ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าห้องรกร้าง เพราะทุกคนเอาเวลาไปฝึกกันจนหมด ไม่มีใครมีเวลามาเขียนมาอ่าน ผมสนใจมากครับ จากคุณ : koknam เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:33:29

ความคิดเห็นที่ 2 สนับสนุนครับ จากคุณ : กายใจ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:34:13

ความคิดเห็นที่ 3 หนับหนุน  เพราะทุกสาย มีพระพุทธองค์เป็นประทานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ผู้เข้าร่วมต้องมีความศรัทธา ในพระพุทธองค์  ระดับไหนครับ ระดับปุถุชนที่ยังไม่เคยสดับพระธรรมของพระพุทธเจ้า  ( ไม่ยอมอ่าน ไม่ยอมเชื่อถือ พระพุทธพจน์ ) ระดับปุถุชนที่สดับพระธรรมของพระพุทธเจ้า  ( อ่าน  และเชื่อถือพระพุทธพจน์ ) ระดับปุถุชนที่เชื่อและไม่สงสัยเคลือบแคลงในพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ชอบ ได้ด้วยพระองค์เอง จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:37:27

ความคิดเห็นที่ 4 รออยู่นานแล้ว ... แม้ว่าจะมีคนน้อย แต่ก็สงบ เหมาะกับผู้สนใจปฎิบัติดี   เห็นชอบครับ จากคุณ : MM (ongchai_maewmong) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:39:35

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นความคิดที่ดี แต่ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะว่า จากประสบการณ์ของตัวเอง ถ้าคนที่ปฎิบัติถึงขั้นหนึ่งแล้วการสร้างห้องแบบนี้ดีครับ เป็นการแบ่งประสบการณ์กัน (ไม่ว่าสายไหนๆ มันก็เหมือนกัน สิ่งที่เห็นภายนอกเป็นเพียงรูปแบบในการเจริญปัญญา) แต่ถ้ามีคนที่ปฎิบัติยังไม่ถึงจุดๆ หนึ่งนั้นการสร้างห้องแบบนี้จะทำให้เกิดความสงสัยมากขึ้นไปเรื่อยๆ (ตกลงของฉันถูกหรือเปล่า หรือของฉันยังผิด) ปกติความสงสัยก็มีอยู่แล้ว นี่ยิ่งเจอหลายๆ คนเห็นยิ่งต้องสงสัยมากขึ้นครับ ทำให้การปฎิบัติช้าครับ เพราะว่ามีแต่คนที่ยังไม่รู้มาเจอกัน ทำให้ยิ่งต้องสงสัย ยิ่งต้องงง และอาจจะเกิดการทะเลาะกัน เพราะต่างคนจะต่างคิดไปว่าตัวเองมีคำแนะนำที่ถูกต้องครับ (ซึ่งบางคนก็อาจจะถูกจริงครับ) ผลคืออัตตา ปุถุชนหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ หลายๆ ครั้งเราจะเห็นสมาชิกใหม่มาโพสถามว่า อยากเริ่มปฎิบัติธรรม เริ่มยังไงดี? ลองสังเกตสิครับ 10 ความเห็นก็ต่างกันไปทุกความเห็น บางคนบอกว่าให้ทำตามหลวงพ่อนั่น อีกคนบอกตามหลวงพ่อนี่ ทำตามสำนักโน่น สำนักนี่ คนอ่านงงครับ เกิดความลังเล ปฎิบัติไปอีกยิ่งลังเลไปอีก ... ผมไม่ได้บอกว่าหลวงพ่อไหนดีกว่าหลวงพ่อไหน เพราะว่าถ้าเป็นสติปัฎฐานมันมีหลักเหมือนกัน (รูปแบบอาจจะต่างกัน) แต่คนที่เข้ามาใหม่ยังไม่รู้ตรงนี้ ก็จะสงสัยมากๆๆๆๆ ครับ วิจิกิจฉาเพิ่มและอาจจะพาลหมดศรัทธาไป (ยกเว้นคนที่สนใจจริงๆ) สุดท้าย อย่าเข้าใจว่าผมบอกว่าคนที่เริ่มต้นปฎิบัติไม่ควรคุยกันนะครับ การแบ่งปันประสบการณ์เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมี "ผู้รู้จริงๆ" คอยคุมและให้คำแนะนำครับ ซึ่งผมคิดว่าห้องแบบนี้คงไม่มี "ผู้รู้จริงๆ" คอยคุม อีกอย่างเราก็จะไม่รู้ว่าใครรู้จริง มันก็จะกลับไปเรื่องเดิมคือ คนไม่รู้คุยกันครับ ผลเสียจะมีมากกว่าผลดี ถ้าคิดว่าอยากปฎิบัติธรรม ผมว่าควรไปหาครูบาอาจารย์จะเหมาะสมกว่ามากครับ และถ้าอยากสนทนา ควรสนทนากับคนที่ปฎิบัติเหมือนๆ กันและมีครูบาอาจารย์คอยให้คำแนะนำครับ ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ มาจากประสบการณ์ที่ผิดแล้วผิดอีกของตัวเอง แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 12:51:08 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 12:49:24 แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 12:47:44 จากคุณ : w-bpf เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:46:56

ความคิดเห็นที่ 6 เรากำลังนั่งนึกชื่อว่ามีใครบ้างหรือไม่ ที่เราจะคุยเรื่องปฏิบัติได้บ้าง ช่วงนี้สภาวธรรมเกิดหลายอย่าง ก็พอดีเห็นกระทู้นี้ ขอสนับสนุนให้เปิดห้องด้วยอีกคน แต่จะไปอยู่วัดสามวัน แล้วจะกลับมาติดตามอีกที จากคุณ : b-file เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:50:55

ความคิดเห็นที่ 7 เอาจริงๆน่ะ ยิ่งปฏิบัติได้ก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากเข้าห้องศาสนาน้อยลงเรื่อยๆทุกที เดี๋ยวนี้ กระทู้ขัดแย้ง โจมตีกัน ผมก็ไม่เข้าไปอ่านแล้ว อ่านแต่กระทู้ปฏิบัติธรรม กับ ตอบคำถามผู้ที่สนใจในธรรม จิตมันสูญเสียความเป็นอุเบกขาน่ะ เลยไม่รู้จะเข้าไปทำไม จากคุณ : อาตาปี สัมปชาโน สติมา เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 12:53:51

ความคิดเห็นที่ 8 #5 ผมถามจริงๆ มีใครคนไหนบ้างที่ไม่เคยเป็นนักปฏิบัติธรรมหน้าใหม่กันบ้าง ? ผมตอบเลยละกัน ก็ถ้ามีหน้าเก่ามันจะไม่มีหน้าใหม่ได้อย่างไรถูกมั้ยครับ ถ้าคนคิดจะปฏิบัติธรรมจริงๆ หรือสนใจจริงๆ ไม่ใช่ ไก่กามาจากไหน  กระทู้ที่ไปคนละทิศคนทาง ไม่ทำให้เค้าล้มเลิกกันได้ง่ายๆหรอกครับ  ต่อให้ครูพาไปเจอครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ หรือกระทั่งพระพุทธเจ้า คนมันไม่เอายังไงก็ไม่เอาครับ อีกอย่าง ผมบอกตรงๆ นะ  พวกเราใช้เวบบอร์ดกันผิดวัตถุประสงค์มานานแล้วครับ จริงๆมันไม่ถึงกับผิด เอาเฉพาะส่วนของการปฏิบัติ มันกลายเป็น  ห้องสอน+ห้องเล่าประสบการณ์+ประวัติครูบาจารย์ ไปซะงั้น อย่างที่คุณบอกน่ะแหละ ซึ่งผมไม่ได้คิดอยากจะเอาคอปเซปแบบนั้นมาใช้ครับ แบบนั้นเล่นห้องหลักก็ได้ เวบบอร์ดถ้าจะเล่นให้เซลล์สมองมันแตกสาขา มันต้องมีเหตุการณ์ๆนึง หรือตุ๊กตานึง แล้วทุกคนก็ใช้มุมของตัวเองมาอธิบาย โดยไม่ต้องข่มคนอื่น ยิ่งคนไหนไม่ได้เอาคัมภีร์มาเล่า ผมว่าสนุกเลยแหละ เพราะประสบการณ์บางอย่างมันไม่มีในคัมภีร์นะ เช่นไอ้เคสที่ต้องผูกติดกับเทคโนโลยี แบบนี้ ส่วนๆปัญหาไอ้เรื่อง"ผู้รู้" นี่แหละครับที่ตีกรอบ เพราะสิ่งที่ผมเสนอ ไม่ได้หาจุดที่ดีที่สุด หรือจุดที่ถูดต้องที่สุด (แต่ไม่ถึงขั้นบ้าบอคอแตก อ่ะนะ)   หลวงปู่มั่นบอกแล้วครับ ว่าคำพูดของปุถุชนยังไง  "พระธรรมใดก็ตาม เมื่อเปล่งจากวาจาของปุถุชน ล้วนเป็นธรรมปฏิรูป" สิ่งที่ผมชักชวนคือหาสถานที่ๆ แต่ละคนจะแสดงมุมมอง วิสัยทัศน์ ใครใครพอใจปลีกวิเวก สันโดษไป ปฏิบัติธรรม ไม่ร่วมเสวนา ผมอนุโมทนา  แต่ถ้าวันไหนท่านเหล่านั้น เกิดไปได้เจออะไรเด็ดๆ มาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับการปฏิบัติ  อย่างน้อยก็ยังมีห้องนี้ ที่คอยรองรับแน่ๆ   ไม่ใช่ว่าท่านๆกลับมาเล่าแล้ว เจอแต่อะไรก็อะไรก็ไม่รู้เบียดลงไป สุดท้ายของมันเริ่มขึ้น เสียหายตรงไหนครับ อย่างเลวสุด มันก็แค่รกร้าง  หรือเหมือนห้องใหญ่ แต่ถ้าดีมันก็ต่อยอดไปได้  มีไรผิดไปจากที่ว่า  มั้ยครับ นี่ผมคิดแบบ WORST CASE หรือ สถาการณ์แลวร้ายที่สุดให้เสร็จเลยนะเนี่ย จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:24:15

ความคิดเห็นที่ 9 อ่ออีกอย่างไม่ต้องคุยกันทุกวันหรอกครับ คุยกับสัปดาห์ละ ครั้งหรือ สองครั้ง ยังได้เลย แต่ข้อดีคือ กระทู็มันไม่มีทางตกหนีไปไหนหรอกครับ คุยกันเน้นๆ คุณภาพก็ได้ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:27:01

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเป็นการปฏิบัติแนวสติปัฏฐานสี่ ตามแบบหลวงพ่อจรัญ จะช่วยเข้ามาตอบให้ครับ จากคุณ : วาจา เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:30:00

ความคิดเห็นที่ 11 ดูกรอานนท์ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดย ปริยายอย่างนี้แล ผู้ใดไม่รู้ตามด้วยดี ไม่สำคัญตามด้วยดี ไม่ยินดีตามด้วยดี ซึ่งคำที่กล่าวดี พูดดี ของกันและกัน ในธรรมที่เราแสดงโดยปริยายอย่างนี้แล้ว ผู้นั้นจะได้ผลอันนี้ คือ จักบาดหมาง ทะเลาะวิวาททิ่มแทงกันแลกันด้วยหอกคือปากอยู่ ดูกรอานนท์ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยปริยาย อย่างนี้ ผู้ใดรู้ตามด้วยดี สำคัญตามด้วยดี ยินดีตามด้วยดี ซึ่งคำที่กล่าวดี พูดดี ของกันและกัน ใน ธรรมที่แสดงโดยปริยายอย่างนี้แล้ว ผู้นั้นจะได้ผลอันนี้ คือ จักพร้อมเพรียง บันเทิง ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมระคนกับน้ำ แลดูกันด้วยสายตาเป็นที่รักอยู่. จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:42:39

ความคิดเห็นที่ 12 ลืมตอบ #3   อย่างที่อธิบายใน #5 กระทู้ที่ตั้งอาจจะไม่เกี่ยวกับใน คัมภีร์เลย ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น "ถ้าจำกัดให้เลือกหนังสือการปฏิบัิติ 1เล่ม ที่คุณจะเสนอให้อ่านคนอื่นอ่าน นอกจากพระไตรปิฎกคือ..."  แบบนี้ต้องเป็นผู้รู้หรือไม่ หรือ "การปฏิบัติธรรมที่คุณคิดว่าไม่เหมือนชาวบ้านของคุณ  มีอะไรบ้าง ?  (อธิบายโดยย่อด้วยว่าทำเพราะอะไร) " พอจะเห้นภาพ หรือเปล่าหว่า คำถามลัักษณะแบบนี้ แทบจะไม่จำเป็นต้องยกคัมภีร์มาเลย เพราะอะไรถ้าใครอยากได้คัมภีร์ เวบ85000 ตอบได้อยู่แล้ว จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:07:53

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบมากครับ จากคุณ : เอ็ม (คนไม่มีบุญถูกทิ้ง) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:38:11

ความคิดเห็นที่ 14 เออ เข้าท่าดีนะ ตั้งกลุ่มเลยดีกว่ามั้ง ไม่งั้นก็มีคนนอกสายตาเข้ามากวนๆอีกแหละ จากคุณ : nokbin เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:42:22

ความคิดเห็นที่ 15 พุทโธ ธรรมกาย ยุบพอง รู้สึกตัว ดูจิต อสุภะ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:47:45

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยค่ะ และจะดีมาก ถ้าไม่มีการเหน็บกันแรงแรง จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 17:12:34

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยครับ จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 20:30:17

ความคิดเห็นที่ 18 อนุโมทนา กับแนวความคิดนี้ครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่จะขอร่วมวงสนทนาด้วยครับ ชีวิตคนเราแสนสั้น มีเวลาควรภาวนาเพื่อบรรลุเป็นพระอริยบุคคลเสียครับ มัวไปเพ่งโทษคนอื่น หรือไปทะเลาะเบาะแว้งกับศาสนาอื่น เสียเวลาครับ ไม่ช่วยให้วัฏฏสงสารสั้นลงเลย พระพุทธเจ้าทรงตรัสยกย่องการพูดจาเพื่อมักน้อย สันโดษ ปรารภความเพียร ห้องนี้ส่งเสริมการปรารภความเพียรครับ สนับสนุนเต็มที่ครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 22:28:10

ความคิดเห็นที่ 19 ช่วงที่เว็บมาสเตอร์ยังไม่อนุมัติให้มีห้องเฉพาะ ขอเสนอว่าให้ใส่วงเล็บเหลี่ยมไปก่อนในการตั้งกระทู้ โดยใช้ชื่อห้องว่า [ห้องปฏิบัติภาวนา] เช่น [ห้องปฏิบัติภาวนา]  เราจะเลือกหมวดกรรมฐานให้เหมาะสมกับจริตของตนได้อย่างไร   แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 55 22:38:30 จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 22:36:42

ความคิดเห็นที่ 20 คงไม่ได้เป็นห้องครับ คงเป็นได้แค่คลับ เพราะถ้าเป้นห้องย่อย ต่อให้ WM อนุญาตแต่พอมีปัญหา มันไม่มีการลงดาบ  ทำให้เลอะเทอะ ส่วนสไตล์การให้เอาวงเล็บมาตั้งนี่ ส่วนตัวเคยเห้นหลายห้องทำแล้ว มันไม่ประสบความสำเร็จ  ตราบใดที่ยังอยู่ในห้องหลัก   เดี๋ยวผีบ้านผีเรือนเข้ามาวนเวียนปั่นความเห็นเพิ่ม เพราะทะเลาะกันเอง กลายเป็นว่าเหลว (ไอ้เนี่ยแหละ เป็นสาเหตุหลักที่จะแยกออกไปเป็นคลับ) จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 22:55:47

ความคิดเห็นที่ 21 กิเลสหนาๆคือกัน   เด๊ยวก็ไปทะเลาะเรื่องการภาวนากันต่อได้อีก มีคนซะอย่าง ปัญหามันก็มีตามมากันแหละ หน้าหลักนี่แหละดีแล้ว เห็นชัดๆดี ถ้าจะแยก แยกสายการภาวนาดีกว่ามั๊ย ทุกวันนี้ คนสับสน สมาธินำ ปัญญานำ มันต่างกันไง   สับสนจนกลายเป็น  จะเซ่อนำไปก่อน แยกหมวดพวกนี้ออกมา ให้คนทำอยากภาวนา เลือกทำความเข้าใจก่อนดีไหม ทั้งคนตั้ง คนตอบ ๆๆๆ จะได้ไม่ตีกัน(คนตอบนี่แหละ นิยมฉกกันนักแล) มาใหม่ไม่รู้ ตัวเองสายไหน ก็ลองทำมันเป็นสลัดนั่นแหละ ล้มลุกคลุกคลานสักหน่อย เดี๊ยวก็เจอทางเอง ส่วนมาก วัวคอกใคร เขาหลงคอกได้ไม่นาน ก็กลับเข้าคอกตัวเองนั่นแหละ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 00:47:41

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12019402/Y12019402.html วางกติกาไว้แล้ว ใครทะเลาะ ดีดออก ไม่ต้องถามเหตุผล สบายใจ ใครอยากอยู่ห้องหลักก็อยู่ไปไม่ได้ห้าม เพราะห้ามไม่ได้  อ่านแล้วคิดว่าเจริญสติได้ดีอนุโมทนาด้วย ใครอยากทำความเข้าใจก่อน  เวบไซต์อื่นมีเยอะ ไม่ต้องมาคุยกันก็ได้ อันนี้เรามาโสเหล่ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 01:18:06

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุโมทนาด้วยครับ  สนับสนุน  ขออย่างเดียว  อย่าเอาตำรามายุ่งเกี่ยว  ปฏิบัติล้วนๆ ดีมากเลยครับ จากคุณ : สาธุ... (kamnitnoom) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 07:05:28

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วย แต่ศิษย์วัดธรรมกายจะยอมหรือ? แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 55 08:47:02 จากคุณ : ลาดปลาเค้า เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 08:45:15

ความคิดเห็นที่ 25 ขออนุโมทนาค่ะ สารภาพเลยว่า ตอนแรกๆเข้าอ่านมาหาความรู้จากผู้ปฏิบัติ ในที่นี้ แต่ตอนนี้  เข้ามามองหาธรรมแล้วก็จากไปเงียบๆ..... ...มีแต่ความขัดแย้ง..มือใหม่เข้ามาอ่านแล้วท้อ + งง.............ก้มหน้าก้มตาปฏิบัติต่อไป จากคุณ : พระจันทร์เดือนแรม เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 15:46:02

ความคิดเห็นที่ 26 ปฎิบัต ต้องมี ปริยัต ปฎิเวธ ประกอบกัน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 16:00:45

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ต้องกลัวว่า ผมจะลักไก่ เอาผลโหวตอันนี้ไป แจ้งขอ Wm นะครับ ไวให้ครบ ทั้ง 3อย่างคืิอ 1. ชื่อห้อง 2. วัตถุประสงค์และ กติกาห้อง 3. คณะผู้ดูแล แล้วผมจจะโหวตอีกครั้ง  เดี๋ยวจะหาว่าไม่แฟร์ตรงที่ให้โหวตก่อนแล้วแจ้งกติกาที่หลัง จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:13:36

ความคิดเห็นที่ 28 โมทนาในกุศลเจตนา ขอให้เจริญในธรรมด้วยกันทุกๆคน จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:53:31

ความคิดเห็นที่ 29 เริ่มแรกอ่านกระทู้นี้ก็เห็นด้วย แต่เมื่ออ่านเนื้อหาทุกคำในกระทู้ต่อมา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12019402/Y12019402.html   อย่าว่ากันละ  ไม่เอาด้วยแล้วครับ     จากคุณ : MM (ongchai_maewmong) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 09:56:53

ความคิดเห็นที่ 30 อนุโมทนาในเจตนาอันเป็นกุศล ครับ จากคุณ : ดำดง เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:10:19

ความคิดเห็นที่ 31 อนุโมทนาในเจตนาอันเป็นกุศล ค่ะ (ขอลอกการบ้านคนข้างบนค่ะ) จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:53:43

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเสนอ "ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ยถาภูตํ ญาณทสฺสนํ" หรือ "ปริยัติ ปฏิบติ ปฏิเวธ" เพราะ มันแยกออกจากกันไม่ได้ จะแยกการปฏิบัติ ออกมาโดดๆไม่ได้ไม่งั้นหลง จากคุณ : sinnerman เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:10:27

ความคิดเห็นที่ 33 ปฏิบัติ ศีล จนเกิดสมาธิ และมาร่วมกันวิปัสสนา เพื่อเกิดปัญญา น่ะ เอาด้วยค่ะ แต่ถ้ามาวิปัสสนาเอาชนะคะคานกัน ว่าความคิดเห็นใครถูกผิด ต้องขอยอมแพ้นะคะ เพราะเชื่อจริงๆค่ะ ว่าธรรมะ อยู่ที่ ทำมั้ย เท่านั้นเอง จากคุณ : รู้น้อยต่อยหนัก (DurianToffee) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:59:20

ความคิดเห็นที่ 34 อนุโมทนา ในกุศลจิตเพื่อจัดกิจกรรมเนื่องด้วยการสนทนาธรรมครับ จากคุณ : deedang เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 23:25:31

ความคิดเห็นที่ 35 ขอเสนอนะคะ แม้ส่วนตัว จะไม่ค่อยชอบธุดงค์ธรรมชัย แม้ส่วนตัวจะไม่ชอบธรรมกาย สันติอโศก แต่ถ้าเขาปฏิบัติธรรม และสนทนาการปฏิบัติธรรม ก็อยากให้จขกท พิจารณาทบทวนดูอีกทีค่ะ จากคุณ : ไม่ใช่ธรรมกายสันติอโศกนะ (จิตรพร) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 01:08:05

ความคิดเห็นที่ 36 อนุโมทนากับทุกท่านที่ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ จขกท.ที่ริเริ่มความคิดนี้ ขออนุญาตฝากข้อคิดเอาไว้ว่า ตราบใดที่ยังไม่หมดข้อสงสัย ยังมีกิจที่ต้องกระทำเพื่อการพ้นทุกข์ กรุณาอย่าได้ทำการตัดสิน หรือแนะนำการปฏิบัติใดๆโดยเอาทิฏฐิของตนเป็นที่ตั้ง จงนำเสนอเฉพาะแต่ประสบการณ์และผลการปฏิบัติของท่านก็พอ เพราะการตัดสิน แสดงความเห็นกับคนที่ไม่ได้ภาวนาในแนวทางเดียวกับตน นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แล้ว อาจบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติ เกิดความสับสน ไขว้เขว หรือชักพากันหลงทาง ด้วยความไม่รู้ของผู้แนะนำ แม้จะมีความปรารถนาดี แต่มันคือดาบสองคม และเชื่อว่า แต่ละท่านที่ปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน ย่อมชาญฉลาดพอที่จะพิจารณาเอาเองได้ว่า แนวทางไหนเหมาะแก่ตน การพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรอ้างอิงจากประสบการณ์ของตน เพื่อให้แต่ละท่านได้พิจารณาเอาเอง โดยส่วนตัวเชื่อว่า ท่านที่ตั้งใจปฏิบัติดี และมีความก้าวหน้า ย่อมประจักษ์ชัดในแนวทางที่ปฏิบัติ ผิด หรือ ถูก ก้าวหน้า ถอยหลัง หรือ ย่ำอยู่กับที่  ไม่มีใครตรวจให้คะแนนแก่กันได้ เพราะมันคือ ปัจจัตตัง คือ รู้ได้เฉพาะตน ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเรา หลายท่านอยู่ในห้องนี้มานานหลายปี แม่นคัมภีร์กว่าใครๆ ผ่านครูบาอาจารย์หลายองค์ แต่ก็มิอาจสรุปได้ว่าเป็นผู้รู้จริง หรือไม่ อย่างไร "ความปราศจากทุกข์ทางใจ" คือสิ่งที่ผู้ปฏิบัติรับรู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องไปถามใคร แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 09:01:35 จากคุณ : ต้นแมกโนเลีย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:00:01