Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฮะดิษ ในกล่องดำ.. ความเข้าใจในมุมมองของผม ติดต่อทีมงาน

ทักทาย

หลังจากที่ลุงแมทท์ และคุณแครอท ได้พูดถึงฮะดิษในมุม ของแต่ละท่านไปแล้ว
ผมเองหลังจากที่ห่างหายไปนานในประเด็นนี้ ก็ขอพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเล็กน้อย
เพื่อแลกเปลี่ยนภาพของจุดยึด ที่แตกต่างกันในโลกของอิสลาม
อัลกุรอานและ ฮะดิษ สำหรับเพื่อนๆต่างศาสนา
ผมขอเข้าเรื่องสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟเพื่อให้เพื่อนต่างศาสนิกเข้าใจ
ใครทราบแล้วก็ผ่านประเด็นนี้ไปย่อหน้าอื่นได้เลยครับ




อัลกุรอาน ฮะดิษ และโลกอิสลาม

อิสลาม มีคัมภีร์ชื่อว่าอัลกุรอาน ซึ่งมุสลิมยึดถือเป็นหนึ่งเดียวกัน
ในคัมภีร์นั้น มุสลิมทุกคนใช้เป็นธรรมนูญชีวิต.. และในคัมภีร์เล่มนั้น
สั่งใช้ให้เราปฏิบัติตามอัลกุรอานและศาสดา  เมื่อสิ้นศาสดา เหล่านักวิชาการศาสนาอิสลามก็ได้รวบรวมบันทึกเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านศาสดา และใช้ระบบคัดกรองของโลกอิสลามเพื่อบอกว่าอะไรคือ จริยวัตร หรือ เหตุการ์ณ ที่ท่านศาสดา กระทำบันทึกเล่มนั้น เรียกว่าฮะดิษ ซึ่ง ในฮะดิษก็จะมีระบบคัดกรองต่างๆ และ แปะป้ายว่านี่น่าเชื่อถือ หรือ นี่ไม่น่าเชื่อถือ แตกต่างกันออกไป

ปัญหาคือ?
ปัญหาคือความเชื่อมโยงที่ระหว่างอัลกุรอาน และ ฮะดิษในความเป็นจริง อัลกุรอานสั่งใช้ให้เราเรียนรุ้และปฏิบัติตามวิทยปัญญาและอัลกุรอานอีกหนึ่งคือ ให้ปฏิับัติตาม คุณธรรม ของท่านศาสดา รวมทั้งเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจแต่อัลกุรอานหรือวัจนะจากพระเจ้านั้น ไม่ได้มีอายะห์กำกับหรือสั่งใช้ให้ทำฮะดิษ เพื่อบังคับใช้ในโลกอิสลามหรือ มีอำนาจใดๆเท่าเทีียมวัจนะของพระองค์ในอัลกุรอาน    การนำมาบังคับใช้ในปัจจุบันหรือยึดว่านี่เป็นจริงหรือไม่จริงนั้นเป็นการตัดสินใจของนักวิชาการศาสนาที่ถูกคัดสรรค์กันในโลกอิสลาม รวมทั้งใช้เรื่องประวัติความดีงามของบุคคลในการยืนยันความถูกต้อง และสิ่งที่ทำให้ ฮะดิษดูเหมือนมีความสำคัญอย่างสุงสุดคือ วิธีการละหมาดที่ถูกต้องตามแบบอย่างท่านศาสดา (ตามความคิดเห็นของปราชญ์โลกมุสลิม ถึงแม้ในบางพื้นที่ของประเทศไทยยังมีการถกเถียงกันเรื่องท่าทางการละหมาดก็ตาม) ประเด็นนี้ทำให้ฮะดิษ กลายเป็นอีกหนึ่ง แหล่งข้อมูลจากพระเจ้าที่สำคัญที่สุดในสายตาโลกอิสลาม อย่างไรก็ดี จุดนี้เองที่ทำให้เกิดคำถาม มุมที่แยกออกว่า อำนาจของพระองค์ ถูกส่งต่อไปให้นักวิชาการอิสลามหรือไม่?แง่มุมที่เกิดขึ้นคือ เมื่อท่านศาสดาสิ้นแล้วอะไรคือสายเชือกหลักจากพระเจ้า?ในทรรศนะที่ต่างกันนี้ จึงเกิดความแตกต่างทางความเห็นว่า
1.อัลกุรอานคือสายเชือกหลักจากพระองค์ 
2.อัลกุรอาน  และ ฮะดิษที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดตามความเห็นของนักวิชาการศาสนาระดับสูง คือ สายเชือกหลักจากพระองค์

สถานะของฮะดิษในปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศไทย

ฮะดิษนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอิสลามอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะมุสลิมบ้านเราหลายคนรุ้จักฮะดิษ และชำนาญฮะดิษมากกกว่าการใช้อัลกุรอานเสียอีก เนื่องจาก ฮะดิษถูกแปลเป็นภาษาไทย ที่เข้าใจได้  ถูกเรียนถูกสอน(แต่ห้ามสงสัยหรือไม่เห็นด้วยว่าฮะดิษบทนั้นมีสาระหรือไม่?)และ สังคมมุสลิมโดยเฉพาะในประเทศไทย ได้รับการสอนว่าอย่าคิดแปลหรือ พยายามทำความเข้าใจอัลกุรอานด้วยตัวเอง(ต้องฟังจากผู้รู้เท่านั้น หรือต้องเข้าโรงเรียนตามกฏเกณฑ์ซะก่อน ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้ก็สอน และมีรุปแบบสอนและวิธีคิดต่อฮะดิษเหมือนกัน)ย่ิงทำให้การเรียนรู้ฮะดิษ มีความสำคัญ หรือมีพลังมากขึ้นไปอีก ฮะดิษเข้าไปมีส่วนและเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีชีวิตของมุสลิม พัฒนาเป็นประเพณีและวัฒนธรรม จนหลายสังคมไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยซ้ำว่า ความเชื่อนี้ มีต้นทางมาจากไหน ? และเพราะอะไรเช่นถ้าถามว่า ความเชื่อท้องถิ่นที่บอกว่ามุสลิมห้ามทาเล็บ มาจากไหน ...การควานหาต้นตออายะห์ที่พอจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  สำหรับมุสลิมทั่วไปยากกว่าการตามหาฮะดิษเสียอีก อย่างไรก็ดีในรายละเอียดเหล่านี้ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย หรือ มากแล้วแต่ สภาพสังคม มุสลิมแต่ละที่ของโลกนั้นก็มีความแตกต่างของการเชื่อมโยงฮะดิษเข้ากับวิถีชีวิต และ นั่นทำให้โลกมุสลิม ต่างๆกันออกไป นั่นเอง






ฮะดิษในกล่องดำ และความเข้าใจของผม

ผมเล่าภาพรวมสังคมโลกมุสลิม ฮะดิษ และอัลกุรอานตามความเข้าใจของผมนะครับเพื่อให้เพื่อนๆที่ งงๆ ว่าอัลกุรอานคืออะไร ฮะดิษคืออะไร และกำลังเถียงเรื่องอะไรกันพอเห็นภาพทีนี่มาถึงความคิดของผมบ้าง อย่างที่ทราบ หลักคิดของผมยังเป็นแบบเดิมคือ

 "อัลกุรอานสั่งให้เราทำตามท่านศาสดา ไม่ได้บอกว่าให้เราทำตามบันทึกประวัติศาสนาที่นักวิชาการอิสลามคัดสรรค์มา ดังน้น ฮะดิษสำหรับผม เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ศาสนา ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น มันไม่ใช่เรื่องของถูกผิด แต่เป็นเรื่องของสิทธิอำนาจของพระเจ้าที่ล้นเกินมายังนักวิชาการศาสนา และการเชื่อมโยงกับอายะห์อัลกุรอานที่บิดเบี้ยว"

1.มีดีกว่านักวิชาการอิสลามหรือ ?

หลายท่านอาจจะมองว่า ผมเองมีดีอะไรกว่านักวิชาการศาสนาผู้ช่ำชองหรือ ? 
จริงๆแล้วผมไม่ได้ดูแคลนนักวิชาการเหล่านี้ แต่สิ่งที่ผมกำลังพูดถึงคือ เรื่อง " สิทธิ หรือ อำนาจของพระเจ้า " อัลกุรอานเอง ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า เป็นวัจนะจากพระองค์อย่างไม่ต้องสงสัย  .. แต่ฮะดิษ เป็นเรื่องเล่าที่ถูกรวบรวมจากนักวิชาการเก่งๆ(ในมุมมองของสังคม)   ไม่่มีอะไรทำให้ความจริงข้อนี้เปลี่ยนได้  ถึงแม้การสอนในโลกอิสลามจะสอนว่า "ฮะดิษบางบทคือเรื่องจริงของนบีก็ตาม "  ซึ่งทุกท่านก็ทราบว่า อัลกุรอานทุกอายะห์ที่นำมาเชื่อมโยงกับความคิดเห็นนี้ ล้วนบอกให้เราตามท่านศาสดา ไม่ใช่ฮะดิษ  มุสลิมย่อมต้องไม่ต่อเติมอัลกุรอาน .. ไม่ว่าจะด้วยความคิดเห็นหรืออะไรก็ตาม  การบอกว่า "อัลกุรอานให้ตามนบี และ ฮะดิษคือการตามนบีที่ดีที่สุด" ประโยคแรกเป็นข้อเท็จจริง ประโยคหลังเป็นข้อคิดเห็น ประโยคแรกมีอัลกุรอานรองรับ แต่ประโยคหลังไม่มีในอัลกุรอาน เมื่อนำมารวมกัน จึงเป็นอะไรไม่ได้นอกความจริงที่บิดเบี้ยวไป.. อัลกุรอานไม่ได้ให้สิทธินักวิชาการในการอ้างว่าเรื่องเล่าใดๆ เป็นเรื่องจากพระเจ้า... ดังนั้นการคัดค้านความเห็นนี้ คือ  เรื่องของสิทธิอำนาจของพระเจ้า ที่ล้นเกินออกมา ไม่ใช่เรื่องความสามารถหรือดูแคลนนักวิชาการ หรือความดีงามของใคร ซึ่งผมไม่เห็นด้วย   เมื่ออัลกุรอานไม่ได้ สั่งใช้ ให้ทำ และไม่ได้ห้าม..  ย่อมหมายความว่าเราสามารถทำหรือไม่ได้ทำก็ได้    แต่ที่ชัดเจนคือ  ไม่มีใครมีสิทธิเอาฮะดิษที่ตัวเองเชื่อ มาชี้วัดความเป็นมุสลิม หรือกำหนดว่าใครอยุ่ใครตายโดยอ้างพระเจ้า ซึ่งปัจจุบันสิทธิและอำนาจเหล่านี้อยุ่ในมือนักวิชาการศาสานา ในรูปของการฟัตวาหรือการให้คำตัดสินหรือไม่? เราใช้ชื่อของนักวิชาการทางศาสนาในการอ้างถูกผิดทางศาสนาต่อผู้อื่นแทนที่จะใชัอัลกุรอานหรือไม่?เราบูชานักวิชาการหรือ เราฟังและเรียนรู้จากวิชาการ? คือประเด็นที่ผมสนใจและขัดแย้ง

2.การไม่เชื่อ ไม่ใช่หมายความว่าไม่ฟัง? ไม่จำเป็นต้องเป็นขาวหรือดำ

อย่างที่ทราบในฮะดิษ มีหลากหลายเรื่องราว ดังนั้น ประเด็นของเรื่องนี้จึงไม่ใช่การปฏิเสธทั้งหมดหรือ การเชื่อทั้งหมด ฮะดิษเหมือนกล่องดำ ล้วงไปเจอบางเรื่องเป้นประโยชน์กับภาพรวม และหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้ เช่นการละหมาด (ถึงแม้มุสลิมหลายๆท่านในที่นี้ ละหมาดเป็นโดยไม่ต้องพึ่งฮะดิษเลยก็ตาม เพราะมีพ่อแม่คอยสอน) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในกล่องดำนั้นจะต้องเป็นเรื่องดีๆ หรือ เป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้นการอ้างการละหมาดเพื่อยึดเอาความชอบธรรมของฮะดิษในการดึงสิทธิของพระเจ้าลงมาที่นักวิชาการอิสลาม จึงเป็นเรื่องที่กระทำไม่ได้  ดังเช่นในบ้านมีคนอยุ่สิบคน มี3คนเป็นคนดี อีก 6 คนเป็นโจร จะบอกว่า คนบ้านนี้เป็นคนดี  ดูเหมือนจะเป็นการเหมารวมที่มัดมือชก หรือ เป็นการบิดเบี้ยวของความเป็นจริง ซึ่งไม่สามารถกระทำได้นั่นเอง .. ดังนั้นสำหรับผม จึงมองฮะดิษเป็นกล่องดำ เลือกหยิบสิ่งที่ทำให้ทุกอย่าดีขึ้น หรือ สาระประโยชน์หรือวิทยปัญญาความรู้โบราณ ที่มีประโยชน์มาใช้ โดยไม่เผลอไปบูชาว่ามันมีฐานะ เกินเลยบันทึกประวัติศาสตร์
หรือนำมากำหนดสิทธิ ความเป็นมุสลิมหรือความเป็นความตายของใครนั่นเอง

3.ข้อผูกมัดที่แก้ไม่ได้

ผมเองได้มีโอกาสศึกษาอายะห์ที่มีประเด็นสองเรื่องคือ เรื่อง การขโมยและชู้  และเห็นภาพการขยายขอบเขต ของฮะดิษและนักวิชาการอิสลามว่าทำให้ รูปแบบการจัดการเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างไร? ในอัลกุรอานนั้นประเด็นเหล่านี้มีความสมบูรณ์ครบถ้วนในตัวมันเอง และ สามารถนำไปบังคับใช้ได้ ถึงตอนนี้ผมเองยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึงจำเป็นต้องนำฮะดิษ(ซึ่งคัดโดยคน และ มีสถานะที่ค้านไม่ได้) มาต่อเติมเข้าไปอีก การต่อเติมดีขึ้นหรือเลวลงไม่เท่าประเด็นที่บอกว่าเมื่อเติมเข้าไปแล้วแก้ไขไม่ได้ หรือกว่าจะแก้ไขได้ก็ผ่านไปหลายปี อย่างกรณี คดีโบยผุ้ถูกข่มขืนเพราะความไม่ยืดหยุ่นของกฏหมายเป็นต้น จะเห็นได้ว่า การนำฮะดิษที่เชื่อมั่นว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์มาเชื่อมเข้ากับหลักกฏหมายนั้น หรือ หลักการตัดสินเชิงสังคมนั้น จะทำให้การปรับเปลี่ยนหรือพัฒนา แทบจะหยุดชะงัก เพราะไม่มีใครค้านสถานะความสูงส่งของฮะดิษได้นั่นเอง การตีกรอบอย่างแน่นหนา จากการคัดสรรค์เรื่องในอดีตวิธีการตัดสินใจในอดีตซึ่ง นักวิชาการเชื่อว่าเป็นจริง ในมุมมองผมคิดว่าทำให้เกิดการหยุดชะงัก ของการพัฒนาโลกอิสลามอย่างค่อนข้างมีนัยยะอย่างคาดไม่ถึง


4.เรียนรู้ที่จะไว้ใจพระองค์อย่างแท้จริง..

ข้อนี้ ผมพึ่งนึกออกในตอนเช้าเป็นข้อสำคัญจึงขอมาเขียนเสริม... ในทางศาสนา เรื่องมีสองแบบคือ เรื่องระหว่างคนกับคน  และคนกับพระเจ้า  เรื่องความแตกต่างทางความความศรัทธาเป็นอย่างหลัง...กลับมาสู่พื้นฐานสามัญ เราเชื่อในพระเจ้า และความยุติธรรม ของพระองค์ อย่างไม่สงสัยจริงหรือไม่? ถ้าเราเชื่อเราต้องปล่อย ให้เรื่องทางศรัทธาที่แตกต่างนี้ไว้กับพระองค์  พื้นที่ฐานสำคัญที่สุดสำหรับมุสลิมคือ การศรัทธาในผู้สร้างและวจนะ ซึ่งสั่งใช้ให้เราส่งคืนความขัดแย้งกลับไปนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และสันติที่สุดในการรักษาศรัทธา  เจตนาที่ดี และเจตนาที่ชั่วแม้เพียงไรฝุ่นในทางศาสนา ย่อมถุกตอบแทน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปตัดสิน เรามีหน้าที่ชี้แจงด้วยสิ่งที่ดีกว่าเท่านั้น.. ไม่ความจำเป็นที่เราขอดุอาห์ เพื่อให้พระองค์ลงโทษระหว่างกัน เกลียดชังกัน หรือ การตัดสินด่าทอกันว่าใครเป็นหรือไม่เป็นมุสลิมบนความศรัทธาที่่ต่าง เพราะถ้าเราโยนเหรียญผิด หรือ เข้าใจเจตนาของผู้ที่เราด่าทอผิด เรื่องเหล่านี้ล้วนมีแต่ความเท่าทุนหรือขาดทุนเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเราตั้งแต่แรก..  มื่อเกิดความขัดแย้งทางศาสนาให้มอบสิ่งที่ดีกว่าความรู้ที่ชัดเจนกว่า ด้วยใจสันติ แล้วผิณหลังเรียนรู้ที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้พระหัตถ์ของพระองค์ คือขั้นตอนที่ดีที่สุด ที่จะถกเถียงเรื่องศาสนารียนรู้ที่จะไว้ใจการตอบแทนของพระเจ้าอย่างไร้ข้อกังขา  นั่นจะทำให้เราเดินบนเส้นทางสันติและแนวทางของอิสลามอย่างแท้จริง เรื่องใดที่เป็นกฏระเบียบบ้านเมือง เรื่องระหว่างคนก็ใช้กฏหมาย เรื่องใดเป็นเรืองศาสนาก็มอบให้เป็นการตัดสินใจของพระองค์เช่นนี้ สังคมมุสลิมจะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ถูกกรอบใดๆหรืออำนาจใดๆ ขวางกั้นอีก






สรุป

ก็พอหอมปากหอมคอนะครับแลกเปลี่ยนในประเด็นที่ไม่แลกเปลี่ยนมานาน     อย่างมิตรไมตรีถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าการแลกเปลี่ยนอย่างสุภาพนี้ จะทำให้เข้าใจว่าทำไมเราไม่ควร บอกว่าใครเป็นหรือไม่เป็นมุสลิม หรือ ใครควรตายด้วยวิธีไหน โดยอ้างฮะดิษนะครับ ท่านที่ไม่เห็นด้วยอย่างไรหรือ มีประเด็นอย่างไร ก็ขอให้แลกเปลี่ยนกันอย่างสุภาพ หรือถ้าผมเขียนผิดในประเด็นไหนท้วงติงมาได้ ผมคิด่าการพูดคุยกันครั้งนี้จะทำให้เรารุ้จักกันมากขึ้นอีกครั้ง  เมื่อเทียบกับสมัยก่อน .. รวมทั้งเพื่อนๆต่างศาสนิกด้วยนะครับ



ปล.แก้ไขย่อหน้าล้วนๆ
ปล2.เสริมเนื้อหาที่พึ่งนึกออก

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 12:59:52

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 10:20:41

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 10:20:14

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 02:03:52

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 02:02:15

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 01:43:54

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 01:41:27

แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 01:39:49

จากคุณ : Yaoharee
เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 01:34:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com