ความคิดเห็นที่ 1 อนุโมทนา ครับ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:07:58

ความคิดเห็นที่ 2 การบริจาคโลหิต เป็นทานอุปบารมีสูงสุดที่มนุษย์สามัญทั่วๆไปพึงทำได้ เพราะเป็นการให้ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตตนเพื่อนำไปช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่น ผู้ให้ย่อมเกิดความปีติ ความสุขทางใจ จากผลบุญของการให้ไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน ผลในชาตินี้ ทางการแพทย์ยืนยันว่าใครที่บริจาคโลหิตไป ร่างกายก็จะผลิตเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ ที่บริสุทธิ์เพื่อทดแทนโลหิตที่บริจาคไป ส่วนอานิสงส์ที่จะได้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป คือจะไปเกิดกีภพกี่ชาติก็ตาม จะมีร่างกายแข็งแรงและมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม ....................................................... ไม่ได้ถ่ายรูปของตัวเองไว้ เอารูปคนหน้าเหมือนไปดูก็แล้วกันครับ... แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 55 20:36:11 จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:09:44

ความคิดเห็นที่ 3 ผมบริจากเกิน 20 ครั้งแล้วครับ เวลานี้ขอห่างๆการบริจากไปก่อนตรับ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:12:03

ความคิดเห็นที่ 4 อนุโมทนาสาธุการกับทุกท่านด้วยครับ จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:19:07

ความคิดเห็นที่ 5 เอ่อ คุณนัยนะครับ  บริจาคโลหิตเป็นทานอุปบารมีครับ ^^" ถ้าขั้นปรมัตถบารมีนั่นคือสละชีวิตเป็นทาน จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:25:00

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ คุณ chohokun ที่ช่วยแก้ไขข้อมูลให้ครับ... จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:38:32

ความคิดเห็นที่ 7 ขออนุโมทนาครับ แซงหน้าผมไปหนึ่งครั้ง จากคุณ : pepramote เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 20:46:14

ความคิดเห็นที่ 8 โมทนาสาธุครับ นอกจากบริจาคเลือดแล้ว ไม่ทราบว่ามีเพื่อนสมาชิกที่ต้องการสร้างบารมีทางนี้ ได้บริจาคร่างกายเป็นวิทยาทานให้นศ.แพทย์กันแล้วหรือยังครับ เป็นทานอุปบารมีขั้นสูงสุดเชียวนะ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 23:24:32

ความคิดเห็นที่ 9 บริจากร่างกาย บริจากดวงตา พอถึงเวลาก็ไม่มีใครคิดถึงหรือไม่ ญาติก็ไม่ยินยอม หรือญาติไม่รู้เรืองการบริจาก ก็มีมากครับ จากคุณ : ซุนจื๊อ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 00:27:25

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่งบริจาคครั้งที่ 11 เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ตั้งใจจะบริจาคทุก 3 เดือนเป็นประจำแน่นอนครับ จากคุณ : das Kino เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 01:53:00

ความคิดเห็นที่ 11 อนุโมทนาครับ ผมเลือดจางบริจาคไม่ได้ แต่ดีใจมีคนที่บริจาคอย่างต่อเนื่องแบบพวกคุณที่คอยช่วยสังคมครับ จากคุณ : กิมฮง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 02:21:16

ความคิดเห็นที่ 12 สาธุครับ  คุณนัยยะ และ ผู้บริจาคเลือดทุกท่าน ----------------------------------------- พระอภิธัมมัตถสังคหะ http://abhidhamonline.org/aphi/p9/124.htm บารมีจัดได้เป็น ๓ ชั้น บารมีที่กล่าวมาแล้วนี้ ยังจัดได้เป็น ๓ ชั้น คือ ก. บารมี ๑๐ ทัส หรือ บารมี ข. บารมี ๒๐ ทัส หรือ อุปบารมี ค. บารมี ๓๐ ทัส หรือ ปรมัตถบารมี บารมี ๓ ชั้นนี้มี วัตถุ ทำให้แตกต่างกัน กล่าวคือ จำแนกเป็น วัตถุภายนอก (พหิทฺธ) และ วัตถุภายใน (อชฺฌตฺติก) การสร้างสมบารมีด้วยการให้วัตถุภายนอกล้วน ๆ เช่น การให้ธนสารสมบัติ บุตรภริยา เหล่านี้ได้ชื่อว่า สร้างบารมี ท่านอรรถกถาจารย์ได้ให้อรรถาธิบายเกี่ยวแก่ความแตกต่างกันนี้ โดยยกเอาทานบารมีเป็นที่ตั้งเป็นตัวอย่างแต่อย่างเดียว ส่วนบารมีอย่างอื่นที่เหลือนอกนั้น ให้พึงเข้าใจโดยอนุโลมตามแนวทางของทานบารมี ปุตฺตทาร ธนาทิ อุปกรณ ปริจฺจาโค ปน ทานบารมี ฯ เจตนาที่สามารถสละให้ซึ่ง บุตร ภริยา ธนสารสมบัติ เป็นต้นนั้น เรียกว่า ทานบารมี องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี ฯ เจตนาที่สามารถ สละ อุทิศ ซึ่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้น เรียกว่า ทานอุปบารมี อตฺตโน ชีวิต ปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี ฯ เจตนาที่สามารถ สละ อุทิศ ซึ่งชีวิตของตนนั้น เรียกว่า ทานปรมัตถบารมี ผู้บำเพ็ญบารมีเพียงแค่ชั้น บารมี เรียกว่า บำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัส การบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัสนี้ ย่อมสาธารณะแก่บุคคลทั่วไปที่ปรารถนา โพธิญาณ ซึ่งได้แก่ อัคคสาวก มหาสาวก และปกติสาวก ผู้บำเพ็ญบารมีถึงชั้น อุปบารมี เรียกว่า บำเพ็ญบารมี ๒๐ ทัส เพราะผู้บำเพ็ญบารมีมาถึงชั้นนี้แล้ว ย่อมต้องมีการบำเพ็ญ บารมี ๑๐ ทัส มาแล้วอย่างมากมาย จึงสามารถบริจาคส่วนของร่างกายได้ การบำเพ็ญ อุปบารมี หรือ บารมี ๒๐ ทัสนี้ ย่อมสาธารณะแก่บุคคลที่ปรารถนา ปัจเจกโพธิญาณ ผู้บำเพ็ญบารมี จนถึงชั้น ปรมัตถบารมี เรียกว่า บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัส อันเป็นการบำเพ็ญบารมีที่สุดยอดแล้ว การบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัสนี้ ย่อมสมบูรณ์เฉพาะแต่ผู้ที่ปรารถนา สัมมาสัมโพธิญาณ เท่านั้น จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 05:54:35

ความคิดเห็นที่ 13 เรียน  คุณนัยยะ   สถิติผมเท่าคุณเลย  แต่พักหลังตรวจเจอ ความดันสูง (เพราะไปบริจาคเลือด)  เลยกินยาลดความดัน และ ออกกำลังกาย  ตอนนี้บริจาคได้ตามปกติ อายุครบ 60 ปี คงถึง 100 ครั้งแน่ ------------------------------------------ และทุกครั้งที่บริจาค เสร็จ ก็จะกราบพระ อธิษฐานขอผลบุญนี้สำเร็จแก่ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และโอปปาติกะทั้งหลาย และขอให้มีกำลังกาย กำลังปัญญา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่ เจ็บตาย ให้ผ่อนคลายจากความทุกข์ ได้เช่นนี้ทุกชาติไป สำหรับอานิสงส์ ของบารมี  มีมากมาย ร่วมทั้งการมีหน้าตี สุขภาพแข็งแรง แบบนี้ ก็ธรรมดา ฮิ ฮิ จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 06:04:16

ความคิดเห็นที่ 14 อนุโมทนา สาธุ ผมเพิ่งได้ไม่ถึง 20 ครั้งเลยครับ แต่ตั้งใจใว้ว่าจะบริจาคทุก 3เดือนครับ จากคุณ : หัวไพล เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 08:47:47

ความคิดเห็นที่ 15 เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทยเคยบอกว่า การสร้างกุศลโดยการบริจาคเลือดทำกันไม่ได้ทุกคน  บางคนอยากบริจาคแต่ทำไม่ได้เพราะเป็นโรคเลือด จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:04:04

ความคิดเห็นที่ 16 อนุโมทนาสาธุ จากคุณ : l_yan1 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:39:20

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุโมทนา สาธุครับ จากคุณ : ฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 11:15:07

ความคิดเห็นที่ 18 อนุโมทนาค่ะ แต่เรากลัวเข็ม จากคุณ : คนไม่สวยแต่จน เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 15:24:57

ความคิดเห็นที่ 19 อนุโมทนา สาธุ  กับทุกท่านคับ   ผมเองก็บริจาคร่างกาย  ดวงตา ไปแล้ว ส่วน โลหิต สิ้นปีน้ีครบ 100 พอดี   ทุกครั้งที่บริจาคจะขอบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์  ตลอดทุกคร้ังครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 55 21:13:51 จากคุณ : น่ะ (กลุ่มพุทธบุตร) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 21:11:26

ความคิดเห็นที่ 20 ผมยังไม่มีครั้งแรกเลยครับ ให้แต่ธรรมทาน ซะเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 22:31:36

ความคิดเห็นที่ 21 อนุโมทนาบุญครับ ผมก็กำลังจะไปบริจาคเหมือนกันครับ กำลังจะครบ 3 เดือนช่วงกลาง พ.ค.นี้ครับ จากคุณ : จอมดาบโซโล เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 15:30:49

ความคิดเห็นที่ 22 อนุโมทนาบุญครับ พร้อมมาแจกกิฟ ผมเองบริจาคครั้งที่่ 53 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาครับ ก็บริจาคต่อเนื่องมาตลอดปีละ 3-4 ครั้งเช่นกัน จากคุณ : IX_XI เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:44:38

ความคิดเห็นที่ 23 อนุโมทนากับทุกท่านที่บริจาค ตัวเองไม่กลัวเข็มและอยากบริจาคมาก แต่เป็นคนเลือดน้อย เคยบริจาค 4-5 ครั้งและทุกครั้งจะเป็นลมจากการเสียเลือด จนจนท.บอกว่าอย่าบริจาคอีกเลยเพราะร่างกายรับไม่ไหว T_T จากคุณ : Tiger and Bunny Gang เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 14:44:06