ความคิดเห็นที่ 1  ความคิดเห็นที่ 38    เรียน ตรงๆ ใครสงสัยเรื่องหย่า ก็ไปถามที่สวนสันติธรรม หรือ อำเภอสามารถเช็คได้ได้ด้วยตนเองครับ แทนที่จะมานั่งเดานั่งตีความเอาเองหรือมั่วเอาเอง เพราะคุณเองก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ส่วนจะอ้างว่าให้วัดเปิดเผยหลักฐานมาในพันทิพ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของวัด เพราะหลวงพ่อท่านไม่ได้สนใจอะไรกับภาพพจน์ท่านสักหน่อย ใคร จะว่าอย่างไรก็ตัวใครตัวมัน  อีกทั้งพวกคุณไม่ได้เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยหรือมีความรับผิดชอบในการ ตรวจสอบ ถ้าจะบอกว่าขอตรวจสอบในฐานะชาวพุทธหรือสงสัยก็ไปถามเองตามที่ผมบอกเอาไว้สิ ครับ   ส่วนเรื่องบัญชีและการนำไปใช้ในทุจริตหรือไม่ ก็สอบถามได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เลย ว่าได้ส่งจดหมายแสดงความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อไปที่สวนสันติธรรมเมื่อปีที่แล้ว ใช่หรือไม่ นี่ ครับเบอร์โทรๆไปเลย 02-831-9888 แล้วก็ไม่ต้องมาถามว่าทำไมไม่นำหลักฐานมาโชว์เองล่ะ ก็ทางวัดไม่ได้สนใจอะไรกับภาพพจน์และไม่ได้ถือเป็นสาระต่อการทำกิจในศาสนา พุทธ ดังนั้น ถ้าสงสัยหรืออยากตรวจสอบก็พึ่งตนเองเลยครับ ได้ข้อมูลของจริงและชัดเจนดีครับ   ส่วนแปลนอุโบสถสวนสันติธรรม ถ้าสงสัยมากก็ติดต่อขอดูจากผู้รับเหมา แคมป์คนงานก็อยู่หน้าสวนสันติธรรม อยากรู้อะไรก็ไปขอดูครับ   จบนะครับ ใครอยากรู้อะไร อยากได้อะไร ก็ไปสอบถาม หาข้อมูลได้ แหล่งก็ให้ไว้แล้วครับ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว   เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 11:04:35 ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า จดหมายแจ้งความบริสุทธิที่ว่า คุณประมุขฯ หมายถึง "เรื่องบัญชีและการนำไปใช้ในทุจริตหรือไม่" ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้ไม่ทราบด้วย : ) จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:32:30

ความคิดเห็นที่ 2 เรียน คุณปล่อย  ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า จดหมายแจ้งความบริสุทธิที่ว่า คุณประมุขฯ หมายถึง "เรื่องบัญชีและการนำไปใช้ในทุจริตหรือไม่" ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้ไม่ทราบด้วย : ) จากคุณ : ปล่อย   เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:32:30 ในกรณีเช่นนั้นถ้าจะให้ถูกต้องน่าจะเป็น " เอกสารแจ้งผลการตรวจสอบและการสอบสวน " น่าจะถูกต้องกว่าใช่หรือไม่ครับ เพราะในกรณีมีการสอบสวน สืบสวนทางกระบวนการยุติธรรม ทางโลกก็มี ศาลสถิตยุติธรรม ทางพระก็มีมหาเถรสมาคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหน้าที่หรือกฎหมายใดรองรับให้มีหน้าที่แสดงความบริสุทธิ์ได้ครับ  หากถ้าจะเป็นการส่งหนังสือแจ้งผลการสอบสวนสืบสวน ว่าไม่พบข้อผิดปรกติตามที่มีการกล่าวหาหรือร้องเรียนมาจะดูเหมาะสมและถูกต้องมากกว่านะครับ  จากคุณ : ราชมัล เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:42:01

ความคิดเห็นที่ 3 คห.2 เรื่องกฏหมาย ผมไม่กล้าแย้งคุณ จขกท ครับ เพราะไม่มีความรู้เลย : ) เรื่องใช้คำไม่เหมาะสม เห็นด้วยว่าถ้าใช้คำ -เอกสารแจ้งผลตรวจสอบ ว่าไม่พบข้อผิดปรกติ ทำนองนี้ จะชัดเจนกว่า ป้องกันการเข้าใจผิดได้มากกว่าครับ : ) จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 00:51:41

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 21:02:35 จากคุณ : หด (Ant-san) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 01:39:07

ความคิดเห็นที่ 5 ไหนๆคุณราชมัลก็ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาแล้ว ผมจึงถือโอกาสถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณราชมัลว่าที่ได้โพสต์ข้อความไว้ในกระทู้เดียวกันกับที่แตกประเด็นออกมาว่า +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความคิดเห็นที่ 10     ถ้าว่ากันตามรายละเอียดของสำนวนการร้องเรียนที่ส่งไปยังเจ้าคณะพระสังฆาธิการนะครับ  พระปราโมทย์ ปาโมชโช ยังไม่ได้หย่าขาดจาก  นางอรนุช สันตยากร  ครับ และผมว่าประเด็นจะไม่ถุกเปลี่ยน หรือโยงไปให้ไกลออกไป นะครับ ถ้าเราตอบให้อยู่ในประเด็น คำถามอะไรเราก็ตอบแบบนั้น มันก็จบ ถ้าเลี่ยงบาลีไม่ตอบ ก็จะโดนลากไปอีกประเด็หนึ่งทันที หากไม่รู้ก็บอกไม่รู้ มันก็เท่านั้นเองนะผมว่า หรือรู้แต่ไม่ขอตอบตรงๆ ขอเลี่ยงเปลี่ยนไปมิติอื่นดีกว่า มาแบบอ้อมๆแอ้มๆ มันก็ดูจะแปลกๆ นะครับ ถามตอบให้ตรงประเป็นมันก็คงจะจบ ในมุมของผมนะ  จากคุณ : ราชมัล   เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:06:55   ถูกใจ : แมงกุ๊ดจี่, Smiling-girl, ปล่อย, LazyOx, ngodngam, ชาล้นถ้วย, ภูเวียง, Bitter Coffee, กุ๊กเทวดา, zenzen +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เป็นข้อมูลเมื่อไรครับ เป็นปีที่มีการส่งเรื่องไปร้องเรียนหรือเปล่าครับ หรือเป็นข้อมูลปัจจุบันแล้ว และถ้าเป็นข้อมูลในครั้งนั้น คุณราชมัล พอจะมีข้อมูลในปัจจุบันหรือไม่ครับว่าสถานะเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:08:07

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วมติมหาเถรสมาคม  ลงมติหรือยังครับว่าหลวงพ่อบริสุทธิ์หรือไม่ ? คุณราชมัล ควรไปค้นหาความจริงตรงนี้ออกมามากกว่า  ที่จะมาจับประเด็นเรืืือง dsi ดูแล้วกลายเป็นนักจับผิดคำพูดไปซะงั้น..... จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:17:09

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณราชมัล ผมไม่ได้เข้ามาพันทิปบ่อย แต่จากเท่าที่อ่านดูคุณราชมัลโพสต์ไม่กี่กระทู้ ผมยอมรับว่าคุณราชมัลมีความรู้ดีในหลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่องกฎหมายด้วยนะครับ โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ผมเห็นว่า ประโยชน์จริง ๆ ของความรู้นั้นอยู่ที่การนำเอามาใช้ หากนำเอามาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อกุศล เพื่อเมตตาผู้อื่น ก็จะเป็นประโยชน์มาก แต่หากนำความรู้มาใช้เอาเปรียบผู้อื่น เพื่อฟาดฟันผู้ด้อยโอกาส หรือผู้รู้น้อยกว่า ผมเห็นว่าอย่างนั้นจะเป็นโทษ และเป็นอกุศลครับ ผมไม่รู้จักกับคุณประมุขพรรคบัวขาวเป็นการส่วนตัวนะครับ ก็เห็นชื่อของเขาเหมือนกับเห็นชื่อของคุณราชมัลในเว็บนี้แหละ แต่จากที่อ่านความเห็นของเขา ผมเห็นว่าจดหมายแสดงความบริสุทธิ์ที่เขาอ้างถึงก็คือจดหมายที่ดีเอสไอแจ้งผลการสอบสวน หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามทีที่แจ้งว่าไม่ดำเนินคดี หรือไม่พบการกระทำผิดต่อทางผู้ถูกกล่าวหานั่นแหละ ส่วนว่าจะเรียกชื่อจริง ๆ ว่าอย่างไรนั้น ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ และผมก็เชื่อว่าคุณประมุขพรรคบัวขาวก็ไม่ทราบด้วย เพราะผมเองก็ไม่เคยโดนดีเอสไอสอบสวน และผมก็ "เดา" ว่าคุณประมุขพรรคบัวขาวก็ไม่เคยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ขอ "เดา" อีกว่าคุณประมุขพรรคบัวขาวก็คงไม่ได้จบกฎหมายด้วย ทีนี้การที่คุณจะกล่าวว่าคุณประมุขพรรคบัวขาวกล่าวเท็จทำให้ดีเอสไอเสียหาย และจะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการนั้น ผมเห็นว่าเป็นการหยิบคำพูดคำเดียวของคนที่ไม่ได้จบกฎหมาย และไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับดีเอสไอมากล่าวให้ตกใจเกินสมควร ซึ่งผมเองก็จบกฎหมายนะ แต่ผมไม่เห็นเลยว่าการกล่าวของคุณประมุขพรรคบัวขาวจะผิดกฎหมายตรงไหน หรือทำให้ดีเอสไอเสียหายตรงไหน ประเด็นก็มีแค่ว่าเขาเรียกชื่อจดหมายไม่ได้เป๊ะ ๆ อย่างใจของบางท่านก็แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องเบอร์กลางของดีเอสไอนั้น ผมเห็นว่าหากท่านไหนต้องการจะหาข้อมูลจริง ๆ แล้ว ก็หาไม่ยากหรอกครับ จะให้เบอร์ตรงหรือเบอร์กลาง หรือจะไม่ให้เบอร์มาเลย ก็สามารถหาได้อยู่แล้วครับ ผมอ่านความเห็นของแต่ละท่านที่เขียน ก็พอทราบแล้วว่าแต่ละท่านนั้นมีความสามารถอยู่ครับ ในทางกลับกัน ผมเห็นว่า หากคุณจะทำตัวเป็นตำรวจโลกจริง ๆ แล้วนะ ในเมื่อข้อกล่าวหามหากาพย์ทั้งหลายเกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์ได้มีการสอบสวนหมดแล้วทั้งจากดีเอสไอและมหาเถรสมาคม และปรากฏว่าไม่มีความผิดใด ๆ แต่ปรากฏว่าฝ่ายที่โจมตีกลับโจมตีไม่เลิกด้วยข้อกล่าวหาที่ได้สอบสวนไปแล้ว ใช้ถ้อยคำจาบจ้วงต่อพระภิกษุสงฆ์ในที่สาธารณะ และใช้ข้อความบิดเบือนข้อเท็จจริง ผมขอถามคุณว่าคุณไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ คุณบอกว่าคุณไม่อยากจะไปก้าวล่วงในรายละเอียดปลีกย่อยของมหากาพย์ แต่คุณไปหยิบคำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนที่ไม่ได้จบกฎหมายมาเปิดกระทู้นี้ ถามว่าไม่ปลีกย่อยหรือครับ หากคุณมีความสามารถจริง มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ผมเห็นว่าคุณน่าจะพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ บ้างไหมที่จะดำเนินการกับกลุ่มโจมตีพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย ต้องยอมรับนะครับว่า พระภิกษุสงฆ์นั้นไม่อยู่ในฐานะที่จะมาแจ้งความหมิ่นประมาทหรอกครับ ท่านมีสิทธิตามกฎหมายที่ทำได้ แต่ท่านไม่อยู่ในฐานะที่จะทำ เพราะท่านต้องเมตตาต่อโยม และสัตว์โลกทั้งปวง แต่ถามว่าองค์กรทางสงฆ์ในบ้านเราทำอะไรได้บ้างไหมล่ะ ถ้าหยิบขึ้นมาวิจารณ์ด้วยข้อเท็จจริงไม่บิดเบือน และเรื่องยังอยู่ระหว่างสอบสวนก็ยังพอเข้าใจได้ แต่หากหยิบมาโดยบิดเบือนข้อเท็จจริง เรื่องจบไปแล้วก็หยิบมาด่า เปิดเว็บมาโดยเฉพาะเพื่อตั้งกลุ่มด่า ถามว่าองค์กรทางสงฆ์ของประเทศไทยเราทำอะไรได้บ้างไหม หากทำอะไรไม่ได้เลย ผมก็เข้าใจนะ (อย่างน้อยก็มีกฎแห่งกรรมอยู่) แต่ก็ขอว่าอย่าหยิบประเด็นย่อย ๆ เหล่านี้ มากล่าวให้ตกใจกันเลยครับ ขอให้เมตตาต่อเพื่อนสมาชิกด้วยกันทุกคนเถิด ไม่ทราบท่านไหนเคยอ่านเรื่องฤทธิ์มีดสั้นของโกวเล้งไหมนะครับ เป็นนวนิยายในดวงใจของผมเลยล่ะ เรื่องฤทธิ์มีดสั้นนั้น หากอ่านจบเล่มแล้ว อย่านึกว่าจบนะครับ ต้องไปอ่านต่อในเรื่องเหยี่ยวเดือนเก้า และจอมดาบหิมะแดงในท้ายที่สุด ผมเห็นว่าตอนจบจริง ๆ อยู่ที่เรื่องจอมดาบหิมะแดงครับ ในตอนจบ (เท่าที่ผมจำได้) ก็คือ จิ้นบ้อเมื่ย ซึ่งเป็นมือขวาของเซี่ยงกัวกิมฮ้ง กล่าวกับ เอี๊ยบไค ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของลี้คิมฮวงว่า ตอนที่ตนเองได้ดูเซี่ยงกัวกิมฮ้งประลองสู้กับลี้คิมฮวงนั้น ดูยังไง ๆ ก็เห็นว่า เซี่ยงกัวกิมฮ้งจะต้องชนะแน่ ๆ แต่ตอนจบไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเซี่ยงกัวกิมฮ้งกลับพ่ายแพ้ได้ ทั้ง ๆ ที่พลังฝีมือของเซี่ยงกัวกิมฮ้งอยู่ในลำดับสองของยุทธภาพเหนือกว่าพลังฝีมือของลี้คิมฮวงอยู่ในลำดับที่สาม แต่มาถึงวันนี้ จิ้นบ้อเมื่ยบอกว่าตนเองเข้าใจแล้ว โดยจิ้นบ้อเมื่ยได้เห็นลูกศิษย์ของลี้คิมฮวงซัดมีดสั้นออกสามครั้ง ทั้งสามครั้งที่ซัดมีดสั้นนั้น เพื่อช่วยให้คนรอดชีวิตทั้งสามครั้ง ในขณะที่ลูกศิษย์ของจิ้นบ้อเมื่ยชักดาบออกแต่ละครั้งจะต้องมีคนตายอย่างน้อยหนึ่งคน จิ้นบ้อเมื่ยบอกว่าพลังใจที่จะสู้เพื่อช่วยคนกับพลังใจที่จะสู้เพื่อฆ่าคนนั้นต่างกัน ดังนี้ จิ้นบ้อเมื่ยบอกว่าลูกศิษย์ของตนเองไม่มีทางเทียบได้กับเอี๊ยบไคซึ่งเป็นลูกศิษย์ของลี้คิมฮวงเลย จิ้นบ้อเมื่ยบอกต่อไปว่าตนเองเข้าใจแล้วว่า คุณค่าของอาวุธนั้นไม่ได้อยู่ที่พลังฝีมือในการใช้ แต่อยู่ที่วัตถุประสงค์ของการใช้ โดยประการฉะนี้แล้ว มีดบิดของลี้คิมฮวงควรจะถือเป็นอาวุธอันดับหนึ่งของแผ่นดิน (เพราะซัดมีดไปแต่ละครั้งก็เพื่อช่วยเหลือคนทั้งสิ้น) ก็ไม่มีอะไรมากนะครับ ขออนุญาตเข้ามาโพสต์เพื่อชี้แจงอะไรบางอย่างครับ เกรงว่าเพื่อนสมาชิกจะตกใจกัน (แต่ผมก็ไม่ใช่ตัวแทนของคุณประมุขพรรคบัวขาวนะครับ) และก็ถือโอกาสมาเล่านิยายจีนเก่า ๆ ให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้อ่านกันครับ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นชั่วคราว ตั้งอยู่ และดับไปแหละครับ เป็นธรรมดาโลกฉะนี้ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 08:07:18 จากคุณ : ngodngam (ngodngam) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 07:54:33

ความคิดเห็นที่ 8 เรียน คุณจันทร์สะท้อนเงา   ความคิดเห็นที่ 5    ไหนๆคุณราชมัลก็ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาแล้ว ผมจึงถือโอกาสถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณราชมัลว่าที่ได้โพสต์ข้อความไว้ในกระทู้เดียวกันกับที่แตกประเด็นออกมาว่า +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความคิดเห็นที่ 10     ถ้าว่ากันตามรายละเอียดของสำนวนการร้องเรียนที่ส่งไปยังเจ้าคณะพระสังฆาธิการนะครับ  พระปราโมทย์ ปาโมชโช ยังไม่ได้หย่าขาดจาก  นางอรนุช สันตยากร  ครับ และผมว่าประเด็นจะไม่ถุกเปลี่ยน หรือโยงไปให้ไกลออกไป นะครับ ถ้าเราตอบให้อยู่ในประเด็น คำถามอะไรเราก็ตอบแบบนั้น มันก็จบ ถ้าเลี่ยงบาลีไม่ตอบ ก็จะโดนลากไปอีกประเด็หนึ่งทันที หากไม่รู้ก็บอกไม่รู้ มันก็เท่านั้นเองนะผมว่า หรือรู้แต่ไม่ขอตอบตรงๆ ขอเลี่ยงเปลี่ยนไปมิติอื่นดีกว่า มาแบบอ้อมๆแอ้มๆ มันก็ดูจะแปลกๆ นะครับ ถามตอบให้ตรงประเป็นมันก็คงจะจบ ในมุมของผมนะ  จากคุณ : ราชมัล   เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:06:55   ถูกใจ : แมงกุ๊ดจี่, Smiling-girl, ปล่อย, LazyOx, ngodngam, ชาล้นถ้วย, ภูเวียง, Bitter Coffee, กุ๊กเทวดา, zenzen +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เป็นข้อมูลเมื่อไรครับ เป็นปีที่มีการส่งเรื่องไปร้องเรียนหรือเปล่าครับ หรือเป็นข้อมูลปัจจุบันแล้ว และถ้าเป็นข้อมูลในครั้งนั้น คุณราชมัล พอจะมีข้อมูลในปัจจุบันหรือไม่ครับว่าสถานะเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา  เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:08:0 ขอเรียนในชั้นนี้อย่างนี้นะครับ  ที่ตอบไปเป็นข้อมูลที่ร้องเรียนพระสังฆาธิการปกครอง พระเทพสุทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ครับ เป็นเรื่องราวประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานก็ไม่ได้ไปยุ่งหรือเข้าไปตรวจสอบดูแลสวนสันติธรรม ด้วยก็เพราะ - 23 ก.ย. 53 : นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของแม่ชีอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง - 16 ตุลาคม 53 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีการร้องเรียนกล่าวหาพระปรา โมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า ตามที่คณะกรรมการมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินและเงินบริจาคของสวนสันติธรรม นั้น ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัด (พศจ.) ชลบุรี ทางโทรศัพท์ว่า ผลการตรวจสอบทั้งสองเรื่องถูกต้องไม่มีปัญหา - พระเทพสุทธา จารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ที่ได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อ สอบสวนคำสอนของพระปราโมทย์ จากเอกสาร หลังได้รับเอกสารคำสอนของพระปราโมทย์ ทั้งหมดแล้ว จะต้องดูสาระโดยละเอียดว่ามีการอวดอุตริธรรมหรือไม่ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อใด เนื่องจากการตรวจสอบคำสอนอย่างละเอียดต้องใช้เวลาพอสมควรและในที่สุดผลสรุปออกมาว่าคำสอนของพระปราโมทย์ ปราโชโชไม่ผิด ในเมื่อหน่วยงานพระสังฆาธิการปกครอง ยกเรื่องการร้องอธิกรณ์ จึงหมดหน้าที่ที่จะเข้าไปดุแลตรวจสอบได้ครับ ดังนั้นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันจึงไม่ได้มีการอัพเดท ในส่วนกรณีจดทะเบียนหย่านั้น หากพระปราโมทย์ท่านไปจดหลังจากเสร็จเรื่องอธิกรณ์นั้นคงจะเป็นข่าวแล้วละครับ และด้วยความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง พระเดินขึ้นอับเภอกับสีกา แล้วขอจดทะเบียนหย่านี้ ผมดู ( ส่วนตัว ) เป็นภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่  โดยส่วนตัวผมไม่สันทัดในเรื่องดังกล่าว ได้อ่านเอาตามเอกสารเหล่านี้ครับ  http://www.antiwimutti.net/doc/pramodcho.pdf จากคุณ : ราชมัล เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:31:46

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องจดหมาย ผมก็ตอบไปตามประสาคนไม่ได้จบกฎหมายครับ เท่านั้นเอง ถ้าไม่มีความผิด เงินอยู่ครบ ไม่มีการนำไปใช้ฟุ่มเฟือยหรูหราตามที่ผู้กล่าวหาสื่อ ไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น ผมก็ถือว่าบริสุทธิ์ คนทุกๆคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่นะครับ จนกว่าศาลจะตัดสิน หลายคดีต่อให้ตำรวจส่งฟ้อง หรือ DSI ส่งฟ้องแล้วก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ จนกว่าจะจบกระบวนการศาล พิพากษาครับ คนเราทุกคนถ้าไม่ได้ทำผิดกฏหมาย และไม่ได้ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม ก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกคนครับ ถ้าตรวจแล้วไม่มีความผิด ก็คือผู้บริสุทธิ์ครับ อันนี้ลองถามนักกฎหมายดูใช่ไหมครับ ^_^ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:32:57

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณราชมัล โดยเฉพาะที่เน้นมานั้น เรื่องนี้ คุณประมุขพรรคบัวขาวเอง ใช้ถ้อยคำที่ "ผิดพลาด" ในภาษากฎหมายจริงๆ ครับ เพราะ การตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิด กับ การออกหนังสือ รับรองว่าบริสุทธิ์ เป็นคนละอย่าง คนละเรื่องกันในทางกฎหมาย จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:43:55

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาให้ Gift และอนุโมทนาในคำตอบอันงดงามของคุณ ngodngam ครับ _/|\_ จริงๆ เมื่อคืนก็ว่าจะเข้ามาตอบในแนวนี้ ผมเองก็ไม่ใช่นักกฏหมายเหมือนกัน ดีแล้วที่ไม่ได้เข้ามาตอบเพราะคงตอบไม่ได้ดีเท่านี้ ตัดสินใจเอาเวลาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยการทำวัตรเย็น สวดมนต์และนั่งสมาธิแทน อนุโมทนาอีกครั้งครับ จากคุณ : Pee Kay เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:48:03

ความคิดเห็นที่ 14 อย่างไรก็ดี คุณประมุขพรรคบัวขาว ควรระมัดระวังในข้อความ ที่เกี่ยวกับ "ภาษากฎหมาย" ตามสมควร ส่วนเรื่องใช้คำพูดตามความเข้าใจอย่าง "สามัญ" ของคนที่ไม่ได้เรียนกฎหมาย แล้วทำให้ผิดหลักวิชากการกฎหมาย เมื่อออกมาขอโทษ ขออภัย ก็น่าจะพอเข้าใจกันได้ครับ ( : เรื่องภาษากฎหมายนี้ ในชีวิตประจำวันก็พบความคลาดเคลื่อนบ่อย เช่น เรื่องหนี้ คนก็เข้าใจว่าไปกู้เงิน ไปยืมเงินเท่านั้น แต่ความจริง หมายถึง เรื่องที่เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ ตามวัตถุแห่งหนี้ (กระทำการ งดเว้นกระทำการ ส่งมอบทรัพย์สิน) อันเกิดจากนิติเหตุ เช่น นิติกรรมสัญญา ละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ (คร่าวๆ นะครับ - - -") แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 10:02:03 จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:51:24

ความคิดเห็นที่ 15 . แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 10:21:03 จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:11:39

ความคิดเห็นที่ 16 ของผมกด gift ไม่ได้ คอมพ์วันนี้ไม่ค่อยดี ขอขอบคุณ คุณ งดงาม และคุณ Radiant ครับ ^/\^ ก็ยอมรับครับว่าผมใช้ภาษาผิดพลาดตามประสาสามัญชนที่ไม่ได้ศึกษากฏหมาย มิได้มีเจตนาหมิ่นผู้ใด เพราะผมเข้าใจว่าไปเองว่า ความบริสุทธิ์ คือการที่ ไม่มีความผิดใดๆ ไม่พบการนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ควร ไม่พบการยักยอก ไม่มีความผิดปกติ ไม่ผิดกฎหมาย หรือทุจริตแต่ประการใด ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียดมากๆ และหลายๆรอบ (ผมเชื่อมั่นในหน่วยงานที่ตรวจสอบว่ามีประสิทธิภาพและมีความยุติธรรมสูง) ดังนั้นจึงเป็นความใช้ภาษาผิดพลาดไปของผม หากมีผู้ใดรู้สึกถูกล่วงเกิน หรือหน่วยงานใดรู้สึกถูกล่วงเกิน ผมต้องกราบขออภัยในความเขลาของผมครับ ด้วยใจจริง  _/\_ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:12:19

ความคิดเห็นที่ 17 . แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 10:42:25 จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:16:20

ความคิดเห็นที่ 19 เท่าที่ผมติดตามข่าวทางสื่อมาก็ทราบเพียงว่า หลวงพ่อปราโมทย์ไม่ผิดทางพระธรรมวินัย แต่ทางโลกผลการสอบสวนของดีเอสไอไม่ได้สรุปและแจ้งให้ประชาชนทราบเลย ทำให้ประชาชนบางคนยังเข้าใจหลวงพ่อปราโมทย์ผิดอยู่  เวลามีผู้กล่าวหาสื่อประโคมข่าวกันใหญ่ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าหลวงพ่อปราโมทย์พ้นข้อกล่าวหาทั้งทางโลกและทางธรรม เรื่องราวต่างๆก็น่าจะจบลงได้แล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ได้นำข้อมูลต่างๆเปิดเผยต่อสาธารณครับ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:18:00

ความคิดเห็นที่ 22 "ขั้นตอนการปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์" ของหลวงพี่ปราโมทย์ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/11/Y9871130/Y9871130.html จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 10:57:57

ความคิดเห็นที่ 23 - พระเทพสุทธา จารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ที่ได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อ สอบสวนคำสอนของพระปราโมทย์ จากเอกสาร หลังได้รับเอกสารคำสอนของพระปราโมทย์ ทั้งหมดแล้ว จะต้องดูสาระโดยละเอียดว่ามีการอวดอุตริธรรมหรือไม่ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อใด เนื่องจากการตรวจสอบคำสอนอย่างละเอียดต้องใช้เวลาพอสมควรและในที่สุดผลสรุปออกมาว่าคำสอนของพระปราโมทย์ ปราโชโชไม่ผิด ... ___________________________________________________________________ ดูกระทู้ที่Link ใน คห.22 นะครับ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:01:36

ความคิดเห็นที่ 24 ขอขอบคุณ คุณราชมัล สำหรับการชี้แจงครับ  ความคิดเห็นที่ 8    เรียน คุณจันทร์สะท้อนเงา   ความคิดเห็นที่ 5    ไหนๆคุณราชมัลก็ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาแล้ว ผมจึงถือโอกาสถามข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณราชมัลว่าที่ได้โพสต์ข้อความไว้ในกระทู้เดียวกันกับที่แตกประเด็นออกมาว่า +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความคิดเห็นที่ 10     ถ้าว่ากันตามรายละเอียดของสำนวนการร้องเรียนที่ส่งไปยังเจ้าคณะพระสังฆาธิการนะครับ  พระปราโมทย์ ปาโมชโช ยังไม่ได้หย่าขาดจาก  นางอรนุช สันตยากร  ครับ และผมว่าประเด็นจะไม่ถุกเปลี่ยน หรือโยงไปให้ไกลออกไป นะครับ ถ้าเราตอบให้อยู่ในประเด็น คำถามอะไรเราก็ตอบแบบนั้น มันก็จบ ถ้าเลี่ยงบาลีไม่ตอบ ก็จะโดนลากไปอีกประเด็หนึ่งทันที หากไม่รู้ก็บอกไม่รู้ มันก็เท่านั้นเองนะผมว่า หรือรู้แต่ไม่ขอตอบตรงๆ ขอเลี่ยงเปลี่ยนไปมิติอื่นดีกว่า มาแบบอ้อมๆแอ้มๆ มันก็ดูจะแปลกๆ นะครับ ถามตอบให้ตรงประเป็นมันก็คงจะจบ ในมุมของผมนะ  จากคุณ : ราชมัล   เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:06:55   ถูกใจ : แมงกุ๊ดจี่, Smiling-girl, ปล่อย, LazyOx, ngodngam, ชาล้นถ้วย, ภูเวียง, Bitter Coffee, กุ๊กเทวดา, zenzen +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เป็นข้อมูลเมื่อไรครับ เป็นปีที่มีการส่งเรื่องไปร้องเรียนหรือเปล่าครับ หรือเป็นข้อมูลปัจจุบันแล้ว และถ้าเป็นข้อมูลในครั้งนั้น คุณราชมัล พอจะมีข้อมูลในปัจจุบันหรือไม่ครับว่าสถานะเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา  เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:08:0 ขอเรียนในชั้นนี้อย่างนี้นะครับ  ที่ตอบไปเป็นข้อมูลที่ร้องเรียนพระสังฆาธิการปกครอง พระเทพสุทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ครับ เป็นเรื่องราวประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานก็ไม่ได้ไปยุ่งหรือเข้าไปตรวจสอบดูแลสวนสันติธรรม ด้วยก็เพราะ - 23 ก.ย. 53 : นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของแม่ชีอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง - 16 ตุลาคม 53 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีการร้องเรียนกล่าวหาพระปรา โมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า ตามที่คณะกรรมการมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินและเงินบริจาคของสวนสันติธรรม นั้น ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัด (พศจ.) ชลบุรี ทางโทรศัพท์ว่า ผลการตรวจสอบทั้งสองเรื่องถูกต้องไม่มีปัญหา - พระเทพสุทธา จารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) ที่ได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อ สอบสวนคำสอนของพระปราโมทย์ จากเอกสาร หลังได้รับเอกสารคำสอนของพระปราโมทย์ ทั้งหมดแล้ว จะต้องดูสาระโดยละเอียดว่ามีการอวดอุตริธรรมหรือไม่ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อใด เนื่องจากการตรวจสอบคำสอนอย่างละเอียดต้องใช้เวลาพอสมควรและในที่สุดผลสรุปออกมาว่าคำสอนของพระปราโมทย์ ปราโชโชไม่ผิด ในเมื่อหน่วยงานพระสังฆาธิการปกครอง ยกเรื่องการร้องอธิกรณ์ จึงหมดหน้าที่ที่จะเข้าไปดุแลตรวจสอบได้ครับ ดังนั้นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันจึงไม่ได้มีการอัพเดท ในส่วนกรณีจดทะเบียนหย่านั้น หากพระปราโมทย์ท่านไปจดหลังจากเสร็จเรื่องอธิกรณ์นั้นคงจะเป็นข่าวแล้วละครับ และด้วยความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง พระเดินขึ้นอับเภอกับสีกา แล้วขอจดทะเบียนหย่านี้ ผมดู ( ส่วนตัว ) เป็นภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่  โดยส่วนตัวผมไม่สันทัดในเรื่องดังกล่าว ได้อ่านเอาตามเอกสารเหล่านี้ครับ  http://www.antiwimutti.net/doc/pramodcho.pdf จากคุณ : ราชมัล   เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 09:31:46  ถูกใจ : จันทร์สะท้อนเงา จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:08:18

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 128             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕             มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์             สันทกสูตร [บางส่วน]             พระขีณาสพไม่ล่วงฐานะ ๕             [๓๑๑] ท่านพระอานนท์ ก็ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์       มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นยังบริโภคกามทั้งหลายหรือ?             ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่พรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบ สัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ             ภิกษุนั้น เป็นผู้ไม่สามารถประพฤติล่วงฐานะทั้งห้า             คือ ภิกษุขีณาสพ เป็นผู้ไม่สามารถแกล้งปลงสัตว์จากชีวิต ๑             เป็นผู้ไม่สามารถถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้อันเป็นส่วนแห่ง ความเป็นขโมย ๑             เป็นผู้ไม่สามารถเสพเมถุนธรรม ๑             เป็นผู้ไม่สามารถกล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ ๑             เป็นผู้ไม่สามารถทำการสั่งสม บริโภคกามทั้งหลาย เหมือนเมื่อ เป็นคฤหัสถ์ในกาลก่อน ๑             ดูกรสันทกะ ภิกษุใดเป็นพระอรหันต์ ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันถึงแล้ว มีกิเลสเครื่องประกอบ สัตว์ในภพสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยชอบ             ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่สามารถประพฤติล่วงฐานะทั้งห้าเหล่านี้. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=5062&Z=5497#311top     แนะนำ :-             อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม             อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม               สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                 หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/             เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html             เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html             เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html                     เรื่อง                          ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                          การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                          มหาทาน                          ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                          ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                          กาลทาน ๕ อย่าง                          ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                          ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                          สังฆทาน ๗ ประเภท                          ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                          ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                                      เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                          ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                          อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                          ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                          ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ   เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 23:05:23 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/11/Y9871130/Y9871130.html#128 จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:10:38

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ทราบว่านอกจาก หลวงพ่อ ปราโมทย์แล้ว มีความอยากรู้ เรื่องแบบนี้จาก เกจิอาจารย์อื่นๆ ไหม จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:27:56

ความคิดเห็นที่ 27 ผมไม่เห็นด้วยว่า คุณประมุขพรรคบัวขาวใช้ถ้อยคำผิดพลาดนะครับ ผมเห็นว่า เขาเป็นประมุขพรรคบัวขาวนะครับ เขาไม่ใช่นายกสภาทนายความนี่นา :) และที่สำคัญก็คือ กระดานนี้เป็น “กระดานศาสนา” นะครับ ไม่ใช่กระดานกฎหมายหรือเว็บบอร์ดกฎหมาย ฉะนั้น หากเราอยากจะคุยเรื่องกฎหมายเป๊ะ ๆ หรือใช้คำกฎหมายกันถูกต้องทุกคนแล้ว ก็ควรไปคุยที่เว็บบอร์ดกฎหมายไม่ดีกว่าหรือครับ (แต่ถึงไปนะ ก็จะพบว่าแม้แต่เว็บกฎหมาย ก็ยังใช้คำชาวบ้านเยอะแยะครับ) ผมอ่านดูข้อมูลที่คุณราชมัลโพสต์มาในความเห็นที่ ๘ นะ (ซึ่งผมเห็นว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ ขอบพระคุณมากนะครับ) ผมก็เห็นว่า ดีเอสไอรับรองว่าบริสุทธิ์อย่างที่คุณประมุขพรรคบัวขาวกล่าวมานั่นแหละ หรือใครจะบอกว่า การยืนยันว่าไม่พบว่ามีการกระทำผิดอะไร และยืนยันว่าดำเนินการโดยถูกต้องนั้น เป็นการบอกว่า “ไม่บริสุทธิ์” ไหมครับ ในเมื่อเขาบอกว่า ไม่พบว่ามีการกระทำผิดอะไร และยืนยันว่าดำเนินการโดยถูกต้องแล้วนะครับ (ไม่ใช่แค่เพียงบอกว่าไม่พบการกระทำความผิดนะครับ เขายังยืนยันด้วยว่า “ดำเนินการถูกต้อง”) ถึงขนาดนี้แล้วยังใช้คำว่า “บริสุทธิ์” ไม่ได้ ผมสงสัยว่าแล้วต้องให้ถึงขนาดไหนครับ เราจึงจะใช้คำว่า “บริสุทธิ์"ได้ เราจะต้องให้มีคำว่า “บริสุทธิ์” ในจดหมายดีเอสไอด้วยหรืออย่างไรครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจนะว่า ทำไมนักกฎหมายจะต้องทำเรื่องกฎหมายให้มันซับซ้อนและห่างไกลเกินความเข้าใจของชาวบ้าน ทำเหมือนอย่างกับนักวิทยาศาสตร์กำลังคุยเรื่องฟิสิกส์อวกาศกำลังสร้างจรวดเพื่อจะไปดาวอังคารอย่างนั้น แล้วก็กลายเป็นว่าทำให้กฎหมายเป็นเรื่องไกลตัวชาวบ้าน เป็นเรื่องที่ชาวบ้านเข้าไม่ถึง นักกฎมายน่าจะช่วยกันทำให้กฎหมายนั้นให้ใกล้ตัวชาวบ้าน และให้เป็นที่เข้าใจง่าย ๆ ของชาวบ้านไม่ใช่หรือ (ผมเห็นว่าคนที่ทำหรือฝึกทำเรื่องยากให้มันง่ายนั้นจะสามารถสร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมได้ดีกว่าคนที่ทำหรือหัดทำเรื่องง่ายให้มันยาก หรือทำเรื่องยากให้มันยากขึ้นไปอีกนะครับ) นอกจากนี้ ผมก็ขออนุโมทนากับคุณ Pee Kay นะครับ ผมควรจะเป็นฝ่ายอนุโมทนากับการปฏิบัติบูชาของคุณครับ เพราะถือเป็นการปฏิบัติบูชาตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนและเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าการโพสต์ความเห็นของผมมากมายมหาศาลไม่รู้กี่เท่าครับ (แต่เรียนว่าเมื่อคืนนี้ ผมก็สวดมนต์ และนั่งสมาธิก่อนนอนนะครับ แต่ว่าสวดยาวขนาดทำวัตรไม่ไหวเท่านั้น) ขออนุโมทนาด้วยนะครับ จากคุณ : ngodngam (ngodngam) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:31:37

ความคิดเห็นที่ 28 แถกเข้าไปค่ะ  ได้ความรู้เพิ่มกันเห็นๆ  แทนที่จะขอบคุณ กลับมาบอกว่าที่นี่กระดานศาสนา  ไม่ใช่กระดานกฎหมาย หรือเว็บบอร์ดกฎหมาย   ดูจิตตัวเองไปถึงไหนแล้วคะ โมหะเกาะทั้งดวงเลยมั้ย แตะไม่ได้เลยสิคะพระปราโมช  คุณงดงามเป็นต้องออกมาเขียนยาวๆ   เบี่ยงประเด็นกระทู้ก็เอา แถกกันเห็นๆ ก็ยินดี   พึงระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นแบบอย่างนะคะ จะมองมุมไหนๆ ก็ถูกต้องแทงตลอด  ไม่เลือกกาลแลสถานที่ ไม่ใช่มาแถกว่า ชั้นจะมองแต่มุมแบบนี้ๆ  ที่นี่ไม่ใช่ที่นั่น อุตส่าห์เขียนมาซะย้าวววยาว  หมดกันเลยค่ะ จาก #16  ..... ก็ยอมรับครับว่าผมใช้ภาษาผิดพลาดตามประสาสามัญชนที่ไม่ได้ศึกษากฏหมาย มิได้มีเจตนาหมิ่นผู้ใด ..... ^ ^ แบบนี้แหละจะ  "งดงาม"  :-) ------------------------------------------------ ท่านราชมัล  หากมีอะไรคืบหน้า ช่วยกรุณาอัพเดท ด้วยนะคะ  ขอบพระคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 12:26:29 จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 11:59:49

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นน้องยิ้มแล้วกระทู้น่าติดตามอีกละ ^^ pantip.com มีไว้ถกเถียงพูดคุยกัน แรงบ้างเบาบ้างเป็นธรรมดา เห็นต่างเห็นเหมือนกันก็เป็นเพื่อนกันได้ อย่าไปเครียดกันมากนะครับ จากคุณ : แมงกุ๊ดจี่ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 12:48:10

ความคิดเห็นที่ 30 แต่ละคนก็มีวิจารณญาณของตนเอง บางครั้งอธิบายออกมาลำบาก เพราะการให้น้ำหนักต่อแต่ละเรื่องนั้นไม่เท่ากัน ผมพิจารณาเรื่องนี้ด้วยหลักฐานข้อมูลต่างๆ โดยเน้นที่พระวินัยตามพระไตรปิฎก มากกว่าจะเทน้ำหนักให้กับกฎใดๆที่ตั้งขึ้นมาภายหลัง ส่วนที่ผมให้น้ำหนักมากที่สุดนั้น จะเป็นเรื่องคำสอนของหลวงพี่ปราโมทย์ครับ ตรงนี้ไม่ได้เป็นการชักจูงโน้มน้าวเลย แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามสมควรว่า หลวงพี่ปราโมทย์สอนเรื่องดูจิต"ผิด" เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ละมุมที่มอง ผมไม่ขอก้าวล่วงผู้ใด แต่ขอแสดงความเห็นเอาไว้เป็นหลักฐานตรงนี้ครับ คงไม่ผิดกฎหมายใดๆ :) จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:01:33

ความคิดเห็นที่ 31 #28 ถ้าถามว่าผมกำลัง defend อะไรในกระทู้นี้ ผมขออธิบายนะครับว่า ผมกำลัง defend ให้กับภาพรวมของนักกฎหมายครับ เวลาที่นักกฎหมายได้พบว่าประชาชนไม่รู้กฎหมายพูดคำกฎหมายไม่ถูกต้องนั้น ก็สามารถทำได้หลายแบบครับ ยกตัวอย่างเช่น แบบที่หนึ่ง นักกฎหมายบอกว่าประชาชนว่าพูดคำนี้ผิด ทำให้เสียหาย จะต้องดำเนินการ หรือไม่อย่างนั้นก็ไล่บี้ให้ต้องขอโทษมากลางสาธารณะ แบบที่สอง นักกฎหมายพิจารณาสอบถามว่าประชาชนต้องการสื่อสารอะไรกันแน่ จากนั้น จะอธิบายให้ประชาชนได้ทราบว่า ใช้คำคลาดเคลื่อนอย่างไร จะให้ความรู้กับประชาชนว่าคำที่เหมาะสมถูกต้อง ควรจะเป็นคำไหน แต่จะไม่ไปไล่บี้หรอกว่าเขาทำอะไรผิด และจะต้องขอโทษอะไร ก็มีทางอื่นอีก แต่เอาแค่สองแบบนี้เป็นตัวอย่างก็พอนะครับ ประชาชนก็เลือกเอานะครับว่าอยากให้นักกฎหมายเป็นแบบไหน แต่ผมก็เรียนว่าในสังคมนี้ ก็มีอยู่ทั้งสองแบบครับ อนึ่งผมไม่อยากจะให้เพื่อนสมาชิกหรือท่านผู้อ่านมองภาพว่า นักกฎหมายจะต้องไล่บี้คนไม่รู้กฎหมายกันทุกคนนะครับ ขอเรียนว่า ตั้งแต่ผมเริ่มเรียนปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย ผมก็จดจำได้ว่าบิดาแห่งกฎหมายไทยท่านสั่งสอนไว้ว่า จงคิดที่จะรับใช้ประชาชน อย่าไปคิดเป็นนายกดขี่ข่มเหงประชาชน ผมก็ยึดแนวทางนี้มาตลอดนะครับ และก็มีนักกฎหมายจำนวนมากที่ยึดแนวทางนี้ครับ ในส่วนเรื่องการห้ามแตะหลวงพ่อนั้น ผมเรียนว่าในสภาพความเป็นจริงที่เห็นอยู่นี้ ก็แตะกันมาตั้งหลายปีแล้ว ปัจจุบันนี้ก็แตะกันหลายกระทู้หลายความเห็น เว็บอื่นก็มี หากผมคิดว่าแตะไม่ได้นะ ห้ามแตะนะ ก็เท่ากับว่าผมพยายามฝืนความจริงแล้วล่ะครับ ผมคิดแค่ว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมครับ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยล่ะครับ ส่วนที่ว่าผมแถอะไรต่าง ๆ นั้น ก็ในเมื่อผมสร้างเหตุด้วยการโพสต์ความเห็นลงมา ผมก็ยอมรับผลที่จะมีคนอื่นวิจารณ์ได้ครับ ก็วิจารณ์ได้ตามที่เห็นเหมาะสมครับ ไม่ว่ากันครับ จากคุณ : ngodngam เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:11:26

ความคิดเห็นที่ 32 ตามอ่านมา 2-3 วันแล้ว     เพิ่งคอมเม้นท์นนะค่ะ      ดูตัวเอง  เยอะๆ  ให้ เหมือนที่ดูคนอื่นนั่นหละดี  ค่ะ      กิเลสมันลากพา ไปไหนต่อไหน  จิตมันปรุงแต่งอกุศล ทั้งนั้น .. ใจคิด ใจปรุง ใจแต่ง ..หลงไปอยู่ในโลกของความคิด ล้วนๆ " อ่านมากรู้มาก ปฎิบัติน้อย "  กิเลสของจริงมาไม่รู้เรื่อง  มัวแต่ ไปชวนคนโน้นคนนี้ ทะเลาะเบาะแว้ง  เถียงกันด้านความคิด  อ่านมากรู้ มาก เถียงมาก  ไม่มีประโยชน์อะไรเลย  ดูซิ  แค่หา ความสงบในจิต ใจยังหาไม่ได้เลยนะ  ปลงๆ วางๆไปบ้าง ชีวิต มันก็แค่นี้เอง .. ตัวเรา เราทำหน้าที่ ต่อตัวเราเอง และส่วนรวมให้ดี   ส่วนโลก (ธรรม)  จะเป็นอย่างไร ก็ต้องปล่อยวางไปบ้าง  ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมเสมอ ! จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:34:56

ความคิดเห็นที่ 33 ใจร่มๆครับ ใช้สติ รักษา กาย วาจา ใจ สื่อสารกันด้วยถาษาที่สุภาพชนพึงใช้นะครับ ^__^ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:39:38

ความคิดเห็นที่ 35 ตัวเองก็ว่าเหมือนกับ คห30 เหมือนกันว่าเรื่องราวทางคดีความนั้นยังเป็นถึงสาระรองลงมาหากเทียบกับพฤติกรรมที่ปรากฏมาตลอดจนมาถึงทุกวันนี้ว่า พระปราโมทย์ไม่ได้ออกเดินบิณฑบาต พระปราโมทย์ผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของคู่ครองได้นำเงินทำบุญไปซื้อพันธบัตรในชื่อภรรยานี่ก็เทียบเท่ากับกรณีของการลักทรัพย์แล้ว จะมาโยกย้ายอ้างมั่วภายหลังถูกเปิดเผยผ่านสื่อสารมวลชนก็คงยากมากเพราะทางพระวินัยเองความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว แถมด้วยว่าพระปราโมทย์โกหกอีกอย่างต่อเนื่องทั้งว่าเรื่องจะหย่าก็ไม่ยอมหย่าจะตั้งเป็นวัดก็ยังไม่เสร็จจะสร้างเจดีย์วิหารอุโบสถก็ยังง้างไปง้างมาจนแล้วจนรอดก็ไม่พบว่าสำเร็จอะไรสักอย่าง แล้วก็ที่สำคัญอย่างยิ่งคือการปรามาสคุณธรรมของหลวงปู่ดูลย์อันเป็นบาปอย่างใหญ่หลวงสุดคณานับเพราะหลวงปู่ดูลย์ถือเป็นครูใหญ่ของพระปราโมทย์ที่ตัวพระปราโมทย์อ้างเองมาตลอดชีวิตนี้ จากคุณ : kampaisan เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:54:32

ความคิดเห็นที่ 36 ผมส่งความหลังไมค์ถึงคุณงดงามครับ  : ) จากคุณ : ไข่เจียวว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 13:56:30

ความคิดเห็นที่ 38 วิธีสอน ใครมาทางไหน เขาก็สอนทางนั้นล่ะครับ ผมไม่เห็นคุณจิต วิจารณ์ หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อจรัญ หลวงปู่มั่นเลยนะครับ ทั้งสามท่านสอนแตกต่างกันมาก "ไม่ทราบว่า คุณจิต เห็นว่าใครถูกเหรอครับ" ผมสงสัย ทั้งสามท่านมีลูกศิษย์มากกว่าหลวงพ่อปราโมทย์หลายเท่า ทั้งสามท่านก็สอนแตกต่างกันมาก ไม่เคยเห็นความเห็นคุณจิต เลยครับ พูดอย่างไม่ได้ประชดนะครับ อยากเห็นวิจารณ์ท่านอื่นด้วยความรู้คุณจิตบ้าง จากคุณ : หด (Ant-san) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:53:51

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องไม่บิณฑบาต ข้อแก้ตัว ฟังไม่ขึ้นครับ เรียนเชิญมาแก้ตัวเรื่องบิณฑบาตกันต่อได้ที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12043745/Y12043745.html แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 17:13:26 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 17:12:52 จากคุณ : มิ้วน้อยน่ารัก เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:12:14

ความคิดเห็นที่ 40 หลงพ่อบิณฑบาตรไม่ไหว กลางคืนเล่นเน๊ต เช้าขี้เกียจตื่น อาหารในบาตรไม่ถูกปากเหมือนอาหารจัดสำรับ ถ้าเป็นกิจนิมนต์ ถวายปัจจัยมากๆ (ของโปรด) ถึงไกลแค่ไหนก็ไป หลงพ่อ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 23:28:11 จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 23:24:31

ความคิดเห็นที่ 41 คห.40 ใส่ร้ายโดยไม่รู้จริง หลวงพ่อท่านรับนิมนต์ไม่ได้เลือกว่ามีปัจจัยถวายมากหรือน้อย สถานที่เช่น วัด โรงพยาบาล หรือที่ๆมีกิจกรรมเพื่อสาธารณกุศล หลวงพ่อท่านมอบเงินปัจจัยทั้งหมดให้เจ้าของสถานที่ที่ๆไปเทศน์ ให้เปิดไฟล์เสียงได้เลยว่าทุกครั้งไปเทศน์นอกสถานที่ดังกล่าว ท่านไม่เคยนำเงินกลับวัดเลย บางสถานที่มีคนฟังน้อย/ระยะทางไกลต้องนั่งรถนานๆท่านก็ไม่ปฏิเสธที่จะไป โดยท่านมองถึงประโยชน์ของผู้ฟังเป็นหลัก และเรื่องที่กล่าวหาว่าเช้าๆท่านขี้เกียจตื่น คุณคงไม่ทราบว่า ที่สวนสันติธรรมหลวงพ่อท่านจะแสดงธรรมตอน 7.30 น. จากคุณ : มะเส็งไฟ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 00:46:40

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องเงินทองจากกิจนิมนต์นี่ไม่จริงหรอกครับ หลวงพ่อท่านเคยมาเทศน์ที่จังหวัดผม ที่รพ.แห่งนึง เทศน์จบท่านก็ให้เงินทั้งหมดไว้กับรพ.เลย ดังนั้นเรื่องเงินทองต่างๆในส่วนนี้ เรื่องเอาท่านไปเทียบกับวัดธรรมกาย.. ผมไม่รู้สึกว่าจะเป็นไปได้เลย แม้ผมจะงงๆในเรื่องบัญชีอยู่บ้างบางส่วน หรือความไม่เหมาะสมในเรื่องพันธบัตร แต่โดยส่วนตัวเท่าที่สัมผัสหลวงพ่อท่านจากการฟังซีดี ผมไม่รู้สึกครางแครงใจในเรื่องเงินๆทองๆเท่าไหร่ครับ คือท่านไม่น่ามีเจตนาบวชเพื่อหาเงินหาทองอะไรทำนองนั้นหรอกครับ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ เป็น"ความรู้สึก""ส่วนตัว"จริงๆครับ ..ถือโอกาสเข้ามาเสิรมคห.บนเท่านั้นแหละครับ พอดีจะปิดคอมแล้วมาอ่านเจอพอดี.. เจริญในธรรมครับทุกท่าน บุญรักษาธรรมะคุ้มครองครับ -/\- จากคุณ : ,,,ชีวิตที่เหลือของเรา,,, เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 02:15:12

ความคิดเห็นที่ 43 ดูกระทู้มันลื่นไหลมาตั้งแต่เมื่อวาน ว่าจะไม่เข้ามาเมนท์แล้ว ขออนุญาตไม่ให้ความเห็นทั้งหมดจากที่หลวงพ่อถูกกล่าวหา เพราะไม่ได้รู้เรื่องจริงๆ ถึงจะพอคาดเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ขอไม่ตอบ แต่ขออนุญาตบอกประสบการณ์ส่วนตัว เรื่องหนึ่ง คือได้ไปฟังหลวงพ่อเทศน์ครั้งหนึ่ง ที่กรุงเทพใกล้ๆอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วัดอะไรลืมไปแล้ว ช่วงนั้น มีปัญหาหนักมากอยู่ ผมไปนั่งอยู่ท้ายๆห้อง และคนก็เยอะ พอจะสังเกตุได้ว่า ระหว่างที่หลวงพ่อท่านเทศน์ ท่านก็จะมองเราอยู่เรื่อยๆ และพอท่านเทศน์จบปุ๊ป ทุกคนกำลังอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย ผมรีบอธิษฐานจิตด้วยกำลังที่มีดังๆในใจว่า ขอให้ท่านช่วย.... ด้วย ตอนที่ให้ทุกคนกล่าวคำขอพรพระ ผมก้มหน้าลงกล่าว พอเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าหลวงพ่อกำลังจ้องผมอยู่ จ้องแบบเขม็งตรงมาที่ผม แต่พอเห็นผม ท่านก็รีบหันไปทางอื่น เรื่องนี้มันทำให้ผมได้ทราบว่า ผู้ที่รู้วาระจิตคน มีจริง "และมันทำให้ผมมั่นใจว่า ถ้าหากท่านปฏิบัติไม่ถูก มีจิตใจเพื่อลาภยศเงินทอง ศีลวินัยบกพร่องอย่างร้ายแรง อย่างที่เค้ากล่าวหากัน"     "วิชชาเหล่านี้ คงไม่ได้อยู่กับตัวท่านแล้ว คงเสื่อมไปนานแล้ว" เพราะที่ผมไป ประมาณกลางปี 54 ซึ่งท่านโดนกล่าวหาเรียบร้อย มันบังเอิญตรงที่ เหตุการณ์ดันคล้ายกับตอนที่ไปกราบหลวงตามหาบัวท่านที่พุทธมณฑล แต่ตอนนั้น ไม่ได้มีทุกขเวทนา เท่านั้น มีแต่อยากจะไปกราบท่านด้วยความเคารพ ระยะที่ผมคิดนั้น อยู่ไกลจากหลวงตาท่านประมาณ 10 กิโล แต่พอเดินเข้ามา นั่งยังไม่ทันเข้าที่ ท่านก็พูดทันทีท่ามกลางคนเยอะๆ ประโยคที่เราคิดในใจ ซึ่งเรื่องนี้มันก็เกิดกับผมอีกตอนที่ไปกราบหลวงพ่อใหญ่ที่สุพรรณ แต่ขอไม่เล่า เพราะเดี๋ยวคอมเมนท์จะยาวไป ขออภัย ถ้าหากความเห็นของผมไม่ถูกใจใคร ขอความกรุณาอย่าได้นำไปเป็นอารมณ์และให้เรื่องมันเลยเถิดเลยครับ กราบพระสุปฎิปันโนทั้งสามท่านที่ผมกล่าวถึงครับ _/\_ จากคุณ : ปีศาจขาว เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 10:22:36

ความคิดเห็นที่ 44 คุณงดงามยังไม่หยุดกินก๋วยเตี๋ยวน้ำอีกเหรอครับ   ถ้าแห้งไม่ไหว ขลุกขลิกก็ยังดีครับ จากคุณ : หมั่นคอยดูแลและรัก เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 20:37:49

ความคิดเห็นที่ 45 หลวงพ่อไม่เคยสักครั้งพูดจาหมิ่นจาบจ้วงหลวงปู่ดูลย์  มีแต่ยกย่อง เคารพรัก และกตัญญูต่อหลวงปู่  ศิษย์หลวงพ่ออย่างดิฉัน  ไม่เคยมีวาสนาได้พบหรือรู้จักหลวงปู่  ก็เคารพรักและศรัทธาในหลวงปู่ ตามที่ได้ยิน ได้ฟังจากหลวงพ่อ เรื่องรู้วาระจิต  หลวงพ่อรู้แน่ๆ  ดิฉันและสามี พิสูจน์ด้วยตนเอง จนมั่นใจเช่นนั้น  ดิฉันเชื่ออย่างความเห็นของท่านปิศาจขาว ว่าความดีเช่นนั้น อยู่กับผู้ที่สมควรเท่านั้น คำสอนของหลวงพ่อ อาจไม่เหมือนกับครูบาอาจารย์ท่านอื่น แต่ทางขึ้นเขามีหลายทาง  ผู้ใดถนัดและมีวาสนาในทางใด ก็จะสามารถเจริญทางนั้นได้ดีกว่าทางอื่น   ดิฉันไม่เห็นว่าทำไมจะต้องนำท่านมาโจมตีเรื่องคำสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้   ศิษย์ของท่านหลายคน คงพิสูจน์คำสอนของท่านได้ดีค่ะ  จึงไม่หวั่นไหวกับเรื่องต่างๆ ที่ไม่เป็นสาระกับการภาวนาแต่อย่างใด จากคุณ : แม่น้องปัน เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 17:37:33

ความคิดเห็นที่ 46 พอจะเข้าใจท่านที่โจมตีเรื่องคำสอนอยู่บ้างครับ เพราะส่วนตัวปฎิบัติแบบนึง แต่ก็ไปอ่านคำสอนของสายอื่นเรื่องการปฎิบัติอยู่บ้าง  แม้วิธีจะไม่เหมือนกัน แต่อ่านแล้วจะอ่านอย่างราบรื่นดีตลอด แต่แนวหลวงพ่อ อ่านแล้วรู้สึกสะดุด สะดุดในใจ ตลอดเลย เลยพอเข้าใจท่านที่โจมตีเรื่องคำสอน จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 22:18:11

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องบิณทบาตร ไม่เห็นน่าจะเอามาเป็นประเด็นเลยครับ วัดที่ผมบวช ท่านก็ไม่ได้ออกบิณทบาตร ลูกศิษย์จะคอยจัดอาหารถวายท่าน ครูบาอาจารย์ท่านก็มีหน้าที่เยอะแยะมากมาย เทศนาสั่งสอนญาติโยม ต้อนรับพูดคุยกับโยม เราเห็นยังเหนื่อยแทน ภาระอะไรที่ไม่มีใครอยากทำล้วนตกอยู่กับท่านแทบทั้งหมด พวกเราลูกศิษย์ก็ไม่อยากให้ท่านต้องไปบิณทบาตรอีก เพราะภาระของท่านก็หนักหนากว่าเราเป็นสิบเท่าแล้ว พวกเราสิแสนสบาย ฉันเสร็จก็ไม่ต้องคอยพูดคอยคุยกะใคร ภาวนาอย่างสะดวกสะบาย ชีวิตมีอิสระ ไม่ต้องทำสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่ครูบาอาจารย์ต้องทำหน้าที่ตั้งหลายอย่างทั้งๆที่บางทีไม่ได้อยากทำ ตอนเราขอนิสัยเพื่อให้ท่านช่วยอบรมสั่งสอน มันจะมีคำพูดประโยคนึงที่ลูกศิษย์กล่าวกับอาจารย์ว่า "ภาระของท่านคือภาระของข้าพเจ้า ภาระของข้าพเจ้าคือภาระของท่าน" ความหมาย ภาระของท่านคือต้องเหนื่อยเพื่อฝึกอบรมสั่งสอนพวกเราให้ก้าวหน้าในทางธรรม เดินไปไม่ผิดทาง ภาระของเราคือ ดูแลท่านซึ่งเป็นครูบาอาจารย์เป็นการตอบแทนบุญคุณท่าน ให้สมกับที่ท่านได้เหนื่อยเพราะเรา บางคนเอาประเด็นไม่บิณทบาตรมาโจมตี เอาองค์โน้นองค์นี้มาเปรียบเทียบ อยากบอกว่า คนละวันเวลา คนละสถานที่ คนละยุค คนละเหตุและผล คนละความเห็น เอามาเปรียบเทียบเป็นกฎกติกาไม่ได้หรอกครับ อีกอย่างมันไม่ได้เป็นข้อบังคับทางวินัย จะมาหาเรื่องสร้างประเด็นเอาผิดกันไปทำไมครับ อยากเล่าให้ฟังสักนิดนึง สมัยผมบวชพระเคยไปฟังธรรมและขอให้หลวงพ่อปราโมทย์ท่านช่วยแนะนำด้านการปฏิบัติ ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมทำมาร่วม 10 พรรษา มันจะถูกหรือผิด ท่านบอกว่าทำยังไงลองทำให้ผมดูสิครับ ผมหลับตา แล้ววางจิตเหมือนที่เคยวาง แค่แปปเดียว จิตผมมีอาการไหว(วิบเดียว ไหวนี๊๊ดดดดดดเดียว นิดเดียวจริงๆ) ท่านทักให้เห็นสภาวะทันที มันไหวอีกวิบ ท่านทักอีก ไหวอีกทักอีก ทักจนผมอึ้ง บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดดดดดดด.. วันนั้นผมกลับวัดด้วยหัวใจที่พองโตยิ่งกว่าถูกรางวัลที่ 1   นี่แหละ อาจารย์ที่ผมค้นหามานาน ตอนนั้นแม้ผมจะพรรษาเยอะกว่าท่านร่วม 7 พรรษา อยากกราบท่านใจแทบขาด แต่ท่านกลับคุกเข่าลงกราบผมตอนลากลับ น้ำตาเราแทบจะไหลจริงๆ   แม้วันนี้ ผมจะไม่ได้เป็นพระแล้ว แต่ผมก็ยังไปฟังธรรมและส่งการบ้านอยู่เรื่อยๆ แล้วสภาวะจิตที่เกิดขึ้นในใจผมท่านไม่เคยชี้ผิดเลยซักครั้ง  ยอมทั้งใจเลยผม ผมไม่อยากมาโต้เถียงเพื่อเอาชนะใคร พวกท่านทำอะไรพวกท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่งานนี้ผมไม่ขอยุ่งด้วยนะครับ ใครทำอะไรก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน ผมเชื่อว่ากรรมมันยุติธรรมเสมอ คิดดี ทำดี ย่อมได้ดี คิดไม่ดี ทำไม่ดีโดนกรรมจัดหนักแน่ๆ เชิญรับกันไปเต็มๆแล้วกันนะครับ ผมไปแล้วครับ สวัสดี..... แก้คำที่พิมพ์ผิดนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 16:16:36 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 16:11:44 จากคุณ : ยิ้มน้อยๆในดวงใจ เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 16:05:36

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาตแย้ง คุณปีศาจขาว / คุณแม่น้องปัน ครับ ถึงมีฤทธิอภิญญา ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบนะครับ ตัวอย่างในสมัยพุทธกาลก็มีให้เห็น ... ส่วนเรื่องไม่บิณฑบาตรก็แน่นนอนว่าไม่ผิดวินัยสงฆ์ อย่างมากก็เป็นแค่โลกวัชชะ ภรรยามาบวชชีอยู่ในบริเวณเดียวกัน ก็แน่นอนว่าไม่ผิดวินัยสงฆ์ อย่างมากก็โลกวัชชะ ภรรยาถือบัญชีเงินบริจาค ก็แน่นอนอีกว่าไม่ผิดวินัยสงฆ์ อย่างมากก็โลกวัชชะ เอาเงินบริจาคไปซื้อพันธบัตร ก็ยิ่งแน่นอนเข้าไปอีกว่าไม่ผิดวินัยสงฆ์ อย่างมากก็โลกวัชชะ ... ทั้งๆที่ประเด็นต่างๆแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว... แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 17:08:38 จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 17:05:24

ความคิดเห็นที่ 49 ประเด็นต่างๆแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว... ิอวดอ้างตนเป็นอรหันต์ ทั้งที่รู้ตนเองไม่มีคุณธรรมในขั้นนั้น ผิดวินัยสงฆ์  ไม่ใช่โลกวัชชะ ปราชิก  แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 55 00:52:55 จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 00:49:44

ความคิดเห็นที่ 50 อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ. ขุ.ธ.๒๕/๓๖ ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น ปลาบู่  ก็รู้ว่า ปลาบู่ จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 00:51:38