>>> ผมเจอท่านครั้งสุดท้ายตอนผมอยู่ ม.1 แล้วเจอกันตอนเรียนแค่คาบเดียว ผมไม่คิดหรอกครับว่าท่านจะจำผมได้ และผมเคยได้ยินกิตติศัพท์มาว่า ลูกศิษย์(สาวก)ของท่านชอบกีดกันไม่ให้คนอื่นเข้าไปคุย ผมกลัวว่าผมจะโดนเช่นนั้น เลยมาถามในนี้ก่อน
- ตกลงคุณบวชสามเณรเรียน หรือเรียนสามัญปกติที่เจอท่านในชั้นเรียน
- คุณเคยได้ยินกิตติศัพท์ซึ่งไม่รู้ว่าจริงเท็จก็เลย เดาเอาว่าจะเจอ อย่างนั้นหรือครับ แบบนี้ประโยคนี้คุณควรนำกลับไปใช้เองแล้วละครับ " อย่าเอาความเข้าใจของคุณมาตัดสินคนอื่นครับ "
>>>ตอนนี้ผมอยู่ปี 4 ผมเจอท่านตอน ม.1 หักกลบลบกัน ก็ 10 ปี ตอนนี้ท่าน ว. มีพรรษา 7 พรรษา ก็พอจะเป็นอาจารย์สอนหลักธรรมได้แล้วล่ะครับ แล้วท่าน ว. บวชตั้งแต่เป็นสามเณร พรรษาท่านต้องมากกว่า 17 พรรษา อยู่แล้วล่ะครับ
- แสดงว่าคุณไม่ใช่ศิษยานุศิษย์หรือผู้รู้จักท่านแล้วละครับ ท่านพระมหาวุฒิชัย เรียนบาลีที่วัดพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จนสำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๖ ประโยค เมื่ออายุ ๒๒ ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบ้านเกิดคือวัดครึ่งใต้ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ตอนบวชเณร ท่านจบ ป.6 ราวอายุ 15 ปี แล้วท่านมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุตอนอายุ ๒๒ ปี ในขณะที่สอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค ซึ่งท่านเรียนที่เชียงรายมาโดยตลอด เมื่ออุปสมบทแล้วท่านจึงมาเรียนบาลีต่อที่วัดสามพระยา และย้ายมาสังกัดวัดเบญจมบพิตร เมื่อปี 2537 จนปี 2543 ท่านจึงสอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ ๖ ปีนะครับที่ท่านเรียนบาลี ที่ กทม.ตอนสอบ ป.ธ.๙ นั่นได้ท่านอายุ ๒๗ ปี พรรษา ๖ แล้วครับ แล้วท่านก็ยังอุส่าไปลงเรียน พุทธศาสตร์มหาบัณฑิต (พธ.ม.) จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอีก จนจบในปี 2546 ตอนนั้นท่าน อายุ 30 แล้ว ท่านเริ่มมีการรับงานสอนงานบรรยายในช่วงปลายปี 46 เป็นต้นมา และยังไม่มีงานสอนศีลธรรมให้กับโรงเรียนใดๆ
ถ้าคุณบอกว่า ตอนที่คุณเจอท่าน พระมหาวุฒิชัย ตอนท่านอายุพรรษา 7 พรรษา ไม่ทราบคุณไปเจอท่านสอนที่ใดครับเพราะท่านยังเรียน ป.โท ที่มหาจุฬาอยู่เลย ในพรรษาที่ 7-9 แล้วขอย้ำอีกครั้งนะครับ แม้ตอนท่านเป็นสามเณร ท่านก็เรียนอยู่ที่จังหวัดเชียงรายมาโดยตลอดไม่ได้เข้ามาอยู่ในเมืองกรุง แล้วอย่าบอกนะครับว่า คุณอยู่เชียงรายอีก
>>> ผมไม่เคยมีประโยชน์อะไรกับท่าน ว. ทั้งนั้น และไม่ได้สนิทขนาดจะต้องเอาผลประโยชน์อะไรจากท่าน อย่าเอาความเข้าใจของคุณมาตัดสินคนอื่นครับ ประเด็นพวกนี้ผมเฉยๆ ไม่ได้อยากรู้ แต่ที่อยากรู้คือ
>>>
แต่ท่านก็มีรายได้จากการออกทีวี เขียนหนังสือ รับปาฐกถาธรรมตามที่ต่างๆ แบบนี้ยังจะถือว่าท่านสมถะ สันโดษ ปฏิบัติสมควรกับกิจของสงฆ์เหรอครับ อยากรู้ เพราะผมมั่นใจว่า รายได้จากการออกทีวี เขียนหนังสือ รับปาฐกถาธรรมมันเยอะกว่าเบี้ยหวัดพระราชาคณะแน่นอน และ >>> แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้ารายได้จาก social network ผู้ใดจะเก็บไว้ จะถวายท่าน ว. ก็ขัดกับศีลข้อ 8 "ชาตรูป รชต ปฏิคฺคหณา เวรมณี สิกขาปทํ สมาทิยามิ" ที่ห้ามพระจับเงินทอง ถ้าจะเก็บไว้เอง ใครล่ะจะเป็นคนถือ เพราะเงินทองไม่เข้าใครออกใคร อย่างพระปราโมทย์ ปราโมชโช นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงเลี่ยงไม่ตอบผม !!!
ผมถามหน่อยนะครับก่อนจะตอบให้ ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรก ทำไมไม่ยิงคำถามนี้มาตั้งแต่แรกตั้งกระทู้ครับ ทำไมไม่ต้องถาม แต่ต้องเอาภาพท่านฉันกาแฟมาจั่วหัวแล้วถามถึงความเหมาะสม ว่าใช่กิจหรือไม่ ทำไมไม่ถามปัญหาที่คุณสงสัยตั้งแต่แรกครับ นี่คือเจตนาอะไรไม่ทราบ
ต่อมาขอตอบคำถามที่ว่า
แต่ท่านก็มีรายได้จากการออกทีวี เขียนหนังสือ รับปาฐกถาธรรมตามที่ต่างๆ แบบนี้ยังจะถือว่าท่านสมถะ สันโดษ ปฏิบัติสมควรกับกิจของสงฆ์เหรอครับ อยากรู้ เพราะผมมั่นใจว่า รายได้จากการออกทีวี เขียนหนังสือ รับปาฐกถาธรรมมันเยอะกว่าเบี้ยหวัดพระราชาคณะแน่นอน และ >>> แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้ารายได้จาก social network ผู้ใดจะเก็บไว้ จะถวายท่าน ว. ก็ขัดกับศีลข้อ 8 "ชาตรูป รชต ปฏิคฺคหณา เวรมณี สิกขาปทํ สมาทิยามิ" ที่ห้ามพระจับเงินทอง ถ้าจะเก็บไว้เอง ใครล่ะจะเป็นคนถือ เพราะเงินทองไม่เข้าใครออกใคร อย่างพระปราโมทย์ ปราโมชโช นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอยู่แล้ว
- กิจของสงฆ์คืออะไรคุณต้องตีความให้แตกก่อน การบรรยาย,การสอนพิเศษ, การปาฐกถาธรรมต่างๆ ถ้าไม่มีคนจัดจะทำเองได้ไหมครับ ถ้าไม่มีคนนิมนต์ท่านจะไปทำไมครับ ในเมื่อมีการนิมนต์ท่านก็ต้องรับนิมนต์ การสอน การบรรยาย หรือการปาฐกฯ นั้น คุณเคยเห็น ท่าน ว.วชิรเมธี ไปสอน ไปบรรยาย ไปปาฐกนอกเรื่อง นอกประเด็นหรือไม่ครับ อะไรคือคำนิยามสำหรับคำว่า สมถะ และสันโดษสำหรับคุณครับ
แน่นอนครับรายได้จากการถวายไม่ว่าจะเป็น การออกทีวี เขียนหนังสือ หรืออะไรก็ตามแต่ ทำไมคุณคิดว่าจะไม่มีคนดุแลเรื่องการเงินให้กับท่านครับ คิดว่าท่านจะรับไว้ดำเนินการเงียบๆคนเดียวหรือครับ คุณเคยได้ยินโครงการ " พระพูดได้ " หรือ โรงเรียนเตรียมสามเณร ( ในพระบรมราชูปภัมภ์ ) หรือปล่าว ไหนจะยังสถาบันวิมุติยาลัยอีก ท่านเอาเงินมาจากไหนครับ ท่านมีรายได้ทางอื่นหรือครับ ไหมครับ ก็ไม่ใช่รายได้เหล่านี้หรอกหรือครับที่ทำให้มีสถาบันเหล่านี้ โครงการเหล่านี้ขึ้น ดังนั้นประโยคนี้ผมว่า เหมาะกับคุณแล้วครับ
" อย่าเอาความเข้าใจของคุณมาตัดสินคนอื่นครับ "