ถึงคุณ persimon โดยสาราณียธรรม
จริง ๆ เรื่องที่ผมถามไปถึงคุณหมีขาวยักษ์ ก็เป็นเรื่องที่ผมอยากจะรู้ ในเมื่อเราจะต้องมาพูดถึงเรื่องแก้ไขปรับปรุง ก็ต้องพูดกันถึงระดับการแก้ไขกันแล้ว ไม่ใช่พูดกันแบบลอย ๆ โดยไม่มีมาตรการดำเนินการอะไรเลย แล้วก็ปล่อยให้สังคมพุทธของเราเป็นอยู่อย่างนี้โดยไม่มีการแก้ไข แล้วก็คิดกันง่าย ๆ ว่า "ช่างมันเถิด เราแค่มาเล่นกระทู้ ไม่ได้ขึ้นศาล"
ถ้าพูดกันตามตรง ปัญหาที่ว่ากันอยู่ตรงนี้ ผมเองยังไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่าคุณจขกท. หรือก็คือคุณหมีขาวยักษ์ เขามุ่งอะไรกันแน่ คือเขามุ่งในระดับว่าเขาต้องการจะถาม "จะมีการแก้ไข" ได้ไหม หรือคุณ persimon ไปสรุปเอาเองว่าเขาต้องการเพียงแค่ถามภาพรวมๆ
ผมเองก็เลยอยากจะทราบประเด็นหลักตรงนั้น ว่า ตกลงคุณจขกท.กระทู้นั้นต้องการหลักการ และวิธีการในระดับไหน ถ้าหากคุณ persimon ได้พิจารณาแล้วว่า คุณจขกท.ท่านนั้นประสงค์เพียงแค่จะถามว่า "ได้" หรือ "ไม่ได้" คุณก็ตอบเพียงแค่ว่าได้หรือไม่ได้ ก็คงจะจบไปในแง่นั้น
เอาล่ะ แน่นอนว่าการตอบของผมที่พาดพิงไปถึงคุณ ผมเองก็ปากไวเกินไป จริงอยู่ว่านั่นเป็นสิทธิของคุณโดยเต็มที่ทีเดียว ที่ประสงค์จะตอบแค่ไหนก็ได้ ไม่อยากตอบก็ไม่ตอบ
แต่ในความเห็นของผม และสิทธิของผมเองที่ต้องการจะรู้ ผมก็อยากจะรู้ว่า "นี่นะ อะไรตรงไหนที่คุณหมีขาวยักษ์เห็นว่าบิดเบือนไหม น่าจะบอกมาให้ทราบกัน เราจะได้ช่วยกันแก้ไข ช่วยกันว่าให้เป็นไปในทางวิชาการ หรือในระดับการแก้ไข" อะไรก็ว่ากันไปตามตรง
ผมเองยังไม่ได้คำตอบจากคุณหมีขาวยักษ์เลย แท้จริงกระทู้นี้ผมตั้งมาเพื่อจะรู้โดยแท้จริงทีเดียวว่า คุณหมีขาวต้องการอะไรบ้าง และขอให้เขาเป็นผู้มาตอบด้วยตัวเขาเอง ในฐานะเจ้าของประเด็น
ถ้าเขาตอบว่า
"อ๋อ เปล่าหรอก ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันบิดเบือนตรงไหน ๆ แต่ผมได้ยินเขาว่ามาอย่างนั้น ก็เลยอยากรู้ว่ามันจะแก้ไขได้ไหม"
ก็โอเค ผ่านไป ไม่ว่ากัน
ถ้าเขาตอบว่า
"อ๋อ ผมรู้ว่ามันบิดเบือนตรงนั้น ๆ นะ ตรงนี้ปลอมปนนะ ตรงโน้นเสริมแต่งนะ นี่ เลยเอามาบอกกันให้ชัด แล้วอยากรู้ว่าเราจะย้อนกลับไปสู่ศาสนาพุทธแบบดั้งเดิมได้ไหม"
- โอเค อันนี้แสดงว่าคุณ(หมีขาว) มีข้อมูล มีการสืบค้นมา มีข้อเสนอเพื่อพิจารณา เราจะได้มาพูดกัน ต่อให้มันไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็มีข้อมูลดิบไว้ก่อน เพื่อจะได้เป็นข้อพิจารณาสืบเนื่องต่อไป หรือถ้าตรงนั้นที่เขายกมา และเขาเชื่อว่าบิดเบือน หรือเสริมแต่ง แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เราก็จะได้ว่ากันไปตามตรง ว่า เอ้อ ตรงนั้นนะคุณเข้าใจผิดอย่างนั้น ตรงโน้นคุณเข้าใจถูก ตรงนั้นคลาดเคลื่อน ตรงนี้ไม่ค่อยตรง อะไรก็ว่ากันให้ชัด ในบรรยากาศทางวิชาการ
ถ้าเขาตอบว่า
"เปล่าหรอก ผมแค่ถามเฉย ๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการให้เกิดการแก้ไข แค่อยากถามความเห็นเฉย ๆ"
อันนี้ก็จะได้ผ่านไป ไม่ว่ากัน (เหมือนข้อแรก)
คุณ persimon อาจจะคิดว่าผมเป็นพวกมีความรู้มาก แต่แท้จริงผมโง่จะตายไป เรียนภาษาอังกฤษก็สอบได้ 0 ทุกปี คณิตศาสตร์ก็เกรดเลวร้ายที่สุด คะแนนที่พอจะทำได้ดีบ้างก็คงเป็นวิชาพระพุทธศาสนา ที่สมัยเรียน ตั้งแต่ประถมถึงม.ต้น ไม่เคยได้ต่ำกว่าเกรด ๓ ผมจึงไม่คิดว่าตนเองเป็นพวกรู้มากอะไรตรงไหน ก็เป็นคนที่รู้เท่าที่ตัวเองรู้ (รู้เท่าไหนก็บอกได้เท่านั้น อะไรไม่รู้ก็ไม่รู้)
ส่วนที่คุณอาจจะคิดว่า ผมเป็นพวกยึดติดกับตำราหรือเป็นพวกอยู่แต่ในกรอบ ก็เลยคิดอะไรใหม่ ๆ ไม่ได้ อันนี้ก็คงเป็นสิทธิของคุณที่จะเห็นว่าเป็นอย่างนั้น
ผมเองก็ไม่คิดว่าผมเป็นพวกยึดติดกับตำรา หรือไม่ยึดติดกับตำราอะไรนะ ก็อยู่อย่างธรรมดา ๆ ส่วนใครจะเห็นว่าผมติดตำรา (หรือแม้แต่ติดพระไตรปิฎก) หรือไม่ ก็ย่อมเป็นสิทธิที่จะมองได้เช่นนั้น แต่ผมพยายามลองวินิจฉัยตัวเองดู ผมน่าจะเป็นพวกที่บอกว่า "ตำราว่าอย่างไร ก็พูดเท่าที่ตำราว่าไว้อย่างนั้น ส่วนความเห็นก็เป็นเรื่องของความเห็นที่จะพูดกันไปได้"
คล้าย ๆ กับว่าคุณ persimon ไปอ่านทฤษฎีศาสตร์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่นว่า ดาราศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์เป็นต้น เห็นว่า เอ้อ ตำรานี้นะ เขาเขียนไว้อย่างหนึ่ง
ทีนี้เราเห็นว่า เอ๊ะ ตำรานี้มันน่าจะผิด หรือไม่ค่อยถูกต้อง เอะ ไม่ตรงกับที่เราเคยทดลอง หรือเคยได้ยินมาจากอีกที่หนึ่ง หรืออะไรต่างๆ ก็ว่าไปเถอะ แล้วเราก็บอกว่า "ฉันว่าตำราเนี้ย ไม่ถูกต้อง ไม่ค่อยเป็นความจริง" ก็พูดกันไปได้ แล้วก็อาจจะคัดค้าน จะแต่งตำราคัดค้านขึ้นมาใหม่อะไรก็ว่าไป หรือว่าจะเสนอทฤษฎีใหม่ขึ้นมา ก็มีสิทธิที่จะทำได้ แต่ก็ทำได้โดยการทำขึ้นมาใหม่เอง โดยไม่ต้องไปยุ่งกับของเดิมที่เขามีอยู่
เหมือนอย่างคนที่อ่านพระไตรปิฎก แล้วบอกว่า "นี่นะ ฉันไม่เชื่อพระไตรปิฎก ฉันไม่เชื่อว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ เป็นอย่างนั้น ๆ จริง" แล้วเราก็แต่งคัมภีร์อันใหม่ขึ้นมา แล้วเสนอแก่คนทั่วไป หรือแก่ชาวพุทธก็ได้ ว่า "นี่ ตำรา ปัญจะปิฎก, ตำรา จตุปิฎก, เอกปิฎก ที่ฉันเขียนนี่ถูกต้องกว่า" หรืออะไรก็ว่าไป
โดยให้พระไตรปิฎก เป็นพระไตรปิฎกอยู่อย่างเดิม ใครจะศึกษาแค่ไหนอย่างไร เขาก็จะได้ศึกษาตามที่เป็นอยู่อย่างนั้น ถ้าเขาไม่เชื่อ ก็ไม่เชื่อ ก็วางพระไตรปิฎก หรือถ้าเป็นศาสนาอื่น ก็วางไบเบิ้ล วางอัลกุรอ่านไว้ แล้วไปอ่านไปเชื่ออย่างอื่นต่อไป ปล่อยให้คัมภีร์ของเขา ยังเป็นอย่างนั้นอยู่เอง ให้คนรุ่นหลังเขาได้มีโอกาสอ่าน แล้วก็จะได้ศึกษา ได้คิดได้วิเคราะห์กันต่อไป
ไม่ใช่บอกว่า "เฮ้ยไม่ถูก นี่ ไปแก้ไปโละข้อความตรงนั้น ๆ ในพระไตรปิฎกออกนะ แล้วเอาตรงนี้ใส่เข้าไป อันนั้นเกิน ต้องลบทิ้ง" แบบนั้นต้องเรียกว่า ใช้สิทธิเกินขอบเขต
ถ้าหากว่ามีคนที่ไปอ่านปรัชญาความคิดของอริสโตเติล แล้วบอกว่า "เฮ้ย ไม่ได้ ความคิดข้อนี้ของอริสโตเติลเนี่ยผิด ต้องลบทิ้ง แล้วเอาอันนี้ไปใส่แทน นี่สิดีกว่า เข้าถึงสัจจะความจริงได้ถูกตรงกว่า" คนรุ่นหลังก็จะไม่ได้อ่านปรัชญาของอริสโตเติล แต่ไปอ่านปรัชญาของใครที่ไหนก็ไม่รู้แทน
-----------------------------------------
ขอคั่นช่วงนิดหนึ่ง ผมเอง เคยไปถกเถียงเรื่องเกี่ยวกับการเสริมแต่งการยัด การเพิ่ม หรืออะไร ๆ ก็แล้วแต่ เกี่ยวกับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ในเว็บไซต์ของคนเสื้อแดง ก็เจอคนที่มีความคิดคล้าย ๆ คุณ persimon นี่แหละ (หมายถึงความคิดนอกกรอบ หรือไปทางวิทยาศาสตร์สังคมศาสตร์ ไม่ได้มุ่งแน่วเรื่องตำราทางศาสนา อะไรทำนองนี้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณ persimon มีความคิดอย่างไร ถ้าหากว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างนี้ ก็ต้องขออภัย) เขาก็บอกทำนองว่า นี่ พระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนานี่ มีการบิดเบือน เสริมแต่ง ตัดต่อ โดยการเกรงใจผู้มีอำนาจทางการเมือง อย่างนั้นอย่างนี้
ผมก็เลยถามว่า ตรงไหนข้อไหนบ้าง? แล้วผมก็ยกตัวอย่างเช่นกรณีพระเจ้าอชาตศัตรู ว่า นี่นะ ถ้าหากว่าพระสงฆ์ครั้งปฐมสังคายนาจะต้องเกรงใจพระเจ้าอชาตศัตรูจริง ทำไมถึงไม่ปลอมแปลงหรือเขียนพระไตรปิฎกให้มีเนื้อหาว่าพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นคนดีอย่างนั้น ๆ หรือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้บรรลุธรรม ทำไมไประบุว่า พระเจ้าอชาตศัตรูเคยฆ่าพ่อ ทำไมไประบุว่าพระเจ้าอชาตศัตรูจะต้องไปตกโลหะกุมภีร์มหานรก พระเจ้าอชาตศัตรูท่านจะไม่โกรธคณะสงฆ์เอาหรือ ว่า "อะไรกันเนี่ย ! ผมอุตส่าห์อุปถัมภ์การทำสังคายนา ทำไมพระคุณเจ้าจึงได้ระบุประวัติผมเอาไว้อย่างเสียหายเช่นนี้เล่า"
คุณผู้แสดงความเห็นท่านนั้นก็บอกว่า "แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องราวตรงนี้ มาบันทึกไว้ในสมัยปฐมสังคายนา" ผมก็บอกว่า "คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่ได้บันทึกไว้ในสมัยปฐมสังคายนา นอกจากความเห็นของคุณ" ข้อนี้ก็เป็นอันตกไป
คุณผู้แสดงความเห็นท่านนั้นว่าต่อไปอีกว่า "นี่ไงล่ะ ไตรภูมิพระร่วง หลักฐานชัดเจนที่ยืนยันว่า มีการแต่งคัมภีร์เพื่อรับใช้ระบอบกษัตริย์ ให้คนต้องยอมรับว่ากษัตริย์เป็นผู้มีบุญบารมีอย่างนั้น ๆ ต้องยอมรับนับถือ"
ผมก็เลยตอบไปว่า "ไตรภูมิพระร่วง ไม่ใช่พระไตรปิฎก และท่านผู้แต่งก็ไม่ใช่พระสงฆ์ แต่เป็นพระเจ้าลิไทท่านแต่งเอง ส่วนในไตรภูมิฯ จะมีบอกไว้ว่ากษัตริย์มีบุญบารมี ประชาชนห้ามเถียงหรือไม่ ผมเองก็ยังไม่พบอย่างนั้น ถ้าจะมีข้อความอย่างนั้น ๆ อยู่ ก็ขอให้บอกให้ทราบ
แต่ขอให้ทราบว่า ไตรภูมิพระร่วง ก็เป็นคัมภีร์ระดับปกรณ์วิเสส คือใครจะเขียนก็ได้ แต่หลักการในพระไตรปิฎกก็ยังคงมีอยู่ว่า กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร หรือคนเทขยะ ประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ย่อมเสมอกันในสวรรค์" (ส่วนถ้าไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ ก็อาจจะบอกได้ในระดับที่ว่า ย่อมเป็นคนดีเสมอกัน") แล้วก็กล่าวถึงหน้าที่และคุณธรรมของกษัตริย์ ว่าต้องมีจักรวรรดิวัตร มีทศพิธราชธรรม เป็นต้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ในพระไตรปิฎกยังคงเต็มไปด้วยหลักการที่ยืนยันว่า จะใคร ระดับไหน เป็นใคร ก็ต้องประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติไม่ดีไม่ชอบ ก็ล้วนเป็นคนไม่ดีทั้งนั้น ถ้ากษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ประพฤติปฏิบัติไม่ดี ไม่ชอบ ก็ล้วนเป็นคนชั่วทั้งนั้น ในเมือหลักการในพระไตรปิฎกยังคงเป็นอยู่อย่างนี้ ก็แน่นอนว่า พระไตรปิฎกไม่เคยเป็นเครื่องมือนักการเมืองที่ไหนในการแสวงหาอำนาจ แม้แต่ไตรภูมิพระร่วงเอง ก็ยังไม่สามารถลบล้างหลักการในพระไตรปิฎกที่ว่า จะวรรณะไหนก็เสมอกันโดยธรรม
---------------------------------
ผมยังไม่ได้ไปดูว่าในกระทู้นั้นมีการตอบเพิ่มอะไรอีกหรือไม่ เพราะเห็นว่าหมดประเด็นที่จะพูดแล้ว
สรุปแล้ว แม้แต่พระไตรปิฎกเอง ที่จะมีใครบอกว่ามีการบิดเบือนเสริมแต่ง โดยการยกย่องผู้มีอำนาจทางการเมืองในขณะนั้น ก็ไม่เคยมีปรากฏว่าจะมีข้อความอะไรอย่างนั้น
อย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่มีการรวบรวมพระไตรปิฎกบาลี จัดพิมพ์เป็นเล่มสมุดครั้งแรก ถ้าหากว่าจะมีการบิดเบือนโดยการใส่เรื่อง รัชกาลที่ ๕ เคยเกิดเป็นกษัตริย์ในครั้งพุทธกาลที่บรรลุโสดาบัน หรืออะไรทำนองนี้ ก็คงจะทำได้ เพราะเพิ่งรวบรวมเป็นเล่มสมุด ใครจะมีความคิดอกุศล จะไปเสริมแต่ง ก็คงทำได้ แต่ก็ไม่มีการทำอย่างนั้น
ข้อกล่าวหาที่จะบอกว่ามีการบิดเบือนปลอมปนโดยอาศัยผู้มีอำนาจทางการเมือง หลักฐานที่จะบอกได้อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรให้เห็นแจ้งชัด (ส่วนใครจะคิดนอกกรอบว่ามี ก็ขอให้เสนอความเห็นมา ว่ากันไปตามหลักวิชาการ)
หรือไม่ก็มีอิทธิพลลัทธิพราหมณ์ฮินดู ก็ไม่มีพูดถึง อย่างเช่นถ้าจะมีใครอ้างว่า นี่นะ ในพระไตรปิฎก มีข้อความที่ัศาสนาพราหมณ์ฮินดู ปลอมปนเข้ามา ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ควรนำมาเสนอให้ชัดว่าตรงไหน
> บางท่านก็บอกว่า นี่ไง ความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด นี่พราหมณ์ฮินดูปลอมเข้ามา แต่พอไปดูกันให้ชัด เรื่องนรกสวรรค์ที่มีกล่าวถึงในพระไตรปิฎกก็ต่างกันกับศาสนาพราหมณ์ อย่างพราหมณ์เชื่อว่าต้องบูชายัญอย่างนั้น ๆ ต้องฆ่าโคเท่านั้น ๆ ต้องมีพิธีกรรมอย่างนั้น ๆ แต่ข้อความในพระไตรปิฎกก็บอกชัดอยู่เองว่า พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธวิธีการเหล่านั้น แล้วตรัสถึงเรื่องการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา จนถึงมีอัปปมัญญาพรหมวิหาร เป็นอานิสงส์แรง ไปจนถึงการได้ญาณทัสสนะ การตัดกิเลส ไปถึงหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ตรงนี้ก็ยังมองไม่เห็นว่า ถ้าพราหมณ์ฮินดูมาปลอมปนจริง จะปลอมปนอะไรตรงไหน ทำไมไม่ปลอมเอาว่า พระพุทธเจ้าทรงเชื่อเรื่องบูชายัญ เรื่องจะไปสวรรค์ได้ต้องบูชายัญ จะไปนรกก็เพราะไม่มีบุตรชาย อย่างที่พราหมณ์เชื่อกัน
> หรืออย่างพราหมณ์เชื่ออาบน้ำลอยบาป ข้อความที่กล่าวถึง พระพุทธเจ้าที่แสดงธรรม ปรากฏในพระไตรปิฎก ก็ทรงคัดค้านเรื่องอาบน้ำลอยบาป ถ้าหากว่าพราหมณ์ฮินดูจะปลอมเข้ามา ทำไมไม่ปลอมเอาเรื่องอาบน้ำลอยบาปเข้ามาด้วยว่าพระพุทธเจ้าทรงยอมรับ ทำไมปล่อยให้มีข้อความว่าพระุพุทธเจ้าปฏิเสธอาบน้ำลอยบาป แถมยังปฏิเสธกับพราหมณ์แบบตรง ๆ เสียด้วย
> ถ้าจะบอกว่าพราหมณ์ฮินดู สามารถปลอมปนคำสอนอะไรไว้ในพระพุทธศาสนาได้จริง ๆ ทำไมจึงมีข้อความที่พระพุทธเจ้าตรัสตำหนิทางไปแห่งพรหมที่พวกพราหมณ์เชื่อถือเต็มไปหมด ว่าไม่ใช่ทางที่ตรงแท้ เป็นทางดำเนินไปผิด พวกฤาษีที่พราหมณ์อ้างก็ไม่รู้จักพรหม พระพรหมที่พราหมณ์เชื่อก็ไม่ใช่พระพรหม
> พราหมณ์ฮินดู เชื่อเรื่องการบูชาพระพรหม อ้อนวอนพระพรหม พระพรหมจะบันดาล แล้วทำไมกลับมีเรื่องในพระไตรปิฎกว่า "พระพรหม" องค์หนึ่ง ชื่อสหัมบดีพรหม ลงมาสอนคุณยายคนหนึ่ง ที่มีลูกเป็นพระอรหันต์ แต่คุณยายชอบบูชาพระพรหม ชอบอ้อนวอน จัดอาหารถวายพระพรหม สหัมบดีพรหมก็มาสอนคุณยายท่านนั้นว่า "นี่ยาย พระพรหมน่ะไม่ได้กินของแบบนี้ ยายไม่เคยเห็นพรหม ไฉนจึงมัวบูชาแต่พรหม ลูกของยายนี่แหละ เป็นพระอรหันต์ เป็นยิ่งกว่าพรหม ยายพึงถวายทานแก่พระลูกชายของยายดีกว่า"
> ถ้าหากพราหมณ์ฮินดูจะปลอมปนอะไร ๆ เข้ามาในพระพุทธศาสนาได้จริง ทำไมพราหมณ์ฮินดู ต้องลำบากตรากตรำมานั่งแต่งวิษณุปุราณะ ว่าพระวิษณุอวตารมาเป็นพระพุทธเจ้า แถมยังเป็นคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์ฮินดูเองด้วย ทำไมไม่แต่งยัดพรวดเข้ามาในพระไตรปิฎกตรง ๆ เสียเลยล่ะ? ต้องไปลำบากแต่งในคัมภีร์ประจำศาสนาของตัวเอง (คือของพราหมณ์ฮินดู) ไว้ทำถั่วหมักอะไร
> พราหมณ์เชื่อเรื่องพรหมสหัพพยตา (การรวมหนึ่งเดียวกับพรหม) เชื่อเรื่องอาตมัน ปรมาตมัน แต่พระพุทธเจ้าปฎิเสธหมด ตรัสว่า ไม่มีอะไรเป็นตัวเราของเรา สรรพสิ่งล้วนไม่ใช่ตัวตน เป็นอนัตตา ถ้าหากพวกพราหมณ์ฮินดูจะเข้ามาปลอมปนอะไร ๆ ได้จริง ทำไมไม่แอบมายัดพรวดเข้าในพระไตรปิฎกเสียเลย ให้พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นี่นะ สิ่งทั้งหลายเป็นตัวตน เป็นอาตมัน เราตถาคตและสาวกจะไปรวมกับพระพรหม" ทำไมปล่อยให้ข้อความที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา ยังมีอยู่เต็มไปหมดในพระไตรปิฎก ทำไมพราหมณ์ฮินดูผู้ปลอมปน จึง บรมเซ่อ ได้ขนาดนั้นล่ะหนอ??
อันนี้ผมเองก็พยายามจะวินิจฉัย แต่ถ้าคุณ persimon จะเชื่อว่ามีอะไรที่เป็นไปได้มากกว่านี้อีก ว่าพราหมณ์ฮินดูได้ปลอมปนมาจริงอย่างนั้น ๆ ก็น่าจะลองเสนอมาพิจารณากัน หรือปล่อยให้คุณหมีขาวยักษ์ได้เป็นผู้มาตอบเอง ก็น่าจะดียิ่งขึ้นไปอีก
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 55 00:24:39
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 55 00:19:25
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 23:57:50
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 21:57:30
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 21:53:07
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 55 21:50:38