ความคิดเห็นที่ 1 ประเด็น --- (ข้างบน) ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่ มี -ไม่มี วิญญาณครอง ? หมายเหตุ ท่านใดจะ แสดง ปัญญา + อ้างอิงฯ  ว่าด้วย  สังขารที่มีวิญญาณครอง  - สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง  เชิญแสดงครับ แต่  ตอบให้ตรงประเด็น --- -- (ข้างบน) ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่ มี -ไม่มี วิญญาณครอง ?  ก่อน นะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 06:33:01

ความคิดเห็นที่ 2 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3 สังขาร แปลว่า การปรุงแต่ง สิ่งที่ถูกปรุงแต่ง สังขารมี 2 ความหมาย ดังนี้ [แก้] สังขารในเรื่องไตรลักษณ์หรือสามัญลักษณ์ สังขารหมายถึงร่างกาย ตัวตน สสาร สิ่งที่ประกอบกันขึ้นหรือถูกปรุงแต่งขึ้นจากธาตุ 4 สังขารในความหมายนี้แบ่งเป็น 2 คือ สังขารมีใจครอง (อุปาทินนกสังขาร) คือสิ่งมีชีวิต มีจิตวิญญาณ สามารถเคลื่อนไหว รับ จำ คิด รู้อารมณ์ได้ ได้แก่มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน สังขารไม่มีใจครอง (อนุปาทินนกสังขาร) คือ สิ่งไม่มีชีวิต ไม่มีจิตวิญญาณ รับ จำ คิด รู้อารมณ์ไม่ได้ ได้แก่ต้นไม้ ภูเขา ดิน น้ำ รถ เรือ เป็นต้น สังขารในความหมายนี้ จัดเป็นรูปขันธ์ในขันธ์ 5 มิใช่สังขารขันธ์ และมีลักษณะเสมอกันโดยเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา [แก้] สังขารในขันธ์ 5 สังขาร หมายถึงสิ่งปรุงแต่งจิต ระบบปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รู้สึกและจำได้ ซึ่งก็ได้แก่ความคิด ความรู้สึกปกติทั่วไปของคนเรา เช่นรัก ชัง โกรธ ละอายใจ อยากได้เป็นต้น สังขารในความหมาย 2 นี้ ได้แก่ เจตสิกธรรม คือสิ่งที่ประกอบจิตอยู่ เกิดดับพร้อมจิต รับอารมณ์อย่างเดียวกับจิต เป็นสิ่งที่ดีเรียกว่ากุศลบ้าง เป็นส่วนที่ไม่ดีเรียกว่าอกุศลบ้าง เป็นส่วนกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่วที่เรียกว่าอัพยากฤตบ้าง คำว่า สังขาร ในเรื่องไตรลักษณ์กับในเรื่องขันธ์ต่างกัน คือสังขารในเรื่องไตรลักษณ์เป็นรูปธรรม ในเรื่องขันธ์เป็นนามธรรม [แก้] อ้างอิง    พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548 /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ข้างบน คือ นิยาม ของคำว่า สังขาร ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 06:43:23

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:th:official&client=firefox-a เช่น สามัญญลักษณะ หรือ ไตรลักษณ์ www.angelfire.com/ego/self0/rightstudydham/triluk.html - แคช ที่เรียกว่า สามัญญลักษณะ หมายถึง ลักษณะที่สามัญ คือ ทั่วไป แก่สังขารทั้งปวง ไม่ว่า สังขารที่ มีวิญญาณครอง หรือ ไม่มีวิญญาณครอง ย่อมประกอบ อยู่ด้วย ลักษณะทั้ง ๓ นี้ ข้างบน คือ สังขารทั้งปวง (กำหนด ไตรลักษณ์) ----คือ สังขาร ๒ ---ได้แก่ สังขารที่ มีวิญญาณครอง กับ สังขารไม่มีวิญญาณครอง หมายเหตุ ที่ผมเสนอ คือ สังขาร ๓  "ตามที่ตรัสใน ปฏิจจสมุปบาท ที่ตั้งต้นที่ อวิชชา ---> สังขารทั้งหลาย (คือกายสังขาร วจีสังขาร มโนสังขาร) ---- วิญญาณ ฯ ซึ่ง --- มี สามัญลักษณะ  (ไตรลักษณ์)  คือ  อนิจจตา  ทุกขตา  อนัตตา  ด้วยเช่นกัน จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 06:47:11

ความคิดเห็นที่ 4 อีกมุมมอง หนึ่ง --เป็นไปได้หรือไม่ว่า เมื่อกำหนด ธรรมทั้งปวง  ออกเป็น ๒ ฝ่ายคือ  สังขตธรรม กับ  อสังขตธรรม (๑) สังขตธรรม  -- เนื่องกับ สังขารที่มีวิญญาณครอง (น่าจะเนื่องกับ ที่ตรัส วิญญาณฐิติ ๔  และหรือ วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒)  กับ  สังขารที่ ไม่มีวิญญาณครอง  เช่น หิน ดิน ทราย ดวงอาทิตย์ ฯ กับ (๒) อสังขตธรรม -- เนื่องกับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง คือ เนื่องกับ นิพพาน (ความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ โมหะ ของ สังขารที่มีวิญญาณครอง คือ --กายนี้ อันประกอบด้วยมหาภูติ (ธาตุ)สี่  อันตถาคตเรียก ว่า จิตบ้าง  มโนบ้าง  วิญญาณบ้าง ---    ถ้า เมื่อ  สังขาร ที่ไม่มี วิญญาณครอง คือ พระอรหันต์ นิพพานธาตุ ๒ (หรือ วิสังขาร) พระอรหันต์ ตามจูฬสุญญตสูตร จึง เนื่องกับ "ไม่ว่างอยู่อย่างเดียว คือความเกิดแห่งอายตนะหก  ที่อาศัยกายนี้เท่านั้น เพราะมีชีวิตเป็นปัจจัย + รู้ชัด สิ่งที่มีอยู่นี้มีอยู่ ตามจูฬสุญญตสูตร อายตนะ ฝ่ายนี้ ---- ที่ไม่ว่างอยู่อย่างเดียว คือความเกิดแห่งอายตนะหก ---- โดยเฉพาะ  มนายตนะ (แบบ ปรมานุตตรสุญญตา) --- คือ --- จิตธาตุ ---- เมื่อ "มนายตนะ"  ที่ เกิดขึ้น ตาม จูฬสุญญตสูตร  นั้น  คือ "ธาตุจิต"  (แบบนั้นแล้ว) แล้ว จักขูยตนะ ละ ---- เนื่องกับ ธาตุจิตแบบ มนายตนะเช่นนั้น ไหม? แล้ว โสตายตนะ ละ ---- เนื่องกับ ธาตุจิตแบบ มนายตนะเช่นนั้น ไหม? แล้ว ฆานตายตนะ ละ ---- เนื่องกับ ธาตุจิตแบบ มนายตนะเช่นนั้น ไหม? แล้ว ชิวหายตนะ ละ ---- เนื่องกับ ธาตุจิตแบบ มนายตนะเช่นนั้น ไหม? แล้ว กายตายตนะ ละ ---- เนื่องกับ ธาตุจิตแบบ มนายตนะเช่นนั้น ไหม?                             ข้างบน จะเนื่องกับ ที่ตรัสว่า อินทรีย์ ๕ (แบบปรมานุตตรสุญญตา)  แล่นไปสู่ ใจ (มนายตนะ คือ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง) ใจ แล่นไปสู่ (ปฏิสรณธ)  สติ  (ที่เนื่องกับ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต สิ้นอาสวะแล้ว แห่ง อายตนะหกเช่นนั้น) สติ แล่นไปสู่ วิมุตติ (ที่วิมุตติแล้ว เพราะ สิ้นอาสวะแล้ว) วิมุตติ แล่นไปสู่ นิพพาน (แล้ว แบบ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ   ตามด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ                              มั๊ย ---- น่าพิจารณา ----- ตามที่ตรัสว่า พระอรหันต์ ยังเจริฯสติปัฏฐานสี่ (จากความจำ) = เธอทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วยความไม่้ประมาทเถิด                                                    สรุป         เสนอ สังขาร ฯ แบบนอกตำรา = เสนอป่า + ต้นไม้ คือพระสูตรที่อ้าง //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ (สัสสตทิฏฐิ - อุจเฉททิฏฐิ) ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 07:47:30

ความคิดเห็นที่ 5 สงสัยเฒ่าเซนยังคงอยู่ในสุบินวิถีแหงแก๋  ... ซวยละตรู.... เป็นเรื่องอจินไตยลำดับที่ 5 ซึ่งพระอรรถกถาจารย์คงลืมเพิ่มไป...           จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 08:05:14

ความคิดเห็นที่ 6 คคห 5 คุณโขตาน  มีปัญหา  อะไรครับ ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ (สัสสตทิฏฐิ - อุจเฉททิฏฐิ) ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง คุณโขตาน อ่าน ไม่รู้เรื่อง หรือ แกร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ครับคุณโขตาน                                                     หมายเหตุ คุณโขตาน เสนอ แบบที่เสนอ ข้างบน "ตอบหรือแสดง คคหไม่ตรงประเด็น" (๑) คุณโขตาน-- ไม่ รู้หมายรู้สึก อะไรๆ เลยหรือครับว่า ---- กำลัง ดีสเครดิท ตนเอง ในฐานะ เป็นผู้รู้พุทธศาสนา ตามที่ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา พระพุทธวจนะมา ? หรือ (๒) คุณโขตาน เห็นไปว่า  ที่ตอบ แบบนั้น  ตามข้อความ "ข้างบน"  ตอบได้ถูกต้อง เหมาะสมแล้ว ในฐานะ "สมาชิกแห่งห้องศาสนา  ที่มีสโลแกนว่า เพื่อสังคมออนไลน์คุณภาพ" ฯลฯ อ่านที่ผมเสนอแล้ว ทำไมไม่ พิจารณาว่า ผมเปิดโอกาสให้ ท่านสมาชิกฯ ได้ พิจาณณาว่า สิ่งที่ผมเสนอ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ตรงไหน? หมายเหตุ ว่าแต่ว่า คุณโขตาน   เป็น ศิษย์ พระอรรถกถาจารย์ องค์ไหน ละครับ แล้ว พระอรรถกถาจารย์ใดนั้น ---- ท่านไม่อาสัย สิ่งที่พระเถระ มุขปาฐะ พระสูตร พระวินัย  หรืออย่างไรครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 08:21:03

ความคิดเห็นที่ 7 ข้าพเจ้ารู้แจ้งวิญญาณแล้วแลว่า ไม่มีกำลัง ปราศจากความน่ารัก มิใช่เป็นที่ตั้ง แห่งความชื่นใจ จึงทราบชัดว่า จิตของเราหลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้น สำรอก ดับ สละ และสลัดคืนซึ่งอุปาทานขันธ์ที่ยึดมั่นในวิญญาณ และอนุสัยคือความตั้งใจ และความปักใจมั่นในวิญญาณได้ ดูกรท่านผู้มีอายุ จิตของข้าพเจ้าผู้รู้อยู่ เห็นอยู่ อย่างนี้แล จึงได้หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นในอุปาทานขันธ์ ๕ นี้ ข้าพเจ้าทราบ ชัดว่า จิตของเราหลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้น สำรอก ดับ สละ และสลัดคืนซึ่งความ พอใจ ความกำหนัด ความยินดี ตัณหา อุปาทานที่ยึดมั่น และอนุสัยคือความ ตั้งใจและความปักใจมั่น ในมโน ในธรรมารมณ์ ในมโนวิญญาณ และในธรรมที่ พึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ ดูกรท่านผู้มีอายุ จิตของข้าพเจ้าผู้รู้อยู่ เห็นอยู่อย่างนี้แล จึงได้หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นในอายตนะทั้งภายในทั้งภายนอกอย่างละ ๖ เหล่านี้ ๑๗๓] ข้าพเจ้าประกอบด้วยศีลขันธ์ของพระอริยะเช่นนี้แล้ว จึงได้ เสวยสุขอันปราศจากโทษภายใน เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาโดยนิมิต และโดยอนุพยัญชนะ ปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์อันมีการเห็นรูปเป็นเหตุ ซึ่ง บุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ พึงถูกอกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ รักษาจักขุนทรีย์ ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์แล้ว ได้ยินเสียงด้วยโสตแล้ว... ดมกลิ่นด้วยฆานะแล้ว ... ลิ้มรสด้วยชิวหาแล้ว ... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ... รู้ธรรมารมณ์ด้วยมโนแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาโดยนิมิตและโดยอนุพยัญชนะ ปฏิบัติ เพื่อสำรวมมนินทรีย์อันมีการรู้ธรรมารมณ์เป็นเหตุ ซึ่งบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ พึงถูก อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ รักษามนินทรีย์ ถึงความ สำรวมในมนินทรีย์แล้ว ฯ             [๑๗๔] ข้าพเจ้าประกอบด้วยอินทรียสังวรของพระอริยะเช่นนี้แล้ว จึง ได้เสวยสุขอันไม่เจือทุกข์ภายใน ได้เป็นผู้ทำความรู้สึกตัวในเวลาก้าวไปและถอย กลับ ในเวลาแลดูและเหลียวดู ในเวลางอแขนและเหยียดแขน ในเวลาทรงผ้า สังฆาฏิ บาตร และจีวร ในเวลาฉัน ดื่ม เคี้ยว และลิ้ม ในเวลาถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ ในเวลาเดิน ยืน นั่ง นอนหลับ ตื่น พูด และนิ่ง ฯ ข้าพเจ้าครอง วิญญาณธาตุโดยความเป็นอนัตตา มิใช่ครองอัตตาอาศัยวิญญาณธาตุเลย จึงทราบ ชัดว่า จิตของเราหลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้น สำรอก ดับ สละ และสลัดคืนซึ่ง อุปาทานขันธ์ที่ยึดมั่นอาศัยวิญญาณธาตุ และอนุสัยคือความตั้งใจและความปักใจ มั่นอาศัยวิญญาณธาตุได้ ดูกรท่านผู้มีอายุ จิตของข้าพเจ้าผู้รู้อยู่ เห็นอยู่อย่างนี้แล จึงได้หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นในธาตุ ๖ นี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำกล่าวของภิกษุรูปนั้น พวกเธอควรชื่นชม อนุโมทนา ว่า สาธุ ครั้นแล้วพึงกล่าวแก่ภิกษุรูปนั้นอย่างนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุ เป็นลาภ ของพวกข้าพเจ้า พวกข้าพเจ้าได้ดีแล้ว ที่พิจารณาเห็นท่านผู้มีอายุ เช่นตัวท่าน เป็นสพรหมจารี ฯ             พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ จบ ฉวิโสธนสูตร ที่ ๒ ----------------------------------------------------- ดูกรท่านผู้มีอายุ เป็นลาภ ของพวกข้าพเจ้า พวกข้าพเจ้าได้ดีแล้ว ที่พิจารณาเห็นท่านผู้มีอายุ เช่นตัวท่าน เป็นสพรหมจารี ฯ จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:35:27

ความคิดเห็นที่ 8 จำแนกภพโดยภูมิ ๑. กามภพ ๑๑ ภูมิ =  ปัญจโวการภพ ๑๑ ภูมิ =  สัญญีภพ ๑๑ ภูมิ   ๒. รูปภพ ๑๖ ภูมิ =  ปัญจโวการภพ ๑๕ ภูมิ = เอกโวการภพ ๑ ภูมิ =  สัญญีภพ ๑๕ ภูมิ อสัญญีภพ ๑ ภูมิ   ๓. อรูปภพ ๔ ภูมิ =  จตุโวการภพ ๔ ภูมิ =  สัญญีภพ ๓ ภูมิ เนวสัญญาฯ ๑ ภูมิ   ท่านโชติ กำลังกล่าวถึงข้อไหนครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:43:17

ความคิดเห็นที่ 9 จำแนกภพโดยขันธ์ ๔. ปัญจโวการภพ ๒๖ ภูมิ = กามภพ ๑๑ ภูมิ รูปภพ ๑๕ ภูมิ  = สัญญีภพ ๒๖ ภูมิ ๕. เอกโวการภพ ๑ ภูมิ =  รูปภพ ๑ ภูมิ = อสัญญีภพ ๑ ภูมิ   ๖. จตุโวการภพ ๔ ภูมิ =  อรูปภพ ๔ ภูมิ =  สัญญีภพ ๓ ภูมิ เนวสัญญาฯ ๑ ภูมิ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:44:13

ความคิดเห็นที่ 10 จำแนกภพโดยสัญญา ๗. สัญญีภพ ๒๙ ภูมิ = ปัญจโวการภพ ๒๖ ภูมิ = จตุโวการภพ ๓ ภูมิ =  กามภพ ๑๑ ภูมิ และ รูปภพ ๑๕ ภูมิ อรูปภพ ๓ ภูมิ   ๘. อสัญญีภพ ๑ ภูมิ = เอกโวการภพ ๑ ภูมิ =  รูปภพ ๑ ภูมิ ๙. เนวสัญญานาสัญญาภพ ๑ ภูมิ =  จตุโวการภพ ๑ ภูมิ =  อรูปภพ ๑ ภูมิ http://www.reocities.com/SouthBeach/terrace/4587/5page41-50.htm จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:45:30

ความคิดเห็นที่ 11 ^ พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ 5 วิถีมุตตสังคหวิภาค หน้า 41-50 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:48:19

ความคิดเห็นที่ 12 โจทย์นี้ยากมากๆ ค่ะ จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:53:40

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ยากหรอกครับ ท่านโชติทำให้ยากเอง สาธุ พิจารณาตาม คคห.7 ดับรอบแห่งวิญญาณ เป็นผู้หมดสิ้นจาก วิญญาณูปาทานักขันธ์ คือพ้นจากความยึดมั่นใน สรรพวิญญาณ วิญญาณารมณ์ ดั่งพระพุทธวัจนะ ที่ทรงวิสัชชนาพยากรณ์ในโสฬสปัญหา (คือ ปัญหาของพราหมณ์ 16 คน) พระไตรปิฏก สุตตนิบาตปรายนวรรคที่ 5 วัตถุกถา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสพยากรณ์ว่า.... ดูกรอชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านถามแล้วแก่ท่าน นาม และ รูป ย่อมดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติ และ ปัญญา ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความ ดับรอบแห่งวิญญาณ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 10:08:13

ความคิดเห็นที่ 14 สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง  หมายความว่า ? ตรงนี้ผมขอแสดงความเห็นโดยไม่ขออ้างอิงพระสูตรนะครับ..เท่าที่ภูมิธรรมที่มีอยู่ สังขารที่มีวิญญาณครอง....หมายถึง....องค์ประชุมใดๆก็ตาม(สังขารหรือกายสังขาร)..ที่มี..จิตเข้าไปอาศัยตามเหตุและปัจจัย(ครอง)(จิตนิยาม)...ได้แก่..สัตว์ทั้งหลาย...ครับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง..หมายถึง...องค์ประชุมใดๆก็ตาม(สังขารหรือกายสังขาร)..ที่ไม่มี..จิตเข้าไปอาศัยตามเหตุและปัจจัย(ครอง)(อุตุนิยาม,พีชนิยาม)...ได้แก่..หิน..โลก...ผัก..ต้นไม้..ครับ แล้วใคร..ไปว่าคุณโชติว่า...สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง..เป็นมิจฉาทิฐิ..ครับ...ผมเห็นว่าคนที่ว่านั้น...เขายังไม่รู้นะครับ...ว่าสังขารไม่มีวิญญาณครองในโลกนี้มีอยู่นะครับ(ทั้งๆที่เดินไปตรงไหนก็เห็นอยู่..แต่ไม่รู้ว่านี้ก็คือ..สังขารอย่างหนึ่งนะครับ) แล้วคุณโชติ..เห็นว่า ๒ คำ นี้หมายความว่าอย่างไรครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 55 10:32:06 จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 10:18:03

ความคิดเห็นที่ 15 ขอลองตอบแบบงูๆปลาๆครับ ถูกหรือไม่ก็ชี้แนะด้วย หาก สังขาร หมายถึง ร่างกาย ล่ะก็ สังขาร ที่มีวิญญานครอง ในความหมายที่ผม คิดเองเดาเอง ไม่มีพระสูตรอ้างอิงคือ บุคคลผู้ที่ติดอยู่ในรูปและวิญญานขันธ์ ยังสละคืนไม่ได้ เพลิดเพลินในขันธ์และอายะตนะทั้งปวง จึงถือว่ามีวิญญานครอง รูปตา  มี วิญญานครอง คือ จักขุวิญญาน รูปหู   มี วิญญานครอง คือ โสตวิญญาน รูปจมูก  มี วิญญานครอง คือ ฆานะวิญญาน รูปลิ้น   มี วิญญานครอง คือ ชิวหาวิญญาน รูปกาย  มี วิญญานครอง คือ กายวิญาน   สังขาร ที่ไม่มีวิญญานครอง ในความหมายที่ผม คิดเองเดาเอง ไม่มีพระสูตรอ้างอิงคือ บุคคลผู้ไม่ติดอยู่ในรูปและวิญญานขันธ์ สละคืนได้หมด ไม่เพลิดเพลินในขันธ์และอายะตนะทั้งปวง จึงถือว่าไม่มีวิญญานครอง เดาได้เท่านี้แหละครับ จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 15:28:35

ความคิดเห็นที่ 16 อนุโมทนา ความเห็นที่ 15 ครับ จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 17:02:22

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 12 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน โจทย์นี้ยากมากๆ ค่ะ จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:53:40 [แก้ไข] ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////                                โจทย์  ไม่ ยาก มั๊งครับ เพราะ ---- ใคร ตั้งก็ได้ จริงไหมครับ แต่ ใคร ใดนั้น ไม่ ตั้ง  เพราะ ? เล่า เมื่อคุณมองดูเพลิน "ว่า" ยาก (จะน้อย จะมาก  จะมากก มันก็ ยาก เหมือนกัน  แต่ มีความต่างกัน ฯ) ใช่ "ยาก  เพราะ ชาวงพุทธสมัยนี้  ถูก ครอบงำแล้ว (ยังมี จิต อนุเสติ) ใน  "สาวกภาษิต"  มั๊งครับ คุณมองดูเพลิน จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:24:04

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเห็นต่างกับ คห. ๑๕ ดังนี้ครับ "หาก สังขาร หมายถึง ร่างกาย ล่ะก็".....สังขารหมายถึงการปรุงแต่งครับ..แต่การปรุงแต่งของทุกสรรพสิ่งในโลก..ทำให้เกิดเป็นร่างกายรูปร่างเปลี่ยนแปลงได้..ได้ครับหากเหตุปัจจัยเหมาะสมครับ เช่น ซากพืช..ซากสัตว์..มีการทับถมกัน..ก็จะมีการปรุงแต่งตามเหตุปัจจัย..ทำให้เกิด..ก๊าซ..น้ำมัน..ตรงนี้คือส่วนของ..สังขารที่ไม่้มี..วิญญาณครอง(เพราะไม่มีจิตวิญญาณสามารถเข้าไปอาศัยได้) สเปริม..+..ไข่..ในครรภ์มารดา......+..จิตของผู้ที่มีเหตุปัจจจัยเหมาะสมตามวิบากกรรมที่จะต้องมาเกิด...เข้าไปครอง..ก็มีการปรุงแต่งตามเหตุปัจจัยก่อตัวเป็นร่างกายเกิดเป็น...คนขึ้นมา...ตรงนี้คือส่วนของ..สังขารที่มี..วิญญาณครองครับ พืช..นำเอา..แสงมาใช้..ก็มีการปรุงแต่งเช่นกัน..แต่พืชก็ไม่มีจิต..จึงเป็นสังขารที่ไม่มี..วิญญาณครองครับ ในส่วนที่ "บุคคลผู้ไม่ติดอยู่ในรูปและวิญญานขันธ์ สละคืนได้หมด ไม่เพลิดเพลินในขันธ์และอายะตนะทั้งปวง จึงถือว่าไม่มีวิญญานครอง."....กรณีนี้ผู้ที่ไม่ติดในรูป..(ผมเดาว่า คห. ๑๕ หมายถึงพระอรหันต์)...ก็มีวิญญาณครองครับ..แต่ท่านมีสังขารที่ปรุงแต่งตามปัญญา(สัญญาที่ถูกต้องตามความเป็นจริง)..และรับรู้การปรุงแต่งต่างๆเหล่านั้น..แต่ไม่มีการยึดมั่นถือมั่น...ในสังขารนั้นๆ...เพราะท่านมีญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร (สังขารุเบกขาญาณ..ดูในญาณ ๑๖)ครับ จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:35:25

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 13 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ไม่ยากหรอกครับ ท่านโชติทำให้ยากเอง สาธุ พิจารณาตาม คคห.7 //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// คคห 7 พระสูตรที่ คคห 7 อ้าง นั้น --- ตรัสขัดกับ  พระพุทธวจนะ ที่ตรัส  "ปฏิจจสมุปบาท" พระสูตรหนึ่งว่า สังขารเข้ามา ย่อมทำให้ วิญญาณเข้ามา (ตรัสปฏิจจฯ ที่ละอาการ ตั้งต้นที่ อวิชชา  สังขาร ฯ) ดูพระบาลีพุทธภาษิต สูตรที่ ๙  มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์  นิทาน  สํ  เล่มที่ ๑๖  ข้อที่ ๑๔๔ บรรพที่ ๒๗๗  ตรัสแก่ ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน คุณกุ๊กเทวดา คุณมองดูเพลิน คุณbigjinbook คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) คุณP2wichai คุณx-philes ศึกษา  พระสูตรนี้  แล้ว  ไหมครับ จะโดยตรง หรือตามสำนวนแปล ฯ หรือ ที่อรรถกถา อธิบายคำ ฯ ไว้ -------------------------------------------------------------------------------------------- อีกพระสูตร  นะครับ สังขารทั้งหลาย  คือ ะรรม เป้นที่เข้าไปตั้งอาสัยของวิญญาณ พระสูตรที่ ๓  ทศพลวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน สํ ๑๖/๓๕/๖๘ คุณกุ๊กเทวดา คุณมองดูเพลิน คุณbigjinbook คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) คุณP2wichai คุณx-philes ศึกษา  พระสูตรนี้  แล้ว  ไหมครับ จะโดยตรง หรือตามสำนวนแปล ฯ หรือ ที่อรรถกถา อธิบายคำ ฯ ไว้ ------------------------------------------------------------------------------------------ อีกพระสูตร ปฏิจจสมุปบาท แห่งการเกิด สังขาร ๔ ประเภท (สังขาร  หมายถึง ปฏิจจสมุปบาท ทุกอาการ) พระสูตรที่ ๙ ชัชชนิยวรรค ขันธสังยุตต์ ขนฺธ  สํ  ๑๗/๑๑๖/๑๗๙ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ ภัททสาลมูล ป่าปาลิเลยยกะ คุณกุ๊กเทวดา คุณมองดูเพลิน คุณbigjinbook คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) คุณP2wichai คุณx-philes ศึกษา  พระสูตรนี้  แล้ว  ไหมครับ จะโดยตรง หรือตามสำนวนแปล ฯ หรือ ที่อรรถกถา อธิบายคำ ฯ ไว้ -------------------------------------------------------------------------------------------                                                 สรุป ผมเสนอ นอก กระแสหลัก ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ตาม คคห นี้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:39:59

ความคิดเห็นที่ 20 โจทย์  ไม่ ยาก มั๊งครับ ที่ว่า "ยาก" ใช่  เพราะ ชาวพุทธสมัยนี้  ถูก ครอบงำแล้ว (ยังมี จิต อนุเสติ) ใน  "สาวกภาษิต" "และ มุมมองของตนเอง  ที่ไม่อ้างอิง  พระสูตร" มั๊งครับ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ตาม คคห นี้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:42:08

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าโจทย์ไม่ยากครับ.....คำตอบถูกผิด..ผู้อ่านพิจารณาเองนะครับ ว่าแต่ว่า....แล้ว..คุณโชติ...อ่าน...ศึกษา.. ๑.สูตรที่ ๙  มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์  นิทาน  สํ  เล่มที่ ๑๖  ข้อที่ ๑๔๔ บรรพที่ ๒๗๗  ตรัสแก่ ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน ๒.พระสูตรที่ ๓  ทศพลวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน สํ ๑๖/๓๕/๖๘ ๓.พระสูตรที่ ๙ ชัชชนิยวรรค ขันธสังยุตต์ ขนฺธ  สํ  ๑๗/๑๑๖/๑๗๙ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ ภัททสาลมูล ป่าปาลิเลยยกะ ๔.พระสูตรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง หรือยังครับ.... หากอ่านแล้ว....ศึกษาแล้ว สังขารที่มีวิญญาณครอง....หมายถึง???????..ในความเห็นของคุณโชติ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง....หมายถึง????..ในความเห็นของคุณโชติ จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 18:58:52

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 21 เสนอแบบ "หมอความ"  ใช่ไหม ? ใช่ไม่ใช่ ยกไว้ นะครับ /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// ที่ผมเสนอ แล้ว คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) ย้อน ถาม ใน คคห 21 เพราะ คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) เสนอ ข้อความ -- ใน คคห 14 ข้อความ ตรงนี้ผมขอแสดงความเห็นโดยไม่ขออ้างอิงพระสูตรนะครับ..เท่าที่ภูมิธรรมที่มีอยู่ ส่วนผม เสนอ กระทู้ เสนอ แล้ว ถามว่า --- -- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ ตกลง คุณโกวิทย์ (โกวิทย์)   จะ ตอบ ให้ตรงประเด็นไหมครับ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 19:04:46

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อความ นะครับ ความจากกระทู้  "อ่านอีกทีไหมครับคุณโกวิทย์ (โกวิทย์)" ผมเสนอ ดังนี้ กำหนด สังขาร ๓ ใน ปฏิจจสมุปบาท ตามที่ตรัส  เนื่องกับ ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด "กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้  ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ (ที่ตรัส)" ได้แก่ กายสังขาร  วจีสังขาร มโนสังขาร สังขาร (๓) เช่นนี้ --- กำหนดได้ทั้ง สังขารที่มีวิญญาณครอง   และ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง กำหนดตาม  "ตามที่ตรัส เหตุ (อาหาโร) ๔  หรือ อาหาร ๔" ไว้ กำหนดตรง วิญญาณาหาร  เป็นปัจจัย ให้เกิด นามรูป ดังนั้น สังขารที่มีวิญญาณครอง  เนื่องกับ วิญญาณาหาร สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง  ไม่เนื่องกับ วิญญาณาหาร คุณโกวิทย์ (โกวิทย์)" สรุป ไม่ได้หรือครับ จึง เสนอใน คคห 21 สังขารที่มีวิญญาณครอง....หมายถึง???????..ในความเห็นของคุณโชติ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง....หมายถึง????..ในความเห็นของคุณโชติ ส่วน คคห 19 ผมแสดง ความเห็นว่า พระสูตรที่ คคห 7 อ้าง นั้น --- ตรัสขัดกับ  พระพุทธวจนะ ที่ตรัส  "ปฏิจจสมุปบาท"                                             โดยอ้างหลักฐาน (๑) พระบาลีพุทธภาษิต สูตรที่ ๙  มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์  นิทาน  สํ  เล่มที่ ๑๖  ข้อที่ ๑๔๔ บรรพที่ ๒๗๗  ตรัสแก่ ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน สรุป คือ --- สังขารเข้ามา ย่อมทำให้ วิญญาณเข้ามา--- (๒) พระบาลีพุทธภาษิต พระสูตรที่ ๓  ทศพลวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน สํ ๑๖/๓๕/๖๘ สรุป คือ  --- สังขารทั้งหลาย  คือ ธรรม เป็นที่เข้าไปตั้งอาสัยของวิญญาณ (๓) พระบาลีพุทธภาษิต พระสูตรที่ ๙ ชัชชนิยวรรค ขันธสังยุตต์ ขนฺธ  สํ  ๑๗/๑๑๖/๑๗๙ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ ภัททสาลมูล ป่าปาลิเลยยก สรุป คือ --- ปฏิจจสมุปบาท แห่งการเกิด สังขาร ๔ ประเภท --- สังขาร  หมายถึง ปฏิจจสมุปบาท ทุกอาการ /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// สรุป ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ด้วย ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 19:14:02

ความคิดเห็นที่ 24 คห. ๒๒ เสนอแบบ "หมอความ"  ใช่ไหม ? ไม่ใช่ครับ... คุณโชติถามมาว่า... สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง หมายความว่า ? ...ซึ่งผมได้แสดงความเห็นไปแล้ว..ตาม คห. ๑๔ แล้วคุณโชติมาถามต่อว่า...ได้อ่านศึกษาตามพระสูตร.. ๑.สูตรที่ ๙  มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์  นิทาน  สํ  เล่มที่ ๑๖  ข้อที่ ๑๔๔ บรรพที่ ๒๗๗  ตรัสแก่ ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน ๒.พระสูตรที่ ๓  ทศพลวรรค นิทานสังยุตต์ นิทาน สํ ๑๖/๓๕/๖๘ ๓.พระสูตรที่ ๙ ชัชชนิยวรรค ขันธสังยุตต์ ขนฺธ  สํ  ๑๗/๑๑๖/๑๗๙ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ ภัททสาลมูล ป่าปาลิเลยยกะ ซึ่งผมก็ได้พอผ่านตามาบ้างจึงเกิดเป็นคำตอบในความเห็นที่ ๑๔ แต่เท่าที่ผมอ่านในกระทู้นี้..ผมยังไม่เห็นความเห็นของคุณโชติของ..."สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง หมายความว่า ? ".....จึงได้สอบถามไป ในส่วนที่......"เสนอ แล้ว ถามว่า --- -- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ".......ผมก็ตอบไปแล้วว่า....."แล้วใคร..ไปว่าคุณโชติว่า...สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง..เป็นมิจฉาทิฐิ..ครับ...ผมเห็นว่าคนที่ว่านั้น...เขายังไม่รู้นะครับ.".....ซึ่งความหมายก็ชัดเจนว่า..ไม่เป็นมิจฉาทิฐิครับ... แล้วคุณโชติจะตอบคำถามที่ผมสื่อสารไปหรือเปล่าครับ...คุณโชติถามมาผมแสดงความเห็นไป...ผมถามคุณโชติไป..คุณโชติจะตอบหรือไม่ก็แล้วแต่คุณโชติครับ...แต่ที่แน่ๆ...ผมไม่มีจิตเป็นหมอความตามที่คุณโชติกล่าวตู่ผมแน่นอนครับ(การถามคำถามไปเพื่ออยากรู้คำตอบ..เพื่อมา share ความรู้ความเข้าใจ...เพราะเรื่องบางเรื่องมีเหตุปัจจัยใหม่...ความเห็นก็เปลี่ยนแปลงได้ครับ) แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 55 19:29:39 จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 19:26:24

ความคิดเห็นที่ 25 จะทำความเพียรต่อไปค่ะ  -สู้ไหว - จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 19:54:35

ความคิดเห็นที่ 26 คคห 14 แต่เท่าที่ผมอ่านในกระทู้นี้..ผมยังไม่เห็นความเห็นของคุณโชติของ..."สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง หมายความว่า ? ".....จึงได้สอบถามไป ---------------------------------------------------------------------------------------------                        อ่าน ข้อความในกรอบ กระทู้  แบบไหนครับ                                             ที่ผมเสนอไว้ว่า                      -------------->  ผมเสนอ ดังนี้ <-------------------                         (ข้างล่าง คือ สิ่งที่ผมกำหนด แล้ว เสนอ) กำหนด สังขาร ๓ ใน ปฏิจจสมุปบาท ตามที่ตรัส  เนื่องกับ ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด "กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้  ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ (ที่ตรัส)" ได้แก่ กายสังขาร  วจีสังขาร มโนสังขาร                                           ส่วน คคห 19         คือ "พระสูตรที่ตรัสไว้"  ตามที่ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา "ที่ตรัสไว้"                              เสนอ  เพื่อ ให้ เห็นเห็นว่า                        -------------->  ผมเสนอ ดังนี้ <-----------------                         (ข้างล่าง คือ สิ่งที่ผมกำหนด แล้ว เสนอ)                                                 นั้น ผม ได้ อะไรๆ ตามสมควรแก่เหตุปัจจัย กับ "พระสูตรที่ตรัสไว้" (จะโดยตรงกับ พระบาลีฯ หรือพระบาลีแปลไทย สำนวนแปลใดนั้น ก็ยกไว้) ตามที่ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา "ที่ตรัสไว้"  แล้ว                                                   สรุป คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) --- สับสน  ตรงไหน หนอ?  จึงเสนอว่า  " แต่เท่าที่ผมอ่านในกระทู้นี้..ผมยังไม่เห็นความเห็นของคุณโชติของ..."สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง หมายความว่า ? ".....จึงได้สอบถามไป" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 20:08:15

ความคิดเห็นที่ 27 ต่อ คคห 24 แล้วคุณโชติจะตอบคำถามที่ผมสื่อสารไปหรือเปล่าครับ. --------------------------------------------------------------------------------------------- (๑) ผม เป็น ผู้ตั้งกระทู้ และ ประเด็นว่า ประเด็น --- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ด้วย ฯ) คุณโกวิทย์ (โกวิทย์)  เข้ามาตอบ  แบบที่ ตอบ ผมยังอ่านไม่เจอว่า "ตอบตรงประเด็น  แล้วหรือยัง" (๒) แล้ว เหตุใด คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) จึง เลยเถิด นอกกระทู้นี้ ---- โดย ถามนอกประเด็นว่า --- แล้วคุณโชติจะตอบคำถามที่ผมสื่อสารไปหรือเปล่าครับ.---- เหตุใด  ยกไว้นะครับ ตกลง   คุณโกวิทย์ (โกวิทย์)  อ่าน ที่ผมเสนอแล้ว เห็นว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง อย่างไรครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ด้วย ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 20:15:06

ความคิดเห็นที่ 28 ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนเกิดมาจากหลายสิ่ง หลายอย่างย่อย ๆ มาประกอบปรุงแต่งรวมกัน สิ่งหรือธรรมอันเป็นตัวปรุงแต่ง ประกอบ นี้ เรียกว่าสังขาร สิ่งหรือธรรมอันเกิดจาการปรุงแต่ง ประกอบนี้ ก็เรียกว่าสังขาร สังขารท่านแบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ สังขารที่เป็นภายใน  เป็นเรื่องยาว ดูในพระภิธรรมปิฎก วิภังค์ ครับ.. และสังขารที่เป็นภายนอก แบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ... สังขารแบบมีวิญญาณครอง กับ สังขารแบบไม่มีวิญญาณครอง ซึ่งเปรียบกับศัพท์ภาษา ทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ สิ่งมีชีวิต กับสิ่งไม่มีชีวิต เท่านี้เองครับ.... จากคุณ : นิ่งหนอ (นิ่งหนอ) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 21:01:59

ความคิดเห็นที่ 29 พรุ่งนี้มาศึกษาใหม่ค่ะ  วันนี้ไปแบบงงๆ งง คุณโกวิทย์  กับท่านโชติ คุยกัน แก้คำสะกดผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 08:29:00 จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 21:10:51

ความคิดเห็นที่ 30 คคห29 คุณมองดูเพลิน คงไม่เคย มีประสบการณ์ (ไม่ว่าขั้นไหน) ที่เกี่ยวกับ "คดีความ ที่เนื่องกับหมอความ" ""ขึ้นโรงขึ้นศาล" "หน้าบังลังค์ศาล"  ก็ เป็นไปได้ จึง งง  ที่ผมกับคุณโกวิทย์ (โกวิทย์)   "สื่อสาร" กัน -- แบบ ที่ อ่านแล้ว งง ----------------------------------------------------------------------------------------- ข้อความ .แต่ที่แน่ๆ...ผมไม่มีจิตเป็นหมอความตามที่คุณโชติกล่าวตู่ผมแน่นอนครับ(การถามคำถามไปเพื่ออยากรู้คำตอบ..เพื่อมา share ความรู้ความเข้าใจ...เพราะเรื่องบางเรื่องมีเหตุปัจจัยใหม่...ความเห็นก็เปลี่ยนแปลงได้ครับ) ที่ผมเสนอ ฯ แล้วทำให้เกิดข้อความนั้นๆ ผม ไม่ได้ กล่าวหา หรือ ตู่ คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) ว่า มีจิตเป็นหมอความ หรือ ใช้วิธีการแบบหมอความ นะครับ แต่ ลีลา ที่เสนอนั้น  มันคล้ายๆ หรืออยู่ในรูป ที่หมอความใช้ เวลาซักค้านกัน ในระบบนั้น ฯ (สั้นๆ) สรุป ดังที่ผม แจกแจง ไว้ ใน คคห 26 ผมแก้ข้อ ที่คุณโกวิทย์ (โกวิทย์)  เสนอว่า --- " แต่เท่าที่ผมอ่านในกระทู้นี้..ผมยังไม่เห็นความเห็นของคุณโชติของ..."สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง หมายความว่า ? ".....จึงได้สอบถามไป" หมายเหตุ พรุ่งนี้มาศึกษาใหม่ค่ะ ศึกษา พระสูตร แปลไทย สำนวนแปลใดที่เลือกเอง ตามที่อ้าง ใน คคห 19  ซิครับ พิจาณณาพร้อมๆ กัน ทั้ง ๓ พระสูตร (๑) สังขารเข้ามา ย่อมทำให้ วิญญาณเข้ามา (ตรัสปฏิจจฯ ที่ละอาการ ตั้งต้นที่ อวิชชา  สังขาร ฯ) ดูพระบาลีพุทธภาษิต สูตรที่ ๙  มหาวรรค อภิสมยสังยุตต์  นิทาน  สํ  เล่มที่ ๑๖  ข้อที่ ๑๔๔ บรรพที่ ๒๗๗  ตรัสแก่ ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน เป็นต้น จากนั้น จึง "อ่าน"  กระทู้  ที่ผมเสนอ แล้ว ค่อยตอบว่า -- ใครว่า ที่ผมเสนอ  เป็น มิจฉาทิฏฐิ ว่าด้วย สังขารที่มี ไม่มี วิญญาณครอง ครับ (หลังจาก  ผมเสนอ หลักฐาน ด้วย ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 22:13:40

ความคิดเห็นที่ 31 พอจะเข้าใจแล้วค่ะ แต่ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่า ที่คุณ(F=9b) เสนอมาตั้งแต่แรก ขอตอบว่า   ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ  ค่ะ  ถูกต้องแล้ว สังขารที่มีวิญญาณครอง  คือ  รูปสัญเจตนา สัททสัญเจตนา คันธสัญเจตนา รสสัญเจตนา โผฏฐัพพสัญเจตนา ธรรมสัญเจตนา  ที่ยังมีผัสสะ แต่ถ้ามีสังขารเช่น ร่างกาย  แต่ไม่มีผัสสะ  ก็คือสังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง วิญญาณ คือ ตัณหา อวิชา จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 08:55:07

ความคิดเห็นที่ 32 สังขารก็คือรูป จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 09:12:34

ความคิดเห็นที่ 33 คคห 31  + 32 ---------------- กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11998361/Y11998361.html ว่าด้วย มุมมอง คือ มีจิตประเภท  ที่ยังไม่ (ออกมาทำหน้่าที่คือ)  ออกมารู้ (consciousness) "อายตนะนอก" (โดยยกตัวอย่าง  นอนหลับไม่ฝัน) แล้ว รู้ผิดก็ได้ รู้ถูกก็ได้ (จิตแบบนี้ จึงปรุงอวิชชา  หรือ ปรุง วิชชา) ----  (เขาถามผมว่า) มีจิตประเภทนี้ไหม? ผมตอบว่า  มีจิตแบบนั้น  แต่ ไม่ใช่ มีแบบที่คุณเสนอ "เท่านั้น" แต่ ต้อง มีแบบ ที่เนื่องกับ ยังมีความเคยชินที่จะรู้ผิดด้วย  เมื่อกำหนดตาม มหาตัณหา่สังขยสูตร รายละเอียดยกไว้ ------------------------------------------------------------------------------------------- จิต ข้างบน  เป็น สังขาร (สังขตธรรม) ดังนั้น คำว่า สังขารที่มีวิญญาณครอง  คือ กายนี้ (ตาม อัสสุตวตาสูตร)  ก่อน  เนื่องกับ "ปฏิจจสมุปบาท ที่ตรัสตั้งต้นที่ อวิชชา  สังขาร วิญญาณ นามรูป ฯลฯ ---ชาติ  ชรามรณะโสกะปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาส ทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิดขึ้นพร้อม (จิตประเภท  ที่ยังไม่ (ทำหน้่าที่)  ออกมารู้ (consciousness) "อายตนะนอก"  + ปฏิจจสมุปบาท ๑๑ อาการ คือ --- กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้                                      จึงเป็นไปได้ (หรือไม่ว่า)                         สังขารที่มีวิญญาณครอง แบบ   มองดูเพลิน ได้แก่ หรือ ตามคำว่า สังขารที่ มีวิญญาณครอง  คือ --รูปสัญเจตนา สัททสัญเจตนา คันธสัญเจตนา รสสัญเจตนา โผฏฐัพพสัญเจตนา ธรรมสัญเจตนา  ที่ยังมีผัสสะ หรือ สังขารก็คือรูป (น่าจะกำหนดแบบ รูป  นาม ) หรือ แต่ถ้ามีสังขารเช่น ร่างกาย  แต่ไม่มีผัสสะ  ก็คือสังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง นั้น คือ  --สังขารที่มีวิญญาณครอง แบบ   มองดูเพลิน                                                      แต่ สังขารที่มีวิญญาณครอง แบบ ที่ผมเสนอ (จากมุมมอง หรือมติหนึ่ง จากสหายธรรมหนึ่ง) เป็น สังขารที่มี วิญญาณครอง แบบ ก่อนมี ผัสสะ (แล้ว ไม่เนื่องกับ อาหารสี่  แต่ เนื่องเฉพาะ  ใช้อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท  ที่ตั้งต้นที่ อวิชชา  สังขาร วิญญาณ  นามรูป ฯ) ดังนั้น วิญญาณ  ตรงคำว่า สังขารที่มีวิญญาณครอง นั้น วิญญาณนั้น กำหนดก่อน ผัสสะ (เพราะวิญญาณ ปรากฎ ตรงผัสสะ  ตาม ปฏิจจสายเกิด ฯ ๑๑ อาการ ๑๒ กระบวนธรรม) ดังนั้น วิญญาณ  ตรงคำว่า สังขารที่มีวิญญาณครอง นั้น วิญญาณนั้น คือ ภวังคจิต  ที่ นิยามหรือบัญญัติแบบนั้นว่า --- จิตที่ยังไม่รู้อารมณ์ (เพราะเขาเห็นว่า ถือว่า  จิตเป็นธรรมธาตุรู้)                                           ไม่ งง นะครับ คุณมองดูเพลิน  สรุปได้หรือไม่ว่า คำว่า สังขารที่มี วิญญาณครอง  มีกี่แบบ และแบบ ใดนั้น  หยั่งลงสอบทานกับ พระสูตรใดนั้น (ไม่ควรเพียงพระสูตรเดียว ผมเสนอ) แล้ว ---- นำไปสู่  "สัมมัตตะ ๑๐๐  ได้อย่างไร? ********************************************************** กระทู้นี้   ผมเสนอ สังขารที่มีวิญญาณครอง ไม่มีวิญญาณครอง ไว้ ตามกระทู้ คุณมองดูเพลิน เสนอ สังขารที่มีวิญญาณครอง ไม่มีวิญญาณครอง ไว้ ตามที่เสนอ ฯ ผมยังอ้างไปถึง อีกมุมมอง สังขารที่มีวิญญาณครอง นั้น วิญญาณนั้น คือ ภวังคจิต  ที่ นิยามหรือบัญญัติแบบนั้นว่า --- จิตที่ยังไม่รู้อารมณ์ (เพราะเขาเห็นว่า ถือว่า  จิตเป็นธรรมธาตุรู้) แล้ว กำหนด ก่อน ผัสสะ "ตามกระแส ปฏิจจสมุปบาทสายสมุทโย ที่ตั้งต้นที่ อวิชชา  เท่านั้น  ไม่เนื่องกับ ปฏิจจที่ตรัสแบบอื่น ฯ) สรุป คุณโกวิทย์ (โกวิทย์) คุณมองดูเพลิน คุณ ฯ   มีความเห็นอย่างไร? ไม่ว่า แบบไหน ไหมครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 18:51:25

ความคิดเห็นที่ 34 กระทู้ที่ น่าจะเกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11998361/Y11998361.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11993911/Y11993911.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11995576/Y11995576.html ทั้งหมด เนื่องกับ มีจิต ประเภท  ที่ยังไม่ออกมารู้ ใช่ไหม  (น่าจะก่อน มีวิถีจิต ตามอภิธัมม มั๊ง) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 18:54:04

ความคิดเห็นที่ 35 หมายเหตุ สังขารที่มีวิญญาณครอง แบบนั้น วิญญาณนั้น (ตามมุมมองนั้น) คือ ภวังคจิต  ที่ นิยามหรือบัญญัติแบบนั้นว่า --- จิตที่ยังไม่รู้อารมณ์ (เพราะเขาเห็นว่า ถือว่า  จิตเป็นธรรมธาตุรู้  และ เป็นประภัสสร) แล้ว กำหนด ก่อน ผัสสะ "ตามกระแส ปฏิจจสมุปบาทสายสมุทโย ที่ตั้งต้นที่ อวิชชา  เท่านั้น  ไม่เนื่องกับ ปฏิจจที่ตรัสแบบอื่น ฯ --- เช่น อาหาร สี่ ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 18:56:42

ความคิดเห็นที่ 36 คุณมองดูเพลิน  สรุปได้หรือไม่ว่า คำว่า สังขารที่มี วิญญาณครอง  มีกี่แบบ และแบบ ใดนั้น  หยั่งลงสอบทานกับ พระสูตรใดนั้น (ไม่ควรเพียงพระสูตรเดียว ผมเสนอ) แล้ว ---- นำไปสู่  "สัมมัตตะ ๑๐๐  ได้อย่างไร? เฮ้อ..^^! จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 18:02:02

ความคิดเห็นที่ 37 คำว่า สังขารที่มี วิญญาณครอง  มีกี่แบบ                                         ๓ แบบ ก็มีอยู่  เช่น (๑) แบบ ที่ บุคคลใดนั้น รู้เพราะอ่าน เพราะฟัง เพราะเชื่อ  (รู้แบบสุตมยปัญญา นั่นเอง) (๒) รู้แบบ ที่บุคคลใดนั้น เข้าใจ  ตามที่ อ่าน เพราะฟัง เพราะเชื่อ  (รู้แบบจินตามยปัญญา นั่นเอง) ---------------  หรือ รู้แบบ สังเคราะห์ (synthesis) หลังจาก  วิเคราะห์ (analysis) รู้แบบสุตมยปัญญา และอาจ +  ฉันเป็นนักปฏิบัติ แบบใดนั้น ด้วย (๓) รู้ ตรงตาม ที่ตรัสว่า http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11999371/Y11999371.html [๑๓๑] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อญาณทัสนะ ๑-(คือ วิปัสสนา) ตามด้วย อาสวักขยญาณ            [๑๓๘] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา  เหล่านี้ อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อม หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณว่า หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี. สรุป ไม่มีใคร สมัยนี้ (ผมด้วย)  ไม่  เฮ้อ..^^!  มาก่อน ---- จริงไหมครับ ถ้า จะ ต่างกัน   ก็ ต่างที่ ผม ไม่ เพลินเมาหมกใน ลพ.ใดนั้น คำสอนใดนั้น สำนัดใดนั้น  จน ถอนตัวไม่ขึ้น ฯ ไม่ได้กล่าวหาใคร  เพราะผม ไมีมีหน้าที่ เที่ยวกล่าวหาอะไร? เพื่ออะไรๆ ฯ               ------------- > เฮ้อ..^^!  คือ ?  กันแน่ <---------------------- จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 21:26:38

ความคิดเห็นที่ 38 ในพระไตรปิฎกเล่มไหน มีคำว่า ---สังขารที่มีวิญญาณครอง ไม่มีวิญญาณครอง---   หรือ เป็นลิ้งอ้างอิงก็ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 55 08:38:31 จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 22:11:16

ความคิดเห็นที่ 39 กระทู้ เสนอ สังขารที่มีวิญญาณครอง กับ สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง  หมายความว่า ? + อ้างอิง  พระสูตร ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา ด้วย ความคิดเห็นที่ 38 ในพระไตรปิฎกเล่มไหน มีคำว่า ---สังขารที่มีวิญญาณครอง ไม่มีวิญญาณครอง---   หรือ เป็นลิ้งอ้างอิงก็ได้ค่ะ ผม หาพระสูตรอยู่ ยังหาไม่เจอ ลองถามอาจารย์ google http://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 14:27:12