ความคิดเห็นที่ 1 งั้นธัมมี่ติดก่อนเลย ยกเว้นตืความเข้าข้างธัมมี่ จากคุณ : คับแค้นเหลือคณา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:29:40

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นนี้น่ากลัวนะผมว่า ผู้ร่างไม่ใช่ศาสดาจะเอาอะไรไปวัดว่าถูกผิด จะยึดตามครูบาหรือพระไตรปิฏก ถามว่าพระรับเงินผิดไหม ถ้าออกมาเป็น กม แล้วต้องจับติดคุก ทําได้จริงหรือไม่ จากคุณ : by iPhone (Vees) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:40:08

ความคิดเห็นที่ 3 พระพุทธเจ้าใช้วิธี...นานาสังวาส..ครับ จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:43:44

ความคิดเห็นที่ 4 ใช้ทัศนะแบบโลก ๆ ไปครอบงำทัศนะทางธรรม เดี๋ยวก็เหมือน รธน. แก้กันไม่รู้จบ เพราะมีผู้เสียประโยชน์ นาน ๆเข้า ชาวบ้านจะเข้าใจผิดคิดว่า ศาสนาก็วุ่นวายเหมือนเรื่องทางโลก เป็นการทำลายศาสนาในที่สุด ระวังจะเข้าทางใครที่ต้องการครอบงำพระพุทธศาสนาในไทยนะครับ จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:53:43

ความคิดเห็นที่ 5 อย่า เพลิน เป็น หางเครื่องอะไร (--- เขาจะออกกฏหมาย / เขา คือ อะไร  อริยบุคคลสาวกของพระบรมศาสดาหรือ?) เพราะ  ----- พระพุทธเจ้า ยังทรงยังอยู่ ---- จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 08:55:31

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 21:01:42 จากคุณ : หก (Ant-san) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:21:12

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไม่ได้หรอก ไร้สาระ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:39:00

ความคิดเห็นที่ 8 ไร้สาระ +1 จากคุณ : aonlines เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:46:50

ความคิดเห็นที่ 9 จริยธรรม ศีลธรรม ต้อง มี รากฐานทาง "ความจริงอันประเสริฐ สี่ประการ หรือ ปฏิจจสมุปบาท จากพระโอษฐ์"  ที่พระบรมศาสดา ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง เมื่อ "เหตุ" คือเพราะ ชาวพุทธ ละเลย (หรือ แกร้งหลงลืม?) "ธรรม วินัย คือ องค์พระศาสดา" ผู้ ตรัสรู้ชอบซึ่ง--"ความจริงอันประเสริฐ สี่ประการ หรือ ปฏิจจสมุปบาท จากพระโอษฐ์"   ผลคือ --- มี "กฏหมาย" ใดนั้น ใช้แทน "คุณธรรม จริยธรรม" กฏหมาย มันเนื่องกับ "กิเลส ตัณหา อุปาทาน"  --ถ้า ตราออกมาด้วย "สัมมาทิฏฐิ ก็ ดีไป" แล้ว "เป็นเช่นนั้นหรือ?ไ ผู้ออกกฎหมาย  ใน รัฐสภาตอนนี้  ---- มี สัมมาทิฏฐิ แบบ ปุถุชน  หรือ แบบ อริยสาวก ละ? --------------------------------------------------------------------------------------------              (อนาคต ที่ ถูกฝาถูกตัว ----  มาถึงแน่ --- พวก อีกาสีขาว ทั้งหลาย) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 09:49:44

ความคิดเห็นที่ 10 คห.9 อีกาสีขาว หมายถึงอะไรครับ จากคุณ : GOODDAY (Poor Knights) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 10:37:32

ความคิดเห็นที่ 11 ใช้ศาสนาเป็นอาวุธทางการเมืองอีกแล้วหรือเปล่า  จะล่าแม่มดกันอีกใช่ไหมแบบนี้ จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 10:53:18

ความคิดเห็นที่ 12 ผู้เห็นต่าง ร้ายแรงน้อยกว่า ผู้ฝ่าฝืนนะครับ... ในสังคมนี้ ผู้ฝ่าฝืนที่เป็นพุทธศาสนาเยอะแยะมากมายที่เป็นข่าว ผิดลูกผิดเมียเอย ฆ่าตัวตายเอย อยู่กันก่อนแต่งงานเอย ติดยาบ้ายาเสพติดเอย ที่สำคัญ เยาวชนเองยังห่างไกลจากศาสถานมากครับ และจะออกกฎหมายเพื่อปกป้องใครกันหรอครับ... จะออกกฏหมายปกป้องศาสนา ในขณะที่เยาวชนไม่สนใจเข้าวัดเข้าวาเลยกระนั้นหรอ ? จากคุณ : hasanzaa เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:10:29

ความคิดเห็นที่ 13 ไร้สาระน่า  ทำไม่ได้หรอก...คนที่คิดทำเรื่องแบบนี้ มันเพ้อเจ้อน่ะ... หากจะคิดทำกัน ก็ต้องแยกนิกายกัน ก็เท่านั้น และเมื่อแยกนิกายออกไปแล้ว หากยังไปรุกรานกันอีก  บางกลุ่มก็ จะบอกว่า งั้นแยกไปเลย เอาเป็นว่า ไม่นับถือศาสนาพุทธ  (แต่ยังมีสิทธิ์ ที่จะเลือกเอา ข้อธรรมะบางข้อไปใช้ได้ในลัทธิของตน)  เท่านั้นก็จบ  ไอ้คนคิดเรื่องนี้มันบ้องตื้นน่ะ...อยากรู้จังว่า พวกไหนคิด และใครเป็นต้นคิด? จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:38:55

ความคิดเห็นที่ 14 ในประเทศไทยเวลานี้ หากจะมาคิดใช้ศาสนา เป็นเครื่องมือเข่นฆ่าผู้อื่น เหมือนศาสนาอื่น ๆ ในยุคโบราณ ผมว่า คนคิดเรื่องนี้โง่มาก...และขอให้เตรียมรับกับความวิบัติ ของตนเองได้เลย....เพราะตัวเขา และกลุ่มของเขานั่นแหล่ะที่อาจจะโดนฆ่าได้ง่าย ๆ มาก จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:40:56

ความคิดเห็นที่ 15 http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=mlz_rhUyrpk จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:50:10

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าคุณจขกท.ควรจะเอากฏหมายที่ว่านั้นมากางให้ดูก่อนดีกว่าครับ  เพราะในฐานะที่ผมเองก็อยู่ในแวดวงการปกป้องรักษาพระพุทธศาสนา ผมไม่เคยได้ยินว่ามีกฏหมายฉบับที่ว่านี้เลย   มีแต่ว่า เมื่อก่อนมีกฏหมายหนึ่งที่เรียกว่า ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระุพุทธศาสนา ซึ่งมีเนื้อหาในการรักษาองค์กรทางพระพุทธศาสนาอย่างคณะสงฆ์เป็นต้น และอื่น ๆ  อย่างเช่นมีข้อหนึ่งบอกว่า  "พระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติเมถุนธรรม เมื่อเห็นชัดว่ามีความผิดจริง หลังลาสิกขาแล้ว ต้องรับโทษปรับ และจำคุก  ส่วนสตรี หรือบุคคลที่ร่วมเพศกับพระภิกษุนั้น ต้องรับโทษเท่ากัน" คล้าย ๆ กับกฏหมายคณะสงฆ์ในรัชกาลที่ ๑ ที่ลงโทษคนที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสียโดยการประพฤติผิดพระธรรมวินัยด้วยนั่นเอง แต่เนื่องจากร่างพรบ.ฉบับนี้ เป็นเพียงแค่ร่าง ฯ ครับ  และก็ยกเลิกในการที่จะนำเสนอแล้ว ส่วนที่จขกท.บอกอย่างนั้น ผมว่าคงจะคลาดเคลื่อนเพราะไปได้ยินได้ฟังกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่นำเสนออย่างนั้น  ทั้ง ๆ ที่ ตัวร่างยังไม่ออกมาเลย ขอความกรุณาอย่าเชื่อตามที่ฟัง ๆ กันมา แต่ขอให้มีหลักฐาน ถ้าเราไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร วิจารณ์ไปก็เปล่าประโยชน์ เหมือนวิจารณ์เรื่องหนวดเต่าและเขากระต่ายนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 13:10:53 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 12:51:56

ความคิดเห็นที่ 17 #16 "พระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติเมถุนธรรม เมื่อเห็นชัดว่ามีความผิดจริง หลังลาสิกขาแล้ว ต้องรับโทษปรับ และจำคุก  ส่วนสตรี หรือบุคคลที่ร่วมเพศกับพระภิกษุนั้น ต้องรับโทษเท่ากัน" ////////// น่าสนใจมากครับ อันนี้ ที่คุณนำเสนอมา น่าจะทำได้ง่ายกว่านะครับ หรือ (ขอนอกประเด็นนิดๆ) เช่นหากจะมีการส่งเสริม ให้พระภิกษุสงฆ์ มีการจัดทำอธิกรณ์ถึงเรื่องของพระวินัย แม้เล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเสียก่อน (น่าจะเป็นขั้นแรกๆ ที่เป็นหน้าที่สงฆ์กันเอง มากกว่าหน้าที่ของฆราวาสที่จะต้องมาช่วยตรวจสอบ) หรือ หากจะจัดทำระบบตรวจสอบ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นว่า "พระที่ต้องอาบัติปาราชิก -- เสพเมถุน, ฆ่าคน, ลักทรัพย์, อวดอุตริ หรือถูกให้สึกเพราะการดื่มเหล้า หรือโลกะวัชชะใดๆ (ที่เห็นว่าไม่ควรให้บวชอีก ตามทัศนะของความเห็นส่วนมากฯ)" ทำส่วนของการตรวจสอบเพื่อป้องกันการกลับเข้ามาบวช อีกรอบ ของอดีตพระปาราชิก ให้ได้ก่อนเสียก่อน อย่างนี้แล้ว ดูจะมีคุณค่า และเหมาะสมกว่ามากนะครับ ไม่เช่นนั้้นแล้ว คล้ายๆ กับว่า  ออกกฎหมายมาดี แต่การบังคับใช้นั้น หละหลวมแล้วจะมีประโยชน์อะไร จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 13:18:13

ความคิดเห็นที่ 19 ดูจากคลิปเนชั่นที่มีการอภิปราย พอสรุปได้ว่า ...ฝ่าย สำนักพุทธฯ เป็นผู้เสนอร่างกฏหมายให้คณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่ผ่าน รมต ฝ่ายสำนักพุทธ ก็ยังไม่ย่อท้อกลับดำเนินการต่อไปเพื่อให้กฏหมายฉบับนี้ผ่านรัฐบาล เข้าสภาให้สำเร็จ    ผมแปลกใจว่า  ระดับสูงใน  สำนักพุทธ นับถือพุทธแบบหาเงินมาก ๆ แถว ๆ ปทุม ใช่ไหม และมีเป้าหมายอะไร น่าจะติดตามดูกัน จากคุณ : เห็นต่าง (diiar) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 14:07:08

ความคิดเห็นที่ 20 พุทธด้วยกันยังเห็นต่างกันเลย แล้งจะเอาอะไรวัดว่าของใครถูก คนไทยรู้ๆกันอยู่ ตามใจฉันคือไทยแท้ เห็นต่างเฉพาะตัว เรียกนานาสังวาส แต่ถ้ารวมเป็นกลุ่มก้อนคณะก็เรียกว่า ทำให้สงฆ์แตกแยก ฉนั้นผู้ตั้งนิกายต่างๆทำอนันตริยกรรม ตามที่พระพุทธเจ้าบอก จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 14:15:42

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ควรมีกฎหมายเพราะว่ากฎหมายไม่มีความละเอียดเหมือนศีลพระ จากคุณ : สำบาย (สำบาย) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 15:39:34

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นแผนชั่วของธรรมชโยคร้าาา หลังจากที่ธุดงธรรมชัยโดนด่าเละ จากคุณ : Transformation (TRANSFORMATION) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 18:19:01

ความคิดเห็นที่ 23 ผมอยากให้มีคนอย่างพระเจ้าอโศกมหาราชมากกว่า ที่มาวันหนึ่ง ให้พระเถระผู้ใหญ่มีธรรมสูง มาสอบหาเหล่าสมมุตติสงฆ์ ที่ีแฝงกายมาบวช ทำให้คำสอนพระศาสดาต้องเสื่อมลง และจับสึกเสียให้หมด จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:12:34