ความคิดเห็นที่ 1 สติปัฏฏฐานสี่ตามมหาสติปัฏฏฐานสูตรครับ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 23:50:57

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบพุทโธ ไปครับ แต่ถ้านับจริงๆ ก็มี พุทโธ ดูจิต และรู้สึกตัวครับ ปฏิบัติไปถึง...สติในปัจจุบันครับ อิอิ จากคุณ : Gun_Panda เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:50:16

ความคิดเห็นที่ 3 สติปัฏฏฐานสี่เหมือนกันครับ จากคุณ : just.exe เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:34:56

ความคิดเห็นที่ 4 ของผมทำหมดแหละแต่ส่วนตัวแล้วทำแบบไม่มีครูบาอาจาร์ย ใช้ศึกษาเอากับพระที่เก่งๆให้เขาแนะนำให้ในหลายๆด้าน ทั้งตำราและปฎิบัติ เคยไปอาศัยศาลาที่วัดปทุมวนารามใช้เป็นที่นั่งสมาธิอยู่สัก2ปีได้ ทำอะไรไม่มีครูบาอาจาร์ยก็ไม่ดีเลยเอาธูปเทียนแพร ไปไหว้หลวงพ่อถาวร แต่การปฎิบัตินี่ เป็นของผมเอง จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:02:04

ความคิดเห็นที่ 5 อานาปานสติ ครับ จากคุณ : kira freedom เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 02:02:47

ความคิดเห็นที่ 6 ผมฝึกสายหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ หลังจากลองมา หลายสาย ทุกสายดีหมด แต่มันไม่รุ้สึกนิ่งหรือ เห็นแสงสว่าง เหมือนฝึกสายนี้เมื่อฝึกอย่างตั้งใจ จะหลับตาก็รุ้สึกสว่างไปหมด โดยเฉพาะความจำดีขึ้น ช่วยในการเรียนได้มาก (อยากแนะนำ) เกรดเฉลี่ยเปลี่ยนไปเลยเมื่อฝึกแนวนี้ จากสองกว่าเป็นสามกว่า แล้วก็ค้นพบว่าความจำมันแปรผันโดยตรงกับสมาธินี่เอง บางคน คิดว่าตัวเองโง่จำอะไรไม่ค่อยได้  แต่เมื่อฝึกแล้ว( อย่างจริงจัง ) จะพบว่าความเปลี่ยนแปลงสูงมาก      ในการฝึกสายนี้ มีแนวทางค่อนข้างชัดเจนและเห็นผล เมื่อ ทำได้แล้วจะทำอย่างไรต่อ       ข้อสังเกตุของแนวทางนี้ คือแต่ก่อนหลวงพ่อสด ท่านก็ฝึก อาณาปาณสติมาก่อน เมื่อเอาจริงเอาจังเข้า (สละชีวิต) จึงพบว่า ทางสายกลางนี้ จะทำไปเข้าไปถึงพระธรรมกายภายใน ที่เป็นกาย ตรัสรู้ธรรมได้       ก็แสดงว่าแนวนี้ก็ต่อยอดมาจาก อาณาปาณสตินั่นเอง ภาค ต่อของอาณาปาณสติหายไป จากพระไตรปิฏก คือการเห็นธรรมในธรรม ดวงธรรมานุปัฐนาสติปัฐฐาน ที่ขาดการประติดประต่อ จนถึงดวงตา เห็นธรรม นั่นคือธรรมกาย  เนื่องจากขาดผู้ที่เข้าถึงนานแล้ว วิธีการ เข้าถึงนี้ เป็นเรื่องของการปฏิบัติล้วน ๆ  เมื่อเข้าถึงจึงสามารถอธิบาย แนวทางออกมาให้ลูกศิษย์ทำตามได้  ในกรณีนี้จึงมั่นใจเต็มร้อยว่า ธรรมกาย  คือวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อบรรลุธรรม จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 06:11:45

ความคิดเห็นที่ 7 ปฏิบัติทางพุทโธค่ะ  อยู่กับที่ไม่ไปไหนเลย^^!   แต่ก็ไม่เคยท้อใจ  มีแต่จะทำให้มากขึ้น จาก เมื่อก่อน สวดมนต์และภาวนา วันละ30 นาที   เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็นประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ที่ก้าวหน้าจะเป็นเรื่อง ทางโลก คือ อายชั่วกลัวบาป แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 18:00:54 จากคุณ : มองดูเพลิน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:29:42

ความคิดเห็นที่ 8 สติปัฎฐาน4 กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ปฏิบัตอย่างไร จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 08:41:17

ความคิดเห็นที่ 9 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%C1%CB%D2%CA%B5%D4%BB%D1%AF%B0%D2%B9%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33 ๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒) [๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อ หายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เรา หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้า สั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น............ [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเมื่อเดิน ก็รู้ชัดว่าเราเดิน เมื่อยืน ก็รู้ชัดว่าเรายืน เมื่อนั่ง ก็รู้ชัดว่าเรานั่ง เมื่อนอนก็รู้ชัดว่าเรานอน............ [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว ในการคู้เข้า ในการเหยียดออก ในการทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร ในการฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม ใน การถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ย่อมทำความรู้สึกตัว ในการเดิน การยืน การนั่ง การหลับ การตื่น การพูด การนิ่ง ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็น กายในกายภายในบ้าง.................... สรุปสั้นๆก็ นั่งขัดสมาธิรู้ลมหายใจเข้าออก รู้สึกตัวในอิริยาบถใหญ่ ยืน เดิน นั่ง นอน รู้สึกตัวในอิริยาบถย่อย...... แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 09:11:24 จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 09:01:03

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบ..คุณ (venture) การปฏิบัต..สติปัฎฐาน4.. 1.ใช้ "สติดูกาย" ทุกอิริยาบท จะบรรลุธรรมภายใน 7 วัน ถึง 7 ปี   2.ใช้ "สติดูเวทนา" ทุกอิริยาบท จะบรรลุธรรมภายใน 7 วัน ถึง 7 ปี 3.ใช้ "สติดูจิต" ทุกอิริยาบท จะบรรลุธรรมภายใน 7 วัน ถึง 7 ปี   4.ใช้ "สติดูธรรม" ทุกอิริยาบท จะบรรลุธรรมภายใน 7 วัน ถึง 7 ปี   ปล.ตอบตามความเข้าใจส่วนตัว  ที่ปฏิบัตมาและได้ผลเป็นที่น่าพอใจครับ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 09:08:28 จากคุณ : ratbig เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 09:06:39

ความคิดเห็นที่ 11 ดูจิต รู้สึกตัว อานาปานสติ ตอนนี้ใช้ฐานกายกับเวทนาเป็นหลักครับ จากคุณ : กายใจ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:50:41

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ้ที่พูดมาข้างบน มันเป็นแค่คำบริกรรม ไม่ใช่เหรอ มันเป็นสายด้วยเหรอคะ ?? เวลาบริกรรม ใช้กรรมฐาน 5 บ้าง อิทธิบาท 4 บ้างพุทโธ บ้าง แล้วแต่เหตุ บริกรรมแล้ว ทิ้งบริกรรม ก็เป็นสมาธิ ก็นั่งสมาธิไปจนสุด ได้กำลังแล้วก็ออกมาพิจารณา หรือว่างๆ มีอะไรเข้ามาให้พิจารณาก็พิจารณา สติปัฏฐานต้องใช้อยู่ตลอดเวลา  เป็นเครื่องมือยังชีพ ฝึกทำไปนานๆ มีสมาธิตลอดเวลา มากหรือน้อยต่างกันตามสภาวะ ใช้แค่อาณาปาน กำหนดลม ดูลม มันก็เป็นสมาธิไม่ซัดส่ายไปไหน  เวลาที่ต้องใช้ชีวิตทางโลก ก็ทำความรู้สึกตัว กำหนดสติไว้ จิตอยู่ที่ฐานเสมอ ฐานกลางอกน่ะ มั่นคงสุด มีอะไรกระทบก็รู้ ข้างนอกกระเพื่อมดูจิตไม่ให้กระเพื่อม  ก็เรียกว่าดูจิต สติปัฏฐานกายเวทนาจิตธรรม มันเกิดขึ้นสลับไปมาตามเหตุ อย่างนี้ไม่รู้สายไหนนะเนี่ย..  แต่ไม่สายไป อย่างแน่นอน..อิอิ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:00:29

ความคิดเห็นที่ 13 สายพระพุทธเจ้า จากคุณ : sinnerman เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:42:07

ความคิดเห็นที่ 14 นั้นดิ ผมก้เห็นเหมือนคห ๑๒ เลยยังงง กับคำถามเลยไม่โหวตสักอัน จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 11:59:54

ความคิดเห็นที่ 15 ร่วมโหวต 33 คน นิยมภาวนาพุทโธมากสุด จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 12:17:02

ความคิดเห็นที่ 16 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ... ทรงบัญญัติสติวินัย ... ทรงบัญญัติอมุฬหวินัย ... ทรงบัญญัติปฏิญญาตกรณะ ... ทรงบัญญัติเยภุยยสิกา ... ทรงบัญญัติตัสสปาปิยสิกา ... ทรงบัญญัติติณวัตถารกวินัย อำนาจประโยชน์ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ เพื่อความดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญ แห่งสงฆ์ ๑ ... เพื่อความข่มขู่บุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีล เป็นที่รัก ๑ ... เพื่อป้องกันอาสวะอันจักบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะ อันจักบังเกิดในอนาคต ๑ ... เพื่อป้องกันเวรอันจักบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัด เวรอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ ... เพื่อป้องกันโทษอันจักบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อ กำจัดโทษอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ ... เพื่อป้องกันภัยอันจักบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดภัยอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ ... เพื่อป้องกันอกุศลธรรมอันจักบังเกิดใน ปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอกุศลธรรมอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ ... เพื่ออนุเคราะห์แก่ คฤหัสถ์ ๑ เพื่อเข้าไปตัดรอนฝักฝ่ายของภิกษุที่มีความปรารถนาลามก ๑ ... เพื่อ ความเลื่อมใสของผู้ที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของผู้ที่เลื่อมใสแล้ว ๑ ... เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย ๑ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ อย่างนี้แล พระตถาคตจึงทรงบัญญัติติณ วัตถารกวินัยไว้แก่สาวก ฯ            [๔๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งซึ่งราคะ จึงควร อบรมธรรม ๒ อย่าง ธรรม ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งซึ่งราคะ จึงควรอบรมธรรม ๒ อย่างนี้ แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพื่อกำหนดรู้ราคะ ... เพื่อความสิ้นไปรอบแห่งราคะ ... เพื่อละราคะเด็ดขาด ... เพื่อความสิ้นไปแห่งราคะ ... เพื่อความเสื่อมไปแห่งราคะ ... เพื่อความสำรอกราคะ ... เพื่อความดับสนิทแห่งราคะ ... เพื่อสละราคะ ... เพื่อปล่อยราคะเสีย จึงควรอบรมธรรม ๒ อย่างนี้แล ฯ            [๔๓๙] เพื่อรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ... เพื่อกำหนดรู้ ... เพื่อความ สิ้นไปรอบ ... เพื่อสละ ... เพื่อความสิ้นไป ... เพื่อความเสื่อมไป ... เพื่อความ สำรอก ... เพื่อความดับสนิท ... เพื่อสละ ... เพื่อปล่อยวางซึ่งโทสะ ... ซึ่งโมหะ ... ซึ่งความโกรธ ... ซึ่งความผูกโกรธไว้ ... ซึ่งการลบหลู่คุณท่าน ... ซึ่งการตี เสมอ ... ซึ่งความริษยา ... ซึ่งความตระหนี่ ... ซึ่งมายา ... ซึ่งความโอ้อวด ... ซึ่งความหัวดื้อ ... ซึ่งความแข่งดี ... ซึ่งการถือตัว ... ซึ่งการดูหมิ่นท่าน ... ซึ่ง ความมัวเมา ... ซึ่งความประมาท ... จึงควรอบรมธรรม ๒ อย่างนี้แล ฯ จบทุกนิบาต -----------------------------------------------------            เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  บรรทัดที่ ๒๕๙๙ - ๒๖๒๙.  หน้าที่  ๑๑๑ - ๑๑๓. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=2599&Z=2629&pagebreak=0            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=425            สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ http://www.84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๐ http://www.84000.org/tipitaka/read/?index_20 พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ สติวินัย สำหรับพระอรหันต์ครับ ทุกสายอยู่ในนั้น จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 13:04:06

ความคิดเห็นที่ 17 ภาวนาพุทโธ เป็นมาตรฐาน พิมพ์นิยมจ้า พุทธานุสติไง โมทนาสาธุกับผลโหวต จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 14:38:51

ความคิดเห็นที่ 18 ผมก็ภาวนา พุทโธ ไว้สำหรับให้จิตรวมมีกำลัง  นอกนั้นก็ฝึกสติ ถ้าพูดรวมๆก็ฝึกสายพระพุทธเจ้านี่แหละ  แต่ต้องเป็นสมาธิเพื่อ ทำวิปัสสนา  ไม่ใช่แนวสมถะหลงฌาณ ^^ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 15:44:22

ความคิดเห็นที่ 19 แปลกใจที่ไม่มีสาย อานาปานสติ และหรือ มโนมยิทธิ ให้เลือกเพราะ สองกลุ่มนี้ก็มีคนฝึกเยอะเหมือนกัน จากคุณ : กายใจ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 16:07:00

ความคิดเห็นที่ 20 #6 อย่าได้เร่งสรุปลงไปดังที่แสดงมา  สิ่งที่เธอยังไม่รู้ไม่เข้าใจมีอีกมาก.....แต่หากจะเป็นทิฐิส่วนบุกคลก็แล้วแต่กรรมของเจ้าของ  ขอท่านผู้สดับความเห็นนี้โปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ขอโปรดพิจารณา.... จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 16:19:39

ความคิดเห็นที่ 21 ก็แสดงว่าแนวนี้ก็ต่อยอดมาจาก อาณาปาณสตินั่นเอง ภาค ต่อของอาณาปาณสติหายไป จากพระไตรปิฏก คือการเห็นธรรมในธรรม ดวงธรรมานุปัฐนาสติปัฐฐาน ที่ขาดการประติดประต่อ จนถึงดวงตา เห็นธรรม นั่นคือธรรมกาย  เนื่องจากขาดผู้ที่เข้าถึงนานแล้ว วิธีการ เข้าถึงนี้ เป็นเรื่องของการปฏิบัติล้วน ๆ  เมื่อเข้าถึงจึงสามารถอธิบาย แนวทางออกมาให้ลูกศิษย์ทำตามได้  ในกรณีนี้จึงมั่นใจเต็มร้อยว่า ธรรมกาย  คือวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อบรรลุธรรม หากบอกว่าภาคต่อของอาณาปานสติหายไป ขาดผู้ที่เข้าถึงมานานมาก แปลว่าเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วไม่มีใครเข้าถึงจนกระทั่งหลวงพ่อสดหรือครับ??? อ่านแล้วเหมือนกับแปลว่าครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆไม่เคยมีใครไปได้จนสุดทางจนกระทั่งหลวงพ่อยังไงยังงั้น อธิบายเพิ่มนิดหนึ่งครับ? จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:00:34

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบคุณ ขอบฟ้าบูรพา  ในสาย สติปัฐฐาน 4 คือ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีให้เลือก ตั้ง 4 ทาง ครูบาอาจาร์ยท่านอื่นจะเลือกทางไหน ก้ได้แต่มี อาณาปาณสติ เป็นฐานต่อยอดได้หมด เราเพียงแต่บอกว่าวิชชาธรรมกายนั้นมีรายละเอียด ขั้นตอนวิธีการชัดเจน สถานที่ฝึก ผู้ที่ฝึกได้แล้วสำเร็จแล้ว มากมาย ทำให้การฝึกสายนี้   น่าจะ   ง่ายและดีที่สุด ทุกอย่างขึ้นอยุ่กับวาสนาบารมีที่ท่านได้สะสมมาด้วย ว่าจะบรรลุหรือไม่  ในสมัยพทธกาล เทศนาเสร็จได้เห็นธรรมเลยก็มี บางองค์ เพ่งผ้าขี้ริ้วแล้วภาวนาแค่นั้นก็ เห็นธรรม บุญเก่าบรรจบบุญใหม่ จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:55:10

ความคิดเห็นที่ 23 เหอะๆๆ จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:48:41

ความคิดเห็นที่ 24 มหาสติปัฏฏฐานสูตร จากคุณ : Mahasati Neo เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 19:47:20

ความคิดเห็นที่ 25 ผมก็สายพระพุทธเจ้านั่นแหละ ไม่ใช่สายไหนทั้งนั้น แต่ผมก็ศิษย์อาจารย์เดียวกับคุณนั่นแหละครับ คุณ venture จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 19:57:25

ความคิดเห็นที่ 26 จงกรม เน้นสติ จากคุณ : swedishNO.1 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 21:23:07

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคุณKOB ON KALAครับ ยังไม่เคลียร์นิดนึงครับ ในตอนแรกบอกว่าภาค ต่อของอาณาปาณสติหายไป จากพระไตรปิฏก คือการเห็นธรรมในธรรม ดวงธรรมานุปัฐนาสติปัฐฐาน ที่ขาดการประติดประต่อ จนถึงดวงตา เห็นธรรม นั่นคือธรรมกาย ที่ตอบมาในครั้งหลังคืออาณาปาณสติ เป็นฐานต่อยอดได้หมด ทีนี้ถ้าขาดส่วนของที่หายไปแปลว่าต่อยอดได้ก็ไม่ถึงกับที่สุดรึเปล่าครับ หรือหมายความแค่ที่บอกว่ายอดที่ว่านั้นคือวิชาธรรมกายบรรยายได้ละเอียดกว่า? เผื่อท่านใดสงสัยผมใช้อานาปานสตินะครับ เลยอดสงสัยไม่ได้ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 22:08:39

ความคิดเห็นที่ 28 การไม่แทงตลอด  ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้  ด้นเอาเกาหมัดไปตามทิฐิของตน แล้วแสดงธรรมที่ไม่แทงตลอดนั้นออกไป  อีกทั้งหากธรรมที่ไม่แทงตลอดนี้ก็มีส่วนขาดส่วนเกินนอกเหนือไปจากพระไตรปิฏกอันเกิดจากทิฐิตน.....วิบากกรรมแห่งกรรมนี้ย่อมรอให้ผลอยู่ การแสดงธรรมทั้งหลาย  หากยังไม่แทงตลอดในอาการของธรรมระดับนั้นๆ...ก็ควรยึดตำหรับตำราไว้  แทงตลอดถึงตรงไหนจะแสดงโดยพิศดารถึงตรงนั้นอันเป็นอาการธรรมที่เสมอกันได้  ที่สูงไปกว่านั้น  ที่ยังไม่ถึง ยังไม่ประจักษ์ก็ไม่ควรด้นเดาแสดงให้ผิดไปจากตำรา  แต่หากต้องการแสดงในส่วนที่ไม่แทงตลอดไม่มีในตำรา เกินบ้าง ขาดบ้าง ก็ควรกำกับไว้สักหน่อยว่าเป็นทิฐิเฉพาะตน  เพื่อผู้มีอินทรย์อ่อนมีศรัทธาจักได้เข้าใจ วิธีปฏิบัตินั้นไม่ควรมองว่าอันนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด  อันนั้นเป็นวิธีที่แย่ที่สุด  แต่ควรมองหาวิธีที่เหมาะสมกับจริตจิตเจ้าของมากที่สุด ขอโปรดพิจารณา.... จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:09:51

ความคิดเห็นที่ 29 ^^^^^^ คห.28 ถ้าหมายถึงผม  ในคห. ที่ 6   นั้นได้บอกแล้วว่า  "เป็นข้อสังเกตุ" หรือข้อคิดเห็น เนื่องจากไม่สามารถชี้ชัดหรือฟันธงไปได้ ดังนั้น ในกรณีนี้อาจจะมีผู้โต้แย้งได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละคน ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่   ต่างจากการแสดงธรรมตรงที่ อ้างตรงจากพระไตรปิฏก ผุ้แสดงธรรมจะต้องมีภูมิธรรมสูงกว่าผุ้ฟัง แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 04:26:49 จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 04:25:39

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบ คห.27    ที่ตอบมาในครั้งหลังคืออาณาปาณสติ เป็นฐานต่อยอดได้หมด ทีนี้ถ้าขาดส่วนของที่หายไปแปลว่าต่อยอดได้ก็ไม่ถึงกับที่สุดรึเปล่าครับ หรือหมายความแค่ที่บอกว่ายอดที่ว่านั้นคือวิชาธรรมกายบรรยายได้ละเอียดกว่า?         ^^^^^^     อาณาปาณสติ คือฐานต่อยอดได้หมดทุกสาย ยุบหนอพองหนอ พุทธโธ หรือ สัมมาอรหัง ก็มาจากอาณาปาณสติ ( อ่านจากชีวประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำ )     ในส่วนของสายอื่นนั้นจะต่อยอดได้ถึงที่สุดหรือไม่นั้นไม่ขอวิจารณ์ เพราะว่า ใน คห.ที่ 22 นั้น เพียงแต่บอกว่าธรรมกายเป็นวิธีที่มีขั้นตอนละเอียดที่สุด และง่ายที่สุดเท่านั้น ( ตามความเห็น ) อ้างอิงจากหนังสือ ทางมรรคผลนิพพาน       ขอพูดถึงเฉพาะในส่วนของธรรมกายเท่านั้น ว่าสามารถต่อยอดได้ถึงที่สุด คือ  นิพพานได้ หรือ ถ้าหากว่ายังไม่ได้บรรลุในชาตินี้ เข้าถึงกายธรรมพระอรหันต์ ได้ ก็สามารถทำนิพพานให้แจ้งได้ นั่นคือ โคตรภูบุคคล ( ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้า)  อ้างอิงจาก หนังสือประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำและคุ่มือสมภาร ปล. นี่คือความคิดเห็นสามารถโต้แย้งได้และใช้วิจารณญาณได้ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 05:24:19 จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 05:22:29

ความคิดเห็นที่ 31 สาธุ อนุโมทนาที่ได้เมตตตาขยายความ.._/l\_ จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 05:42:26

ความคิดเห็นที่ 32 วีธีการที่ทำให้เบื่อหน่ายคลายกำหนัด ต่อยอดได้หมดครับ จากคุณ : Karaone เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:29:50

ความคิดเห็นที่ 33 .  ลำดับ  สำนัก/อาจารย์  ปีพุทธศักราช  หลักการเอกลักษณ์ ศีลข้อเรื่องเงิน แนวปฏิบัติ  วิเคราะห์เทียบพระไตรปิฎกในส่วนเฉพาะอานาปานสติ  หมายเหตุ    ยุคกำเนิดธรรมยุติ              1.  วัดบวรนิเวศน์/รัชกาลที่4,สมเด็จสังฆราช  ~2370-ปัจุบัน  ศึกษา-สอนตามหลักพระไตรปิฎกและอรรถกถา  ไม่รับโดยตรง  อานาปานสติ 16 ตามนัย ไตรปิฎก,ปฏิสัมภิทามรรค,วิสุทธิมรรค ตำแหน่งปลายจมูก-ปากบน/รู้ลมเข้า-ออก/ยาวตามกาล เป็นลมหายใจปกติ     2.  พระป่า/ลป.เสาร์,ลป.มั่น,ลพ.ชา  ~2420-ปัจุบัน  สอนบริกรรมพุทโธ สู่อาการ32  ไม่รับโดยตรง  สอนบริกรรมพุทโธ สู่อาการ32  รู้ลมออกเข้ามีพุทโธกำกับ/สงบปล่อยพุทโธ/พิจารณาอาการ32      ยุคหลากความรู้ พระไตรปิฎกแปลไทย              3.  วัดปากน้ำ/ลพ.สด>ธรรมกาย  ~2470-ปัจุบัน  เพ่งลูกแก้ว สู่ภาพพระภายใน   รับโดยตรง  เพ่งลูกแก้ว สู่ภาพพระภายใน  (เป็นลักษณะกสิณคือเพ่งรูป/สู่ภาพพระภายใน ไม่มีคัมภีร์ใดกล่าวไว้โดยตรง) ที่มาหลวงพ่อสด  4.  วัดธารน้ำไหล/ลพ.พุทธทาส  ~2490-ปัจุบัน  อานาปานสติ 16   รับโดยตรง  อานาปานสติ 16  เรียนรู้ยาวสั้นจากการบังคับให้ยาวสั้น แตกต่างจากวัดบวรที่สั้นนั้นเกิดจากความสงบของลมปกติที่เป็นไปเอง  ที่มาลพ.พุทธทาส  5.  วัดท่าซุง/ลพ.ฤาษีลิงดำ ~2490-ปัจุบัน  แนววิสุทธิมรรค/เพ่งภาพพระ   รับโดยตรง  เน้นมโนมยิทธิ และกองกรรมฐานอื่นๆ  ด้านการสอนอานาปานสติมีส่วนต่างที่ชัดคือไม่เน้นสอนเรื่องความยาวสั้น  ที่มาลพ.ฤาษี  6.  สายอภิธรรม/พระพิมลธรรม (พระอาสภะเถระ)  ~2492-ปัจุบัน  ศึกษาหลักอภิธรรมเป็นพื้นฐาน   รับโดยตรง รู้หลัก จิต เจตสิต รูป นิพพาน เพื่อปฏิบัติ    ที่มาประวัติอภิธรรม  -  วัดมหาธาตุ/ลพ.โชดก,ยุวพุทธิกสมาคม  ~2500-ปัจุบัน  ยกป่ามาไว้ในเมืองเข้าห้องเก็บอารมณ์   รับโดยตรง ยุบหนอ พองหนอ และรู้หนออื่นๆ   ชะลอยว่าเกิดจากการแปล ปริมุขํ สตึ ว่า ตั้งสติเฉพาะหน้า ไม่ใช่ที่จมูก ฉะนั้นลมหายใจทั้ง3 จุดชัดที่สุดอาจเข้าใจว่าเป็นที่ท้องได้    7.  วัดไทรงาม/ ลพ.ใหญ่,ลพ.เทียน  ~2500-ปัจุบัน  กายานุปัสนาสติปัฏฐาน   รับโดยตรง  อานาฯ+ดูกายด้วยการยกแขนขึ้นลง  มีส่วนต่างที่ชัดคือไม่สอนเรื่องความยาวสั้น  ที่มาลพ.ใหญ่ ที่มาลพ.เทียน  8.  อาจารย์โคเอนก้า  ~2510-ปัจุบัน  กายา-เวทนานุปัสนาสติปัฏฐาน   รับโดยตรง  อานาปานสติเฉพาะรู้ลม(สโตการี)ไม่สอนยาวสั้น สู่ตามรู้เวทนาในกาย         ยุครวมความรู้จาก  IT ,search engine              9 ลพ.คึกฤทธิ์  ~2545-ปัจุบัน  ศึกษา-สอนตามพุทธพจน์เท่านั้น  ไม่รับโดยตรง  อานาปานสติ 16 (เฉพาะพุทธพจน์)  ท่านไม่สอนเพิ่มเติมเพราะการอธิบายอานปานสติมีเฉพาะในคัมภีร์ชั้นอรรถกาเท่านั้น    10.  ลพ.ปราโมทย์  ~2545-ปัจุบัน  จิตตานุปัสนาสติปัฏฐาน  ไม่รับโดยตรง  ดูจิต ตามรู้จิต     .   วัดบวรนิเวศน์/รัชกาลที่4,สมเด็จสังฆราช (1 คน)   พระป่า/ลป.เสาร์,ลป.มั่น,ลพ.ชา (21 คน)   วัดปากน้ำ/ลพ.สด>ธรรมกาย (11 คน)   วัดธารน้ำไหล/ลพ.พุทธทาส/ลพ.ปัญญา (8 คน)   วัดท่าซุง/ลพ.ฤาษีลิงดำ (9 คน)   วัดมหาธาตุ/ลพ.โชดก,ลพ.จรัญ,ยุวพุทธิกสมาคม (19 คน)   วัดไทรงาม/ ลพ.ใหญ่,ลพ.เทียน (2 คน)   อาจารย์โคเอนก้า (0 คน)   ลพ.คึกฤทธิ์ (4 คน)   ลพ.ปราโมทย์ (18 คน)  1.08%   วัดบวรนิเวศน์/รัชกาลที่4,สมเด็จสังฆราช (1 คน)  22.58%   พระป่า/ลป.เสาร์,ลป.มั่น,ลพ.ชา (21 คน)  11.83%   วัดปากน้ำ/ลพ.สด>ธรรมกาย (11 คน)  8.60%   วัดธารน้ำไหล/ลพ.พุทธทาส/ลพ.ปัญญา (8 คน)  9.68%   วัดท่าซุง/ลพ.ฤาษีลิงดำ (9 คน)  20.43%   วัดมหาธาตุ/ลพ.โชดก,ลพ.จรัญ,ยุวพุทธิกสมาคม (19 คน)  2.15%   วัดไทรงาม/ ลพ.ใหญ่,ลพ.เทียน (2 คน)  0.00%   อาจารย์โคเอนก้า (0 คน)  4.30%   ลพ.คึกฤทธิ์ (4 คน)  19.35%   ลพ.ปราโมทย์ (18 คน) จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 93 คน คุณสมบัติผู้โหวต เป็นผู้ปฏิบัติอานาปานสติมาก่อนแล้ว เป็นผู้ที่ตั้งใจจะปฏิบัติอานาปานสติในภายหน้า เป็นผู้ศึกษาหรือปฏิบัติอยู่ในวิธีใดวิธีหนึ่งตามตารางข้อมูล หรือเป็นผู้ศึกษาที่ปฏิบัติจากสำนักครูบาอาจารย์ที่ขยายออกไปจากสำนักเดิมก็ได้      วัตถุประสงค์กระทู้ กระทู้โหวตนี้ใช้เพื่อศึกษาจำนวนผู้ปฏิบัติในวิธีต่างๆ เท่านั้น การแยกสายการปฏิบัติ วัด หรือครูอาจารย์นี้  เพื่อชี้ชัดเอกลักษณะของแต่วิธีการเท่านั้น การศึกษานี้ไม่รวมถึงการตัดสินว่าวิธีไหน  ถูกหรือผิดแต่อย่างใด จากคุณ : aero.1   เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 19:06:15 จากคุณ : aero.1 เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:50:50