 |
ที่ท่านเจ้าของกระทู้โพส เป็นสิ่งที่พระเนมิราชสงสัย จนถึงกับทำให้พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้างและร้อนขึ้นมา
พระอินทร์จึงมาปรากฏต่อหน้าพระเนมิราช และอธิบายให้ฟังว่า ผลานิสงส์แห่งพรหมจรรย์มีผลมากกว่าทาน
โดยยกตัวอย่างถึงบุพกรรมของตัวเองที่ทำให้ได้มาเกิดเป็นพระอินทร์ว่าสมัยที่ยังเป็นมนุษย์และครองราชย์อยู่ได้เคยถวายทานแด่ฤาษีที่ได้ฌานและอภิญญาสมาบัติทั้ง 10,000 จึงได้มาเป็นพระอินทร์ แต่ปรากฏว่าฤาษีทั้ง 10,000 ที่พระองค์ถวายภัตตาหาร กลับได้ไปเกิดบนพรหมโลก ซึ่งเป็นภพที่สูงกว่าดาวดึงส์ เพราะการประพฤติพรหมจรรย์มีอานิสงส์ที่สูงกว่าการให้ทาน
และพระอินทร์ก็สรุปว่าแม้การประพฤติพรหมจรรย์จะมีผลมากกว่าทาน ก็ควรประพฤติทั้งทานและพรหมจรรย์ทั้งคู่ เพราะเป็นกุศลธรรมเหมือนๆกัน
อีกประการหนึ่ง แม้ผลแห่งการให้ทานถึงจะทำให้มั่งมีไม่ว่าจะเป็นมนุษยสมบัติหรือทิพยสมบัติ แต่ก็ยังต้องพึ่งพาผู้อื่นจึงจะมีความสุข ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ แม้มั่งมีก็เหมือนเป็นคนเข็ญใจ เพราะยังต้องแสวงหาความสุขจากผู้อื่น ผิดจากผลแห่งพรหมจรรย์ที่สามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่น
เมื่อได้ถวายวิสัชนาให้พระเนมิราชโพธิสัตว์ได้ฟังแล้วพระอินทร์ก็ได้กลับไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อเหล่าเทวดา นางฟ้า ได้พบพระอินทร์จึงได้สอบถามว่าพระองค์ไปไหนมา เมื่อได้ฟังว่าไปพบพระเนมิราชมา เหล่าเทวดาและนางฟ้าจึงได้ขอร้องให้พระอินทร์เชิญพระเนมิราชมายังดาวดึงส์เพราะอยากเจอบ้างเช่นกัน
จึงเป็นที่มาของเนมิราชชาดก
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 55 20:33:15
จากคุณ |
:
คืนวันอันแสนดี
|
เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ค. 55 19:02:14
|
|
|
|
 |