไขอย่างใกล้ชิดเป็นระยะ ๆ เรียกว่า
ทรงควบคุมการออกแบบ ด้วยพระองค์เอง
และพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ มาประดิษฐานอยู่ภายในด้วย
ผมเลย ก้มลงกราบอีกครั้ง...นิ่ง นาน
ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างใหญ่หลวง
โชคดีจริง ๆ ที่เกิดป็น...คนไทย

และแล้วแก็งค์ คุณหมอ ของผมก็เกิดความคิด...
เราไปเดินสวดมนต์ เวียนรอบพระมหาเจดีย์กันดีกว่านะ
เออ...ก็เข้าท่านะ
ว่าแล้วก็เดินกันไปถามที่โซนต้อนรับ
ระหว่างเดินไปก็ให้สังเกตุสิ่งรอบตัว...โอ้
วัดนี้สวยจริง ๆ สวยไปซะทุกตารางนิ้ว แสดงว่ามีการคิดออกแบบ
ไตร่ตรองอย่างคิดแล้ว คิดอีก...
การจัดวางผัง การดีไซน์ สุด...สุด
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของวัตถุอะนะ
พอพวกเราเดินไปโซนต้อนรับ ก็เจอดี...ดีจริง ๆ
มีพระ เอ้อ..พระสงฆ์ นี่แหละ...ท่านเดินเข้าหาเรา
ต้องใช้คำนี้แหละ ท่านเดินเข้าหาเรา ออกมาต้อนรับเราอย่างตั้งใจ
มารู้ทีหลังว่าท่านเหล่านี้เป็น...พระธรรมฑูต
เป็นพระ ที่ทำหน้าที่เป็นฑูตเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง คนไทย กับคนอินเดีย
แต่ผมว่าท่านยังเป็นฑูต เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง คนอย่างพวกเรา กับ พระพุทธเจ้า อีกด้วย
พระ ท่านเดินเข้ามาต้อนรับดูแล ถามถึงความยากลำบากของการเดินทาง
ถามว่าอยากให้ท่านช่วยอะไรมั๊ย...แล้วก็อธิบายเรื่องราวต่างของวัด ของทุกเรื่องที่เราอยากรู้
ท่านใจดีม๊าก..มาก อดทนกับพวกเรื่องมากอย่างเราสารพัด

แต่ที่ผมอึ้งมากก็คือ แนะนำให้พวกเราไปไหว้ศาลผู้คุ้มครองบริเวณนี้
และยังมีศาลของ หมอชีวกโกมารภัทร อีกด้วย
เท่านั้นแหละ...บรรดาคุณหมอรีบเดินแน่บไปกราบไหว้ พ่อหมอฯ ที่เคารพของพวกเค้า
อย่างที่บอกนะครับว่า เวลาตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
คนที่มาด้วยกันเค้าเข้านอนพักกันเกือบจะหมดแล้ว
บรรยากาศเงียบสงบดีพิลึก
พอเดินไปถึงบริเวณที่ตั้งศาล ถึงได้เห็นว่าเป็นที่รวมของ...
พระแม่ธรณี พระภูมิเทวา หมอชีวกฯ และรูปเคารพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้พบเห็น
เทวรูป...พระยามัจจุราช
แล้ว คุณหมอ ปุ๊กกี้ ชาราร่า ก็บอกว่ากราบพวกท่านกันเหอะ
สถานที่แห่งนี้ มีเทวดาและความขลัง...มากมาย
พวกเราก็ต้องเชื่อแหละ เพราะแกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
แหม...กราบแล้วก็ชื่นอกชื่นใจดีแท้
เดินกลับมา ก็ยังเจอ พระ ท่านยืนคอยอยู่อีก
แล้วท่านก็แนะนำว่า...เราน่าจะไปเดินสวดมนต์เวียนรอบ พระมหาเจดีย์
แต่ต้อง 33 รอบนะ...สามสิบสามรอบ
เอ๊ะ ทำไมต้อง 33 รอบ
ฟังว่า เพื่อให้เราได้เกิดมามีร่างกายครบ 32 หรืออะไรซักกะอย่างนี่แหละ
แต่ทำไมต้องบวกอีก 1 ก็ไม่รู้แฮะ ลืมถามอ่ะ

แล้วเราก็ไปยืนอธิษฐานกันที่หน้า พระมหาเจดีย์
ผมก็สงสัยนะว่า พวกคุณหมอแกเอาจริงเหรอ...33 รอบเนี่ยะนะ
แต่ทุกคนศรัทธากันมาก เอาก็เอาวะ
มอบหมายให้ หมอปุ๊กกี้ เป็นคนคอยนับ...เพราะแกคุยว่า สติดีที่สุด
กว่าจะครบ หรือเกินก็ไม่รู้ กินเวลาเข้าไปตั้งเป็นชั่วโมง
เดินกันเงียบ ๆ ต่างคนต่างสวดมนต์กันไป
จนหลาย ๆ รอบแล้วผมเลยใช้วิธี เจริญสติ แทน
ทีแรกคิดว่าจะไม่ไหวซะอีก เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
แต่เพราะ พวกคุณหมอ แกลากพากันจนตลอดรอดฝั่ง
เฮ้อ...กัลยาณมิตร เป็นแบบนี้ นี่เอง

ตอนเช้า...อากาศดีสุดยอด
หลังจากนอนหลับอย่างสนิท จิตแช่มชื่น อาบน้ำอาบท่าแล้วมากินข้าว ดื่มกาแฟกันอย่างมีความสุข
มายุ่งก็อีตอนผ่านไปเห็นห้องที่ สมเด็จพระเทพฯ ท่านเคยมาพัก
และยังมี พระเก้าอี้ ที่ประทับตั้งวางอยู่อย่างสง่างาม
มีคนในคณะทัวร์ของเรานี่แหละ กำลังดูอย่างชื่นชมกันสัก 3 – 4 คน
ผมกับแก็งค์คุณหมอ เดินมาดูบ้าง
แล้ว จู่ ๆ คุณหมอปุ๊กกี้ ชาราร่า ก็ดั๊นพูดขึ้นมาว่า
ห้องนี้มีเทวดารักษานะ ตั้งหลายองค์...
พวกเราก็ เหรอ..เหรอ..ดีจังเนอะ แค่นั้น
แต่คนอื่นๆ ซิ พอได้ยินเท่านั้นแหละ ถามกันวุ่นวายอุตลุต
จนในที่สุด คุณหมอปุ๊กกี้ บอกว่า...เอายังงี้นะ เดี๋ยวจะถ่ายรูปให้
แล้วจะลองอธิษฐานให้เห็นเทวดาท่าน
ว่าแล้วแกก็ยกกล้องของคนที่สนใจขึ้นอธิษฐาน แล้วถ่ายภาพคนนั้นนั่งหน้า พระเก้าอี้ ให้
พอย้อนดูในจอของกล้อง...นอกจากมีภาพคน คนนั้นแล้ว รอบๆ ตัวยังมีดวง เรือง ๆ แสง อีกหลายดวง
ก็ไม่รู้นะใครจะคิดยังไง แต่ผมน่ะ...โคตรนับถือแกเลย อ่ะ
บรรดาคุณหมอทั้งหลาย เค้ากลับพยักหน้ากันหงึกหงัก ดีใจด้วย
แค่นั้นเอง...เห็นเป็นเรื่องธรรมดา มาก...ก...

ผมก็ออกเดินสำรวจวัดแห่งนี้อีกครั้ง...โอ้ สวยจริง..จริง
ชื่นชมคนออกแบบอย่างแรง ทุกตารางนิ้วผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างที่สุด
โซนรับรองเมื่อคืนนี้ เพิ่งจะเห็น...มีพระพุทธรูป จัดวางไว้อย่างงดงาม
แถมผมยังไปเจอ...พระแม่กวนอิม พันมือ พันหน้า พันตา
ที่งามอย่างไม่เคยเห็นเลย
มารู้ทีหลังว่า เป็น..พระสหัสหัตถ์สหัสเนตร หรือพระกวนอิมพันมือพันตา
ภาคนี้เป็นภาคที่รับภาวะทุกข์ของสัตว์มากที่สุด เพราะประจำอยู่นรกภูมิ
สัตว์ที่ทำบาปต้องตกนรกในวันๆหนึ่ง มีมากมายเหลือคณา
ดังนั้น จึงต้องมีพันมือพันตา พันตา คอยช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าสัตว์นรgนั้น
สำนึกบาปและพอช่วยได้
หาโอกาสไปกราบท่านกันนะครับ...พวกเราที่ สำนึกบาป และพอช่วยได้ น่ะ

วัดไทยกุสินารา แห่งนี้สวยไปหมดทุกสิ่ง
ไม่ต้องพูดถึง พระมหาเจดีย์ ซึ่งเป็นที่สุดแล้ว แต่ที่โบสถ์ก็เหลือจะบรรยาย
บอกได้คำเดียวว่า ผู้ที่ออกแบบ ท่านเป็นสุดยอดคน

แล้วเราก็ไปรวมตัวเพื่อถวายผ้าป่ากันที่โบสถ์อันงดงาม
ถวายแล้ว พระสงฆ์ ที่เป็นประธานในพิธีก็กล่าวยินดีแล้วเทศน์ว่า...
ทำไมเราต้องเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล ไปไหว้พระถึงประเทศอินเดีย
ซึ่งถ้าหากศรัทธาต่อคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ก็ไม่เห็นจะจำเป็นที่จะต้องไปไหว้พระถึงประเทศอินเดีย ให้เสียเงินเสียทองเสียเวลา
เพราะสถานที่ไหว้หรือทำบุญ มีอยู่ในประเทศไทยมากมาย ก็เพราะ

1 . เพราะอินเดียเป็นแผ่นดินที่ให้กำเนิดพระพุทธศาสนา
ซึ่งถ้าเราจะเปรียบเทียบการบำรุงต้นไม้ก็ต้องรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ก็ต้องรดน้ำที่ต้นที่ราก
ต้นไม้จึงจะเจริญงอกงาม
การที่เราไปบำเพ็ญบุญ สร้างบารมี ถ้าจะให้มีพลังและบารมีจักเจริญงอกงามได้เต็มที่
ก็ต้องไปที่ แดนชมพูทวีป อันเป็นดินแดนต้นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนานั่นเอง
ผู้ศรัทธาที่มีสิทธิเลือกจึงเลือกที่จะไปไหว้พระ ณ ที่กำเนิดของแท้
หรือสถานที่จริงให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

2 . พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตระหว่างบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้บำเพ็ญบารมีในแผ่นดินชมพูทวีปแห่งนี้
การเดินทางไปที่อินเดียจึงเท่ากับว่าเป็นการได้เดินตามรอยพระพุทธเจ้า
ได้มีโอกาสสัมผัสถึงบรรยากาศการบำเพ็ญบารมีของ พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ท่านเดินทางไปมาแล้ว ด้วยตนเอง

3 . การที่เราฟังพระเทศน์ก็ดี สวดมนต์ก็ดี การบรรยายก็ดี เรื่องพระพุทธศาสนา เรื่องพระพุทธประวัติ
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศอินเดียแทบทั้งสิ้น
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก ถ้าไม่เคยพบไม่เคยได้เห็นแดนดินถิ่นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนา
ได้แต่สร้างภาพและจินตนาการ ซึ่งความเป็นจริงแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฉะนั้น การไปไหว้พระที่ประเทศอินเดีย เป็นการเข้าถึง เป็นประสบการณ์ตรง ดังนี้
ถึงตา
คือได้เห็นกับตาตนเอง เป็นพุทธสถานที่จริง ๆ เช่นต้นพระศรีมหาโพธิ์
เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง ๆ
พระแท่นวัชรอาสน์ คือที่พระพุทธองค์ประทับนั่งบำเพ็ญเพียร
จนได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ในเมืองไทยแม้จะมีพุทธสถาน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สร้างและจำลองขึ้นมา

ถึงหู
คือได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ณ สถานที่นั้นๆ ดุจได้ย้อนเวลาในอดีต
ทบทวนความรู้ จากที่ได้เคยได้ยินได้ฟัง ณ สถานที่จริงๆ
เหมือนกับว่าได้กลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงด้วยตนเอง

ถึงที่
ได้มากราบมาไหว้สัมผัสด้วยตนเอง ซึ่งก็ไม่เหมือนกับที่ได้ดูจากภาพ จากสื่ออื่นๆ
ได้สัมผัส ได้เข้าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ด้วยความลึกซึ้ง

ถึงใจ
ได้สัมผัสความรู้สึกที่เกิดจากใจ ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
บางท่านเกิดความเอิบอิ่มใจ เกิดปีติ น้ำตาไหลโดยไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากใจ
อันเป็นความรู้สึกจากภายใน ซึ่งความรู้สึกนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อได้มาสัมผัสด้วยใจตนเอง ณ สถานที่จริง ๆ ...เท่านั้น

นอกจากนี้แล้ว ท่านยังยกเนื้อความที่ พระพุทธองค์ ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
“ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังสังเวชนียสถาน ๔ สถาน เหล่านั้นแล้วมีจิตเลื่อมใส
ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่กายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”

ซึ่งเป็นคำสั่งเสียฝาก พุทธสถาน ให้ผู้ระลึกถึงพระองค์
ได้เดินทางมากราบสักการะ สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งนี้
ด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธาแล้ว...ย่อมมี สุคติ เป็นที่หมายแน่นอน
ดังนั้นผู้ที่มีโอกาส มีเวลา อย่าได้รีรอที่จะไปไหว้พระ แสวงบุญ ณ ประเทศอินเดีย ให้ได้

สา..ธุ...



อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 16:27:02

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 20:58:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com