ความคิดเห็นที่ 1 "เชื่อว่าในรูปมีวิญญาน" คำสอนของอิสลาม เชื่อว่าหลังจากตายไปวิญญาณจะถูกสอบสวน ถ้าผู้ทำไม่ดีจะถูกทำโทษส่วนคนที่ทำดีจะใด้พักในหลุมฝังศพ จนกว่าจะถึงวันพิพากษา เพราะฉะนั้นตรรกกะที่เพื่อนคนนี้ของจขกท.บอก "ผิดและมั่ว" ครับ จากคุณ : Lyuk! เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:01:03

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านเพลินเลยครับ จากคุณ : via iPhone (Vees) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:02:49

ความคิดเห็นที่ 3 เล่นเอาเพื่อนหลายคนบ่นเซ็ง มีแต่ชาร้อนชาเย็น กับน้ำอัดลม บาระกู่ ก็ลองสูบดู ว้าว! ทำไมมันสบายใจอย่างนี้ เจ้าของบ้านบอกผสมหญ้าสบายใจ หญ้าอะไรกัน สูบแล้วสบายใจ คุยกันสนุกกว่ากินเหล้าเสียอีก ที่สำคัญ กินข้าวกับแกงจนอิ่มแบบไม่รู้ตัว ไม่เคยกินอะไรอร่อยอย่างนี้มาก่อน อันนี้ ท่าทางจะ บาราฮา แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 09:24:16 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:23:37

ความคิดเห็นที่ 4 อ่ะนะ จขกท จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:33:41

ความคิดเห็นที่ 5 เอ้อ... แต่ใน MV ดันมีซะงั้นนะคะ แปลกดี นาทีที่ 4:22 แถมทำท่าเหมือนยกมือไหว้ด้วยรึเปล่า? ไม่แน่ใจค่ะมองจากด้านหลัง จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 09:57:16

ความคิดเห็นที่ 6 ผมพูดประจำว่า จะแต่งตัวไปมากมายทำไม เครื่องประดับแบกกันมาเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ ถ้าผมเป็นใจรจะเลือกปล้น ขบวนขันหมาก มุสลิม ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน แต่ขอเตือนไว้ ขบวนขันหมาก มุสลิม มี ปืนพกทุกคัน 55555 บ้านผม รับน้องสะใภ้ วันที่ 9 เดือนหน้า ผมบอกว่า อย่าเป็นตู้ทองเคลื่อนที่จะส่งซิกให้โจรไปปล้น โตะลาแบ เบื่อ ข้าวหมก กุรุหม่า มัสหมั่น แกงเปรี้ยว มักมาก ไปงานไหนก็เจอ ผมเลยให้เลี้ยงอาหารไทยนี่แระครับ จะพิเศษหน่อย ผมจะชงชาอินเดีย ให้ดื่ม สูตรมีดั่งนี้ คือ - ต้มนมสด โดยมีเปลือกไม้ และลูกกาวาน พร้อมใบสาระแหน่ลงไป -ต้มน้ำอีกหม้อ พอ น้ำเดือด เอาชา BOH TEA ใส่ลงไป ต้มจนชาออกสีเข้ม กรองกากชาออก -จากนั้นเอานมสดที่ต้มจนเดือดเทลงไป ผสมกัน เอานมข้นหวาน เติมลงไป ชิมรสดูพอหวานปะแล่มๆ พอแระ เราจะได้ชา กลิ่นเปลือกไม้ แถม แก้ปวดท้องด้วยใบสาระแหน่ ส่วนเรื่องรูปภาพ มีอธิบายมามากในเวบแห่งนี้ ขอพาส ให้ท่านอื่น อธิบายนะครับ เพราะผมชักหิวชาแระ จะไปชงดื่มเช่นเดียวกัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:01:17

ความคิดเห็นที่ 7 ท่าน แมวเก้า แต้ม ในฐานะที่ทำอาชีพออกาไนซ๋เซอร์ ออร์กาไนซ์เซอร์เมืองไทยพลาดหลายเรื่อง ขาดความรู้อีกมากมาย ในภาพยนต์ เป็นการยกมือขอพร แต่ ผิดหลักการศาสนา ที่ไปขอพรต่อรูป ภาพ ในหลวงท่านทรงพระประชวร ที่โรงพยาบาลศิริราช ไปถวายพระพร คำนับพระบรมฉายาลักษณ์ กัน โดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ กันมากมาย ในหลวงท่านทรงเข้าพระทัย ว่าพสกนิกรมุสลิมนั้นกระทำแบบนี้ไม่ได้ ปล ได้มีการตักเตือนกันแล้ว ช่วงหลังนี้ไม่ได้เห็นกันอีกเลย แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 10:09:35 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 10:07:40 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:07:14

ความคิดเห็นที่ 8 คห.1   อ่านดูดีๆ ครับ "ถามว่าเพราะอะไร เขาก็ตอบไม่ได้ เพียงเชื่อตามกันมาว่าในรูปมีวิญญาณ เลยไม่กล้านำมาติดข้างฝา หรือมีเหตุผลอื่นอย่างไร รบกวนผู้รู้เข้ามาตอบ.. " เจ้าของกระทู้เค้าก็บอกอยู่แล้วว่า เพื่อนเค้าตอบไม่ได้ เพียงแต่เดาเอาหรือสันนิษฐานเอาเอง   เจ้าของกระทู้อยากได้คำตอบที่ถูกต้อง เลยเข้ามารบกวนผู้รู้้ช่วยตอบ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:56:59

ความคิดเห็นที่ 9 แม่บอกว่าไม่ให้เอารูปสิ่งมีชีวิตมาติดไว้ในบ้าน เพราะ มาลาอีกะฮฺ(ทูตแห่งความดี) จะไม่เข้าบ้าน ทำให้บ้านเราไม่มีบารอกัต(ความเป็นสิริมงคล(เค้าแปลว่าประมาณนี้ป่าวไม่แน่ใจ)) ส่วนหลักฐาน ก็รอท่านผู้รู้ทั้งหลายมาตอบละกันนะค่ะ ^^ จากคุณ : เด็กแม่น้ำ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:19:46

ความคิดเห็นที่ 10 ที่จริงเรื่องการไม่ติดรูปคนมาจากหะดิษ ที่นบีฉีกเหตุจากนางอาอีชะถือรูปนั้นเสมือนเป็นตน จึงสั่งห้าม อาจจะฟังกำปั้นทุบดิน แต่ใช่ครับ อิสลามเค้าไม่ส่งเสริมรูปเคารพ รวมถึงต่อต้านเจว็ด มันเป็นการล่อให้สร้างภาคีได้ เพียงแต่ผู้ขาดการศึกษาก็จะเข้าใจอีกแบบ แต่นั่นแหละครับ ตามที่ จขกท. เล่า บ้านเรามีมุสลิมดั้งเดิมที่อยู่ร่วมกันมาอย่างเป็นสุข และกระแสใหม่ที่เข้ามาพร้อมๆกับวัฒธรรมอาหรับและใหม่ๆ เราเลยเห็นอะไรแปลกหูแปลกตา เช่น ใส่โต๊บแต่ดันคลุมสูท ไม่รู้ว่า ฝรั่ง รึ แขก นี่ดีว่าตะแกไม่นุ่งโสร่งทับด้วยจะได้ครบทุกภูมิภาค ปล.พี่จิมครับ แนะนำ "แหนมเนืองไก่" ครับ งานกินบุญบ้านเพื่อนผมทำอร่อยกว่าหมูซะอีก เสียอย่างเดียวต้องติดป้ายหน่อยว่ากินเช่นไร ผมเข้าไปที่แรก เว๊าะ โต๊ บัง นั่งกินกันหน้าเหย ตะแกเล่นเอาแป้งเจ๊าหย่อดิบๆไม่แช่น้ำห่อ แล้วบ่นว่าแข็ง แต่พอทานเป็น เหอะ ยกตั้งๆกันแทบไม่ทัน ยิ่งมีปลาทอดกรอบๆนะ ซี๊ดเลยครับ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:22:42

ความคิดเห็นที่ 11 "จากอบูฏ๊อลหะฮ์สหายท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ท่านร่อซุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า แท้จริงมะลาอิกะฮ์นั้นจะไม่เข้าบ้านที่มีรูป บุสร์กล่าวว่า หลังจากนั้นท่านเซดได้ป่วย พวกเราจึงไปเยี่ยมเขา ทันใดนั้นที่ประตูบ้านของเขามีผ้าม่านซึ่งมีรูปอยู่ในมันด้วย ฉันจึงกล่าวกับอุบัยดิลลอฮ์บุตรเลี้ยงของท่านหญิงมัยมูนะฮ์ภริยาท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า ในวันแรกท่านเซดมิเคยบอกเล่าเราเกี่ยวกับบรรดารูปดอกหรือ? อุบัยดิลลาฮ์กล่าวว่า ท่านไม่ได้ยินเขาดอกหรือ ในขณะที่เขาได้กล่าวว่า นอกจากสิ่งวาดเขียนในเสื้อผ้า" รายงานโดยบุคอรี (5501) ท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ กล่าวอธิบายว่า "ท่านอิบนุอัลอะร่อบีย์กล่าวว่า สรุปเรื่องการทำเป็นรูปขึ้นมานั้น คือแท้จริงหากบรรดารูปเป็นสิ่งที่เป็นรูปร่าง(มีชีวิต) ย่อมเป็นสิ่งที่ฮะรอม(ต้องห้าม)โดยมติ(อิจญ์มาอ์)ของปวงปราชญ์ แต่สำหรับประเด็นบรรดารูปที่วาดเขียนนั้น มี 4 ทัศนะ หนึ่ง : อนุญาตโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ เพราะถ้อยคำที่ชัดเจนในหะดิษบทนี้ที่ว่า "นอกจากสิ่งวาดเขียนในเสื้อผ้า" สอง : ไม่อนุญาตโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งภาพวาดเขียนก็ตาม สาม : หากภาพยังคงอยู่ในสภาพที่อยู่เป็นรูปร่างได้นั้น ถือว่าฮะรอม และหากตัดศรีษะออกหรือทำให้ส่วนอวัยวะต่าง ๆ แยกจากกัน ถือว่าอนุญาต ซึ่งท่านอิบนุอัลอะรอบีย์กล่าวว่า ทัศนะนี้ถูกต้องที่สุด สี่ : หากเป็นสิ่งที่ไม่ต้องให้เกียรติแต่ประการใด(เช่นทำเป็นหมอนและทำเป็นผ้าปู เป็นต้น) ถือว่าอนุญาต และหากเป็นสิ่งที่ใช้แขวน ถือว่าไม่อนุญาต" (ดู หนังสือฟัตหุลบารีย์ อธิบายหะดิษที่ 5501) ผมได้อ่านเจอเรื่องนี้จากหนังสือบทนำกอมูสอัลมัรบาวีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ซึ่งเป็นปทานุกรมภาษามาลายู ซึ่งท่านอัลมัรบาวีย์ ได้อธิบายเรื่องนี้ไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งท่านได้ให้น้ำหนักว่า หากเป็นรูปวาดของสัตว์ถือว่าอนุญาตให้กระทำได้ เช่นรูปวาดของสัตว์ที่นำมาประกอบในหนังสือปทานุกรม โดยส่วนหนึ่งท่านได้อ้างหลักฐานจากหะดิษดังกล่าวข้างต้น ซึ่งท่านอัลบัรบาวีย์ได้สรุปหลังจากอ้างบรรดาหลักฐานจากหะดิษดังกล่าวว่า "บรรดาหะดิษเหล่านี้และหะดิษอื่นเช่นเดียวกันนี้ บ่งชี้ว่าอนุญาตให้วาดเขียนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพถ่ายที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถูกพิจารณาว่ามันเป็นเพียงแค่เงาที่เกิดขึ้นด้วยกับการสร้างของอัลเลาะฮ์ เสมือนกับภาพที่อยู่ในกระจกเงา ซึ่งมิใช่เป็นการทำให้เป็นรูป(ร่าง)ขึ้นมาจนกระทั่งถูกห้ามเลย ยิ่งกว่านั้น ท่านอัลค๊อฏฏอบีย์ ได้กล่าวว่า : แท้จริง ผู้ที่วาดเป็นรูปทรงของสัตว์นั้น ฉันหวังว่ามันไม่ได้เข้าไปอยู่ในการสัญญาจะลงโทษนี้ เพราะมันไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเพียงการวาดเท่านั้น วัลลอฮุอะลัม ( บทนำกอมูสอัลมัรบาวีย์ หน้า ط ) والله تعالى أعلى وأعلم http://www.sunnahstudent.com/forum/archive.php?topic=1305.0   จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:23:36

ความคิดเห็นที่ 12 "อะไรที่ทำได้ก็ทำ  อะไรที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ” ในหลวงทรงตรัสเพราะทราบว่า มุสลิมนั้นกราบผู้ใดไม่ได้เลย จะทำให้ตกศาสนา(มุรตัด) จึงทรงตรัสเพื่อให้ท่านวันนอร์ ไม่ต้องเกร็ง ทำตามหลักศรัทธาที่ตัวเองยึดถือ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อตอนนำรัฐธรรมนูญปี 2540 ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ผมเป็นมุสลิม ถึงผมไม่ได้กราบไหว้บูชารูปที่มีทุกบ้าน เพราะมันผิดหลักศาสนา แต่ผมก็รัก ให้เกียรติ และก็นำเอาวิถีพอเพียงของท่านมาใช้ ซึ่งมันสอดคล้องกับอิสลามเหลือเกิน จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:57:42

ความคิดเห็นที่ 13 พูดถึงแกงเปรี้ยว พอดีวันนั้นเพื่อนเขาฝากแกงมาให้แม่บ้าน เป็นแกงปลาโอ ใส่มะเขือยาว มีเครื่องเทศผงกระหรี่ หอมอร่อยมาก ไม่มีกลิ่นคาว โทรไปถามเพื่อนก็บอกไม่รู้สูตร รู้แต่แกงกระหรี่ปลาใส่มะเขือเปรี้ยวมะเขือยาว เห็นว่าพ่อครัวอยู่ถนนตกโน้น ใส่ใบผัดแกงหอมมาก(ใบอะไร) ถามพี่จิมหน่อย พอจะรู้สูตรแกงกระหรี่ปลามะเขือยาวบ้างไหม จะลองแกงกินเอง ห้องศาสนากลายเป็นห้องอาหารมุสลิมไปแล้ว คงไม่ว่ากันนะ .. จากคุณ : ตาลโตน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:19:20

ความคิดเห็นที่ 14 ท่านตานโตน ได้เลยครับ แต่จะหาใบดาระจา ได้ยาก ใบดาระจา หรือใบกาลาปูเร หาได้ในสุสานอิสลามเท่านั้น ใบนี้จะออกรสเปรี้ยวขื่นๆ แกงเปรียวจริงๆต้องมีถั่วเขียวซีกปนลงไปด้วย กินน้ำแรก ไม่อร่อยต้องอุ่น จริงๆแกงดาราจา ให้อร่อย ต้องแกงกับตับแพะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ แกงกะหรี่หัวปลา (Kari Kepala Ikan) หรือแกงดาราจา มีสูตรคร่าวๆดังนี้ ครับ น้ำพริกแกงกะหรี่(แบบสด) 150 กรัม ถ้าใช้เครื่องแกงกะหรี่ผงให้เพิ่มหอมแดงกระเทียม และขิงสดตำให้ละเอียด ผสมกับเครื่องแกงกะหรี่ผง จะทำให้เครื่องแกงเข้มข้นขึ้น กะปิ 1 ช้อนชา ให้ใช้กะปิเคยนะครับ หอมแดงซอย 10 หัวใหญ่ อบเชย 1 แท่ง ลูกเฮ้น 4-5 ลูก เนย(กี)สำหรับผัด ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำมันพืช ใบกะหรี่ หรือ ใบดาราจา   ถั่วดาลต้มเปื่อย น้ำมะขามเปียก กะทิ 1 กล่อง (ไม่ใส่ก็ได้) เกลือ ผักที่ใช้สำหรับแกง เลือกเอาชอบผักไหนใส่อันน้้นไม่จำกัดครับ หอมใหญ่ มันฝรั่งต้ม มะเขือเทศ พริกชี้ฟ้าทั้งเม็ด ถั่วฝักยาว กระเจี๊ยบ มะเขือยาว  เป็นพระเอกเลยครับ ผัดหอมแดงซอยกับเนยจนเหลือง ใส่อบเชยกับลูกเฮ้น เอาน้ำพริกแกงกะหรี่ลงไปผัด ตามด้วยกะปิ ถ้าใส่หอมแดงทอดกรอบลงไปผัดด้วย จะทำให้เครื่องแกงหอมยิ่งขึ้น ผัดจนเครื่องแกงแตกมัน ถ้าเครื่องแกงแห้งให้เติมน้ำเล็กน้อยพอขลุกขลิก ใส่ไก่ลงไปผัด พอเนื้อสัตว์ เริ่มสุกรูดใบกะหรี่  หรือ ใบการาปูเร ลงไป ใส่ถั่วฝักยาวปล่อยไว้จนถั่วเริ่มสุก ใส่ผักที่เหลือ หอมใหญ่ มันฝรั่งต้ม มะเขือยาว มะเขือเทศ พริกชี้ฟ้า กระเจี๊ยบ เติมน้ำ 1 ถ้วย ปิดฝารอจนผักสุก ต้องคอยดูหน่อย  ระวังน้ำแห้งไป พอผักเริ่มเปื่อยใส่ถั่วดาลที่ต้มเปื่อยไว้แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก เกลือ สำหรับคนที่ชอบแกงใส่กะทิ ก็ให้ใส่กระทิตามไป แต่ของผม ใส่ นมสด คาร์เนชั่น หน้าตาใบกาลาปูเร ใบกระหรี่ ดั่งที่ผมเอามาแปะ ไม่รู้จะไปสุสานไหน ไปสุสานมหานาค มีอยู่ต้นเดียว ปลูกบนกุโบร์น้าเขยผมเองอายุของมัน 50 ปีแระ ต้นเบ้อเหิ่ม ไปบอกว่า เจ้าของเค้าอนุญาตแระครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:09:55

ความคิดเห็นที่ 15 ใบการาปูเล จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:10:41

ความคิดเห็นที่ 16 อ้อลืมบอกเทคนิค เนื้อสัตว์ทุกชนิด ผมจะหมัก ด้วยนมเปรี้ยว โยเกริต ส่วนใหญ่โยเกริตผมทำเอง โดยเอานมสดมาบีบมะนาว ทิ้งไว้ 1คืนกลายเป็นโยเกริตครับ สำหรับเนื้อปลา โอ หรือ ปลาทูน่า ให้นำไปต้มก่อน หรือทอด พอขนาดมิเดี่ยม  เพราะเวลาแกงเนื้อปลาจะได้ไม่เละ ไม่น่ารับประทานครับ ปล สำหรับท่าน itoursab  ต้องมีหนังพองด้วย หรือ แคบวัว หาซื้อได้ตามร้านขายของฝากจากเชียงใหม่ มุสลิม ฮ่อ เป็นคนทำจำหน่าย จิ้ม กับน้ำพริกหนุ่ม อร่อยเหาะ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 20:28:14 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 20:26:31 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:21:53

ความคิดเห็นที่ 17 #8 คุณรัษฎา ครับ ? ตกลงยังไง ? เพราะผมยังไม่ได้ว่าอะไร จขกท. เขาเลย แล้วผมก็ตอบจขกท ไปแล้วว่าเพื่อนเขาตอบมั่ว คำตอบนั้นน่ะ คือมุสลิมเชื่อว่าวิญญานผู้ตายไปรอในหลุมฝังศพ ไม่ใช่มาสิงอยู่ในรูปไงครับ .... ??? จากคุณ : Lyuk! เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:36:41

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับพี่จิม copyแล้วปริ้นให้แม่บ้านไปแล้ว ส่วนใบการาปูเล มีเพื่อนหลานอยู่สุเหร่ายะวา บางรัก เขาว่าที่บ้านเขาปลูกไว้ พรุ่งนี้จะลองแกงดู ไม่รู้รสชาดจะเหมือนเจ้าตำรับไหม จะมารายงานครับ.. จากคุณ : ตาลโตน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:02:22

ความคิดเห็นที่ 19 แกงดาราจา ก็มาจากคำว่าแกงดาล ภาษาอินเดีย ดาล แปลว่าถั่ว เมื่อเป็นแกงถั่ว ถั่วก็คือพระเอก อย่าลืมใส่ ถั่ว เยอะๆนะครับ จะทำให้น้ำแกงเข้มข้น   จริงไแล้วแกงนี้เป้นแกงสำหรับพี่น้อง ฮินดุ ของเราเลยปราศจากเนื้อสัตว์ กะปิ ไม่จำเป็นก้ไม่ต้องใส่ ก็ได้ รสเปรี้ยว จะได้ จากโยเกริต น้ำมะนาว และจากใบกะราปูเล แต่คนไทยเราเอามาประยุกตร์ โดยใช้น้ำมะขามเปียก และความเค็มปะแล่มๆ และมีกลิ่นปลาจาก กะปิ แกงดาล ของเดิม จาก มีต้นหอม ตัดเป็นท่อนๆ และ ผสมรสชาติหน้าตาด้วยมะเขือเทศ ลุกเล้ก ให้มะแหลกไปกับน้ำแกงโดยการต้มเปื่อย ผมชอบทำกับข้าว ผมชอบ ร้องเพลง เพราะผมคิดว่ามัน คือศาสตร์ และ ศิลป ในคราเดียวกันได้ลับสมอง และได้เรียนรู้การผสมผสาน กันของ เครืองปรุงต่างๆ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 08:20:09

ความคิดเห็นที่ 20 ท่านตาลโตน เมื่อท่านเอ่ยถึง มัสยิดยะวา ก็เลยนึกถึงขนมจาร้อ และประวัติชุมชน มัสยิดยะวา มีประวัติหน้าสนใจ ผมขออนุญาต แตกประเด้น ไปเพื่อบอกเล่าประวัติศึกษา และวัฒนธรรมขนมนมเนยนะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 08:29:09

ความคิดเห็นที่ 21 ตามอ่านด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินครับ ผมว่าลักษณะร่วมของคนไทยทุกศาสนาคือชอบของกินอร่อยๆครับ จากคุณ : กายใจ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 08:51:35

ความคิดเห็นที่ 22 ใบกระหรี่...ที่บ้านผมก็มีครับ...ปลูกขึ้นง่าย...โตเร็ว... ก็เพิ่งทราบว่า..เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า...ใบการาปูเล่... ขนมที่ยะหวา...เรียกว่า...จาร้อ...แถวบ้านผมเรียก...ปิงเก้อ...ครับ... ฟังพี่จิมอธิบาย...แกงกระหรี่ปลาโอ...สูตรเดียวกันเลยครับ...ทำให้อยากทานขึ้นมา...ว่าแล้วเสาร์นี้จัดไปเลย จากคุณ : Crescent ) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:59:33