ไม่น่าแปลกใจเลย..
เพราะพวกเค้าไม่ได้สร้างผังอนุโมทนาบุญมากันเองก้เท่านั้น..
คนอย่างนี้น่าสงสาร น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆนะ..
เหมือนกับชาติที่ เจ้าชายพระเวสสันดรชาดกน่ะ
ที่ให้เป็นทานหมด ไม่ว่าอย่างไร ใครขออะไรมา ท่านก็ให้หมด
แต่ก็ยังมีคนว่า ด่าท่าน.. ถ้าสมัยนั้นทำหนังสือได้ คงมีคนเขียนหนังสือโจมตีท่านเนอะ
ทั้งๆที่.. มันเป็นเรื่องที่ต้องอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยซ้ำ ที่ได้สร้างบุญใหญ่อย่างมหาทานบารมีอย่างนี้
เหมือนกันเลย..กับภพชาตินี้ ก้ไม่ต่างกัน
คนทำดี สร้างบารมีโดยทุ่มชีวิตเป็นเดิมพันดั่งพระบรมโพธิสัตว์ในกาลก่อน..
กลับไม่อนุโมทนาซะงั้น
ไปโมทนากับโน้น.. ด่าวัด ว่าวัดโน้น.. มันเป็นอย่างนี้นะ สมัยนี้น่ะ ไม่ต่างกันๆ
การด่า การว่าร้าย การเขียนหนังสือโจมตี การกระทำทุกวิถีทางให้ผู้อื่นเสื่อมลง
คุณทำได้.. ก็ทำไปเถอะ..
แต่ขอโทษด้วยนะครับ.. ทำสิ่งใด ได้รับสิ่งนั้น
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กฏแห่งกรรมพื้นฐานสุดคลาสสิคอยู่แล้ว..
ไม่ต้องห่วงหรอก ชาตินี้เหลือแค่ 75 ปีเอง.. ชาตินี้มันสั้นหน่ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังไม่ทรงอุบัติขึ้นเลยในยุคนี้น่ะ
ถ้ากิเลสจะมากพอ ที่จะให้คนมากล่าว มาว่า คนที่สร้างบารมีด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน รู้อย่างนี้.. คงไม่แปลกใจเลย
กรรมใครกรรมท่านน่ะ..
เราไม่ต้องกลัวเลย ว่าใครจะว่าอย่างไร
ในเมื่อก็รู้ๆ กันอยู่ ตรงกับพุทธพจน์ที่ว่า..
จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา
เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป
จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิต
เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป
อยู่แล้ว..
ในเมื่อเรารู้ตัวดีอยู่แล้วว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่
เรารู้ว่าครูเรานั้น ท่านคือใคร?
บัดนี้ เมื่อรูปกายทองคำของท่าน ไปอยู่คู่กับรูปกายเนื้อ ที่วัดปากน้ำฯแล้ว..
ยิ่งไม่ต้องห่วงเลยว่า ศีลธรรมจะรุ่งเรืองสักเพียงใด
พุทธบริษัท 4 ก็ยิ่งจะเข้าถึงธรรมะภายในของพระพุทธองค์ผู้ทรงพระคุณประเสริฐยิ่งกว่าใครในภพสาม
อย่างนี้.. ยิ่งโล่งใจได้ เราได้ตัดสินใจถูกทางแล้ว นี้แล ไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน
ดังที่หลวงปู่ฯท่านได้ให้โอวาทฝากไว้ว่า
"ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่เดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนา
เป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊ หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นจริงแก่ผู้เข้าถึง"
และยิ่งจะมั่นใจได้อย่างยิ่งว่า นี้แหละ พระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มาจากการปฏิบัติจริง
เพื่อการรู้แจ้งว่าอะไรคืออะไร เห็นจริงว่าสิ่งใดเป็นอย่างใด
ไม่ใช่การรู้ การเห็นด้วยการอ่านตำราแล้วมโนเอาเองว่ามีจริง โดยไร้การปฏิบัติ
อีกอย่างนะ.. เรื่องคำว่า " ธรรมกาย " นั้น
ชาวพุทธปริยัติท่านคงทราบดีอยู่แล้ว ว่าคือ พระนาม(ชื่อ)ของตถาคต
คือ ธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สามารถชี้ได้ว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน หลังพุทธปรินิพพาน
(จากคำตอบของพระนาคเสน มิลินทปัญหา ตรงกัน 2 เว็บ อ้างอิงฉบับ มมร.)
และ ยังเป็น ผู้มีธรรมเป็นกาย (พระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ ท่านว่าไว้ อ้างอิงวิกิพีเดีย)
กลับไปแปลงศัพท์ไปเป็นอย่างอื่น แปลงเป็นอย่างไรคงทราบกันดี
อันนี้ก้กรรมของท่านนะ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ
เป็นกรรมหนักด้วย.. เพราะพระพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในภพสาม
เล่นไปแผลงชื่อ แปลงชื่อพระพุทธองค์ เพื่อการล้อเลียนอย่างนี้
ทำบ่อยๆ เข้า จนเคยชิน เป็นอาจิณกรรมอีก โอยย.. อเวจีกี่ชาติล่ะท่าน ไปกระทำกับบุคคลอันประเสริฐแบบนั้น
ไม่ได้ขู่นะครับ.. ไม่ได้ขอให้เชื่อด้วยครับ.. ไปพิสูจน์เอาเองนะ.. ไม่ตอนเป็นก้ตอนตายจ้าา..
วิชชาธรรมกาย คือ วิธีการที่ทำใหเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน คือ พระธรรมกาย
ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนทั่วโลกเข้าถึงได้เป็นของสากล ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาเท่านั้น
ที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่ฯ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อการค้นพบแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จนพบของแท้ของจริง
แล้วยังนำมาเผยแผ่แก่ศิษยานุศิษย์ของท่าน จนปฏิบัติกันมาถึงทุกวันนี้..
การนึกนิมิต จำคำนี้ไว้... ไม่ใช่เพ่ง อย่าสับสน!!!
2 คำนี้ มันต่างกันมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก...
นึก คือ การทำความรู้สึกว่ามีอยู่ เช่น การนึกถึงพ่อแม่
เพ่ง คือ การจ้องโดยไม่สนใจสิ่งอื่น บังคับด้วยการมองแบบเฉพาะเจาะจง
ซึ่งการเพ่งนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านไม่ได้สอน
ที่พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนีท่านสอนตรงตามพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ว่า
" อย่าลุ้น อย่าเร่ง อย่าเพ่ง อย่าจ้อง.. "
" เห็นอะไรให้มองเฉยๆไว้.. นิ่งเฉยๆ.. นิ่งอย่างเดียว.. "
" อยากหยุด..ต้องหยุดอยาก "
" ใจหยุด.. เมื่อหยุดใจได้ "
ที่ต้องนึกดวงแก้ว องค์พระ นั้นไม่ใช่การติดในนิมิต
แต่เป็นหนทางที่จะรวมใจเอาใจมาเกาะเกี่ยวที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ไว้เท่านั้น
เพราะไม่ช้าไม่นานนิมิตที่นึกก้จะหายไป สิ่งที่มีอยู่เดิมซึ่งเป็นของแท้ของจริงที่มีในตัวเรานั้น ก็จะปรากฏเอง
อย่าดูถูกตัวเองอีกเลยครับท่านผู้เจริญทั้งหลาย...
ท่านก็มีพระธรรมกายในตัวทุกท่านน่ะ
เหลือเวลาที่ท่านจะต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเอาเองเท่านั้น..
...
เหตุใดหนอ.. พระพ่อเรา เฝ้าเพียรฝัน
ถึงวันนั้น ที่รวมกัน เป็นหนึ่งเดียว
ให้ไตรรัตน์ เป็นสรณะ ได้เกาะเกี่ยว
พุทธบริษัท กลมเกลียว ดั่งดวงตะวัน
ทั้งๆที่.. พ่อเอง ก็สุขพอ
เหตุใดรอ... พวกเรา เข้าถึงกัน
ขนสรรพสัตว์ ทุกภพชาติ ปราบอธรรม์
กว่าถึงวัน สุดท้าย ที่สุดธรรมฯ
รักษาบรรยากาศ
ขอฝากวิดีโอ ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย
น่าดู น่าฟัง น่าติดตาม
เล่าโดยอดีตสามเณรจุลนี
ผู้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
และได้โอกาสในการศึกษาวิชชาธรรมกายชั้นสูง