ความคิดเห็นที่ 1 It's a fundamental fact That no one knows who's where Or what they are at At any time of day There's no one left to say So who's to know จากคุณ : กุ๊กเทวดา เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 13:50:13

ความคิดเห็นที่ 2 ในพระธรรมวินัยไม่ได้ระบุให้พระภิกษุต้องหย่าภรรยาก่อนครับ (แต่ให้ไปขอบิดามารดาก่อนจึงบวชได้ เมื่อขานบวชจึงถามว่า-อนุญาโตสิ๊-มาตาปิตูหิ?) ด้วยเล็งเห็นว่าหากภรรยาไม่ยอมหย่า ทำให้ผู้ประสงค์จะบวชไม่สามารถบวชได้ ตอนผมบวชสี่เดือน ก็ไม่ได้หย่าก่อนบวชครับ พระอุปัฌชาย์ก็ไม่บังคับให้ไปหย่าก่อน เพราะพระธรรมวินัยไม่ได้ระบุให้ทำอย่างนั้น ตอนสึกออกมาก็เลยไม่ได้ไปจดทะเบียนใหม่ ผมว่าครูบาอาจารย์หลวงปู่หลวงตาหลายต่อหลายรูปที่เราๆท่านๆนับถือกราบไหว้กันท่านก็ไม่ได้หย่าก่อนครับ และเมื่อพระภิกษุท่านบวชแล้วก็ไม่เคยได้ข่าวว่ามีใครชวนอดีตสีกาภรรยาเก่าไปอำเภอเพื่อขอหย่านะครับ ถ้าไปคงจะดูตลกๆไงก้ไม่รู้ จขกท. และสหาย เอาเวลาไปภาวนาเพื่อทำวัฏฏสงสารให้สั้นลงดีกว่าไหมครับ? หลวงพ่อ หลวงปู่รูปไหนท่านจะหย่าไม่หย่าก็ไม่เห็นเกี่ยวกับการภาวนาของคุณเลยครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 14:57:20

ความคิดเห็นที่ 3 พระอาจารย์ปราโมช ได้จดทะเบียน หย่า จากอดีตภรรยาแล้วหรือยัง วานท่านผู้รู้ช่วยบอกที ไม่เข้าใจคำถามหรือไง   ถามเฉพาะผู้รู้ จากคุณ : Mr.DoubleK เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 15:15:17

ความคิดเห็นที่ 4 หย่าไม่หย่าไม่สำคัญ แค่ตอนบวชอย่าปฏิบัติตนเยี่ยงสามีภรรยาก็พอ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 16:27:14

ความคิดเห็นที่ 6 ท่านเป็นพระที่หน้าสงสัยมาก มาก  ตัวอย่าง ความสงสัยคือ การไม่ลงชื่อ  เจ้าของหนังสือเข็ม ทิส ว่าเป็นผู้บริจาคเงินให้วัด ทั้ง ทั้งที่ เธอ บริจาคจริง / เท่าที่ทราบ เงินจำนวนนี้ กลายเป็นชื่อ ภรรย่าท่านบริจาค / แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 17:28:26 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 17:23:26 จากคุณ : cathen เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:22:47

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องถามที่ว่าการเขตค่ะ จากคุณ : JointJoint เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:41:21

ความคิดเห็นที่ 8 พระบางรูป  เคยใช้คำพูดล้อเลียนโครงการช่วยชาติของหลวงตา จาก  ผ้าป่าสงเคราะห์โลก เป็น  หย่าสงเคราะห์โลก นอกจากนี้ยังเคยนำหลวงปู่สิม มาวิจารณื  ว่า  อ้วน เหมือนตน อ้อ  เรื่องแบบนี้  พระธรรมวินัย  ไม่ได้ห้ามไว้สินะ ไหนจะเรื่องไม่เคยก้าวขาออกบิณฑบาตมาเป็นเวลานานแล้ว  ทั้งที่ตนยังเดินได้สบายบรื๋อ จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 17:43:11

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าว่ากันตามรายละเอียดของสำนวนการร้องเรียนที่ส่งไปยังเจ้าคณะพระสังฆาธิการนะครับ  พระปราโมทย์ ปาโมชโช ยังไม่ได้หย่าขาดจาก  นางอรนุช สันตยากร  ครับ และผมว่าประเด็นจะไม่ถุกเปลี่ยน หรือโยงไปให้ไกลออกไป นะครับ ถ้าเราตอบให้อยู่ในประเด็น คำถามอะไรเราก็ตอบแบบนั้น มันก็จบ ถ้าเลี่ยงบาลีไม่ตอบ ก็จะโดนลากไปอีกประเด็หนึ่งทันที หากไม่รู้ก็บอกไม่รู้ มันก็เท่านั้นเองนะผมว่า หรือรู้แต่ไม่ขอตอบตรงๆ ขอเลี่ยงเปลี่ยนไปมิติอื่นดีกว่า มาแบบอ้อมๆแอ้มๆ มันก็ดูจะแปลกๆ นะครับ ถามตอบให้ตรงประเป็นมันก็คงจะจบ ในมุมของผมนะ  จากคุณ : ราชมัล เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:06:55

ความคิดเห็นที่ 12 ท่านเคยบอกว่าจะจดทะเบียนหย่าเหรอครับ พอดีผมไม่ได้ติดตามน่ะครับ ใครมีข้อมูลที่อ้างอิงแบบเชื่อถือได้ช่วยบอกทีครับ ปล.ผมกลับรู้สึกว่าพอบวชความเป็นสามีภรรยาก็น่าจะขาดไปอยู่แล้ว บวชทั้งคู่ด้วย แต่ถ้าหลวงพ่อท่านบอกว่าจะหย่าไว้ ก็จะได้ทราบไว้เป็นข้อมูล(และติดตามห่างๆ)น่ะครับ จากคุณ : ,,,ชีวิตที่เหลือของเรา,,, เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:49:20

ความคิดเห็นที่ 14 อ้างอิง : http://www.dhammada.net/2010/09/17/4025/ Dhammada News: คำชี้แจงของผู้เปิดประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์ ได้ข่าวว่าตอนนี้เขามีเรื่องเงินบริจากกัน ขอเรียนให้ทราบว่า ผมเปิดประมูลเหรียญเพื่อทำบุญอย่างบริสุทธิใจ แค่อยากให้มี คนทำบุญเท่านั้น เหรียญและย่ามนี้เช่าหามาเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับทางสวนสันติธรรม ผมเองก็ไม่เคยพูดคุยกับคุณอรนุช เจ้าของ บัญชีแม้แต่ครั้งเดียว ตอนแรกที่ติดต่อทางวัดไปว่าอยากได้บัญชีวัด หรือบัญชีของหลวงพ่อ ทางวัดคือพี่ที่ชื่อธนาก็บอกรายละเอียดบัญชีมา 2 บัญชี ซึ่งเป็นชื่อตามกระทู้บ้างบน ตอนแรกไม่คิดอะไรนะครับ แต่ตอนหลังๆมีคนพูดกันเยอะเรื่องเหรียญนี้ ก็แค่อยากชี้แจงว่า ผมไม่เคยรู้จักหรือสนิทกับคุณอรนุช ขนาดหลวงพ่อเองผมยังไม่เคย ได้คุยเป็นการส่วนตัวเลย ผมทำธุรกิจอยู่ที่พัทยา ไม่เกี่ยวกับการซื้อ ขายพระแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ถ้าช่วงไหนพอมีเวลาก็จะเข้ามาเล่นเว็ปบ้าง เพราะเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง ใครสงสัยติดต่อ 081 7825825 ได้ครับ ยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติม . มาคนโทรมาบอกหลายสายว่าเขาเอากระทู้นี้ไปกล่าวร้ายหรือโจมตีกัน ขอเถอะครับ อย่าเอากระทู้นี้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย ซึ่งผมเคยทำการประมูล ในลักษณะนี้หลายครั้ง หลายสำนัก ก็เพราะอยากทำบุญในรูปแบบการประมูล โดยปกติผมไปทำบุญหลายวัดตามแต่โอกาส กรณีนี้ถ้ามองว่าผมเป็นคน ที่ได้รับเหรียญและย่ามมาจากบุคคลในสวนสันติธรรม แล้วนำมาประมูล เอาเงินไปให้คนที่สวนสันติธรรมโดยมีการตริตรองไว้ก่อนล่วงหน้านั้น ไม่ใช่แน่นอนครับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่คิดแว็ปๆขึ้นมาตอนได้ชื่อบัญชีก็คือ ความจริงน่าจะใช้ชื่อที่เป็นของกรรมการท่านอื่นหรือชื่อหลวงพ่อ แต่ตอนนั้นไม่คิดมากครับ กรณีนี้ต้องบอกว่าอาจไม่เหมาะสมนัก ในเรื่องความรู้สึกของผู้บริจาก หลังจากมีข่าวขึ้น แต่ก็ยืนยันว่าผม และคุณปราโล่ร่วมกันประมูลโดยที่ต่างผ่ายต่างพอใจที่จะนำเงิน ไปทำบุญในรูปแบบของวัด เพื่อนำปัจจัยดังกล่าวไปบำรุงและ ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ มิได้มีเจตนาให้เงินดัง กล่าวไปเป็นของผู้หนึ่งผู้ใด อย่างที่เป็นข่าวขณะนี้ครับ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 19:44:42

ความคิดเห็นที่ 15 ไขข้อข้องใจ เรื่องเงินฝากและพันธบัตร อ้างอิงจาก : ประกาศสวนสันติธรรมเรื่องบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร วันที่ 15 ตุลาคม 2553 http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3959.0 ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักเสนอข่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจพบบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร เพิ่มเติมอีก 15 บัญชีซึ่งเป็นบัญชีที่มีการปกปิดไว้และไม่ได้มีการชี้แจงก่อนหน้านั้น สวนสันติธรรมขอให้ข้อเท็จจริงดังนี้ 1.  การร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษมีขึ้น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมและการถือครองที่ดิน (ไม่มีการร้องเรียนเรื่องบัญชีส่วนตัว) สวนสันติธรรมได้ส่งมอบบัญชีของสวนสันติธรรมทั้งหมดต่อเจ้าพนักงาน และการที่ทนายความซึ่งเป็นผู้แทนของสวนสันติธรรมได้ยืนยันว่า ได้แสดงบัญชีเงินฝากทั้งหมดของสวนสันติธรรมต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว เป็นการกล่าวที่ตรงต่อข้อเท็จจริง เพราะได้แสดงบัญชีทั้งหมดของสวนสันติธรรมแล้วจริง ต่อมาภายหลังจึงมีการร้องเรียนเพิ่มเติมในเรื่องบัญชีส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน และสวนสันติธรรมก็ให้ความร่วมมือในการส่งมอบข้อมูลให้กับเจ้าพนักงานด้วยความยินดี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 และไม่ใช่เรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมาตรวจพบบัญชีที่ปกปิดอยู่แต่อย่างใด 2.  สวนสันติธรรมไม่เคยปกปิดเรื่องที่มีบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร และได้แสดงความพร้อมที่จะเปิดเผยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้เสมอ ตามประกาศสวนสันติธรรม เรื่องการกล่าวหาว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ยักยอกปัจจัยบูชาธรรมจากบัญชีของสวนสันติธรรม ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2553 และก่อนหน้านั้นหลวงพ่อปราโมทย์ก็เคยกล่าวต่ออดีตกรรมการสวนสันติธรรมและสาธุชนที่เข้าไปฟังธรรมอยู่เสมอว่า หลวงพ่อมีปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมในอนาคต หรือเพื่อใช้สร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ในสวนสันติธรรม (ในขณะนั้นยังไม่มีแนวความคิดที่จะตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด) และเพื่อสร้างอุโบสถและเจดีย์ (เมื่อมีแนวความคิดที่จะตั้งวัดแล้วตั้งแต่มกราคม 2553) เรื่องที่หลวงพ่อปราโมทย์มีปัจจัยส่วนตัวเก็บไว้นี้ กระทั่งอดีตกรรมการที่ลาออกไปก็ทราบเรื่อง (ต่อมามีการบิดเบือนประเด็นเป็นเรื่องที่ว่า หลวงพ่อปราโมทย์เก็บปัจจัยไว้เพื่อจะลาสิกขาออกไปครองเรือนในอนาคต) 3.  การออกข่าวว่าหลวงพ่อปราโมทย์มีบัญชีลับถึง 15 บัญชีนั้น เป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง และกลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาใช้กล่าวหาทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อปราโมทย์ เช่นเดียวกับการกล่าวหาในกรณีอื่นๆ นั่นเอง แท้จริงบัญชีปัจจัยของหลวงพ่อปราโมทย์ มีเพียง 4 บัญชี (เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช 3 บัญชี และชื่อของหลวงพ่อปราโมทย์ 1 บัญชี) คือ     3.1 บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 172-2-15196-6 จำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท บัญชีนี้เป็นบัญชีที่ใช้เก็บปัจจัยเพื่อใช้เป็นเงินรายจ่ายฉุกเฉินของหลวงพ่อปราโมทย์ หรือของสวนสันติธรรม (หากจะมีขึ้น) แต่หากยังไม่มีการใช้จ่ายในช่วงนั้น ก็จะมีการตัดเงินฝากจากบัญชีนี้เข้าบัญชีเงินฝากประจำต่อไป     3.2 บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 172-2-28565-2 ในชื่อของหลวงพ่อปราโมทย์เอง จำนวนเงินประมาณ 3.6 แสนบาท ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้ชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อรับเงินบริจาคในรูปของเช็คขีดคร่อม ซึ่งสั่งจ่ายในนามของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชโดยตรง     3.3  บัญชีฝากประจำ 3 เดือน ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา มีบัญชีเดียวแต่มียอดฝาก 2 ครั้ง จึงมี 2 หมายเลข ได้แก่ 172-3-008866-2/12 และ 172-3-008866-2/14 จำนวนเงินรวมกันประมาณ 5.5 ล้านบาท     3.4  บัญชีฝากประจำ 12 เดือน ธนาคารออมสิน สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 03-2102-34-006947-4 จำนวนเงินประมาณ 2 แสนบาท 4.  นอกเหนือจากบัญชีเงินฝากเหล่านี้แล้ว ยังมีสลากออมสินจำนวน 9 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 17 ล้านบาท เหตุที่มีการซื้อสลากออมสินและพันธบัตรรัฐบาล ก็เพื่อกระจายความเสี่ยงของเงินฝาก ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ถือว่าเป็นเงินที่ต้องดูแลรักษา เพื่อใช้ทำประโยชน์ของพระศาสนาในอนาคตให้สมค่าที่สาธุชนทั้งหลายได้ถวายมา ปัจจัยเหล่านี้หลวงพ่อปราโมทย์จะนำไปใช้ส่วนตัวก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านนำไปใช้น้อยมาก เพราะหลวงพ่อปราโมทย์ท่านดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่ายมาโดยตลอด 5. ปัจจัยทั้งของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์มีที่มา และแยกกันชัดเจนระหว่างเงินบริจาคของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ ทั้งนี้เงินบริจาคทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีเงินฝาก สลากออมสิน และพันธบัตรรัฐบาลนั้น เป็นเงินบริจาคที่มีการถวายหลวงพ่อปราโมทย์โดยตรง ซึ่งมีที่มา 3 ช่องทางดังนี้     5.1 จากตู้รับบริจาค ถวายหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ซึ่งตู้แยกกันชัดเจนจากตู้รับบริจาคของสวนสันติธรรม       5.2 จากปัจจัยถวายกัณฑ์เทศน์หลวงพ่อปราโมทย์ เมื่อไปแสดงธรรมในสถานที่ต่าง ๆ     5.3 จากผู้มีจิตศรัทธาที่ถวายหลวงพ่อปราโมทย์โดยตรง   (กรณีนี้ก็มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ว่าเงินดังกล่าวเป็นของวัด ไม่ใช่ของพระภิกษุ เพื่อหาเรื่องกล่าวร้ายต่อหลวงพ่อปราโมทย์อีกเช่นกัน) 6. ยอดเงินของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ แม้จะดูว่ามีมากในความรู้สึกของบุคคลทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้วยังจัดว่าไม่มาก เมื่อพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้     6.1 โครงการใช้จ่ายที่มีอยู่ เช่น การขยายพื้นที่ การเพิ่มเสนาสนะ การสร้างอุโบสถ การสร้างเจดีย์ และพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ในระยะยาว หลวงพ่อปราโมทย์ยังมีโครงการที่จะปลูกป่ารอบๆ สวนสันติธรรม และการช่วยเหลือโรงพยาบาลของรัฐบางแห่ง แต่เรื่องเหล่านี้ยังไม่สามารถประกาศออกมาได้ เพราะมีทุนจำกัดอย่างยิ่ง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่เคยเรี่ยไร หรือเรียกรับเงินที่มีผู้ปวารณาจะให้แล้วก็ตาม ประกอบกับสานุศิษย์ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางหรือมนุษย์เงินเดือน ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์มีความเห็นอกเห็นใจในการครองชีพ ไม่ต้องการให้ต้องรับภาระโครงการต่างๆ ของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านจึงพยายามอดออมและเก็บปัจจัยไว้เพื่อการทำงานในอนาคต     6.2 หากเทียบกับวัดทั่วไปที่มีกิจกรรมทางสังคมมากๆ แล้ว ปัจจัยที่สวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์มีอยู่ ยังจัดว่ามีจำนวนน้อยกว่ามาก แต่สวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์ ก็ไม่ได้ดิ้นรนที่จะแสวงหาปัจจัยเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ได้โดยชอบธรรมเท่านั้น 7. นอกเหนือจากปัจจัยของหลวงพ่อปราโมทย์แล้ว อุบาสิกาอรนุชยังมีเงินเก็บส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง เพราะในสมัยที่ยังเป็นฆราวาส ทั้งนายปราโมทย์และนางอรนุช สันตยากร ต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับบริหารขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เฉพาะนายปราโมทย์เองก็มีรายได้ในระดับอธิบดีของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ไม่ได้อดอยากยากแค้นดังที่มีผู้พยายามกล่าวหาแต่อย่างใด แม้แต่ญาติธรรมที่เข้าไปศึกษาธรรมะด้วย ยังได้รับการเลี้ยงอาหารด้วยเสมอๆ และการออกบวชก็กระทำด้วยความศรัทธา ไม่ใช่ออกบวชเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพดังที่ถูกกล่าวหา อนึ่งนอกจากเงินส่วนตัวเดิมแล้ว ยังได้ขายที่ดินและทรัพย์สินที่มีอยู่ (บางส่วนก็ยกให้ญาติมิตร) อุบาสิกาอรนุชจึงมีเงินพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ นอกจากนี้ในแต่ละวันยังได้รับเงินและสิ่งของบริจาคจากญาติโยมทั้งหลายเนืองๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็นำไปทำบุญต่อไปอีก ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของอุบาสิกาอรนุช ก็ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วเช่นกัน จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 19:50:15

ความคิดเห็นที่ 16 พี่สติ ตอบชัดเจนแล้วครับ หลอดวันเดอร์มอมอ ก็เพลาบ้างอะไรบ้าง หรือจะเกิดมาเพื่อเป็นแค่ สิ่งมีชีวิตที่ คิดไปเอง   ทุุกท่านในบอร์ด   ลองคิดย้ำลงไปลึกๆ ในใจ   ใจท่านกล่าวหาอะไร อย่างไรไปแล้ว   แต่ข้อเท็จจริง มีแค่ไหน คืออะไร   นี่เป็นหลักเบื้องต้นของปัญญาชน จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 20:13:20

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคห.ที่ 13-15 ครับ เรื่องที่พิมพ์มาทราบและติดตามอ่านหมดแล้วครับ จากทั้งคำกล่าวหาและคำแถลงของทางสวนสันติธรรม อยากทราบประเด็นเรื่องการจะจดทะเบียนหย่าน่ะครับ ว่าท่านได้ให้ถ้อยคำไว้จริงไหม เมื่อไหร่ อย่างไร เรื่องอื่นๆฟังมาแล้วทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกหลังฟังจากทั้งสองฝ่ายก็มีอยู่ในใจแล้ว แต่เรื่องจะหย่านี่ไม่เคยได้ยินครับ เลยอยากทราบประเด็นนี้ ซึ่งผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่างน่ะครับ เช่นหากท่านไม่ได้พูดไว้.. แล้วคนบอกว่าท่านพูด ก็มีเจตนาชัดแจ้งที่จะจ้องเล่นงานท่านไม่เลิกด้วยการหาประเด็นมาเล่นใหม่ๆ เพราะที่ผ่านๆมาหลายๆอันก็เกินไป พิสูจน์ไม่ได้เลยก็มี ออกแนวให้ร้ายไปเรื่อยๆก็มี ที่น่าสนใจจริงๆ(ในคห.ผม)ก็มีเหมือนกัน จึงอยากทราบแค่ข้อเท็จจริงว่าได้พูดไว้หรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร แล้วผลที่เป็นอยู่ตอนนี้ถึงจะสะท้อนได้ว่าแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไรน่ะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ขอตามอ่านห่างๆละนะครับ เจริญในธรรมครับทุกท่าน -/\- แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 20:25:55 จากคุณ : ,,,ชีวิตที่เหลือของเรา,,, เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 20:24:27

ความคิดเห็นที่ 18 ในพระธรรมวินัยไม่ได้ระบุให้พระภิกษุต้องหย่าภรรยาก่อนครับ --------------------------------------------------------------------------------------------- พิจารณา -ข้อความข้า่งบน ---- ให้ทั่วถึง โดยรอบด้าน เพื่อหยั่งลงให้ถึงใจความในด้านลึก เพื่อ สนอง พุทธประสงค์ ของพระบรมศาสดา จะได้ ไม่ "แอะอะ ก้ เพื่อ พระพุทธศาสนาๆๆๆ (ของ? กันเหล่า) จากความจำ สมัยหนึ่ง พระสารีบุตร ทูลให้ ทรงบัญญัติพระวินัย  เพื่อความตั้งมั่นแห่งพรหมจรรย์ ฯ พระบรมศาสดาตรัสว่า  "ตถาคตรู้กาลว่า เมื่อไหร่ จึงจะบัญญัติ "วินัย"  (ตรัสรู้ ธรรม) ก็ ในเมื่อ หมู่สงฆ์เหล่านี้ อย่างต่ำ (มีธรรมขั้น)  โสดาบัน ฯ  (จึงไม่ต้องบัญญัติพระวินัย) (๑) ธรรม  คือ สัจจะ ไม่ว่าพระบรมศาสดาจะทรงอุบัติหรือไม่  -- แล้ว ทรงอุบัติแล้ว  พุทธวงศ์ ปรากฎแล้ว  พุทธบุตรที่แท้จริง สมัยนุ้  ต่างกับ พุทธบุตร สมัยพุทธกาล ได้ หรือ?   พิจารณาดูดีดี  -- อย่าผิดฝาผิดตัว ฯ ส่วน (๒) วินัย  คือ สิ่งที่ ทรง ตราขึ้น (บัญญัติขึ้น)  เพื่อความตั้งอยู่นานแห่งพรหมจรรย์ ฯลฯ                                        สรุป คำโบราณ มีคำว่า ---- "ถิ่นกาขาว" ---- มี ความหมายอย่างไร? ---- กา เป็นสัตว์มีพฤติอย่างไร ดู ที่ตรัสไว้ ในขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ ที่ท่านพุทธทาสแปลเสนอไว้ฯ) กาขาว  (กาเผือก  ยกไว้) อุปมา ว่า ------- (พิจารณาเอง) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 21:13:19

ความคิดเห็นที่ 19 ^ กาขาว กาเผือก คือ กาที่ผิดธรรมชาติ (อีกาต้องมีสีดำ) จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 21:19:56

ความคิดเห็นที่ 21 ไขข้อข้องใจคนดูแลบัญชี อ้างอิง : http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3865.0 ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรม วันที่ 27 กันยายน 2553     ตามที่สวนสันติธรรมได้เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา และได้มอบหมายให้นางอรนุช สันตยากร นางสาวชยาทร เตชะไพบูลย์ และนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย คนใดคนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินจากบัญชี แต่ปัจจุบันเนื่องจากได้มีผู้ร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการ และมีข้อกล่าวหาว่าสวนสันติธรรมมีพฤติกรรมไปในลักษณะ ยักย้ายเงินไปใช้ในทางไม่ชอบ อันเป็นข้อร้องเรียนที่ไม่เป็นความจริงและไม่เป็นธรรมต่อสวนสันติธรรม จนเป็นเหตุให้สวนสันติธรรมได้รับความเสียหาย ซึ่งนายอภิชาติ หนึ่งในผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสวนสันติธรรมให้เป็นผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินจากบัญชีของสวนสันติธรรม ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการให้ข่าวซึ่งเป็นในทางตรงข้ามกับสวนสันติธรรมด้วย บัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรมที่นายอภิชาติ เป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินนั้นประกอบไปด้วยบัญชีเลขที่ดังต่อไปนี้ 1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-26228-8 2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-09679-7 (106,107,108) 3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทกระแสรายวัน บัญชีเลขที่ 172-1-05511-2     สวนสันติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย ได้ให้ข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสวนสันติธรรมแล้วในปัจจุบัน และยังได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของสวนสันติธรรมแล้ว สวนสันติธรรมจึงมีความประสงค์ที่จะถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวข้างต้น เพื่อนำเงินไปฝากใหม่ในนามของผู้แทนสวนสันติธรรม อันประกอบไปด้วย นายธนา รุจิพัฒนกุล นางสาวกนิษฐะวิริยา ต.สุวรรณ นายประสาน พุทธกุลสมศิริ โดย ถอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-26228-8 และจากบัญชีกระแสรายวัน บัญชีเลขที่ 172-1-05511-2 ไปฝากยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-37837-5 และถอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-09679-7 ไปฝากยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-10024-7/01 คงเหลือเงินในบัญชีเงินฝากเดิมบัญชีละ 1,000 บาท สำหรับเรื่องการปิดบัญชีเดิมนั้น ทางสวนสันติธรรมได้เคยแจ้งทางโทรศัพท์ไปยังภรรยาของนายอภิชาติแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2553 แต่ยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด     ทั้งนี้สวนสันติธรรมได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2553 และเพื่อมิให้บุคคลอื่นๆ หรือผู้ร้องเรียนเดิม นำเรื่องการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไปทำการร้องเรียนโดยอาจจะมีการกล่าวหา และกล่าวอ้างว่าสวนสันติธรรมทำการเปลี่ยนแปลง ถอนเงินในบัญชีเพื่อความประสงค์ที่จะทำการยักย้ายถ่ายเงินฝากอีก สวนสันติธรรมจึงได้แจ้งความขอลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ณ สภต.หนองขาม และ สอภ.ศรีราชา เรียบร้อยแล้ว และจะได้ส่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสวนสันติธรรมเพื่อทราบต่อไปด้วย         อนึ่งสวนสันติธรรมขอประกาศให้ทราบเพิ่มเติมว่า  แม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งจำเป็นต้องมีชื่อของอุบาสิกาอรนุชเป็นผู้ร่วมถือบัญชีนั้น ก็เป็นไปตามความเห็นชอบของสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรมท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน ไม่ใช่ความเรียกร้องต้องการของอุบาสิกาอรนุชแต่อย่างใด และในปัจจุบันอุบาสิกาอรนุชไม่ได้ถือบัญชีใดๆ ของสวนสันติธรรมทั้งสิ้น จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 22:23:37

ความคิดเห็นที่ 22 ปามูด ปลาหมอโชว จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 22:29:19

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบ ไม่รู้ครับว่าหย่าไม่หย่า ไม่ได้ตามข่าว แต่ถึงไม่หย่าก็ไม่ผิดพระวินัยครับ ถ้าคุณแต่งงานแล้ว จะไปบวชสัก 1พรรษา ต้องหย่าเมียก่อนรึ แล้วสึกมาค่อยแต่งใหม่รึ ตอบให้่เลย ไม่ต้องครับ แค่ไม่ผิดศีลก็พอ ส่วนการเก็บเงิน ยังไม่มีความผิดเกิดขึ้นว่าไปใช้นอกศาสนา แต่มีความสงสัยเกิดขึ้นกับบางบุคล บางกลุ่มบุคคลครับ เรื่องความสงสัย ฝากกับใครไว้ ถ้าคิดจะสงสัยมันก็สงสัยได้ทั้งนั้นแหละ กิเลสไม้่ไว้หน้าใคร(แม้แต่ผม) ฝากพ่อแม่ ก็สงสัยได้ ฝากไวยาวัจกรวัด ก็สงสัยได้ว่าฮั้วกัน ฝากกรรมการวัดก็สงสัยได้ว่าฮั้วกัน ฝากเจ้าของกระทู้ก็สงสัยได้ว่าฮั้วกัน ฝากผมก็สงสัยได้ว่าฮั้วกัน ฝากทักษิณก็ว่าฮั้วได้ ฝากรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็สงสัยได้ ฝากเสื้อแดง เสื้อเหลืองก็สงสัยว่าฮั้วได้ ฝากธนาคารก็ว่าฮั้วได้ ฝังดินก็ว่าซุกไว้ได้ มันสงสัยได้ทั้งนั้นละถ้าคนจะจับผิดอ่ะ มันต้องดูว่าเก็บไว้ชั่วคราว เพื่อบริหารการเงิน แล้วเอาไปใช้เพื่อพระศาสนารึเปล่าต่างหาก แต่ถ้าสึกจากพระเมื่อไหร่ก็ต้องคืนให้วัด ถ้าไม่คืนถึงจะเป็นความผิด ก็จัดไปตามกฎหมาย แต่นี่ยังไม่สึกนิ ยังไม่ได้นำไปใช้นอกศาสนา ความผิดก็ยังไม่ปรากฏนิ ไม่ควรรีบด่วนสรุป สรุปว่าฝากผมดีกว่า เอามาฝากผมมา เด๋วจัดให้ ดีไหม 555555 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 22:32:32 จากคุณ : เมฆน้อยคอยดาว เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 22:31:46

ความคิดเห็นที่ 24 อ้างกันไปเรื่อย ไม่ผิดธรรมวินัย แต่มันผ่าเหล่าผ่ากอพ่อแม่ครูจารย์ท่านพาดำเนินมา แสร้งแสดงตนให้คนรับรู้ว่าตนเป็นอริยะ คิดจะเอาเยี่ยงพ่อแม่ครูจารย์ แต่ไม่เอาอย่าง บรรดาศิษย์สายพระป่า ต่างยึดมั่นในขนบธรรมเนียมอริยะ ไม่มีสักราย ที่จะ"บริหารความเสี่ยง" ด้วยการไปซื้อพันธบัตร เพราะเงินไม่มีค่าต่อท่าน แต่มีค่าสำหรับปุถุชนคนหนา มันไม่ผิดในธรรมวินัยหรอก เพราะสมัยพุทธกาลไม่มีพันธบัตร แต่มันเ่ป็นเครื่องชี้ได้ว่า พฤติกรรมเอาแต่เยี่ยงไม่เอาอย่างนี้ เขาเรียกว่า อริยะกำมะลอ จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 23:25:56

ความคิดเห็นที่ 25 โลกเรานี้มีคนสองพวก พวกสร้างปัญหา กับพวกแก้ปัญหา พวกสร้างปัญหามักมองข้ามข้อเท็จจริงเสมอ เพื่อจะให้มันเป็นปัญหาให้ได้ ชีวิตพวกนี้ มีแต่ปัญหา จนไม่รู้ว่าอะไรคือความปกติสุข พวกนี้แยกไม่ออกว่า   อะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือความเห็นส่วนตน จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 23:30:14

ความคิดเห็นที่ 26 อย่าดีแต่โวหารแต่หาสาระไม่ได้ สรุปคือจะบอกว่า พฤติกรรมซื้อพันธบัตรนั้น เหมาะสมกับความเป็นอริยะแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงคือ ไม่มีพ่อแม่ครูจารย์ท่านใดกระทำพฤติกรรมเยี่ยงปุถุชนเช่นนี้ จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 23:36:21

ความคิดเห็นที่ 27 เสริม ครับ กาเผือกกับกาขาวไม่เหมือนกันนะครับ กาเผือกนั้นมีจริง เป็นกาที่มีความผิดปกติของเม็ดสี และตำนานพระเจ้า5พระองค์ ก็กล่าวถึงแม่กาเผือก แต่ก่ขาว เป็นคำเปรียบเทียบถึงพวกวิญญูชนจอมปลอม คือว่า กาตัวหนึ่งบอกกับสัตว์ตัวอื่นว่ามันตัวสีขาว หมู่สัตว์ก็หลงเชื่อว่ากาเป็นสีขาว แต่สัตว์ หลายตัวก็ไม่เชื่อบอกว่า สีขาวไม่ใช่แบบนี้ เป็นสีดำต่างหาก กาก็บอกว่าสัตว์นั้โหก ตัวมันต่างหากเป็นสีขาว สัตว์ที่หลงเชื่อกาก็เชื่อไปอย่างนั้น เปรียบกับคนชั่วหลกคนว่าตัวเป็นคนดี แต่ก็มีคนอื่นบอกว่าแบบนี้แหละชั่ว แต่อย่างไรคนที่เชื่อยังไงก็เชื่อ เสริม 2 เคยอ่านเรื่องของอาจารย์ ไต้ ตามทาง มีเรื่องของคนหนีเมียบวช ประเภท ผัวเบื่อนิสัยเมีย ทะเลาะทุกวัน หนีไปบวชเลย บวชนานจนเมียส่งลูกมาเลียบๆเคียงๆให้พระสิกนั้นแหละ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 28 ข้อเท็จจริงอีกอย่างก็คือ -อาศัยอยู่กับเมียภายใต้รั้วเดียวกัน -พ่อแม่ครูจารย์ไม่มีผู้ใดกระทำเยี่ยงนั้น แต่ มีความพยายามบอกให้คนเชื่อว่า "เหมาะสม" จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 23:56:15

ความคิดเห็นที่ 29              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒              มหาวิภังค์ ภาค ๒              ๒. โกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๘              เรื่องพระอุปนันทศากยบุตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=2&A=2567&w=ดูกรโมฆบุรุษ_การกระทำของเธอนั่น_ไม่เหมาะ              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖              อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต              กัณฏกสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=24&A=3166&w=การติดต่อกับมาตุคาม_เป็นปฏิปักษ์ต่อพรหมจรรย์                ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=72              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 02:14:38

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเห็นด้วยกับคุณราชมัลใน คห ๑๐ นะครับว่า หากจะตอบกัน ก็ไม่ควรเลี่ยงบาลี ไม่อย่างนั้นก็คุยไม่จบ และประเด็นไหลไปเรื่อย ความจริงเป็นอย่างไร ก็ยอมรับกันตรงนั้น หากในความเป็นจริงแล้ว ท่านยังไม่ได้หย่า เราก็ยอมรับความจริง ในส่วนผม ผมยอมรับว่าไม่ทราบข้อเท็จจริงนะว่า ท่านหย่าหรือยัง แต่หากสมมุติว่า ผมถือตามข้อเท็จจริงตามคุณราชมัลนะครับ คำถามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็คือว่าหากยังไม่หย่า แล้วผิดกฎหมายไหม ผิดพระธรรมวินัยไหม หากผิดกฎหมาย หรือผิดพระธรรมวินัย ก็ให้เจ้าหน้าตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่สงฆ์ ดำเนินการไปตามกฎหมาย และตามพระธรรมวินัยได้นะครับ โปรดอธิบายมาครับว่าผิดมาตราไหน พระธรรมวินัยข้อไหน แต่หากไม่มีอะไรผิดเลย แต่ว่าไม่ถูกใจโยมบางคน ไม่เป็นที่พอใจของโยมบางคน อันนี้คงเป็นเรื่องที่โยมบางคนที่ไม่พอใจ ควรต้องไปแก้ไขปัญหาที่ใจตนเองที่หาเรื่องจุดไฟเผาใจตนเองขึ้นมาครับ ผมก็รู้สึกแปลกใจนะว่า คนที่ยังไม่ได้หย่า แต่ไปบวชเป็นพระแล้ว โยมบางคนยังถือว่าเป็นพระมีเมียหรือ คิดและพูดได้อย่างไร ถ้าถือตามนี้ คงมีพระมีเมียมากมายทั่วประเทศ ใครที่แต่งงานแล้ว จะบวชถาวร หรือบวชชั่วคราวก็ดี ก็ต้องหย่าทั้งหมด หากพวกโยมที่ไม่พอใจเห็นว่าความคิดตนเองถูกต้อง ก็แนะนำให้ไปเสนอเถรสมาคมให้ออกกฎระเบียบมาเลยครับว่า เวลาจะขอบวช พระอุปัชฌาย์ต้องถามว่า หย่ากับเมียหรือยัง? ยังไม่หย่าหรือ? ไปหย่ามาก่อนนะ? หรือไม่ก็ต้องให้ถือใบหย่ามาพร้อมกับใบตรวจสุขภาพเลย ลองดูสิว่าทางเถรสมาคมจะเห็นด้วยกับพวกคุณไหม แต่หากไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดพระธรรมวินัย ไม่ผิดระเบียบเถรสมาคม และโยมที่ไม่พอใจก็ไม่ได้ไปขอให้เถรสมาคมออกระเบียบเรื่องนี้ คนอื่น ๆ เวลาที่บวชก็ไม่ได้ขอหย่า ก็ทำกันอย่างนี้ทั่วไปประเทศ แต่โยมที่ไม่พอใจกลับจะตามโจมตีพระอยู่รูปเดียว ก็คงไม่มีอะไรมาก นอกจากเป็นเรื่องพยาบาทส่วนตัว ซึ่งหากเป็นเรื่องพยาบาทแล้ว จะทำ หรือไม่ทำอะไร ก็คงไม่พอใจอยู่แล้วล่ะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 06:16:32 จากคุณ : ngodngam (ngodngam) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 06:15:16

ความคิดเห็นที่ 31 นึกว่าคุณ ngodngam เลิกเล่น pantip ไปแล้วซะอีก ไม่เห็นตั้งนาน จากคุณ : ทางปลอดภัยจากความตาย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 07:04:09

ความคิดเห็นที่ 32 เรียน คุณทางปลอดภัยจากความตาย - นาน ๆ ผมจะแวะเข้ามาอ่านทีนึง เมื่อต้องการทราบข้อมูลบางเรื่องครับ พอดีเห็นบางกระทู้ที่พอจะตอบได้ ก็จะช่วยตอบด้วย เรียนทุกท่าน - รู้สึกว่าผมยังให้ความเห็นไม่ครบประเด็นที่ยกกันมา ขออนุญาตตอบให้ครบนะครับ ประเด็นแรก เรื่องฆราวาสจะบวชต้องหย่าก่อนหรือไม่ ตอบไปแล้วใน คห ๓๐ นะครับ คือเราต้องยอมรับกันก่อนครับว่า เมื่อบวชแล้ว เท่ากับว่าขาดจากความเป็นสามีภรรยาแล้ว หากท่านไหนจะถือใบทะเบียนสมรสเท่านั้น ไม่ดูพระธรรมวินัย และบอกว่าไม่ขาด เท่ากับพระยังมีภรรยาอยู่ ท่านนั้นก็ควรไปแนะนำให้ทางเถรสมาคมแก้ไขระเบียบเรื่องการบวชเสียนะครับ ประเด็นที่สอง นำภรรยามาอยู่ในรั้วเดียวกันได้หรือไม่ ตอบว่า ต้องเข้าใจประเด็นแรกก่อนครับว่า เมื่อฆราวาสบวชแล้วก็คือไม่ได้เป็นสามีแล้ว ฉะนั้น สีกาที่มาอยู่ในรั้วเดียวกัน ไม่ใช่ภรรยาครับ แต่ถือเป็นสีกา (หรือแม่ชี) คนหนึ่ง ส่วนว่าสีกา (หรือแม่ชี) มาอยู่ในรั้วเดียวกันได้ไหม จะทำได้อย่างไร พระธรรมวินัยได้กำหนดข้อห้ามที่เหมาะสมไว้แล้ว เช่น ห้ามอยู่ในชายคาเดียวกัน หรือห้ามอยู่ที่ลับตาสองต่อสอง เป็นต้น แต่พระธรรมวินัยไม่ได้ห้ามอยู่ในรั้วเดียวกัน หากท่านไหนเห็นว่าพระและสีกา (หรือแม่ชี) นั้นห้ามไม่ให้อยู่ในรั้วเดียวกัน ก็เท่ากับว่าต้องการบัญญัติพระธรรมวินัยเพิ่มเอง แนะนำให้ลองไปหารือกับเถรสมาคมแล้วกันครับ เพราะแม่ชีที่อยู่ในรั้วเดียวกับพระนั้นมีอยู่ทั่วประเทศเช่นเดียวกัน ประเด็นที่สาม เรื่องการบริหารเงิน เรียนว่าแล้วแต่จะมองครับ จะฝากบัญชีออมทรัพย์ บัญชีประจำ หรือพันธบัตรก็ตาม ก็นำมาตำหนิได้ทั้งนั้นแหละ เช่น หากฝากออมทรัพย์ ก็บอกว่าดอกเบี้ยต่ำ ไม่มั่นคง รัฐคุ้มครองแค่หนึ่งล้านบาท เสี่ยงและทำเสียประโยชน์วัด หากฝากประจำ ก็บอกว่าถอนยาก ไม่สะดวก ไม่มั่นคง รัฐคุ้มครองแค่หนึ่งล้านบาท เสี่ยง โลภอยากได้ดอกเบี้ย หากซื้อพันธบัตร ก็บอกว่า ถอนยาก ไม่สะดวก โลภอยากได้ดอกเบี้ย สรุปแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้อะไรมาวิจารณ์ หากใช้พยาบาทมาวิจารณ์ ก็ตำหนิได้หมดทุกทางล่ะครับ ส่วนที่บอกว่าธรรมเนียมของวัดป่าจะรักษาเงินฝากอย่างไรนั้น ผมเข้าใจว่าสวนสันติธรรมไม่เคยประกาศว่าตนเองเป็นวัดป่านะครับ และหลวงพ่อปราโมทย์ก็ไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นพระวัดป่าด้วย ท่านบอกว่าท่านเรียนและศึกษาจากพระวัดป่าเท่านั้น หากบอกว่าต้องทำเหมือนกันแล้ว สมมุติพระมหานิกายศึกษาธรรมจากพระวัดป่าแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนเรื่องการดูแลบัญชีเงินฝากที่วัดให้เหมือนกันด้วยหรือ ผมเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน และไม่จำเป็นนะครับ จริง ๆ แล้วที่อธิบายข้างต้นนี้ มันง่ายและไม่ได้ยากนะครับ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย แต่หากจะมีบางท่านไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมรับแล้ว ผมก็เข้าใจพวกท่านนะครับ ก็เป็นธรรมโลกอย่างนี้แล แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 08:28:12 จากคุณ : ngodngam (ngodngam) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:24:12

ความคิดเห็นที่ 33 ซื้อพันธบัตร เพื่อป้องกันความเสี่ยง = ไม่เชื่อในผลของทาน = ปรามาสพระรัตนตรัย แล้วจะเป็นอารยบุคลได้อย่างไร งง จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:09:36

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นชาวพุทธที่แท้   อย่างไร? อ่าน --- ก่อน ปฏิบัติ ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:09:41

ความคิดเห็นที่ 35 ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร วันที่ 15 ตุลาคม 2553 ... ... 8. สวนสันติธรรมขอแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมอีก 2 เรื่องคือ     8.1 ทรัพย์สินทั้งหมดของสวนสันติธรรมยังมีที่ดินอีกแปลงหนึ่งหน้าสวนสันติธรรม เนื้อที่ 20 ไร่เศษ และได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดชลบุรีไว้แล้วว่า เมื่อใดที่ได้รับอนุมัติให้ตั้งวัด อุบาสิกาอรนุชจะโอนที่ดินดังกล่าวให้วัดด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ทำสัญญายกที่ดินแปลงนี้กับนายอำเภอศรีราชา เช่นเดียวกับที่ดินแปลงหลักของสวนสันติธรรม ก็เพราะเป็นที่ดินที่มีชื่อร่วมของหลายเจ้าของ หนึ่งในจำนวนนั้นคือคุณฐิตินาถ และยังไม่สามารถแบ่งแยกเอกสารสิทธิ์ได้     8.2 กรณีที่มีผู้หยิบยกประเด็นที่นายปราโมทย์ไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับนางอรนุช สันตยากรก่อนบวชมาโจมตีนั้น ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นการกล่าวร้ายอย่างเลื่อนลอย เพราะในความเป็นจริงทั้งด้านพระธรรมวินัยและกฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าฝ่ายชายจะต้องหย่าขาดจากภรรยาก่อนบวช และพระภิกษุจำนวนมากที่มีครอบครัวก่อนอุปสมบท ก็ไม่ได้หย่าขาดตามกฏหมายจากภรรยาเช่นกัน แต่เป็นการหย่าขาดจากกันตามจารีตประเพณี อย่างไรก็ตามเพื่อลดความกังขาตลอดจนการนำประเด็นดังกล่าวไปบิดเบือนในอนาคต และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย หลวงพ่อปราโมทย์จะดำเนินการจดทะเบียนหย่ากับอุบาสิกาอรนุชต่อไป ... http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3959.0 จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:24:10

ความคิดเห็นที่ 36 ก็สมเหตุสมผลอยู่ดังคุณ ngodngam (ngodngam) ได้อธิบายมาไม่ได้ผิดตามพระวินัย  เป็นการสมเหตุสมผลแบบโลกเขา สมควรตามฐานะ  แบบโลกคือแบบที่กิเลสยังกุมหัวใจอยู่ยังไม่พ้นโลก  ก็เหมือนกฏหมาย..อาการใดๆที่ถูกกฏหมายก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องตามศีลธรรมเสมอไป  ตัวอย่างเช่น..ผู้หญิงท้องแก่ยืนโหนรถเมล์  แต่มีชายกำยำนั่งโดยสารหน้าตาเฉย  อากรนี่เกิดขึ้นนี้ไม่ผิดกฏหมายแต่ไม่ควรในแง่ศีลธรรม เป็นต้น พระวินัยท่านได้บัญญัติขึ้นมาเพื่อกำกับพระผู้มีอาการอันไม่สมควร  อันจะเป็นประโยนช์แก่ตัวภิกษุเองและพระศาสนา  สมัยพทุธกาล..หากยังไม่เกิดพระผู้กระทำการอันไม่สมควร  ท่านก็มิได้กำหนดบัญญัติขึ้น  สังเกตุได้ว่าสมัยต้นๆของพระพุทธศาสนา  พระสาวกทั้งหลายล้วนเป็นพระอรหันต์ ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าท่านก็มิได้ทรงบัญญัติพระวินัยใดๆเลย  เนื่องด้วยพระสาวกทั้งหลายได้แสดงอาการอันควรทุกอิริยาบท ทุกขณะจิต  อันมาจากอริยกันตศีลที่เกิดมีในหัวใจอันบริสุทธิ์พุทโธของท่านเหล่านั้น  พระวินัย 227 ข้อเป็นศีลพื้นฐานของพระไม่อาจเทียบได้กับอริยกันตศีลที่ออกมาจากหัวใจอันบริสุทธิ์พุทโธได้  นั่นหมายความว่าพระผู้มีศีลบริสุทธิ์ 227 ข้อก็อาจมิใช่พระอรหันต์เสมอไป ( แต่ก็ถือได้ว่าท่านเป็นพระที่สมบูรณ์ )  ส่วนพระอรัหันต์ท่านจะแสดงอาการใดๆก็ด้วยอาการอันบริสุทธิ์  อริยกันตศีลอันบริสุทธิ์จากหัวใจนี้อยู่สูงกว่าศีล 227 ข้อมากนัก การพิจารณาอาการใดๆ  ขึ้นกับความหยาบละเอียด จะเป็นอย่างหยาบ  อย่างกลาง  อย่างละเอียด  อย่างบริสุทธิ์  ก็แล้วแต่ผู้พิจารณา  เรื่องพระศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน  ขอให้ระวังกิเลสที่แฝงมา ขอโปรดพิจารณา... จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:30:13

ความคิดเห็นที่ 37 ... ผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางไปยังสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี เพื่อติดตามบัญชีเงินฝากธนาคารของนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยาพระปราโมทย์ ปราโมชโช (สันตยากร) มาตรวจสอบ หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา  โดยนางอรนุชได้มอบบัญชีเงินฝากส่วนตัวให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอประมาณ 15 บัญชีรวมยอดเงิน ณ ปัจจุบันประมาณ 30 ล้านบาท ไม่รวมเงินลงทุนในรูปพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนพระปราโมทย์มีบัญชีเงินฝากส่วนตัว 1 บัญชียอดเงินประมาณ 3-4 แสนบาท ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285159437&grpid=00&catid= จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 10:03:18

ความคิดเห็นที่ 38 เรียนตรงๆ ใครสงสัยเรื่องหย่า ก็ไปถามที่สวนสันติธรรม หรือ อำเภอสามารถเช็คได้ได้ด้วยตนเองครับ แทนที่จะมานั่งเดานั่งตีความเอาเองหรือมั่วเอาเอง เพราะคุณเองก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ส่วนจะอ้างว่าให้วัดเปิดเผยหลักฐานมาในพันทิพ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของวัด เพราะหลวงพ่อท่านไม่ได้สนใจอะไรกับภาพพจน์ท่านสักหน่อย ใครจะว่าอย่างไรก็ตัวใครตัวมัน  อีกทั้งพวกคุณไม่ได้เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยหรือมีความรับผิดชอบในการตรวจสอบ ถ้าจะบอกว่าขอตรวจสอบในฐานะชาวพุทธหรือสงสัยก็ไปถามเองตามที่ผมบอกเอาไว้สิครับ   ส่วนเรื่องบัญชีและการนำไปใช้ในทุจริตหรือไม่ ก็สอบถามได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เลย ว่าได้ส่งจดหมายแสดงความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อไปที่สวนสันติธรรมเมื่อปีที่แล้ว ใช่หรือไม่ นี่ครับเบอร์โทรๆไปเลย 02-831-9888 แล้วก็ไม่ต้องมาถามว่าทำไมไม่นำหลักฐานมาโชว์เองล่ะ ก็ทางวัดไม่ได้สนใจอะไรกับภาพพจน์และไม่ได้ถือเป็นสาระต่อการทำกิจในศาสนาพุทธ ดังนั้น ถ้าสงสัยหรืออยากตรวจสอบก็พึ่งตนเองเลยครับ ได้ข้อมูลของจริงและชัดเจนดีครับ   ส่วนแปลนอุโบสถสวนสันติธรรม ถ้าสงสัยมากก็ติดต่อขอดูจากผู้รับเหมา แคมป์คนงานก็อยู่หน้าสวนสันติธรรม อยากรู้อะไรก็ไปขอดูครับ   จบนะครับ ใครอยากรู้อะไร อยากได้อะไร ก็ไปสอบถาม หาข้อมูลได้ แหล่งก็ให้ไว้แล้วครับ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 11:04:35

ความคิดเห็นที่ 39 ขออนุญาตแตกประเด็นเรื่องการฝากเงินกับการซื้อพันธบัตรไปกระทู้ใหม่ครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 14:16:07

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ ประมุขพรรคบัวขาว ครับ ผมมีข้อสงสัย 1 ประการครับ จากคุณ : ราชมัล เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 23:29:38

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ ประมุขพรรคบัวขาว ได้เข้ามาตอบอีกแล้ว จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:23:47