ความคิดเห็นที่ 1 คนท้า บอกว่า การท้า ในพันทิป  ถือว่าเป็นการท้าในโลกกว้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกสื่ออื่น ให้เสียเงิน ----------------- อยากถามคนท้า ว่า ในพันทิป มีหลากหลายอาชีพ มีทั้งคนเชื่อ และ คนไม่เชื่อ  (ถือว่าเป็นส่วนรวม) คุณ ท้าทาย เขา ในนี้ มันถูกต้องแล้วหรอ เว็บ ก็ ไม่ใช่ เว็บของคุณ  นี่มันเว็บ ของทุกๆคน ทุกศาสนา  ทุกความเชื่อ คุณจะท้า ใคร ที่ ไหน คุณก็ควรใช้ พื้นที่ส่วนตัว หรือ เช่า ซื้อ พื้นที่สาธารณะ ของคุณเองมากกว่า   เพราะว่าที่นี่  ไม่ใช่ สนามเด็กเล่น ในบ้านของคุณ ที่คุณ คิดอยากจะสะใจเรื่องอะไร  ก็เขียนท้าทาย ลงมา จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 14:44:05

ความคิดเห็นที่ 2 อีกอย่างที่เขาชอบทำ คือ เชียร์ และ ออกหน้าแทน พรรคพวกที่ยกย่องชมเชยเขาว่าดี ว่าเก่ง โดยเอาสถาบันสงฆ์ที่เราเคารพ มาใช้เป็นเครื่องมือ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12038419/Y12038419.html จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 15:00:45

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องความเชื่่อ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยังไง ช่วยนำเสนอ ที่ไม่กระทบในมุมกว้าง แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 15:19:13 จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 15:14:14

ความคิดเห็นที่ 4 เหตุมันเริ่มต้นจาก http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12047302/Y12047302.html คคห.ที่8  ความคิดเห็นที่ 8    เหลวไหล ทั้งเพ ผมอยากท้าพิสูจน์  ทีวีช่องไหนก็ได้ ช่วยจัดที  ปล. ที่จริง การพิสูจ ไม่ต้องให้ออกทีวีก็ได้  แต่เท่าที่รู้ หมดดูรายนี้ มีลูกศิษย์โง่ ๆ หลายราย ที่เป็นทั้งนายทหาร ทั้งนายตำรวจ เกรงว่า จะมีการใช้อิทธิพล มาขัดขวางให้เป็นที่น่ารำคาญน่ะ  แต่หากมีทีวีทำรายการ  คนดูจำนวนล้าน ๆ ก็เท่ากับมีข้อต่อรองที่เหนือกว่า อิทธิพลอื่น ๆ  ก็จะสะดวกหน่อย  ก็แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 14:00:12 จากคุณ : รถเรณู    เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 13:56:26  ถูกใจ : promp888 เกิดคำถาม ขึ้นมาทันที - ทำไมถึง ต้องเอาความเชื่อส่วนตัวของคนอื่น มาก่อให้เกิดประเด็น ทั้งๆที่ควรจะรู้ดีว่า  คนเราทุกคนมีความเชื่อที่แตกต่าง ไม่มีใครที่คิดเหมือนกัน ตัวเองไม่เชื่อ มันก็ควรจะจบ ที่บอกว่าไม่เชื่อ - ทำไม ถึงไปว่า คนที่มีความเชื่อที่แตกต่างกับตน ว่า "ลูกศิษย์โง่ๆ" มันเป็นการแสดงออกในเชิงดุถุก แต่ดูถูกอะไร คน หรือ ความเชื่อ หรือทั้ง 2 อย่าง ไม่มีเหตุผล จำเป็นต้องใช้คำเชิงดูถูก ใช้ทำไม มันแสดงออกถึงอะไร มันไม่สมเหตุสมผล ว่าทำไม ต้องท้าทาย ทำไมต้องดูถูก  เจตนาที่แท้จริงคืออะไร จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:06:07

ความคิดเห็นที่ 5 บักนี่ก็มึนซะ เค้าท้าหมอดูตาทิพย์ครับไม่ได้ท้าพวกท่านห้อยท่านโหร ห้องหว้ากออาจจะไม่ได้ เพราะเปรียบเสมือนเด็กเนิร์ดมาดูถูกความเชื่อจึงดูเป็นการเหยียดสีผิวไปโดยปริยาย แต่ผมว่าห้องศาสนาทำได้ครับ เพราะเป็นเรื่องของการให้สติแก่ผู้เป็นเหยื่อพวกต้มตุ๋นสังคม จากชาวศาสนาด้วยกันเอง(การใช้เหตุผล ในความเชื่อ) แน่นอนที่สุดครับว่าไอ้พวกหมอดูตาถั่ว พวกนี้มันต้มตุ๋นทั้งเพ หากินกับความอ่อนแอของจิตใจผู้คน โหรยังเป็นการหากินโดยสุจริตได้ เพราะใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาหาเลี้ยงชีพเวลาดูดวงก็จะพูดได้ว่า "ตามตำราบอกไว้ว่า" แต่ไอ้พวกพมอดูตาถั่วนี้มันอุปโลกตัวเองขึ้นมา ว่าเป็นผู้วิเศษ และหารับประทานอย่างฉ้อฉล ซึ่งแน่นอนครับว่าถ้าอยากลบคำสบประมาทนี้ว่าไม่เป็นเรื่องจริงก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการรับคำท้่า ที่คุณเรียกว่า การดูถูกคนด้วยเงินนี้นั่นเอง (กล้ากันซะที่ไหนทำหูลู่กันเป็นแถว) ปล สำหรับคนพวกนี้ มันทุกตัว สมควรที่จะได้รับการดูถูกจากสังคมอย่างถูกต้องที่สุดอยู่แล้วครับ อย่าไปซีเรียสแทนพวกมันเลย :D จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:18:58

ความคิดเห็นที่ 6 ใจเย็นๆนะครับ นี่ห้องศาสนานะ ผมว่าทางออกที่ดีที่สุดแค่ "พวกคุณปล่อย" พวกเค้าไปเหอะครับ บุญเค้าไม่ถึง การด่าว่าปรามาสคนอื่น มันเป็นสิ่งไม่ดีในตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเงียบไป เรื่องไส้เดือนเห่า ท้าต่อยงู คงเงียบ แล้วจบไปเองครับ แสดงว่ายังไม่ถึงวาระที่พวกเค้าเหล่านั้น จะได้รับรู้อะไรที่มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่ สิ่งไม่ดีส่งออกมาทางไหน ช่องทางที่ถูกส่งออกมาก็โดนไปแล้ว ถ้าปลายทางมีแสงสว่างปกคลุมอยู่ ยังไงความมืดก็ไม่ระแคะระคายผิวหรอกนะ เงียบไว้ ไม่ต้องเถียง เดี๋ยวก็จบ เรื่องที่เกิดไม่ว่าจะจบแบบไหน ใครจะได้อะไร จะเสียอะไร จะพลาด(ความรู้)อะไร ก็แล้วแต่กรรมดีกรรมชั่วส่วนตัว แล้วแต่จะพิจารณานะครับ จากคุณ : via iPad (ไม่ใส่พริก) เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:27:59

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากนั้น คคห. ที่ 22.  ความคิดเห็นที่ 22    โอเค ผมยินดีวางเงิน หนึ่งแสนบาท หน่วยงานไหนก็ได้ ติดต่อมาเลยครับ หลังไมค์มาก็ได้ จะนัดพบที่ไหนอย่างไร...ว่ามา หากลูกศิษย์ลูกหาของนางอีที  อ่านอยู่ ก็ช่วยประสานงานด้วย...โอเคไหม? ข้อเสนอของผมคือ ๑. พบกันครึ่งทาง เช่นโรงแรม หรือสถานที่ห้องประชุมหน่วยงานไหน ๆ ก็ได้ แต่ผมไม่สนใจที่จะไปหา ที่สำนัก เพราะผมไม่เคยให้ความสนใจเคารพนับถือพวกหมอดูประเภทแบบนี้....  หากสนใจ ก็มาหาผมเอง  หากไม่มาหาผม ก็เจอกันครึ่งทาง...ก็ได้ ๒. การทำนายทายทัก ก็ไม่ยากอะไร ก็ทำตามที่ผมเสนอง่าย ๆ นั่นแหล่ะ คือการทายเลข  หรือตัวอักษร ที่ผมเขียน  ก็แค่นั้น  หรือจะทายเลขในธนบัตร อย่างที่คุ้นเคย ที่ชอบทายก็ได้เช่นกัน  ขออย่างเดียว ให้แม่น ๆ ถูกทุกตัว ปล. ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่มีตัวตน....หากประสานงานมา ผมก็พร้อมปรากฎตัวเช่นกัน  และแน่นอน  หากทำไม่ได้ ผมก็ไม่เอาอะไรจากนางหมออีทีแม้สตางค์แดงเดียว...ตรงกันข้าม หากหมออีทีทำได้  เอาเงินแสนผมไป....แฟร์ไหม? อ้อ...เห็นว่าค่าตัวเขาสามหมื่นบาทต่อครั้งหรือ....งั้นก็เอาค่าตัวไปอีกสามหมื่น  รวมเป็น หนึ่งแสนสามหมื่น ก็แล้วกัน ....โอเคไหม  หากโอเค ก็รีบติดต่อมาโดยด่วน   ทั้งนี้ จะจ่ายทั้งค่าตัว ทั้งเงินรางวัล พร้อม ๆ กัน ต่อเมื่อทำงานได้สำเร็จ ตามที่ผมกำหนดเสนอไป  คือทายได้แม่น ๆ หากทายไม่แม่น ไม่ถูก หรือถูกเพียงบางส่วน ก็ถือว่า "ใช้ไม่ได้"  ผมก็ไม่เรียกร้องเงินทองอะไร จากหมอดูเลย  แต่ต้องออกข่าว ให้ประชาชนรู้กันโดยทั่วไป...จะได้เลิกงมงายกันเสียที และ ค่านำเสนอข่าว  หมอดูอีที จะต้องเป็นผู้ออกตังค์ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 01:31:55 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 55 01:25:07 จากคุณ : รถเรณู    เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 01:21:33  ถูกใจ : โอยสะลา, Persimon, niwatpuniw, ornonon, ม้านอกสายตา, เมื่อวานร้อยละห้าสลึง, ศาลาลอยน้ำ, jinandjoy, ไบร์ทปั่นชล, โรแบโต้ง เริ่มมีการวางเงินเดิมพัน อันนี้พอเข้าใจเพราะมันมีแรงกระตุ้น ที่ทำให้เข้าใจได้ แต่พออ่าน กฏเกณฑ์ แล้ว เพลีย อ้างอิงกันทีละข้อ 1. ฟังดูเหมือนจะแฟร์ พบกันครึ่งทาง แต่ในความเป็นจริง ณ.เวลานั้น - การประกาศ ว่าพบกันครึ่งทาง มันควรจะเป็น การแสดงออก ที่ผู้ท้า และผู้ถูกท้า รับทราบดีแล้ว ในกรณีนี้ พูดคนเดียว ท้าอยู่คนเดียว มันไม่แฟร์ เพราะผู้ถูกท้า ไม่ได้รับรู้ การท้าทาย ใครตกลงกับใคร ว่าครึ่งทางคือตรงไหน นอกจากพูดเอง เออเอง นอกจากนั้น ยังประกาศ ตัวจะไม่ไปหา เหตุผล คือไม่เชื่อ โดยธรรมชาติของการท้าทาย -ผู้ท้า มักจะต้องการ ให้ผู้ถูกท้ารับทราบ -ผู้ท้า และผู้ถุกท้า มักมีการเผชิญหน้า ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม -ผู้ท้า มักต้องการให้บุคคลที่ 3 รับทราบ (อันนี้แสดงออกชัดเจน) คำถาม คือ -ถึงเวลานี้ ทำไมผู้ท้า ถึงไม่แจ้งความจำนงต่อผู้ถูกท้าโดยตรง  ทำไมผู้ท้าถึงไม่เผชิญหน้า 2. การทำนายทายทัก ในความเข้าใจของผมเอง ผู้ถูกท้า แสดงออกว่า ตัวเองชำนาญในการทำนายดวงชะตา ความเป็นไปของชีวิต ในอนาคต การทำนายตัวเลข ตามที่ระบุนั้น เป็นเกณฑ์ ที่ผู้ท้า ตั้งขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว คำถาม คือ ทำไม ถึงตั้งเกณฑ์ ที่ตัวเองเป็นผู้กำหนดแต่เพียงฝ่ายเดียว มันเป็นเกณฑ์ การพิสูจน์ ที่ แฟร์ หรือไม่ ............................................................................................................................... หลังจากนั้นมันมีประเด็นที่เกิดคำถามตามมามากมาย ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น - แสดงออกว่าเป็นเจ้าของเงิน จะตั้งกฏอย่างไรก็ได้  แล้วถ้า ผู้ถูกท้าเห็นว่ากฏนั้นไม่แฟร์ละครับ แล้วไม่ยอมรับคำท้าทาย มันจะกลายเป็นว่าผู้ถูกท้า นั้นไม่แน่จริง ใช่หรือไม่ -การแสดงออกว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตน เป็นกลุ่มลูกศิษย์ อ้างอิงจาก http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12057893/Y12057893.html โปรดดูความเห็นทั้งหมด ที่นำมาแสดงเป้นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง   แต่พวกลูกศิษย์ หมอดูตาทิพย์ โยกโย้ประมาณว่า เงินค่าตัวน้อยไป  หมอดูตาทิพย์ คงไม่อยากปรากฎตัว....บลา บลา บลา ฯลฯ   ผมและคุณ "กะป๋องทอง"   ก็เลย ยินดี ร่วมลงขันกัน เพิ่มเงินรางวัล รวม ๆ แล้ว เป็น 700,000.00  บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) แล้วขณะนี้  เพื่อที่จะประกาศตามหาตัว หมอดูตาทิพย์ ในประเทศไทย หรือ ต่างประเทศเพื่อนบ้าน ก็ตาม    จากคุณ : รถเรณู    เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 00:14:33  เจตนา เพื่ออะไร การแสดงออก ว่าต้องการพิสูจน์ความจริง  ในเมื่อความจริงนั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์ มันควรจะตั้งอยู่ในเกณฑ์ ที่ต้องเคารพ ความคิดที่แตกต่างจากตนไม่ใช่หรือ การแสดงออก ว่าต้องการพิสูจน์ความจริง ในเมื่อความจริงนั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เราควรจะยึดมั่นที่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ในเวลานั้น  ว่าความเชื่อที่แตกต่าง ย่อมมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกด้วย การแสดงออกว่าผู้ที่คิดต่างจากตน ไม่ใช่พวกตน เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง หรือ ยึดมั่น ในความเป็นตัวตน  ไม่ใช่พวกฉัน คือเป็นพวกตรงข้าม กันแน่ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:45:54

ความคิดเห็นที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12052514/Y12052514.html จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:46:49

ความคิดเห็นที่ 9 คิดว่า ใช่เลย สำหรับวิถีชาวพุทธ ดูแล้วพิจารณากันเอาเองเลยครับ  แก้ไขเพิ่มข้อมูลรูป เอามาจากเพื่อน facebook สืบไปเจอที่มาคือ Chel Chellin Cygnel FC ขอบคุณ คุณ panda-baker ที่แนะ เล็กๆ น้อยๆ ครับ (กว่าจะหาที่มาเจอ ^^' ) แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 23:33:07 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 23:32:25 จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:48:15

ความคิดเห็นที่ 10 แตกแยกหรือไม่นั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนที่พูดเปิดประเด็น แต่มันขึ้นอยู่กับผู้ฟังมากกว่าว่าพิจารณาแล้วเห็นเป็นอย่างไร จากคุณ : วัยรุ่นบ้านนอก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:50:37

ความคิดเห็นที่ 11 คคห.ที่ 6 ใจเย็นครับ ถ้าไม่ใจเย็น คงตอบโต้ไปนานแล้ว ผมเป็นคนหนึ่ง ที่แสดงออกมาตั้งแต่แรก ว่าสงสัย ในเหตุผล สงสัยในการแสดงออก ของบุคคลที่ จขกท.อ้างถึง การโดนเหมารวมว่าเป็นลูกศิษย์ ทั้งๆที่ไม่ใช่ ผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ และมีคำถามมากมาย ว่า เหตุใด ทำไม อะไร ถึงต้องแสดงออกอย่างนี้ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 16:52:31

ความคิดเห็นที่ 12 โดยส่วนตัว ผมไม่สนใจหรอก ว่าใครจะไปท้าหมอดู ญานทิพย์ ตาทิพย์ ที่ไหน แต่มันต้องสมเหตุสมผลด้วย ความเชื่อไม่เชื่อมันสิทธิส่วนบุคคล การไม่เชื่อก็ไม่ผิด เชื่อก็ไม่ผิด (ในทางการแสดงออกทางความเชื่อ) การที่เราจะเห็นว่าคนที่เชื่อแตกต่างจากเรานั่นผิด ไม่ถูก ต่ำต้อย นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดอีกเช่นกัน ถ้าความเห็นนั้นอยู่กับตัว ไม่ได้แสดงออกมา เพราะความคิดเป็นเรื่องของปัจเจกชน ปัญหาอยู่ที่ การแสดงออกมาในที่สาธารณะ ถ้าเราเคารพในความคิดของผู้อื่น การแสดงออกว่าเราเคารพนั้นสำคัญ ถึงแม้ข้อเท็จจริงในใจจะไม่ใช่ก็ตาม เพราะเราอยู่ในสังคม ที่มีคนจำนวนมาก มีความเชื่อที่แตกต่างกันจำนวนมาก มันเป็นความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อสังคม จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 17:11:09

ความคิดเห็นที่ 13 #9  คุณหน้ากากธรรมะ อย่าลืม ใส่เครดิตให้น้องเค้าด้วยนะ  :D จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 18:58:05

ความคิดเห็นที่ 14 อืมม. . . เข้ามาดู จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 18:59:08

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับผมแล้ว บอกตรงๆว่าชิงชังพวกหมอดูมาก ทำไมหรือ เพราะเอะอะไรก็จะอ้างมีข้อมูลทางสถิติ มีการบันทึกเชื่อถือได้ (ออกราการทีวีเลย) ขอโทษที ถ้าเป็นสถิติจริง อะไรคือประชากรของคุณ อะไรคือค่าความคาดเคลื่อนของคุณ ผมจบด้านสถิติ ผมมีสิทธิไหมที่จะประจานความลอกลวงของคนเหล่านี้ คุณจะอ้างอะไร อ้างดวงดาวหรือ การโคจรอะไรนักหนา อย่าบอกว่าเป็นสถิติ ถ้ืาไม่มีประชากร ไม่มีการวัดความคลาดเคลื่อน บอกอำนาจของดาวนั้น อยู่เหนือดาวนี้ อยากถาม สมัยก่อน เชือว่า สิ่งต่างๆโคจรรอบโลก สมัยนี้เรารู้แล้วว่า ม้ันไม่ใช่แบบนั้น ในเมื่อทฤษฎีเริ่มต้นก็ผิดแล้ว แล้่วยังจะบอกอีกหรือว่าดวงดาวมีผล ถ้าจะอ้างสถิติ ก็ต้องบอกว่า การเคลื่อนที่ของดาวนั้น มีผลต่อคนกี่คน ที่คนวัด และมีความผิดพลาดของการวัดกี่เปอร์เซนต์ อยากจะดูดวง ดูหมอ จะทำอะไรก็เชิญ แต่เลิกอ้างได้แล้ว ว่าหมอดูเป็นข้อมูลสถิติ และ ที่สำคัญ จขกท. ไม่ควรนำคำว่า ในพระบรมชูปถัมภ์ มาใช้ เล่นเน็ตก็เล่น แสดงวิสัยทัศน์ก็แสดงไป แต่อย่าดึงฟ้ามาให้ต่ำ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 21:52:41 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:39:54

ความคิดเห็นที่ 16 มีรายการออกทีวี หมอดูตาทิพย์ ก็แต่มีคนสงสัย และบอกไม่เชื่อ เค้าก็แ่ค่ยากพิสูจน์ โดยยินดีวางเงินเดิมพัน เพราะตัวผู้ท้าทาย ไม่เชื่อ และไม่อยากให้สังคมเชื่ออะไรเหลวไหล ทำไมต้องโยงไปว่า ดูถูกพวกหมอดูทั้งหมด จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:42:43

ความคิดเห็นที่ 17 เคยไปเทียวงานว้ัดไหม หรืองานกาชาด มีหมอดูติดป้าย ค่าดู 10 บาท น้องที่รู้จักคนหนึ่ง หลงเดินเข้่าไปให้ดู ดูเสร็จคิดเงินเขา 400 อ้างว่า ดูหลายเรื่อง เรื่องแรกคิดแค่ 10 บาท ถามน้องทำไมต้องยอมจ่าย เพราะดันดูให้เอง น้องบอก พี่ พวกมันมายืนล้อมอยู่ ใครจะกล้า จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:45:42

ความคิดเห็นที่ 18 รายการ ศึก 12 ราศี มีวันหนึ่ง ทุเรศจริง เพราะคำถามคือ ราศไหน ถ้ามีกิ๊กแล้วจะโดนจับ (พูดซะอย่างดิบดีเลยว่า ให้ระมัดระวังตัว) บังเอิญไปทานอาหาร แล้วดู ขำและโมโห ตกลง คุณกำลังสนับสนุนให้คนมีกิ๊กกันใช่ไหม แล้วคุณธรรมของ หมอดูอยู่ตรงไหน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:51:17

ความคิดเห็นที่ 19 แนะนำคุณเกลือ จืด กลับไป "แหกตา" อ่านให้ดีๆ  ประเด็น คือ จะพิสูจน์หรือไม่ นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหา คือ  พฤติกรรมที่แสดงออกมาต่างหาก การที่บอกว่า เพราะตัวผู้ท้าทาย ไม่เชื่อ และไม่อยากให้สังคมเชื่ออะไรเหลวไหล ทำไมต้องโยงไปว่า ดูถูกพวกหมอดูทั้งหมด จากคุณ : เกลือจืด   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:42:43  นั่น ตีความ ได้ 3 อย่าง 1. ไม่ได้อ่าน 2. อ่าน แต่ จับประเด็นไม่ได้ 3.  อ่าน และ จับประเด็นได้ แต่ เจตนา ตีความให้เป็นไปในทางที่ต้องการ แบบไหนกันหนอ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:52:21

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงคุณ  เกลือจืด  ... สมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นชื่อเต็มๆ ของสมาคมนี้ แล้วก็มีจริง  (เราจะไปตัดแต่ง ต่อชื่อ ลบชื่อเขาได้ยังไง) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2490 มีนายกสมาคมมาแล้ว 10 คน ถ้าคุณยังมีสมอง ไว้สำหรับคิด ก็ควรดูที่เจตนาใน ข้อความ ใช่ว่าตาอ่าน แล้วมือขยับพิมพ์ มิน่าละ ถึงได้รู้ว่า เกลือจืด  เพราะ สมอง ไม่สั่งการ ซะแล้ว จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 21:53:00

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 17  ถ้าเรื่องที่คุุณบอกเป็นความจริง นั้น คือ ลิ้น ไร ของ หมอดู ถามว่า ลิ้นไร มันมีทุกวงการไหม ตำรวจ  มี ไหม ? ทหาร มี ไหม ? นักการเมือง ละ แพทย์ มีไหม ? ครู อาจารย์ มีไหม ทนายความ มีไหม  และ แม้นแต่ พนักงานบริษัทเอกชน ยกตัวอย่าง  หมอที่เห็นแก่เงิน เลือกคนไข้   แต่ถ้าคนด่า เหมารวม ว่าแพทย์ในไทย ไร้ จรรยาบรรณ มันก็ไม่ถูก หรือ ถ้า จะ ด่าหมอดู ก็ควรระบุ ชื่อ ไปเลยดีกว่า กล้าด่าเขา  ก็ต้องกล้า ที่จะโดนเขา ฟ้องร้อง ด้วย ไม่ควรเหมารวม จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:09:20

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องของเรื่องไม่จำเป็นต้องแหกตาดู แต่เป็นการ คิด พิจารณา ว่า เจ้าของเรื่องที่เค้าท้านั้น เค้าต้องการอะไร เวลาพูดจา เป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าเล่นคำ จุดประสงค์ คือการพิสูนจ์ความจริงให้ปรากฎ คุณเอาเขามาเล่น ว่าไม่สมควรอะไรทำนองนี้ ถ้าผู้ท้าทายผิด เขาก็จะเสียเงินเป็นค่าโง่ แต่ถ้าหมอดูตาทิพย์นั้นผิด สังคมก็จะดีขึ้น เขาต้องการเสี่ยงใช้เงินหนึ่งแสน เพื่ือแก้ไขสังคมให้ดีขึ้น ทำไมไม่มองคนที่เจตนา และผลที่ได้ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 22:27:20 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 23 เศษเงินกากๆ จากคนกากๆ มีแต่คนโง่มากๆ ที่จะเดิมพันด้วย จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:26:47

ความคิดเห็นที่ 24 แด่หมอดูทั้งหลาย ถ้าพวกท่านเปี่ยมไปด้วยฤทฺธิ์เดช เพ่งจิตแล้วเห็น จับยามสามตาแล้วเห็น ไม่เป็นไร เรื่องของคุณผมไม่ว่า แต่อย่ามาอ้างว่า วิธีการเป็นวิธีการทางสถิติ มันทุเรศเหลือรับจริงๆ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:31:25

ความคิดเห็นที่ 25 เกลือจืดเอ๋ย มีทฤษฎีหรือหลักการอะไรในโลกนี้ทำแล้วได้ผล 100% ทั้ง 100% มั่ง แม้แต่สิ่งที่มนุษย์จะนับถือเป็นพระเจ้า จะองค์เดียวหรือจะแบบทรีอินวันก็ตาม ที่บรรดาสาวกสวดอ้อนวอนขอ หรือแม้แต่อดอาหารอธิษฐานก็ตาม ทุกคนได้ดั่งใจ 100% ทั้ง 100% หรือเปล่า? อย่ามาอ้างว่า ต้องรอคอย หรือทดสอบ หรือเป็นว่าไม่เหมาะสมกับเฉพาะบุคคล โลกนี้ ถ้าโหราศาสตร์ไม่ 100%  ญาณพิเศษของบางคนก็ไม่ 100% แล้วที่อ้อนวอนขอแล้วได้ดังใจ มันจะมีเหลือสักกี่ %   หมอดู นักพยากรณ์ต่างๆ เขาก็อาศัยแค่เงินประทังชีวิตเป็นครั้งคราว ส่วนพวกหน้าซื่อใจคดล่อลวงทางศาสนา นั่นผลประโยชน์ที่ได้   นั่นสูบทั้งจิตวิญญาณ(งมงายฝังหัว ปิดกั้น ไปตลอดชีวิต) สูบทั้งเงิน(ถวายทรัพย์ ระยะยาว) สูบทั้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์(ไร้อิสระทางการคิดและแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด) เวลาอ้างอะไร ดูกำพืดตัวเองมั่ง ถ้าแน่จริงก็หาคนเดินบนน้ำสักคนมาให้ดูก่อน ขอแค่คนเดียวก็พอ ถ้าทำไม่ได้ ที่เขียนไว้ในคัมภีร์จะเรียกว่าอะไร จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:41:07

ความคิดเห็นที่ 26 คนที่ไม่โง่ เขาก็รู้ว่า เวลาดูดวงแล้วต้องใช้วิจารณญาณไง เกณฑ์ดวงไม่ดี ก็เป็นการกระตุ้นให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ถ้าเกณฑ์ดวงดี ก็เป็นการกระตุ้นชีวิตว่าอย่าประมาท อย่าย่ามใจ อย่าเหลิง ส่วนไอ้คนโง่ มันอยากหารูโหว่ไง พอเจอแล้วแล้วก็เอามาอวดเก่ง ท้าทายกัน แต่พอของตัวเองเจอคนอื่นเขาเจอรูโหว่มั่ง เดี๋ยวมันก็ควันออกหูจะเป็นจะตาย จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:50:06

ความคิดเห็นที่ 27 ผมตามอ่านมาหลายวัน ใครแตกแยกกับใครครับ ถ้าจะแตกกับบางกลุ่มที่หลอกชาวบ้านไปวันๆ หากินกับความเชื่อ ก็ให้มันแตกไปเถอะ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อว่ามีจริง คนมีอภิญญาเหาะเหินเดินอากาศ ท่องนรกดูสวรรค์ ศาสนาล้วนระบุไว้มากมาย หมอดูดีดีช่วยชาวบ้านแบบไม่คิดตังค์ก็มี นี่ห้องศาสนา คนส่วนใหญ่ในนี่เป็นพุทธ ศาสดาไม่เคยสอนให้ใครเป็นหมอดู ไม่เคยสอนให้ใครทำนายทายทักอะไร จะมีสมาคม สมาพันธ์ อะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็เป็นเพียงใบไม้นอกกำมือ มิใช่หนทางนำซึ่งการดับทุกข์ ส่วนคุณ รถเรณู เค้าจะเอาตังค์มาล่อตาล่อใจหมอดูท้าทายให้ออกมาก็เป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าไม่เปิดเผยตัวตนก็ยังเป็นสิทธิ์ของเค้า หมอดูจะมาไม่มาก็เป็นสิทธิ์ของหมอดู สุดท้ายครบกำหนดมันก็จบเอง มันเกิดขึ้นมันก็ดับไป ผมว่ามันคงไม่ได้ไปเปลี่ยนความเชื่อของคนที่เชื่ออยู่แล้วหรอกมั้งครับ จากคุณ : Vees เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:04:05

ความคิดเห็นที่ 28 อะไรๆในโลกนี้ มันไม่ 100 % ตลอดกาล เพราะ ไปตามกฏแห่งกรรมที่ละเอียดถี่ยิบ มนุษย์ไม่มีทางตามทันได้ นอกจากตั้งความไม่ประมาทไว้ก่อน .......ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า มิฉนั้นพระองค์จะบอกทำไมว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ประสบการณ์จะทำให้ลองถูกลองผิด รู้ได้เองว่า เชื่อถือได้แค่ไหนโดยไม่ต้องถามใคร จึงกลายเป็นว่า.......จริงก็ใช่ ไม่จริงก็ใช่ หรือถูกบ้างผิดบ้าง ถ้าถูกมากกว่าผิดก็น่า่เชื่อหน่อย แต่ถ้าใครเชื่อ ล้าน % ตลอดไปก็บ้าแล้ว แต่การมาท้าทายพิสูจน์กันจึงแปลกกว่า ตรงที่เอามาเป็นสาระ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:16:36

ความคิดเห็นที่ 29 คุณหมูซามูไรหมูตอน ขอโทษนะครับ ตรงนี้ discuss ว่าด้วยเรื่องหมอดู ไม่เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้า ผมบอกแล้วว่าจบด้านสถิติ หมอดูเวลาออกทีวี ก็มักอ้างว่าศาสตร์ของตนก็เป็นสถิติ และผมอยากจะบอกว่า เข้าใจท่านเป็น ท่านคิด ศาสนาพุทธดีเลิศประเสริฐศรี....เข้าใจครับ แต่ถ้าจะกรุณาหน่อย ก็กลับเข้ากระทู้ เข่น ยืนยันศาสตร์หมอดูเป็นสถิติ หรือ ให้ความเห็นเรื่องคุณรณเรณูท้าทายนั้น มันผิด ด่าว่า พระเจ้าไม่มีประโยชน์หรอก เพราะคุณก็เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ถ้าจะด่าเรื่องผมหากินกับเรื่องพระเจ้า ก็อยากบอกว่าผมรับจ้างทำงานด้านคอมก็ไม่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าครับ หุหุ คุณนี่ตลกจริงๆ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:19:58

ความคิดเห็นที่ 30 หมอดู เป็นการใช้เดรัจฉานวิชา เพื่อหาเลี้ยงตัวเขา...  อันที่จริง ถ้าคนไทยเป็นพุทธที่ศึกษาอย่างเข้าใจก็จะไม่มาบ้าดูหมอให้ เปลืองกะตังค์... พระพุทธเจ้าบอกว่าการดูโหร เป็นเดรัจฉานวิชา..  ห้ามพระสงฆ์เรียน หรือหาเลี้ยงชีวิต  คนธรรมดาที่ไม่รู้หวังพึ่งหมอดู  อันที่จริงมีแต่คนนั่น แหละต้องไปพึ่งเดรัจฉานวิชา...  แต่พวกสัตว์เดรัจฉานมัน ไม่เคยต้อง มีหมอดูหมา หมอดูแมว...  ไม่รู้สัตว์มันก็คงมีวิตก  มีทุกข์ของมัน แต่หมาแมว มันก็ไม่ต้องตั้งตัวเป็นจ่าฝูงโหร คอยแก้ทุกข์ให้สัตว์อื่น ๆ มีหมอดูคนนึงเคยกล่าวว่า  เมืองไทยหมอดู ก็เหมือน จิตแพทย์ของ พวกตะวันตก  เออนะ...  ฟังคล้ายดูถูกว่า คนที่ไปดูหมอคือขาดความ มั่นคงทางจิตใจบางอย่าง ...  ก็ถูกของเขาครับ...   คนมันขาดความมั่นคงในใจ จึงหวั่นไหวกับสิ่งที่ไม่แน่นอน เลยต้อง หาหมอโรคจิต  แต่คนไทยหน้าบาง เอาวะ วิทยาศาสตร์ หรือหมอโรคจิต มันก็เสียตังค์   ไปหาหมอใต้ต้นมะขาม ย้อมใจไปวัน ๆ ...  น่าสังเวชใจ ที่ต้องการความมั่นคงแบบปลอม ๆ  ประโลมไปวัน ๆ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 09:13:27 จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 09:08:35

ความคิดเห็นที่ 31 ผมคิดว่า หมอดู นั่นแหละคือการดูถูกคน โดยอาศัยความไม่มั่นคง ทางจิตใจของผู้อื่น  มาจับทางให้รู้  เพราะคนมีความสุขสบาย ไร้ทุกข์ ที่ไหนอยากไปดูหมอดู.... จิตแพทย์ ยังพอ เอาหลักการวิทยาศาสตร์  การให้ยามาแก้ไขบ้าง หมอดูอาศัยความขลังทางพิธีกรรม...  โหรอ้างหลังสถิติ... ดีกว่าหน่อย แต่กรณีศึกษา เคยทำการบันทึกว่าถูกผิด กี่เปอร์เซนต์ได้ละครับ คนไปดูหมอดู  คือคน ที่จิตใจอ่อนแออะครับ..  ต้องการหาคำตอบ บางอย่าง ไม่ผิดหรอกที่อยากได้ความมั่นใจ   แต่ให้ถูกต้องคือต้อง แก้ปัญหาให้ถูกจุด...    คือทำให้จิตใจเข้มแข็ง จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 09:18:24

ความคิดเห็นที่ 32 เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ  ยังมีหมอดูทำนายเลย ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือไม่ก็เป็นศาสดาเอก โหราศาสตร์เขาก็มีดีของเขาเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 10:27:40 จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 10:27:19

ความคิดเห็นที่ 33 พระพุทธศาสนา ศึกษาเล่าเรียน สิทธัตถะ        หลังประสูติได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์ เจ้าชายสิทธัตถะทรงอยู่ในความดูแลของพระนางปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นพระกนิษฐาของพระนางสิริมหามายา ทรงศึกษาเล่าเรียนในสำนักครูวิศวามิตร จนจบระดับสูงของการศึกษาทางโลกในสมัยนั้น คือ พระเวทและศิลปศาสตร์ 18 ศาสตร์ 1. พระเวท   เป็นคัมภีร์ของศาสตนาพราหมณ์ มี 3 อย่าง เรียก ไตรเพท ภายหลังเพิ่มอีก 1 เป็น 4 เวท ประกอบด้วย       1.1 ฤคเวท  ในคัมภีร์พระเวท กล่าวถึงเรื่อง ว่าด้วยการสร้างโลกและบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งหลาย       1.2 สามเวท ในคัมภีร์พระเวท กล่าวถึงเรื่อง  ว่าด้วยการสรรเสริญเทพเจ้าและพิธีกรรม       1.3 ยชุรเวท ในคัมภีร์พระเวท กล่าวถึงเรื่อง   ว่าด้วยการบูชายัญ       1.4 อถรรพเวท ในคัมภีร์พระเวท กล่าวถึงเรื่อง ว่าด้วยการทำพิธีป้องกันอันตรายต่าง ๆ   2. ศิลปะศาสตร์ 18 ประการ ประกอบด้วย       อักษรศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาหนังสือ สามารถอ่านคัมภีร์ศาสนา        ตำราวิชาการและประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้แต่โบราณกาลได้       นิติศาสตร์  เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่าง ๆ       ฉันทศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชาการประพันธ์ การแต่งหนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง       นิรุกติศาสตร์  เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาภาษา รู้ภาษาของตนเองดี  และรู้ภาษาของชาติอื่นที่ติดต่อเกี่ยวข้องกัน       รัฐศาสตร์ ในศิลปศาสตร์  18  ประการ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาการปกครอง  รู้จักบริหารบ้านเมือง  ทำให้ราษฎรมีความจงรักภัคดีและมีความสุข       ยุทธศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ การใช้อาวุธ ต่าง ๆ ในการรบอย่างชำนาญ       ศาสนศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาศาสนา  รู้ประวัติความเป็นมาของทุกศาสนา และรู้คำสอนในศาสนาต่าง ๆ       โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาโหร  รู้จักการพยากรณ์    เหตุการต่าง ๆ และรูจักทายชะตาราศรีของคน.       โชยติศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชาดูดวงดาวต่าง ๆ ให้รู้ว่าดวงดาวนั้น อยู่ทางทอศไหน รู้จักสีแสงของดวงดาว อันจะบอกลางดีลางร้าย       คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาคำณวน สามารถคิดเลขตั้งแต่จำนวนน้อย ๆ จนถึงเลขหลักสูง ๆ เกี่ยวกับราคาสินค้า พื้นที่ ปฏิทินและยุคต่าง ๆของโลก.       คันธัพพศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาคนธรรพ์ คือวิชาร้องรำที่เรียกว่า นาฏยศาสตร์  และวิชาดนตรีปี่พาทย์ที่เรียกว่าดุริยางคศาสตร์.       เหตุศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชารู้เหตุว่าจะเกิดผลดีหรือร้าย.       เวชศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ  วิชาหมอยา  รู้จักสมุนไพรและวิธีปรุงยาแก้โรคต่าง ๆ.       สัตวศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชารู้ลักษณะของสัตว์และเสียงของสัตว์ว่าร้ายหรือดี       วาณิชยศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชาการค้าขาย ให้รู้จักชนิดของสินค้า  วิธีและเส้นทางการค้า       ภูมิศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชาพื้นที่ ให้รู้จักแผนที่ของประเทศต่าง ๆ       โยคศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชาช่างกล รู้จักกลไกของยานพาหนะและเครื่องมือต่าง ๆ       มายาศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิชารู้กลอุบายหรือรู้ตำรับพิชัยสงคราม อ้า....มีโหราศาสตร์ด้วย ^_^ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:46:52

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเป็นคนใช้โหราศาสตร์โดยที่ไม่เคยบอกว่านั่นคือสถิติ เพราะผมก็ไม่รู้ว่า มันมีที่มาอย่างไร? ผมรู้แต่ว่ามันมีมาก่อนแล้ว และผมเติมเต็มมันด้วยการสังเกตว่า ตำแหน่งดาวต่างๆ เมื่อมาอยู่ในบางแห่งบนท้องฟ้า เกิดปรากฏการณ์อะไรต่อชีวิตเรามั่ง ลองไปเทียบดูกับคนอื่นว่ามันเกิดขึ้นด้วยรึป่าว ถ้าเกิด ผมก็จำไว้เอามาทายต่อ ถ้าไม่เกิด เราก็ไม่เอาไปทาย มันเหมือนความรู้รอบตัวนะ คุณไม่รู้ ก็ไม่ถึงกับตาย แต่ผมรู้ ผมก็มีความได้เปรียบในการตัดสินใจบางอย่างมากกว่าคนที่ไม่รู้ ทางด้านสถิติ ถามว่า เมื่อศึกษามาอย่างระเอียดแล้ว ทั้งตัวอย่าง/ประชากร คุณยังต้องกำหนดค่าความเชื่อมั่น ได้เป็นสมการทางคณิตศาสตร์ตัวหนึ่ง มันก็ยังมีโอกาส เกิดขึ้น และไม่เกิดขึ้น เพียงแต่คุณดีใจเมื่อมันเกิด(ดีใจว่าเกิดตามสมการ) พอมันไม่เกิดคุณก็เงียบๆบอกมันไปตกอยู่ในช่วงของ 1%, 5% ตามที่คุณกำหนดอยู่แล้ว และก็ปลอบใจตัวเองว่า มันก็ยังอยู่ในค่าที่ยอมรับได้นะ (ดีใจไปงั้นแลหะ เพราะมันผิดอยู่ดี) ส่วนเรื่องของการตั้งกระทู้ท้าทายก่อนหน้านั้น มันเริ่มจากการไม่เชื่อหมอดูอีที แต่มีการพาดพิงหมอดูศาสตร์อื่นๆด้วย ทุกครั้งที่พูด จะไม่ได้หยุดแค่คำว่าหมอดูอีที หรือหมอดูตาทิพย์ แต่จะพาดต่อมายังหมอดู หมอเดา โดยกำหนดวิธีการขึ้น แล้วก็ตะโกนเย้วๆๆเฮฮา เหมือนเกรียนวัยนมแตกพาน และก็มีลูกหาบ(ตัวประกอบ) คอยส่งเสียงเชียร์/สนับสนุน ผมเองไม่ได้มีอาชีพหมอดู เป็นเพียงผู้ศึกษาโหราศาสตร์ไทย ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ได้เขียนแย้งไปก็หลายความเห็น กลับได้รับคำตอบโต้ด้วยถ้อยคำเสียดสี คำพูดจาบจ้วง บางคำพาดไปถึงวงศ์ตระกูล(มีครั้งนึงพูดถึงเมีย: แต่ผมยังไม่มีว่ะ) จนบางครั้งรู้สึกอยากเจอตัวเป็นๆซักครั้ง เอาเงินสด-ทรัพย์สิน มาวัดกันดูจะๆ ไปเลยก็น่าจะดีนะ จะได้สงบปากสงบคำไปซะมั่ง ทำไมได้เกิดเป็นคนทั้งที ไม่รู้จักพูดจาให้มันดี สมกับที่ได้เกิดเป็นคนกะเค้า ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 14:32:58

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยกับ จขกท. ครับ ชัดเจน ตรงประเด็น จากคุณ : ธรรมสามิต เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 15:41:42

ความคิดเห็นที่ 36 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 16:14:17 จากคุณ : plemarine เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 16:13:31

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัตตังครับ การท้าทายและดูถูกคนโดยใช้เงินฟากหัว แสดงถึงความไม่ให้เกียรติ อย่างคำพระที่ท่านว่า "คนดีไม่ตีใคร" เคยดูหนังจีนเวลาต้องการท้าประลองหรือพิสูจน์กับใคร ผู้ท้าชิงจะเดินทางมาหาที่สำนักนั้น ๆ ผมว่านี่เป็นมารยาทที่ดูดี ให้เกียรติและมีศักดิ์ศรี ถ้าทำแบบนี้แม้จะได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ตาม ผมว่าผู้ท้าประลองนั้นน่าสรรเสริญครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 17:41:59 จากคุณ : นูเบ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:34:12

ความคิดเห็นที่ 38 ใจเย็นเพ่..... เรื่องกีฬาเฉพาะหน้า พรุ่งนี้ ใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 18:22:59 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:21:31

ความคิดเห็นที่ 39 Man c กับ man u ผมให้เป็นดาวพุธ (4) ทั้งคู่ เตะ 3 ทุ่ม 5 ทุ่มก็จะทราบผลครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 18:32:23

ความคิดเห็นที่ 40 ๕๕๕ มีหลังไมค์มาโชว์พาวฯอีกละ ตะโกนดังๆ กระจอกๆๆๆ แต่เมื่อกี้ก็กินมาม่าจิงๆนะ อร่อยดี น่าขำคนบางคนที่คิดว่าตนเองมีดีให้อวด จึงอวดดี (อ้างว่าดีกว่าอวดชั่ว)     กระจอก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ปล.อย่าหลังไมค์เลย เอามันด้านหน้านี่แหละ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 19:47:51

ความคิดเห็นที่ 41 เด๋วมาอ่านต่อนะ ไปกินข้าว(เหล้า) แป๊ป อิอิ ปล.อย่าทำคิ้วย่นซิ เด๋ววิชาหายหมด หุหุ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:02:06

ความคิดเห็นที่ 42 #30 ติรัจฉานวิชา จากพจนานุกรม คำแปล น. วิชาที่ขัดขวางไม่ให้บรรลุมรรคผล ได้แก่ วิชาหมอดู วิชาไสยศาสตร์วิชาเสกเป่า วิชาแพทย์ เภสัช ฯลฯ พระวินัยห้ามมิให้พระภิกษุสามเณรเรียนเพราะจะทำให้หลงใหลในลาภสักการะ. "ติรัจฉานวิชา" ในที่นี้เป็น ศัพท์ที่ใช้ทางพุทธศาสนา หมายถึงวิชาที่ไม่ช่วยให้พ้นจากวัฏฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด สำหรับ "พระ" ถือเป็น "มิจฉาอาชีวะ" (และเป็นอาบัติปาจิตตีย์) แต่สำหรับ "ฆราวาส" ต้องพิจารณาองค์ประกอบเพิ่มเติม เช่น ถ้าหากประกอบด้วย "อาชีวปาริสุทธิศีล" ไม่มีการทุจริตก็เรียกได้ว่าการประกอบอาชีพนั้นเป็น "สัมมาอาชีวะ" ไม่ว่าจะเป็น เภสัชกร, หรือแพทย์ เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 21:19:56 จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:05:03

ความคิดเห็นที่ 43 ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ลบหลู่ โหรศาสตร์นะครับ แต่แค่ไม่เชื่อครับ เพราะจาก หมอดูหมอเดาที่ออกทีวีแต่ละคน มันเหลือเชื่อเกินไป ดูแต่ละคนสิครับ มั่ว สิ้นดี อ้างว่าเห็นผีเห็นวิญญาณ พูดเป็นตุเป็นตะว่าอยู่ตรงโน่นตรงนี้ โหเค้าไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างหรืออย่างไร คุณว่า ถ้าคุณเก่งขนาดนั้นทำไมไม่เดาหวยหรือไม่ก็ช่วยองค์กรรัฐใช้ญาณวิเศษของตัวเองทำประโยชน์ล่ะครับ ประเด็นที่ว่า เค้าเอาเงินมาท้าพนัน เพราะเค้าเชื่อแล้วว่าคงไม่มีหมอหน้าไหนกล้ามารับคำท้าหรอก เพราะมันไม่มีใครเลยที่เก่งจริงอย่างที่พูดออกทีวีหรอก โกหกทั้งนั้น ตั้งแต่กระทู้ที่แล้วๆ ผมสงสัยเหลือเกินว่า คุณ Korea so sad เป็นหมอดูคนหนึ่งด้วยหรือเปล่าถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนจังเลย ถ้าข้อสงสัยผมผิดพลาด ผมคงต้องขอ อภัย ณ ที่นี้ด้วย จากคุณ : liverboy เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 23:31:02

ความคิดเห็นที่ 44 @คห.๔๓ เพราะคนท้า เค้าจำกัดกรอบของการพยากรณ์อยู่แค่เรื่องของการทายเลขธนบัติที่เค้ากำหนดถือไว้ แต่ไม่ยอมรับเงื่อนไขการพยากรณ์อื่นๆอ่ะคับ อีกทั้งยังแสดงความกร่างทั้งที่ตัวเองมีตังพอยาไส้ในแต่ละเดือนรึป่าวยังไม่รู้ มีอย่างเดียวที่อ้างคือ อยู่พันทิปมานาน ถ้าเอาเงื่อนไขอยู่พันทิป(เลขสมาชิกรุ่นเก่า) ผมคงรวยกว่าเค้าไม่รู้กี่เก่า เผลอๆ เค้าต้องมายืนกุมไข่เวลาผมทำหน้าไม่พอใจด้วยซ้ำ รูปชั่วตัวดำไม่พอ ยังมีหน้ามาทำหยิ่งจองหองอีก หุหุ ผมพูด(พิมพ์) ผิดรึป่าว???? จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:25:20

ความคิดเห็นที่ 45 @คนที่หลังไมค์มา จะพล่าม จะท้าทาย ขอให้ท้ามาหน้าไมค์นะครับ ไม่ชอบอิแอบที่มาท้าเย้วๆหลังบ้าน แต่ถ้าใส่ผ้าถุงมาก็พออภัยได้ รวยไม่กลัว/กลัวไม่รวย (อุ๊ยยยย...  กลัวจังเลย) ไอ้รูปชั่ว-ตัวดำ(ใครวะ???) จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:30:34

ความคิดเห็นที่ 46 ด้วยความเคารพ   ริ้นไร ไม่ใช่ ลิ้นไร (ตัวไรไม่มีลิ้น ) จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:31:36

ความคิดเห็นที่ 47 อีกอย่าง สมมุติว่าผมเกิดในสลัม(สมมุติจิงๆนะ) แต่ถ้าวันนี้ คุณกระจอกกว่าผม มันก็แปลว่าคุณกระจอกกว่าผมจิงๆนะ อย่าพยามแถว่าเกิดมาจากสกุลสูงส่ง เพราะหากวันนี้คุณกระจอก มันก็กระจอกเพราะคุณ ไม่ใช่เพราะสกุลของคุณ ถึงแม้โคตรเหง้าจะมาจากสกุลสูงส่ง แต่ขอบอกว่า เค้าคงรู้สึกแย่ที่มีผู้สืบสกุลเช่นคุณที่ทำไม่ได้แม้เพียงแค่รักษาคุณฯที่เคยมี ไอ้โถส้วมของผม ราคาเท่าไหร่มันอีกเรื่องหนึ่ง ผมก็เห็นด้วยนะว่ามันไม่ได้ดีกว่าโถส้วม+ หนังสือดีๆ แต่ที่เอาให้ดู ก็เพราะอยากเอาไอ้สิ่งที่คุณไม่มีปัญญาซื้อมาแปะไว้เผื่อจะเกิดความอิจฉาบ้าง(นอกเหนือจากความโกรธกริ้ว) จำไว้คำว่า-รูปชั่วตัวดำ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:40:33

ความคิดเห็นที่ 48 และอีกอย่าง อย่ามาใช้คำว่า'แก' กับผม เพราะเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:44:55

ความคิดเห็นที่ 49 ^ บอกว่ามีหลังไมค์ ก็เอามาโพสหน้าไมค์ซิครับ เค้าว่าอย่างไรบ้าง แต่สำหรับผม มีแต่หน้าไมค์ เคยท้าแล้ว ท้าทั้งห้องหมอดู เหอะ..เหอะ ไม่เป็น โหราศาสตร์การกีฬา ไม่เป็นก็ไม่ยอมบอกไม่เป็น กร่าง ๆ ทั้งนั้น ดันแถ ดูถูก การกีฬา เป็นการพนัน จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:00:10

ความคิดเห็นที่ 50 เคยท้าไปว่า ถ้าเชี่อว่าตัวเองแม่นจริง ก็เดิมพันกับสตังค์ตัวเอง อย่าไปเดินพันอนาคตคนอื่น บอกไปจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เก็บสตังค์เค้าก่อนแล้ว แล้วให้ลูกค้าไปเสี่ยงอนาคตเอาเอง อนาคต เป็นเรื่องของ กรรม กรรม เป็นเรื่องของ อจินไตย กล้านะ ที่บอกเรื่องตัวเองไม่รู้จริง แล้วปัดให้ตำรา สถิติ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:12:29

ความคิดเห็นที่ 51 ไตรเพท ฤาษีทั้ง 7 ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า เป็น ตาบอด จูง ตาบอด จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 02:23:48

ความคิดเห็นที่ 52 ตามกลิ่นมาม่ามาครับ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 05:08:10

ความคิดเห็นที่ 53 โหราศาสตร์  เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง  เกิดจากการสังเกตุและศึกษาของคนสมัยก่อน  ไม่ได้เป็นของลี้ลับแต่ประการใด  แต่ก็มีพวกเหลือบไร  รู้ไม่จริงและไม่พยายามศึกษาเพิ่ม  และทำนายทายทัก  โดยต้องการเงินเป็นหลัก  ทำให้คนส่วนมากรู้สึกไม่ดี   ถ้าคนที่เป็นโหรจริง  จะต้องไม่ทำนายวันตายของเขา  ไม่ทำนายดวงที่เขาไม่อนุญาต  และไม่ทำนายเพื่อหลอกหลวงเอาเงิน   เรื่องตาทิพย์ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน  หลวงพ่อจรัญท่านก็มีตาทิพย์  และอีกหลายๆท่าน  ก็เคยเห็นเปรต  เห็นผีมานั่งขอส่วนบุญกันทั้งนั้น  ก็แล้วคนที่เห็น  เขาจะมาพิสูจน์ทำไม  ในเมื่อรู้ว่าธรรมะให้มากกว่า  ถ้าชนะ  ก็เกิดความไม่สบายใจ ไม่ถูกใจของฝ่ายที่ไม่เชื่อ   ชนะแล้วได้อะไร นอกจากความขุ่นเคืองใจ  คนที่รู้ธรรมะย่อมเข้าใจในข้อนี้ดี  ดังนั้นจึงไม่ต้องการชนะ  เพราะความอยากชนะ  ผลคือทุกข์ และความว่างเปล่า จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 07:26:37

ความคิดเห็นที่ 54 ขออนุญาตลำดับเหตุการณ์ก่อน 1.มีรายการทีวี พิธีกรนำเสนอเรื่องของหมอดูที่สามารถทายตัวเลขในแบงค์ได้ 2.มีคนนำมา post ลง pantip / คุึณรถเรณูไม่เห็นด้วยว่าเป็นเรื่องจริง จึงท้าให้พิสูจน์ความจริง 3.จขกท. ไม่เห็นเด้วยกับการกระทำของคุณรถเรณู มีการโต้แย้งกันในกระทู้ดังกล่าว 4. จขกท. มาเปิดกระทู้นี้ แล้วชี้ให้เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น ดูถูกหมอดูไทย โดยคราวนี้ เล่นอ้างถึงสมาคมโหรา หรืออะไรทำนองนี้ เพื่อรับรองอาชีพหมอดู 5. ผมเข้าไปในกระทู้แรก ผมก็เห็นด้วยกัยการท้าของคุณรถเรณู และผมได้ชี้เตือน ให้เค้าระวัง ว่าเป็นการต้มตุ๋น และขบวนการต้มตุ๋นนี้ มีกลยุทธเบื้องต้นอย่างไร ุุึ6 โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ถ้าฝั่งนั้นรับคำท้า คุณรถเรณูเสร็จแน่ๆ เพราะขบวนการต้มตุ๋นนั้น ไ่ม่ใช่ใครจะไปจับผิดพวกเขาง่าย 7. ผมอ่านพบกระทู้นี้ ซึ่งเจตนาของเจ้าของกระทู้อาจเป็นไปเพื่อ ปกป้องคนอาชีพหมอดู ซึ่งสำหรับผมจะต่อต้านพวกหมอดู โดยเฉพาะพวกที่อ้างว่า หมอดูเป็นเรื่องเชื่อถือได้เพราะเป็นสถิติ ต่อไปผมจะขอโต้แย้งบางความคิดเห็น ขอความกรุณาใช้คำสุภาพในการโต้แย้ง เพื่อให้การ discussion เป็นไปอย่างราบรื่น 1. มีสมาชิกบางท่าน มีการโยงใยการเกิด และการศึกษาของพระพุทธเจ้า ว่าทรงเกี่ยวข้องการวิชาโหราศาสตร์และหมอดู -- คำถามคือ มีไหม ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน หรือสนับสนุนเรื่องโหราศาสตร์ 2. มีบางท่าน ที่น่านับถือ เพราะบอกตรงไปตรงมาว่า ศึกษาด้านโหราศาสตร์ อันนี้ต้องบอกว่าน่านับถือ มีอะไรก็ประกาศตัวเองอย่างชัดเจน เป็นสุภาพบุรุษ ที่ท่านตอบว่าสิ่งที่เรียนรู้นั้้น สามารถใช้ประกอบในการตัดสินใจในหลายเรื่องได้ ซึ่งท่านถือว่าเป็นการได้เปรียบในการดำเนินชีวิต ข้อนี้ถือคิดว่าเป็นเรื่องของความเชื่อที่ท่านเชื่อว่าได้เปรียบ ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องศรัทธาของส่วนบุคคล และสิ่งที่จะโต้แย้ง คือการที่เราบอกว่าเราจดบันทึก จากดวงดาวและสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งในความเห็นผม สิ่งเหล่านี้จะนำมาเป็นข้อมูลในพยากรณ์ไม่ได้ สมมติว่าเราเห็นดาว A โคจรมาตรงกับดาว B แล้่วจะมีคนราศีมังกรจะต้องตาย ถึงจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำๆเป็น 100 ครั้ง ก็มิได้หมายความว่าอย่างนั้น เพราะเราไม่สามรถเก็บประชากรของคนทั้้งไว้เป็นตัวตั้งตน สมมติว่ามีคนราศีมังกร 100 คน ณเวลานั้น อาจจะมีคนตายจริง 1 คน แต่อาจจะมีคนราศีมังกรมีโชค 10 คนก็เป็นได้ และอาจจะมีคนราศี มีน ตาย 10 คนก็ได้ เรื่องของเรื่องการบันทึก(ถ้ามีจริงจากอดีต) ก็เป็นการบันทึกอย่างไม่สมเหตสมผล ในศาสตร์ว่าด้วยสถิติ มันไม่ใช่อะไรที่เป็นตัวเลขตรงแป๊ะ อยางที่บางคนเข้าใจผิด ในวิชาที่เรียน จะมีวิชาชื่อ เทคนิคการพยากรณ์ วิชานี้ถูกในมาใช้ในการพยากรณ์ราคาหุ้นต่างๆ(ที่เห็นใช้บ่อยที่สุด) ในการพยากรณแต่ละครั้ง จะมีค่าความคลาดเคลื่อนให้เห็น แบบนี้จึงเป็นสถิติที่แท้ ไม่ได้มาปกป้องคุณรถเรณู เพราะไม่รู้จัก แต่ถ้ามีคนๆหนึ่ง พร้อมที่จะเสี่ยงต่อสู้กับสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นการหลอกลวง และเขาก็เสนอวิธีพิสูจน์ และค่าใช้จ่าย ผมก็สนับสนุนการกระทำของเขา การดูคน ผมดูที่เจตนาเป็นหลักมากกว่า (คำพูดเล็กๆน้อยๆ ควรมองข้ามไป) และนี่ก็เป็นการท้าทายระหว่าง เค้ากับหมอตาทิพย์คนนั้น ไม่เกี่ยวกับหมอดูคนอื่นๆ แต่คนอื่นๆสนใจที่จะร่วมท้าพิสูจน์ของเขา ก็ลองติดต่อเค้าดู ผมคิดว่าเค้าคงไม่ปฎิเสธ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 09:08:09 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:58:31

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่อยู่ ๓ วันนะคับ น่าจะเข้ามาอ่านได้ แต่อาจไม่ได้ตอบกระทู้ อิอิ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:50:03

ความคิดเห็นที่ 56 โหราศาสตร์กับกฏแห่งกรรม     คนที่เชื่อในโหราศาสตร์แบบเต็มเปี่ยม หรือเชื่อค่อนข้างมาก ก็จะมีความเห็นว่า สำหรับโหราศาสตร์แบบผูกดวง ดวงดาวต่าง ๆ ตั้งแต่โลกของเรา ดาวทุกดวงในสุริยจักรวาล และกลุ่มดาวฤกษ์ต่าง ๆ ทั้ง 12 ราศี เป็นผู้ควบคุมชะตาชีวิต หรืออย่างน้อยก็เชื่อว่ามีอิทธิพลสูงต่อชะตาชีวิตของมนุษย์ ทั้งแต่ละบุคคล สังคม และใหญ่ขี้นไปในระดับประเทศ และรวมทั้งโลกด้วย     ความเชื่อเช่นนี้ มีมานานนับพันปีแล้ว และก็คล้ายคลึงกันในหมู่ประชากรแทบทุกส่วนของโลกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ได้ เพราะโหราศาสตร์ที่กล่าวนี้ และทุกสาขา (ไม่ว่าจะเป็นการผูกดวง การดูลายมือ การดูไพ่ยิปซี ฯลฯ) ได้ผ่านการศึกษา ค้นคว้า สะสมข้อมูล การแปลความหมายในการทำนาย มานานนับร้อยนับพันปี จนมีผลให้การทำนายมีส่วนถูกต้อง แม่นยำสูง     ท่านที่ไม่เชื่อในโหราศาสตร์เลย และคิดว่าที่ทำนายถูกนั้น เป็นการเดาหรือบังเอิญ ก็ลองมานึกตัวอย่างง่าย ๆ (โดยใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ประกอบ) ดูก็ได้ เช่น ในการโยนเหรียญที่มี หัว-ก้อย ถ้าเหรียญนั้นสมดุล และผู้โยนมีความเป็นธรรม (หรือใช้เครื่องอัตโนมัติโยน) โอกาสจะออกหัวหรือก้อย ก็ควรจะเป็น 50 : 50 การที่ใครจะทายถูกหรือผิด ก็ควรจะประมาณ 50% หรือถ้าเป็นการโยนลูกเต๋า 6 หน้า ในเงื่อนไขเดียวกัน การทายถูกว่าจะออกหน้าหนึ่งหน้าใดใน 6 หน้า ก็ควรจะเป็น 1/6 คือ 16.66% เช่นนี้ความปกติของธรรมชาติ     อย่างไรก็ดี ชะตาชีวิตมนุษย์จะมีความแปรผัน หรือตัวแปรมากกว่านั้นมากมาย เช่น หมอดูทำนายว่า นาย ก. สมมุติขณะนั้นอายุ 40 ปี ในอีก 3 ปีนับจากนี้ไป และในเดือนสิงหาคมด้วย นาย ก. จะเป็นโรคร้ายแรงเกี่ยวกับหัวใจ อาจเสียชีวิต แต่ถ้าทำบุญมากพอในช่วงนี้ ก็อาจรอดชีวิตไปได้ แล้วพออีก 3 ปีต่อมา ในเดือนสิงหาคมคำทำนายนี้ถูกต้อง นาย ก. เป็นโรคหัวใจ และเกือบเสียชีวิตจริง ๆ การทำนายตามที่ยกตัวอย่างนี้ หากเป็นการเดา หรือพูดไปเอง โอกาสถูกต้องจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ (มีวิธีการคำนวณโดยหลักสถิติ) ในกรณีนี้ โอกาสถูกมีไม่เกิน 1 / 4,000 หรือ 0.025% และถ้าหมอดูคนดังกล่าวมีความแม่นยำระดับนี้ ทำนายชีวิตคนอื่น (ในระดับที่มีตัวแปร ความยากง่ายพอ ๆ กัน) ถูกต้องอีกเพียงคนเดียวต่อเนื่องกัน โอกาสที่จะทายถูก 2 คนเรียงกันแบบที่ใช้การเดาจะมีเพียง (1 / 4,0000)2 คือ 1 ใน 16 ล้าน เท่านั้นเอง ซึ่งหมอดูที่มีความแม่นยำระดับนี้ ก็พอหาได้ไม่ยากทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ และถ้าเกิดทายถูกอีกหลาย ๆ คนต่อมา โอกาสที่จะทายถูกต้องเพราะการเดา จะเป็นไปไม่ได้เลย     จากตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น เพียงจะสรุปในตอนนี้ว่า ความถูกต้องแม่นยำในวิชาโหราศาสตร์นั้น มีจริง เป็นสิ่งที่น่าศึกษา และถ้าเชื่อว่าโหราศาสตร์ให้ความแม่นยำในระดับสูงได้จริง ก็ควรพิจารณาต่อไปว่า อะไรเป็นองค์ประกอบให้เกิดความแม่นยำในระดับนั้นขึ้นมาได้ (คัดลอกบทความจาก หนังสือตามหาความจริง วิทยาศาสตร์กับพุทธธรรม) จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:36:59

ความคิดเห็นที่ 57 # 56 ทีแรก ผมว่าจะเพลาๆลงแล้ว แต่เห็นมีการอ้างหลักสถิติมากกว่า 1 ครั้ง จึงขออนุญาตโต้แย้งนะครับ ประการแรกในเรื่องของชีวิตคนเรา มีตัวแปรเกี่ยวข้้องมากมาย เช่นลักษณะของคนใกล้่ชิด อุณหภูมิ สภาพแวดล้อม ถ้าจะทำการทดลอง เกี่ยวกับพฤติกรรมของคน ยังเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่คุมตัวแปรอื่นๆ เพื่อให้การทดลองทดสอบถูกต้อง ขนาดในการเก็บข้อมูลเพื่อทำการตลาด ในทางสถิติ(ที่ถูก)จะต้องบอกว่า ทำให้พื้นที่บริเวณใด ในช่วงเวลาใด เพื่อคนที่มาศึกษาข้อมูลจะได้รู้ว่า ข้อมูลที่ได้นั้นมีข้่อจำกัดอย่างไร การบันทึกที่ว่าเป็นตำราทางโหราศาสตร์นั้น ได้ระบุไว้ไหม ว่าจุดที่ผู้สังเกตสังเกตอยู่นั้น กำหนดในอาณาบริเวณใด ห้วงเวลาใด อีกประเด็น สมมติที่่ว่าทายคนที่หนึ่งถูก แล้วทายคนทีสองถูก... แบบนี้เอาความน่าจะเป็นมาจากไหน ตัวแปรของคุณคืออะไร ถูกผิดคืออะไร การจะนำหลักการนี้มาอ้างเป็นสถิติ หรือความน่าจะเป็นไม่ถูกต้อง ถ้าจะเล่นแบบนี้ ท่านต้องกำหนด ประชากรล่วงหน้า เช่น กำหนดเขตประชากรในกรุงเทพมหานครก่อน กำหนดห้วงเวลาแห่งการทดสอบ กำหนดเป้าหมาย และสุดท้ายคือการกำหนดวิธีการสุ่มข้อมูล ในเรื่องสถิติไม่ได้หมายความว่า ท่านต้องไปทำนายทุกคน แต่ต้องเลือกจำนวนทีสุ่ม ให้มากพอมีนัยทางสถิติ จากนั้น ท่านก็เอามาทำนาย แล้วดูว่าถูกกี่เปอร์เซนต์ ผิดกี่เปอร์เซนต์ แบบนี้ค่อยมาอ้าง ว่ามีโอกาสถูกกี่เปอร์เซนต์ได้ (แค่คิดวิธีการสุ่มหาข้อมูล การ survey ข้อมูล ก็เป็นเรื่องหนักหนาแล้ว) และเรื่องนัยสำคัุญ ว่ากี่เปอร์เซนต์จึงจะเชื่อถือได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องลงไปว่า ความผิดพลาดกี่เปอร์เซนต์จึงเหมาะสม อ.ท่านหนึ่งสอนผมว่า ถ้าคุณคิดว่าผิดพลาดแค่ 0.001 เพียงพอแล้ว ท่านก็บอกในสนามบินบางแห่งมีเครื่องขึ้นลงมากกว่า 1000 ลำ แสดงว่าคุณอนุญาตให้เครื่องตกวันละ 1 ลำ ในบางส่วนของโหราศาสตร์มักอ้างว่าเกี่ยวกับวิถีดาว หรือการโคจรดาวต่างๆ แต่ในความจริง ดวงดาวที่เราเห็นอยู่นี้ คือเราดูอดีตของมันอยู่ หมายถึงดวงดาวที่เราเห็นหลายๆดวง อยู่ห่างจากเรามาก เป็นระยะปีแสง ดังนั้น ถ้ามีดาวดวงหนึ่งห่างจากเรา 60 ปีแสง แสดงว่า ถ้ามันจะดับ หรือระเบิด เราก็จะเห็นในอีก 60 ปีข้างหน้า อาจจะมีหมอดูทีดูทางใน โดยใช้กำลังภายใน หรือกำลังวิญญาญจิต อันนี้อยู่นอกประเด็นนะครับ เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ใช้หลักสถิติ หรืออ้างว่ามีข้อมูลเก็บไว้ในอดีต เรื่องข้อมูลที่เก็บไว้ที่อ้างก้ันหนักหนานั้น ผมก็อยากจะเห็น เผื่อว่ามันเป็นสถิติจริง ขอให้ระลึก ถ้ามีแค่บอกว่า ดาว A ทำแนวกับ ดาว B แล้วจะส่ิงให้คนมังกรโชคร้าย ก็ต้องบอกด้วยในห้วงดังกล่าว มีคนมังกรทั้งหมดกี่คน และโชคร้ายกี่คน โชคดีกี่คน แบบนี้ จึงจัดว่าเป็นข้อมูลทางสถิติ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 17:57:58 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 17:53:36

ความคิดเห็นที่ 58 นั่งอ่านตั้งนาน.... ยังไม่ได้ความรู้อะไรเลย จากคุณ : Classic Joomla เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:25:15

ความคิดเห็นที่ 59 ขอถกเรื่องสถิติมั่ง จิงอยู่ที่โบราณอาจไม่ได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัย(เพราะผมก็ไม่รู้ที่มา) แต่ผมกำจัดตัวแปรเรื่องสถานที่ด้วยการเปลี่ยนให้ทุกคนมากลายเป็นตำแหน่งดวงดาว บางคนอาจลงลึกถึงระดับจังหวัด. ในเรื่องกลุมประชากร(ตัวอย่าง) จึงทำให้ถูกจัดหมวดหมูด้วยระเบียบของมัน ก่อนที่จะสังเกตเหตุการต่างๆ ส่วนเรื่องดาวที่บอกว่ามันไกล 60ปีแสง เราก็ยังสามารถใช้แสงที่มันเปล่งมาเมื่อ 60ปีก่อนนำทางในการเดินเรือม่ะใช่เร๋อคับ อย่างดาวเหนือ. เราก็ไม่เคยใช้สถิติมาจับ แต่เราก็รู้ว่ามันพาเราไปทิศเหนือได้ ไว้กลับบ้านมาถกด้วยต่อนะ พิมพลำบาก จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:44:35

ความคิดเห็นที่ 60 สวัสดีครับ JEA --แต่ผมกำจัดตัวแปรเรื่องสถานที่ด้วยการเปลี่ยนให้ทุกคนมากลายเป็นตำแหน่งดวงดาว-- ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยครับ ไม่เข้าใจครับ ส่วนเรื่องแสง นั้น ถ้าเชื่อว่า แสงเมื่อ 60 ปีที่แล้่วสามารถบ่งบอกชะตาได้ แล้วตกลงแสงที่สามารถบ่งบอกชะตา คือแสงเมื่อกี่ปีที่แล้ว เคยรู้สึกไหมครับ เวลาเรารอรถเมล์ บางครั้งรู้สึกว่า ทำไม่รถที่เรารอมักจะมาช้า มันเหมือนที่เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งเล่าว่า เหมือนกับ การที่เรายิงธนูไปปักที่ใดที่หนึ่ง แล้วเราก็ไปวาดวงกลมรอบลูกธนู เปรียบเป็นไปได้ไหม สิ่งที่บันทึกคือ บันทึกในสิ่งที่เราอยากให้เห็น อยากให้เป็น เช่น ถ้าดาว A ตั้่งแนวกับ ดาว B เราก็คิดเองว่า จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ แล้วเราก็ตั้งว่าจะเป็นเช่นนั้นสืบๆไป แต่พอไม่เกิด เราก็คิดว่า มัปัจจัยอืนๆมาประกอบ ที่จริงในหลักวิชาแห่งคณิตศาสตร์ ถ้าเราสามารถนำสิ่งที่สังเกตไปตั้งเป็นค่าได้ เข่น ราคาสินค้า และภายใต้ตัวแปรที่วัดได้ ถ้าเราสามารถบันทึกข้อมูลไปได้สักพัก เราก็สามารถนำตัวเลขไปสร้างกลับเป็นสมการได้ ถ้าสร้างไม่ได้ นั้่นแปลว่า เรื่องเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน (ชื่อวิชาว่า สมการเชิงถดถอย อะไรทำนองนี้ จำไม่ได้แล้ว) ยินดีที่ได้ discuss กับท่าน JEA นะครับ ความคิดเห็นแย้งมีกันได้ครับ ขอให้การ discuss เป็นไปโดยไม่ใช้คำสอดเสียด หรือดูหมิ่นผู้อื่น แบบนี้ คุยกันได้เรื่อยๆครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 01:30:53

ความคิดเห็นที่ 61 ดวงดาวบนฟ้า ดันมาเกี่ยวกับชะตาชีวิตคนได้ สำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหลทั้งเพ จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 11:41:43

ความคิดเห็นที่ 62 ปล.แก้ไขโค๊ดเพื่ออ่านง่ายขึ้น แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 20:57:58 จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:53:56

ความคิดเห็นที่ 63 คงต้องอธิบายเกี่ยวกับโหราศาสตร์ไทยซะก่อนอ่ะคับ อย่าเพิ่งเบื่อละกัน ออกตัวซะก่อนว่า ถ้ามีความผิดพลาดจากหลักวิชาโหราศาสตร์ใดๆ ขอให้เป็นความผิดพลาดเพราะรู้ไม่พอของผมละกัน อย่าเหมารวมว่าโหราศาสตร์มันผิด เอาเรื่องของการทำนายอนาคตซะก่อน ผมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. พวกที่เป็นโหราศาสตร์ คือ การทำนายโดยอาศัยตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า ที่เรามองเห็นจากพื้นโลก มีหลากหลายแขนง จำจวนดาวที่ใช้ ก็มีไม่เท่ากัน อย่างโหราศาสตร์ไทย เราใช้ 8 ดวง(๑-๘)(ภายหลังเพิ่ม ๙ และ ๐ ทำให้ดาวที่ใช้มีทั้งหมด10 ดวง) โหราศาสตร์สากลใช้เยอะกว่านี้ หรือแม้กระทั่ง โหราศาสตร์จีน ก็น่าจะมีถึง 32 ดวง ผู้ศึกษาด้านนี้ จะต้องอาศัยแผนที่ดวงดาว ในการตั้งดวงชะตา และอาศัยแผนที่ดวงดาวในการทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การทำนายจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีแผนที่นี้ อย่างผมก็อาศัยแผนที่ดวงดาวที่อ.ทองเจือ เค้าเขียนขึ้นไว้ หรือแต่ละคนก็อาจมีสาย มีสำนักที่คำนวนปฏิทินนี้ แล้วแต่ความชำนาญและความชอบ 2. พวกที่ไม่ใช่โหราศาสตร์ ซึ่งก็คือการทำนายอนาคตที่ไม่ต้องใช้แผนที่ดวงดาว อาจใช้อย่างอื่นแทน อย่างเช่น สัญลักษณ์บนใบหน้า(นรลักษณ์) ลายมือ เลข ๗ ตัว หรือแม้กระทั่งการทำนายโดยอำนาจพิเศษ ฯลฯ อ่อ มันมีอีกแบบคือการทายด้วยทักษา สำหรับผมไม่นับเป็นโหราศาสตร์(ถึงแม้จะเป็นการนับวันเกิด จันทร์-อาทิด ก็ตาม) เพราะเค้าไม่ได้ใช้แผนที่ดวงดาว จึงไม่น่าจะเข้ากับคำว่าโหราศาสตร์ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:57:32

ความคิดเห็นที่ 64 ต่อ... โหราศาสตร์ไทย สำหรับผมแล้ว ไม่รู้ที่มาเหมือนกัน เมื่อศึกษาแล้ว เชื่อว่า ดวงดาวต่างๆ(ทั้ง 10 ดวง) มีพลัง(แรงดึงดูดมั้ง) เหนี่ยวนำให้ชีวิตเราก้าวเดินไปในทิศทางใด แต่ไหนแต่ไร สิ่งที่มนุษย์อยากรู้มากที่สุด ผมว่าคืออนาคต จึงได้พยายามหาวิธีการหาแผนที่ที่มันเป็นตัวบอกว่า เราเดินไปในทิศทางใด อยากรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไร(หาความได้เปรียบ) จึงได้พยายามหาแผนที่นั้นให้เจอ บางพวกก็เชื่อว่าแผนที่นั้นอยู่บนมือ บางพวกก็ชื่อว่าอยู่บนใบหน้า และบางพวกคิดว่ามาจากตำแหน่งดวงดาวที่เค้าสังเกตเห็น ซึ่งผมเป็นพวกที่อยู่ในกลุ่มหลัง   ผมเชื่อว่า ดวงดาวมันเหนี่ยวนำไปในทิศทางตามแผนที่่ แต่ก็เป็นเพียงการเหนี่ยวนำ ขอเพียงเรารู้ทันมันและใช้สติ ก็ย่อมหันเหมันไปในทิศทางที่เราต้องการได้(น่าจะนะ ไม่รู้จิงๆ) จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:05:16

ความคิดเห็นที่ 65 โหราศาสตร์ไทย แต่เดิมอาศัยดาวเพียง 8 ดวง คือ อาทิตย์(๑) จันทร์(๒)...เสาร์(๗) และ ราหู(๘) ต่อมามีการเพิม เกตุ(๙)มฤตยู(๐) ซึ่ง ๘, ๙, ๐ ถึงเราจะเรียกมันว่าดาว แต่เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่ดาว เป็นเพียงสภาวะที่เราคำนวนเจอและตั้งข้อสังเกตมันว่า สามารถแปลเป็นคำทายได้ ซึ่งผู้คำนวนจะทำการวางตำแหน่งที่คำนวนได้บนวงกลมที่เราสมมุติมันว่าคือท้องฟ้า และเรียกมันว่า ราศี ไอ้วงกลมนี้ อย่าไปคิดว่ามันคือสิ่งศักดิ์สิทธิ มันก็แค่แผนที่ดวงดาวที่เราขีดๆเขียนๆขึ้น ไม่มีฤิทธิอะไร ใช้กันผีก็ไม่ได้ แค่กระดาษกับหมึกครับ และก็ยังพากรณ์อะไรไม่ได้ จนกว่าเราจะใช้มันบอกว่า เป็นดวงของใคร จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:10:38

ความคิดเห็นที่ 66 ในวงการโหราศาสตร์ไทย ยังมีการเถียงกัน(ถกทางวิชาการนะ ไม่ใช่ทะเลาะกัน) ว่าควรใช้ปฏิทินใดในการพยากรณ์ อันนี้ผมว่าแล้วแต่ความถนัดละกัน เมื่อเรารู้จักแผนที่แล้ว เวลาที่จะพยากรณ์ ก็ต้องรู้ก่อนว่า คนนั้นใช้แผนที่ดวงดาวใดในการทำยาย เราใช้ตำแหน่งดวงดาว ณ วันที่เราเกิด เป็นแผนที่ของชีวิต แต่คนที่เกิดวันเดียวกัน ก็ไม่ใช่จะมีดวงชะตาที่เหมือนกัน เพราะอะไร เพราะเรายังไม่ได้ระบุตัวตนเจ้าของดวงชะตานั้น จนกว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่า ลัคนา(ลั)   การตั้งดวง ว่าไปแล้วก็ยังมีอีกหลายตำรา เท่าที่ผมรู้ ก็มีอย่างน้อย 3 สำนัก แบ่งเป็น 1.ราศีจักร ก็คือแผนที่ดวงดาวที่เราเห็นกันบ่อยๆ แล้วเอาเวลาเกิด มาเทียบกับดวงอาทิตย์ว่า ห่างไปกี่องศา และเรียกจุดนั้นว่า ลัคนา(ลั) เมื่อรู้ลัคนาอยู่ที่ไหน ก็จะไล่ชื่อ(หมวดหมู่)ไปตามลำดับจนครบ 12 ราศี ใช้แผนที่นี้(หรือเรียกว่า ดวงชะตา)ในการทำนายทาย/ทัก   2.นวางค์จักร์ อันนี้จะเขยิบขั้นตอนการวางตำแหน่งดาวมาอีกขั้น โดยเอาตำแหน่งของดวงดาว มาแปรค่าให้เป็นระยะทางเทียบกับแม่ธาตุทั้ง 4 (ไฟ-ดิน-ลม-น้ำ) อันนี้ผมใช้เหมือนกันแต่เป็นเพียงการใช้บอกคุณภาพของดวงดาวแต่ละดวง   3. สิบลัคนา อันนี้ผมแทบไม่รู้เลย เท่าที่รู้ คือนอกจากเทียบเวลาเกิดกับอาทิตย์แล้ว ยังเอาตำแหน่งดวงดาวอื่นๆมาเทียบอาทิตย์ด้วย(มั้งนะ ไม่แน่ใจ) จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:21:36

ความคิดเห็นที่ 67 อย่างผม ใช้ราศีจักร์ร่วมนวางค์จักร์ และใช้ทักษามาทายในกรณีที่บางคำถามไม่มีในโหราศาสตร์ไทย เราก็ต้องใช้ด้านอื่นมาแปลร่วมด้วยอ่ะคับ การทำนาย ใช่ว่าได้เวลาเกิดมา จับผูกเป็นแผนที่เราบอกเลยว่าจะเกิดนู่นนี่นั่น จะต้องผ่านการพิสูจน์ก่อนว่า ดวงชะตานี้ใช่ของเค้ารึป่าว(ยืนยันว่ามันสามารถอ่านอนาคตของคนนั้นได้รึป่าว) พิสูจน์ยังไง ก็ด้วยการอ่านอดีตที่มันเกิดไปแล้ว ว่าเกิดขึ้นจริงรึป่าว ถามว่าลักษณะนิสัย เค้าเป็นแบบนี้รึป่าว ถามนู่นนี่นั่น ถ้าใช่ ก็แปลว่า นี่แหละดวงชะตาเค้า(เราเรียกดวงชะตาที่ว่านี้ว่า ดวงเดิม) หลังจากนั้น ก็ค่อยทายอนาคตจากดวงดาว ณ เวลาต่างๆ (วันนี้ เดือนนี้ เดือนนั้น ปี...) (อันนี้เราเรียก่า ดวงจร) จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:35:59

ความคิดเห็นที่ 68 คราวนี้มาถึงคำถามของคุณเกลือจืดที่ว่า --แต่ผมกำจัดตัวแปรเรื่องสถานที่ด้วยการเปลี่ยนให้ทุกคนมากลายเป็นตำแหน่งดวงดาว-- ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยครับ ไม่เข้าใจครับ ผมหมายถึงว่า ด้วยขั้นตอนของการผูกดวงนั้น ผมไม่ได้แบ่งคน(โหราจารย์ท่านอื่นๆก็ด้วย) ไม่ได้แบ่งคนด้วยขั้นตอนง่ายๆที่ว่าเกิด 16 มค.-16 กพ. เป็นราศีมังกร อันนี้มันคือหมอดูนิตยสาร ที่เค้าอาจมีเทคนิคต่างๆ อันนี้ไม่ทราบได้ แต่ถ้าเป็นนักโหราศาสตร์จริง จะผ่านการผูกดวง ซึ่งแปลว่า ทุกดวงชะตาจะถูกย้ายแกนมาอยู่ที่ เสาหลักเมือง กทม เป็นตัวตั้ง แล้วจึงตั้งเป็นดวงชะตา ถามว่ามีการบันทึกมั๊ย ลองดูได้ครับ หมอดูหลายคน รวมถึงผมด้วย ก็เก็บดวงชะตาที่ดูแล้ว(เค้าอนุญาต) ไว้ เวลาตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้าเดินไปสู่ตำแหน่งอื่น ถ้ามีคำแปลที่มันต้องทัก ผมก็ไปบอกเค้านะ(หลายคนก็ทำแบบผม) จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:43:35

ความคิดเห็นที่ 69 จะถามว่า เป็นสถิติมั๊ย ผมเองเคยสงสัยเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยขำอาจารย์ที่ปรึกษาผมคนนึง ดร.วินัย อวยพรประเสริฐ ซึ่งจบ ป.เอกด้านวิศวกรรม สาขา Structural Reliability (สาขาแห่งความน่าจะเป็น+สถิติ จ๋าเลยทีเดียว) ซึ่งคิดว่า ก็แม่นยำในเรื่องของสถิติไม่น้อย ก็ยังศึกษา(ผมเรียกว่าชำนาญเลยละ) โหราศาสตร์สากล(ยูเรเนียน) รวมถึงอาจารย์ที่ปรึกษาของเค้าที่เยอรมันก็เช่นกัน แต่ก็อย่างที่บอก ผมว่ามันเหมือนความรู้รอบตัว เมื่อเรารู้(รู้มากกว่าคนอื่น) ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง (ดีกว่าไม่รู้) ขออภัยที่ต้องอ้างถึงอาจารย์ตัวเองโดยไม่ได้(ขอ)รับอนุญาต จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:57:01

ความคิดเห็นที่ 70 ท้ายนี้ โหราศาสตร์ ผมแบ่งออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ ภาคคำนวน และ ภาคพยากรณ์  (บางคนเพิ่มภาคพิธีกรรม) ผมทำได้แค่ภาคพยากรณ์เพียงอย่างเดียว ส่วนภาคพิธีกรรมนั้นไม่เคยสนใจ (ไม่รู้+ไม่สน) หมอดูแต่ละคนก็มีความชำนาญ บางคนอาจทำได้ครบทุกภาค แต่ผมทำได้แค่ภาคพยากรณ์จิงๆ ประสบการณ์ในการเจอของหมอดูแต่ละคนอาจแตกต่าง บางคนหลอกลวงก็มี แต่บางคนอาจรอดพ้นจากอันตราย อันนี้ก็คงแล้วแต่ละคับ ตัวใครตัวมัน ผมไม่อยากให้คนที่ด่ากราด(ไม่รู้เพราะอะไรหรือเพราะอกหักจากหมอดู หรืออาจเคยหมอดูชายล่วงละเมิดทางเพศ หรืออะไรก็แล้วแต่) เหมาเข่งด่าไปซะทั่ว อยากด่าใคร ก็ให้แมนๆ ด่าไปเลย และบอกเหตุผลด้วย แต่นี่เล่นท้าจากภาพของหมอดูอีที พอเค้าไม่รับ(จะรับได้ไง ก็เค้าไม่รู้ เค้าเล่นพันทิป/อ่านภาษาไทยออกซะที่ไหน) ก็ท้าวสะเอวหัวเราะลั่น ว่าหมอดูทั้งโลกโกหกพกลม ลวงโลกอะไรทำนองนี้ ถามหน่อย ถ้ามันทำนายอนาคตไม่ได้ ทำไม MIT หรือสถาบันต่างๆในประเทศที่เทคโนโลยีล้ำโลกทั้งหลาย ไม่ตั้งเวทีประจานไปเลยละคับ???? ปล.ความเชื่อส่วนตัวของผมนะ ผมว่าโหราศาสตร์มันไม่ใช่ความรู้ที่เกิดขึ้นจากมนุษย์บนโลก แต่น่าจะถ่ายทอด(รับถ่ายทอด)มาจากที่อื่นอ่ะคับ แต่จากไหนอันนี้ไม่รู้.... จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:08:38

ความคิดเห็นที่ 71 คนที่ทำนายได้จริง แม่นจริง ไม่ต้องโฆษณาอวดอ้างว่าใครมาดู ใครเป็นลูกศิษย์ ก็มีคนช่วยบอกต่อๆกันเอง จากคุณ : LazyOx เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 08:20:24

ความคิดเห็นที่ 72 หมอดูที่แม่นเหมือนจับวางก็มีครับ ท่านโกญทัญญะไงครับ ทายว่าพระราชกุมารจะได้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็แม่นจริงๆ ศาสตร์ทุกแขนงเขาก็มีประโยชน์ มากบ้างน้อยบ้างทั้งนั้นแหละครับ เพื่อนผมก็เป็นหมดดูตาทิพย์เหมือนกัน (แต่เขาไม่ได้ไปออกทีวีที่ไหน) เป็นแค่นักภาวนาในอาชีพหลัก และดูหมอให้เฉพาะเพื่อนๆเป็นงานอดิเรก ค่าดูก็ไม่คิดครับ ดูฟรี วันก่อนเขาโทรมาคุยกับผมว่าเร็วๆนี้ผมจะได้พระผงที่มีพลานุภาพสูง ถัดมาซักอาทิตย์หนึ่งได้พระปิดตาอังคารหลวงปู่โต๊ะครับ รับพระมาขนลุกซู่เลยครับ เอาน่า... อะไรๆมันก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้นในโลกใบกลมๆนี้ครับ สรุปว่าแยกย้ายกันไปภาวนาทำให้วัฏฏสงสารสั้นลงกันดีกว่ามั๊ยครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 08:36:23

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านไปอ่านมา ..ก็ไม่ทำให้วงการหมอดูเสื่อมลงหรอก หมอดู ก็มีทั้งดี เเละไม่ดี เหมือนทุกอาชีพเเหละ ... พวกมีวิชาอยู่ในมือเเล้วเอาไปหากินให้เสื่อมก็มี คนมาดูดวงบอกเองว่า ยินดีมาให้หมอดูกู้กำลังใจมากกว่าจะไปคุยกับจิตเเพทย์ เพราะจิตเเพทย์ทำงานตามเวลา คิดตังค์ตามสเตป ไม่มีคำปลอบใจใดๆให้ บางเรื่องคนดูเขาก็เลือกเอง ที่จะมาตรวจสอบชะตา กับใคร หรือ ทุกข์เเล้วอยากจะเล่าให้ใครฟัง ลางเนื้อชอบลางยา... พวกที่บอก วิชาโหราศาสตร์ เป็นเดรฉานวิชา ไปอ่านดีๆ ทุกวิชาที่เรียนเเหละ ที่ไม่เป็นไปเพื่อความรู้เเจ้ง นิพพานนั้นก็ใช่หมด แสดงว่า พวกคุณเรียน เดรฉานวิชากันมาทั้งนั้น ... นบนอบไม่ งง ตัวเองเหรอ ที่พูดอ่ะ.. มัวเเต่มานั่งหน้ำดำคร่ำเครียดอยู่กับ ด่าวิชาโหร วิชาดูดวง เลยเถิดจากประเด็นหลักไป คงจะเป็นทางให้พ้นทุกข์กันเนอะ!!!!!! จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 10:00:09

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นด้วยกับกระทู้นะคะ แต่ว่าคุณคิดลึกไปรึเปล่า คนตั้งเขาก็มีสิทธิ์ตั้ง ดิฉันก็อยากพิสูจน์เหมือนกัน ถ้าคิดอีกแง่ จากคุณ : FirstLadyFern เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 14:00:59

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่รู้สิ ....ผมขอตอบคามความรู้สึกตัวเองนะ 1. กระทู้ที่คุณรถเรณู, คุณกระป๋องทอง และท่านอื่นตั้งนั้น ไม่ได้ผิดอะไร พวกเขาก็แค่ อยากพิสูจน์ว่าหมอดูคนนั้นสามารถพยากรณ์ได้แม่นยำจริงหรือไม่? ส่วนเรื่องเงินรางวัล ผมว่าดีออก ผมมองว่าเขามี spirit ไม่เอาเปรียบหลอกใช้งานฟรี แฟร์ดี กล้ารับคำท้าก็กล้าให้ ไม่รู้สิ ผมชอบแบบนี้นะ 2. ส่วนที่ทำให้โกรธไม่พอใจกันคือคำพูดเหยียดหยามวิชาพยากรณ์ต่างๆที่แทรกมาเป็นพักๆ ผมเองในฐานะนักโหราศาสตร์ก็อ่านแล้วรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน แต่... - ยอมรับหรือไม่ว่าโหราศาสร์ และวิชาพยากรณ์อื่น ไม่ใช่หนทางหลุดพ้น  (จริงๆก็ทุกสาขาวิชาในโลกปัจจุบันแหละนะ) การไปเพ้อพกฝากชีวิตไว้กับโชคชะตา  มันถูกต้องแล้วหรือ? - ยอมรับหรือไม่ว่าวงการหมอดูมีมิจฉาชีพมากเหลือเกิน ทั้งหลอกลวง ตุ้มตุ๋น มือถือสาก  ปากถือศีล แถมยังเอาวัด/พระ/ทำบุญ/ปฏิบัติธณรม มาบังหน้าให้เสื่อมเสียอีกต่างหาก - ยอมรับหรือไม่ว่าพวกญานทิพย์ อวดอ้างมีอภิญญา อิทธิฤทธิ์ มากอบโกยชื่อเสียงเงินทอง จากคนทุกข์ยากไร้ทางออก ให้ลุ่มหลงงมงายหลงผิด แทนที่จะหาทางออกชีวิตด้วยพระธรรม ดังนั้นผมขอตอบกลางๆว่า "ใจเขาใจเรา" นะครับ ต่อให้เขียนด่า คุณรถเรณู, คุณนบนอบ และท่านอื่นๆ คิดหรือว่าพวกเขาจะเปลี่ยนความคิดจากการไปด่าเขา ตั้งกระทู้มาด่าพวกเขาดีไม่ดีตัวเราก็ติดโทสะจริตไปด้วย รังแต่ให้กิเลสครอบงำจิตเปล่าๆ ดังนั้นวิธีที่ผมคิดว่าดีกว่าคือ การรู้จักให้อภัยกัน ยังไงๆก็กัลยาณมิตรธรรมกัน คุยกันดีๆ ผมว่าก็พอผ่อนปรน ปรับความเข้าใจกันได้ครับ ขอบคุณครับ มิ้มเฒ่า จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 14:16:36

ความคิดเห็นที่ 76 อย่างน้อย สมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทย ก็อยู่ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ พระองค์ทรงมีเหตุผลอย่างแน่นอน จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 16:14:15

ความคิดเห็นที่ 77 ทำนายไม่้ได้ก็อย่าฝืนบอกว่าทำได้เลยครับ... จากคุณ : drama creator เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 01:52:23

ความคิดเห็นที่ 78 อิอิ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 03:31:14

ความคิดเห็นที่ 79 ขอขอบคุณท่าน JEA ครับ ขอบคุณท่าน มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) ขอบคุณท่าน สติ ในโลกของความจริง ความคิดที่ไม่ตรง ล้วนสามารถ discuss กันได้ ขออภัยบางครั้งผมก็หลุดเหมือนกัน โดยเฉพาะกับคำอ้างว่าหมอดูเป็นสถิติ ถ้ากลับไปพิจารณาในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น ก็มีเรื่องของโหราศาสตร์คือ ตอนที่พระเยซูบังเกิด ก็มีโหราจารย์มาจากทิศตะวันออก จุดที่ผมอยากเน้นคือ เรื่องของบันทึกที่มีอยู่นั้นว่า มีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงมีลักษณะเช่นไร มีการลำเอียงในการบันทึกหรือไม่ อีกประการ ศาสตร์ทุกศาสตร์ เมื่อวันเวลาผ่านไปพอสมควร ศาสตร์เหล่านั้นควรมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ และดีไปเรื่อยๆ คำถามคือ ทำไม ศาสตร์ของหมอดู และโหราศาสตร์ จึงไม่มีการพัฒนาที่ดีขึ้น มีคำอ้าง(และน่าจะเป็นเช่นน้้น) หมอดูและโหราศาสตร์อาจจะมีอายุกว่า 4000 ปี (ผมเดาว่ามีมาตั้งแต่สมัยเริ่มอารยธรรมของจีน) กว่า 4000 ปีมานี้ ถ้าศาสตร์นี้สามารถวัดได้จากจุดสังเกตต่างๆที่อ้างได้จริง ปานนี้การพยากรณ์ ก็น่าจะแม่นยำ และดีกว่าปัจจุบัน เราได้ยินเรื่องคำพยากรณ์อย่างแม่นยำของพระโหราจาร์พ่อของศรีปราชญ์ แต่ปัจจุบันสิ่งที่เล่านั้น กลับไม่มีใครทำได้อีกเลย สมัยก่อนผู้สังเกตมีเพียง สองตา และความรู้ถูกๆผิดๆเรื่องดาราศาสตร์ ปัจจุบัน เรามีกล้องดูดาว มีความรู้เรื่องระบบดาราศาสตร์ที่ถูกต้อง ทำไม วิชาหมอดู หรือ โหราศาสตร์กลับไม่ก้าวหน้า เรามีประชากรมากขึ้น(สำหรับกลุ่มดูราศีจากหน้า จากวันเกิด) มีระบบประชากรดีขึ้น ดีกว่าสมัยโบราณมากกว่า 10 เท่า ทำไมวิชาการพยากร์เหล่านั้น ยังไม่ก้าวหน้าครับ ??? จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 08:19:56

ความคิดเห็นที่ 80 เรื่องความไม่ก้าวหน้าของศาสตร์แห่งการทำนายอนาคต สำหรับผมก็มีหลายส่วน ซึ่งก็เห็นด้วยว่ามันไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย 1.เพราะมันก็คงมีข้อจำกัดของตัวมันเอง เหมือนกับคณิตศาสตร์เองก็หยุดการเติบโต แต่เปลี่ยนมาเป็นเทคโนโลยีการคำนวน ลองสังเกตซิครับว่าหลังจากเรามีแคลคูลัส เราไปเกิดแขนงแห่งคณิตศาสตร์อื่นใดอีกต่อไปเลย 2.ความรู้ด้านโหราศาสตร์ไทย แต่เดิมมีข้อจำกัดอยู่แต่ในวงสังคมชั้นสูง (ในรั้วในวัง) ซึ่งกว่าจะมีโหราจารย์ได้หนึ่งคนนั้นโคตรยาก เพราะต้องเป็นทั้งภาคพยากรณ์และภาคคำนวน ไอ้ที่ผมใช้ยังแค่การจดจำในส่นการพยากรณ์ โดยปัดส่วนการคำนวนไปเป็นหน้าที่ของผู้พิมพ์ปฏิทินมาขาย การคำนวนปฏิทินก็เพิ่งจะมาทำขายให้ใช้กันเก่อ ก็ในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมาด้วย ก่อนหน้า คนจะเป็นโหราจารย์ไทยได้ ก็ต้องเรียนการคำนวนทางเดินของดวงดาว สมการทางเดินของดวงดาว อย่างน้อยก็น่าจะเป็นวงรี ในรูปแบบ x2+y2 แต่การคำนวนเรายังเป็ฯการ+ - อยู่เลยครับ มันเป็ฯความรู้ที่ปรับแก้กันไป แต่ก็ไม่ใช่ก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เพราะปัจจุบันก็มีการพยายามนำเอาดาราศาสตร์ปัจจุบันมาใช้กันแล้ว(แต่บางส่วน เช่นผม ยังคงยึดรูปแบบทางเดินตามหลักเก่า) 3.นักพยากรณ์ส่วนใหญ่(รวมผมด้วย) ยังไม่รู้หลักการพยากรณ์ครบถ้วนถูกต้อง เราได้รับการถ่ายทอดกันมาหลายต่อ หลายสาย ด้วยลักษณะของการถ่ายทอดวิชาแบบตะวันออก คือมักไม่ถ่ายถอดกันหมด มีการหวงวิชาเพื่อถ่ายทอดให้คนที่ถูกคัดเลือก ทำให้นับวัน หลายเทคนิค หลายเคล็ดวิชา ก็ตายตามโหราจารย์ไป เหลือทิ้งไว้แต่บางส่วนของคำทำนายให้ชนรุ่นหลังมานั่งแกะนั่งเดากันก็มี นับวันความรู้ก็ยิ่งหดหาย อาจจะเรียกว่าโชคดีด้วยซ้ำที่ยังพอเหลือวิชาให้พวกผมไว้ดูอยู่บ้าง แต่ถ้าโหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน ผมว่าเค้าเดินไปไกลกว่าไทยมากพอสมควร มีการนำเสนอทางวิชาการเป็นเรื่องเป็นราว เพราะทิศทางการใช้มันเหมือนการขับด้วยโหรทั้งโลก แต่ของไทยเราก็ใช้กันภายในประเทศเท่านั้น โอกาสในการนำเสนอทางวิชาการก็แคบลงไปด้วย แต่ก็มีอยู่สม่ำเสมอนะ(วงเล็กๆ) ในห้องย่อย(กระดานชนวน) ก็เคยได้ยินว่า มีงานวิจัย งานดีเซอเตชันระดับปริญญาเอก มีผู้เชี่ยวชาญที่เป็ฯระดับผู้ตรวจงานวิาการที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ หรือผู้ที่เขียนโปรแกรมต่างๆ ก็น่าจะเป็นยุคแห่งการพัฒนาด้านโหราศาสตร์ไทยแบบก้าวกระโดด เพราะนำเอาเทคโนโลยี และระเบียบเชิงตัวเลขมาจับกับศาสตร์ของการพยากรณ์ มีการนำศัพท์บัญญัติแห่งโหราศาสตร์มาอธิบายเป็นศัพท์บัญญัติของคณิตศาสตร์ บางทีผมก็เพิ่งรู้ว่าที่แท้มันคือคำนี้เอง ทุกวันนี้ ทำได้คือหาอ่าน/รวบรวมเทคนิค เคล็ดคำทายต่างๆ แล้วเอามาสังเกตกับดวงชะตาที่เก็บ คนที่ดู ซ้ำๆๆไปเรื่อยๆ ถ้ามันเกิดบ่อย ก็ค่อยเอามาทายต่อ ผมว่า หมอดูทุกคนก็น่าจะใช้วิธีเดียวกันกับผมละคับ ปล.เขียนบนพื้นฐานของความรู้โหราศาสตร์ไทยส่วนตัวของผมเท่านั้น ไม่อาจใช้เป็นเหตุ/ผลในการปรามาสใดๆแก่ศาสตร์ของการพยากรณ์ใดๆนะคับ จากคุณ : JEA เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 09:51:24

ความคิดเห็นที่ 81 ผมบอกตรงๆ ว่าอยากให้มีการพิสูจน์ เพราะผมก็อยากรู้ ว่าไอ้ตาทิพย์ มันจริงหรือปลอม แต่ วิธีการ ของ รณเรณู มันไม่ใช่การชักชวนให้คนมาพิสูจน์ แถมเมื่อไม่มีคนมา ยังไปดูถูกคนอีก เทียบไม่ได้กับกรณีของหมอเจ เลย รายนั้นติดต่อไปตรงๆ ไม่มาตั้งกระทู้ท้าทายดูถูกคนแบบนี้ จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 15:51:34

ความคิดเห็นที่ 82 โดยส่วนตัวแล้วเกลียดหมอดูยังกับขี้ คห.ส่วนตัวนะ ^__^ จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:25:52

ความคิดเห็นที่ 83 เรื่องหมอดูนี่ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หมอบอกว่าผมจะมีธุรกิจส่วนตัว ฟังแล้วขำ เพราะ 1 ผมไม่มีหัวทางนี้เลย 2 ถ้ามีแล้วใครดูแล ภรรยา ภาษาไทยไม่แข็งแรง ผ่านมา ตอนนี้ ลาออกจากงานเพื่อช่วย ภรรยาดูแลธุรกิจที่เธอสร้างมากับมือ ถ้ามันไม่มีความเป็นไปได้อยากทราบว่า เค้ารู้ได้อย่างไร ครับ จากคุณ : Jedcon เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:42:08

ความคิดเห็นที่ 84 กลัวการพิสูจน์ความจริง ก็ทำเป็นเล่นลิ้นว่า "ใช้เงินดูถูกคน" คนที่ "ดูถูกความเป็นคน" คือใครกันแน่ ลองตรึกตรองดูให้ดี ระหว่าง 1. หมอดู ที่หากินกับความไม่รู้ของคน หลอกลวงเอาเงินผู้อื่นไปปรนเปรอความสุขตัวเองด้วยคำทำนายที่ไม่ได้มาจากการรู้เห็นอนาคตจริง แต่เป็นการปั้นแต่งเรื่องเพื่อหลอกให้หลงเชื่อและเสียทรัพย์ 2. คนที่ต้องการพิสูจน์ความจริงของศาสตร์นี้ เพื่อทำให้ไม่มีคนที่ถูกหลอกให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ไม่หวังลม ๆ แล้ง ๆ เพื่อจะผิดหวังรุนแรงขึ้นอีก อย่ามาเล่นลิ้นซ้ำอีกว่าหมอดูที่รู้จริงมีอยู่ แต่เขาไม่แสดงตัว เพราะมันเป็นตรรกะปัญญาอ่อน คือจะโม้อะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ห้ามพิสูจน์ เพราะเดี๋ยววิชาเสื่อม การพิสูจน์เป็นเรื่องไร้สาระ เป็นการกระทำที่ไม่เกิดประโยชน์ ฯลฯ บลา บลา บลา น้ำท่วมทุ่งน่ารำคาญเปล่า ๆ ครับ บอกตรง ๆ ว่าอย่ามาตัดช่องทางทำมาหากินของเหลือบไรสังคมอย่างคุณก็ได้ ไม่ต้องอายหรอก จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:57:41

ความคิดเห็นที่ 85 คนที่ดูหมอ เป็นคนอ่อนแอ ขาดที่พึงทางจิตใจ จากคุณ : gaylove เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 22:23:16

ความคิดเห็นที่ 86 ปูเสื่อรอนานแล้วคร้าบบบ    ส่งนักมวยขึ้นชกซะทีสิครับ กินข้าวโพดคั่วรอหมดไปหลายถุงแล้ว แล้วมีมั๊ยนักมวยที่จะชก ? ทั้งผู้ท้าชิง และ ผู้ถูกท้า  ถ้ายังแหยงๆแหยะๆกันอยู่ พรุ่งนี้ผมจะ UP คลิป ไอ้ลาย กับ ไอ้แดง มาให้ดูคั่นเวลาแล้วกัน   มันทั้งคู่เป็นหมาหน้าปากซอยบ้านผมเอง มันกัดกันแทบทุกวันครับ จากคุณ : กามศักดิ์์ ณ พิเรนทร์ทลาย (KAMSUK) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:33:02