จะอยู่ร่วมกับคนที่มีกิเลสหนาอย่างไร
|
 |
ผมได้ศึกษาหนังสือธรรมะ และำได้ปฏิบัตินั่งสมาธิ ได้ศึกษาว่าพระนิพพานมีจริงหรือไม่ มันอยู่ไม่ไกลตัวเลยแค่ตัดกิเลส รักษาศีล ทำจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ผมก็สัมผัสกับพระนิพานได้ มันเป็นความสุขอันลึกซึ้ง จิตใจที่ว่าง โปร่งเบาสบาย ความรู้ความคิดต่างๆ ที่ได้จากการทำสมาธิ มันระเอียดปราณีตจริงๆ มองโลกในแบบเป็นสภาวะธรรม คือแบบความเป็นจริงในทุกสรรพสิ่ง ว่ามีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มันวนเวียนอยู่ในความคิดของเรา ทำให้เรามีจิตใจที่เย็นสงบ อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมตลอดเวลา ทำให้ผมพูดน้อยลง จิตใจสงบ เป็นปิติสุข แล้วผมกลับมามองคนรอบข้าง พวกเขาล้วนแล้วแต่มีกิเลสหนา ยังคิดชิงชังกันอยู่ล่ำไป อยากได้โน้นอยากได้นี่ อยากรวย อยากมีแต่คนสรรเสริญตนเอง ชอบนินทากันอยู่ล่ำไป ยังคงยึดติดกับตัวตน ว่าอันนี้ของกู อันนั้นของกู ทั้งที่ทุกสรรพสิ่งเราครอบครองไว้ชั่วคราว ตายไปก็คืนเขาำไป ทื้งทุกอย่างไว้บนโลก เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง ทิ้งไว้แต่ความดี ความเลว ที่คนข้างหลังกล่าวขานไว้ มันเป็นธรรมดาของคนที่มีกิเลสอยู่ ไม่ว่ามากหรือน้อย กิเลสมันครอบงำพวกเขา ส่วนตัวผมจะบอกพวกเขาว่าให้ตัดกิเลส หยุดคิดชิงชังกัน และ้จะพบความสุขภายในจิตใจอย่างลึกซึ้ง พวกเขาก็ว่าผมบ้าแน่ๆ ผมอยากรู้จังเลยว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนอะไร ถึงทำให้คนธรรมดาบรรลุธรรมได้ และบวชกันมากมายในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางพ้นทุกข์ให้คนที่มีกิเลสบางและมีกิเลสหนาสามารถบรรลุธรรมได้จริงมาแล้ว ผมคงต้องอยู่ร่วมกับคนในสังคมที่มีกิเลสหนาต่อไป ผมไม่เคยคิดว่าผมบรรลุธรรมแล้ว แต่ผมคิดว่าวันนี้ผมสงบใจเย็นกว่าวันก่อนมากครับ ผมคงต้องทำใจอยู่กันคนรอบข้างที่พวกเขามีกิเลสหนาต่อไป
จากคุณ |
:
จิตนำกาย
|
เขียนเมื่อ |
:
17 พ.ค. 55 21:29:48
|
|
|
|