ในการอธิบาย อุดมการณ์ ข้อ 3 ของ กลุ่มอัซซาบิกูน(แนวหน้า) นี้, ผู้อ่าน จะต้องเข้าใจว่า การประยุกต์ใช้อุดมการณ์นี้ กลุ่มอัซซาบิกูน(แนวหน้า) กำลังบอกเจตนาแก่ ชาวไทยมุสลิม ในประเทศไทย ในสังคมไทยที่สงบ ซึ่งไม่ได้อยู่ในสภาวะสงครามและเพื่อวัตถุประสงค์ ในการกระตุ้นความสำนึกของชาวไทยมุสลิม ในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามโดยยึด ความกร้าวร้าว และความรุนแรงเป็นหลัก ตามฮาดีษที่จะกล่าวต่อไป พิจารณาอุดมการณ์ ข้อที่ 3 ของกลุ่ม "มุสลิมกลุ่มอัซซาบิกูน ซึ่งกล่าวไว้เป็นข้อเขียนดังนี้: 3. เชื่อว่าเป้าหมายและงานศาสนาอันดับ 1 ของรอซูลคือต่อสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามหักล้างความเท็จ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่ว่าในอิสลามเรื่องเตาฮีดคือเรื่องอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทำงานของกลุ่มจึงยึดนโยบายว่าปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ยากสู่การศรัทธาพระเจ้า หะดีษที่ทางกลุ่มยึดถือเป็นหัวใจ หลัก
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ أُمِرْتُ أنْ أُقَاتِلَ النَاسَ حَتَّى يَقُوْلُوا لاَ اِلهَ اِلاَّ اللهُ ท่าน รอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้(ด้วยดาบ)กับผู้ที่เป็นภัย จนกว่าเขาจะกล่าว ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ บันทึก โดยท่านอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 1312 ............... เมื่อเราอ่านอุดมการณ์ข้อนี้ให้เช้าใจแล้ว ขอความกรุณาให้ท่านเข้าใจหลักการของอิสลาม บางประการดังนี้ {60:8} อัลลอฮ์ไม่ได้ทรงห้ามพวกท่านในการให้ความนับถือต่อบรรดาผู้ที่ไม่ได้ต่อต้านพวกท่านในเรื่องศาสนา และพวกเขาก็ไม่ได้ขับไล่พวกท่านออกจากบ้านเรือนของพวกท่าน ในการที่พวกท่านจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอหฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม Allah does not forbid you respecting those who have not made war against you on account of (your) religion, and have not driven you forth from your homes, that you show them kindness and deal with them justly; surely Allah loves the doers of justice. [Shakir 60:8] นี้คือหลักการ ของศาสนาอิสลามในการสมาคมกับผู้ต่างศรัทธา, ให้นับถือซึ่งกันและกัน,กระทำความดีต่อกัน, และให้ความยุติธรรม ต่อผู้ต่างศรัทธาที่ ไม่ได้ ต่อต้านการนับถืออิสลามของมุสลิม, หรือทำลายครอบครัวของมุสลิม ในสังคมไทย คนไทยที่นับถือศาสนาต่างๆได้รับสิทธิเสรีภาพอย่างเหลือเฟือ จากรัฐบาลไทย โดยเฉพาะคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม มีสิทธิในการประกอบพิธีกรรมและศาสนกิจตามหลักการศาสนาอิสลามอย่างเต็มที่ รวมทั้งการแต่งกายตามประเพณี ก็ตาม รวมทั้งการให้ความปลอดภัย แก่ผู้ศรัทธาในทุกๆศาสนา อย่างเท่าเทียมกัน "ด้วยเหตนี้ เราอาจจะกล่าวได้ว่า มุสลิมไทยก็คือคนไทยที่มีสิทธิเท่าเทียมกับคนไทยทุกๆความศรัทธา และถ้ากล่าวอย่างปกติแล้ว ไม่มีศัตรูของมุสลิมไทยในสังคมไทย และไม่มีผู้ที่เป็นภัยต่อศาสนาอิสลาม และไม่มีศัตรูของอิสลามที่มุสลิมจะต้องประกาศสงครามในสังคมไทยที่อยู่กันอย่างสงบ ภายใต้ขนบธรรมเนียมของไทยเรา" เมื่อทุกๆท่านได้อ่านและเข้าใจหลักการ ของศาสนาอิสลามในการสมาคมกับผู้ต่างศรัทธา, โดยสังเขปแล้ว ลองพิจารณา อุดมการณ์ ข้อ ที่ 3 ของ มุสลิมกลุ่มนี้ ดังต่อไปนี้ อย่างละเอียดอีกครั้ง 3. เชื่อว่าเป้าหมายและงานศาสนาอันดับ 1 ของรอซูลคือต่อสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามหักล้างความเท็จ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่ว่าในอิสลามเรื่องเตาฮีดคือเรื่องอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทำงานของกลุ่มจึงยึดนโยบายว่าปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ยากสู่การศรัทธาพระเจ้า หะดีษที่ทางกลุ่มยึดถือเป็นหัวใจ หลัก
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ أُمِرْتُ أنْ أُقَاتِلَ النَاسَ حَتَّى يَقُوْلُوا لاَ اِلهَ اِلاَّ اللهُ ท่าน รอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้(ด้วยดาบ)กับผู้ที่เป็นภัย จนกว่าเขาจะกล่าว ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ บันทึก โดยท่านอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 1312 ............... อุดมการณ์ข้อ 3 นี้สำคัญมาก โดยการอ้างอิงถึงท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ซึ่งอย่างแน่นอน มุสลิมทุกๆคนจะปฏิเสธท่านไม่ได้ การกระทำของท่านอย่างแท้จริงถือว่าเป็นตัวอย่างที่ มุสลิมควรกระทำตามให้ถูกต้อง กับกาลเวลาและสถานที่ สภาวะของชาวไทยมุสลิมที่ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ประเทศไทยมีกำเนิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ อยู่กันอย่างสงบและไม่เคยมีสงครามระหว่างศาสนา ใดๆในประวัติศาสตร์ของไทยเรา นอกจากความสมัคสมานสามัคคีกัน สู้รบข้าศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กันตลอดมา ศาสนาิอิสลาม และชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่เคยมีหรือเป็นศัตรู กัน ในสังคมของไทยเรานี้ ซึ่งสามารถที่จะสืบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เพื่อหาความเท็จจริงได้ เนื่องจากสภาวะของชาวไทยมุสลิม ไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ที่มีศัตรูรอบข้าง,มีแต่ชาวไทยร่วมชาติ ที่มีแต่นำ้ใจเมตตากรุณา ต่อชาวไทยมุสลิมทั้งนั้น, ดังนั้น จึงไม่จำเป็น ต้องหวาดระแวง ผู้เป็นภัย ต่อมุสลิม ที่กล่าวไว้ในฮาดีษ ซึ่ง ตัดตอนมาจากอัลกุรอาน บัญญัติ ที่ 2:190 وَقَاتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ وَلَا تَعْتَدُوا ۚ إِنَّ اللَّهَ لَا يُحِبُّ الْمُعْتَدِينَ {190} And fight in the way of Allah with those who fight with you, and do not exceed the limits, surely Allah does not love those who exceed the limits. [Shakir 2:190] 190 "และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ต่อ "บรรดาผู้ซึ่งต่อสู้กับเจ้า" และจงอย่ารุกรานแท้จริง อัลลอฮ์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้รุกราน ...... ความหมายของ วลี الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ หมายความว่า those who fight with you, หรือ บรรดาผู้ซึ่งต่อสู้กับเจ้า ฮาดีษ ที่มุสลิมกลุ่มนี้ใช้, ได้ตัดเฉพาะตอนสำคัญของบัญญัติมาใช้ และใช้คำแปลว่า "ต่อสู้ด้วยดาบต่อผู้เป็นภัย" ซึ่งไม่ตรงกับ บัญญัติใน อัลกุรอาน เนื่องจาก อัลกรอาน มาก่อน ฮาดีษ, ดังนั้น ฮาดีษบทนี้จึงไม่อาจจะนำมาขยายหรือ อธิบายอัลกุรอานได้, จึงอาจจะเป็นไปได้ ที่ ฮาดีษจะลอกแต่เฉพาะส่วนสำคัญของ อัลกุรอาน และอุปโลกว่าเป็นคำสอนของศาสดามูฮัมมัด เพื่อใช้ล้างสมอง เยาวชนมุสลิม ในการต่อสู้ตามความต้องการของ ผู้นำกลุ่มในสมัย 1000 กว่าปีมาแล้ว "ในสังคมไทยที่สงบนี้ไม่มีผู้ใดที่เป็นศัตรูต่อชาวไทยผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่ มุสลิมไทยจะต้องหวาดระแวง และ/หรือมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงในการเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าสู่อิสลามซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการของอิสลาม" เมื่อเราทำความเข้าใจกับอุดมการณ์ ของกลุ่ม "มุสลิมกลุ่มอัซซาบิกูน แล้วจะเห็นว่า เป็นการ นำฮาดีษ ที่ในทัศนะของผมไม่ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งตามบัญญัติของอิสลาม, การอ้าง ฮาดีษ ที่มีข้อความ ต่อเนื่องกับข้อความนำที่ว่า เป้าหมายและงานศาสนาอันดับ 1 ของรอซูลคือต่อสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามหักล้างความเท็จ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่ว่าในอิสลามเรื่องเตาฮีดคือเรื่องอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทำงานของกลุ่มจึงยึดนโยบายว่าปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ยากสู่การศรัทธาพระเจ้า,ท่าน รอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้(ด้วยดาบ)กับผู้ที่เป็นภัย จนกว่าเขาจะกล่าว ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ เมื่อผู้อ่านๆข้อความที่ติดต่อข้างบนนี้จะเข้าใจได้ทันทีว่า ผู้ที่สร้างอุดมการณ์นี้ ต้องการ หลอกล่อ ล้างสมอง มุสลิมที่ขาดความรู้ในวิชาการศาสนา หลงเชื่อว่า อิสลามเผยแพร่ด้วยคมดาบ ใช้ความรุนแรงในการเผยแพร่ศาสนา บังคับผู้ต่างศรัทธาให้กล่าวคำปฏิญาณรับรองความเป็นเอกพลานุภาพของพระเจ้า(ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์) อุดมการณ์นี้ขัดกับบัญญัติในอัลกุรอาน บัญญัติที่ 2:256 ดังนี้ There is no compulsion in religion; truly the right way has become clearly distinct from error; therefore, whoever disbelieves in the Shaitan and believes in Allah he indeed has laid hold on the firmest handle, which shall not break off, and Allah is Hearing, Knowing. [Shakir 2:256] (การจะเข้าใจอุดมการณ์ของมุสลิมกลุ่มนี้ จะต้อง ทำความเข้าใจกับอุดมการณ์ทั้งหมด) เป็นที่น่าสังเกตุว่าอุดมการณ์ ของ "มุสลิมกลุ่มอัซซาบิกูน นี้ ไม่ยึด อัลกุรอานเป็น หลักหรือหัวใจของกลุ่ม แต่ยึดฮาดีษซึ่งมีความรุนแรงและกำกวมในเนื้อ หามาใช้แทน เหตุผลก็คือ การอ้างฮาดีษทำการบิดเบือน ความจริงได้ง่ายกว่า เนื่องจาก ว่ามีฮาดีษ อยู่หลายบท ที่สนับสนุนความรุนแรง ในการเผยแพร่ศาสนา โดยวิธีการที่ขัดกับ อัลกุรอาน อัลกุรอานไม่เคยสอนเรื่องความรุนแรงในการชักชวนผู้คนให้เข้ารับ หลักการของอิสลาม ด้วยวิธีรุนแรง, จะด้วยการข่มขู่ กรือการ หลอก ลวง ใช้กลอุบาย โฆษณาชวนเชื่อ ต่างๆ ไม่มีในอัลกุรอาน แม้แต่ในสมัย ประกาศอิสลามใหม่ๆก็ตาม, ทั้งนี้ เนื่องจากชาวอรับที่เคยไหว้บูชาเจว็ด หรือ ที่เคยได้รับคัมภีร์มาก่อน มีการต่อต้าน เนื้อหาข่าวสาร จากอัลกุรอานอย่างรุนแรง แม้กระนั้น อัลกุรอานยังบัญญัติไว้ว่า ให้เชิญชวน สู่อิสลามด้วยความสุภาพ ใช้ภาษาที่มีเหตุผลและสำนวนที่ดีกว่า การสร้างอุดมการณ์โดยอ้างฮาดีษบท ที่มีความรุนแรงเช่นนี้ในสังคมไทยเป็นการกระทำที่ไม่ถูกกาละเทศะดูประหนึ่งว่า ในสังคมไทยนี้มีผู้ที่คอยจะทำร้ายอิสลามอยูตลอดเวลาอยู่ตลอดเวลา ทำให้มุสลิมมองสังคมไทยเราในทางลบและไม่ไว้ใจผู้ต่างศรัทธาในสังคมไทย จะไม่ขอกล่าวอะไรมากกว่านี้ เยาวชนมุสลิมจำเป็นจะต้องระวังอย่าหลงเข้าใจผิด และคิดว่าเป็นหลักการของอิสลามที่จะต้องใช้ความรุนแรง ในการเชิญชวนผู้ต่างศรัทธาเข้าสู่อิสลาม ปล. ผู้ที่ติดตามอ่านโปรดเข้าใจว่า การอธิบายนี้เป็นการอธิบายโดยสังเขป ซึ่งเป็นการรวบรัด จึงอาจจะมีบางตอนซึ่งผ่านข้อความสำคัญไป ผมตั้งใจจะรวบรวมคำ "วิจารณ์อุดมการณ์ของมุสลิมกลุ่มนี้เมื่ออธิบายครบทุกๆข้อแล้ว" โดยไม่ขาดตอน เพื่อความเข้าใจที่ติดต่อกัน
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 15:37:21
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 07:59:30
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 07:31:02
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 07:22:34
จากคุณ |
:
แมทท์
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 55 07:12:25
|
|
|
|