 |
ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับความรักไว้ในทำนองเดียวกันนี้ว่า โดยให้ข้อสรุปของความรักไว้ว่า "ที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์"
เพลงรักเอย ที่ธานินทร์ อินทรเทพ ร้อง มีบทเพลงท่อนหนึ่งว่า "รักเอยจริงหรือที่ว่าหวานหรือทรมานใจคน ความรักร้อยเล่ห์กล รักเอ๋ยลวงล่อใจคนหรอกจนตายใจ รักนี้มีสุขทุกข์เคล้าไป.... วันนี้เป็นวันแห่งความรัก ผมมีมุมมองของความรักที่ไม่เหมือนใครมาคุณกับเพื่อนชาวโอเคเนชั่นครับ ถ้าพูดถึงความรัก ทุกคนจะนึกถึงความสุข ความสดชื่น ความชุ่มชื่นใจ ความสมัครสมานสามัคคี รักตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้ความหมายไว้ว่า รัก ก.มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย เช่น พ่อแม่รักลูก รักชาติ รักชื่อเสียง, มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, เช่น ชายรักหญิง ชอบ เช่น รักสนุก รักสงบ ผมขอแยกพื้นฐานของความรักออกเป็นสองอย่างคือ รักที่มีการให้หรือการเสียสละเป็นพื้นฐาน และรักที่มีการเอาเป็นพื้นฐาน พูดสั้น ๆ คือรักให้กับรักเอา ความรักที่มีพื้นฐานมาจากการให้หรือการเสียสละ เช่นพ่อแม่รักลูก รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ ความรักที่มีพื้นฐานมาจากการคิดจะแต่เอาจากคนที่เรารัก ได้แก่ผัวรักเมีย เมียรักผัว หนุ่มรักสาว สาวรักหนุ่ม รักกิ๊ก พ่อแม่รักลูกนั้นล้วนมีแต่การให้และเสียสละ ทุกอย่างแม้ชีวิตพ่อแม่ก็สละไห้ลูกได้ แม่เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าท้อง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาแม่ต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อลูกต้องระมัดระวัง จะเดินจะนอนจะกิน แม่ต้องอดทนทุกอย่างจนกว่าจะคลอดลูก โดยเฉพาะวันคลอดแม่ทุกคนเหมือนเอาชีวิตแขวนไว้กับเส้นด้ายที่พร้อมจะขาด เจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดในชีวิต พอลูกเกิดมาก็ต้องประคบประงม ป้อนน้ำป้อนข้าวจนเติบใหญ่ ต้องให้การศึกษาเล่าเรียน แล้วยังต้องหาคู่ครองให้อีก แม้มีลูกมีผัวมีเมียแล้วก็ยังไม่หมดภาระต้องคอยดูแลช่วยเหลือ คอยอุดหนุนจุนเจือจนกว่าจะตายจากไป แม้ใกล้ตายพ่อแม่ยังห่วงลูกจนลมหายใจสุดท้าย ในระหว่างยังมีชีวิตอยู่พ่อแม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำหาเงินหาทองมาเลี้ยงดูลูกให้มีความสุข มีฐานะทัดเทียมชาวบ้าน ฯลฯ ถ้าจะพรรณนาถึงพระคุณของพ่อแม่แล้ว ทางพระท่านว่า เอาภูเขามาเป็นปากกา เอาน้ำในมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึกก็ยังไม่พอที่จะจารึกพระคุณของพ่อแม่ได้หมด ความรักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ เป็นความรักที่ต้องเสียสละแม้กระทั่งชีวิต ต้องยากลำบากอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ห่างไกลความเจริญ ต้องอยู่อย่างโดดเดียวตามแนวชายแดน ต้องบาดเจ็บล้มตาย สูญเสียเลือดเนื้ออวัยวะ ต้องกลายเป็นคนพิการ ต้องทิ้งพ่อแม่ลูกเมียไปทำหน้าปกป้องแผ่นดิน ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ในทางกลับกันความรักแบบเอา คือความรักที่คนรักคิดจะเอาจากคนที่ตนรัก ความรักประเภทนี้คือความรักระหว่างหนุ่มรักสาว สาวรักหนุ่ม ผัวรักเมีย เมียรักผัว หนุ่มรักสาวก็อยากให้สาวรักเขาตนเดียว อยากให้เธอยอมให้ทำอะไรก็ได้ตามที่ใจเขาปรารถนา อยากให้คนรักเอาอกเอาใจ หญิงรักชายก็เช่นเดียวกันอยากให้รักเธอคนเดียว ให้เกียรติเธอ ตามใจเธอ นำของกำนัลมาให้เสมอ ๆ เมื่อแต่งงานกันแล้วต่างก็อยากให้อีกฝ่ายให้กับตนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมียอยากให้ผัวเอาอกเอาใจ อยากให้มีใจเดียว อยากให้ซื่อสัตย์ อยากให้อยู่ในโอวาท อยาก ฯลฯ...ฝ่ายผัวก็อยากให้เมียเอาใจ อยากให้เป็นแม่บ้านการเรือน อยากให้มีใจกว้าง (ยอมให้มีเมียน้อยได้) อยากให้... ฯลฯ การเป็นแฟนเป็นผัวเป็นเมียกันถ้าความรักหมดไป ก็เกิดความโกรธความเกียจเข้าแทนที่ ยิ่งรักมากก็เกียจมาก หึงหวง หวาดระแวง ฯลฯ.... จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนล้วนต้องผมกับความทุกข์ทรมาน ต้องลำบากลำบนทั้งกายและใจ แม้กระทั่งชีวิต ความรักในส่วนที่ทำให้เกิดความชื่นใจสุขใจ อิ่มเอิบใจนั้น เมื่อเอามาหักลบกันแล้ว ถ้าเป็นการค้าขายก็ขาดทุนย่อยยับ เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว จนอาจถึงขั้นล้มละลาย เช่น บ้างคนต้องฆ่าตัวตายเพราะอกหัก ต้องฆ่ากันตายเพราะจับได้ว่าคนที่ตนรักนอกใจ แอบไปมีใหม่ ไม่ซื่อสัตย์ หรือเปลี่ยนใจไปให้คนอื่น ฆ่าตัวตายประชดรัก ฯลฯ แต่ในทางพุทธศาสนาถือว่า "ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์" เพราะความรักมีความหลงเป็นตัวชักนำให้เกิด จึงมักมีคำเตือนที่ว่า รักได้แต่อย่าหลง ความรักจึงมักมีคำว่าหลงประกอบอยู่หลายคำเช่น หลงรัก รักจนหลง แล้วท่านมีมุมมองเกี่ยวกับความรักอย่างไรครับ
จากคุณ |
:
คนไม่อยากมีรักเพราะกลัวมีทุกข์ (aplang)
|
เขียนเมื่อ |
:
29 เม.ย. 55 22:22:44
|
|
|
|
 |